Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Zardus ที่ ตุลาคม 22, 2012, 22:48:20
-
คือไม่ทราบว่าทุกท่านที่เคยและไม่เคยมีประสบการณ์ไม่ทราบว่า ระหว่าง
เคลือบแก้ว (Crystal Code)
กับ
ขัดเคลือบสี (พวก Maguiar,Chemical Guy)
อันไหนดีกว่ากัน และ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ
จะจัดหนักทั้งที รบกวนขอข้อมูลจากทุกท่านครับ
-
ขัดเคลือบสี แต่ขอยี่ห้อดีๆ Pinnacle, Wolfgang, Zymol, Swisswax ครับ
-
Ceramic ไปเลยครับ
-
ตอนนี้ลง wax ของ swissvax อยู่ทุกๆเดือน เสียดายที่ไม่ได้ไปเคลือบแก้วครับ :'(
ส่วนตัวคิดว่าเคลือบแก้วเวิร์กก่วานะครับ ทนก่วามากๆ
-
คือไม่ทราบว่าทุกท่านที่เคยและไม่เคยมีประสบการณ์ไม่ทราบว่า ระหว่าง
เคลือบแก้ว (Crystal Code)
กับ
ขัดเคลือบสี (พวก Maguiar,Chemical Guy)
อันไหนดีกว่ากัน และ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ
จะจัดหนักทั้งที รบกวนขอข้อมูลจากทุกท่านครับ
ผมเคลือบแก้วที่ Maguiar ครับ แบบปีเดียวทดลอง
แต่มันไม่ทนรอยตะปูกรีดอ่ะ ;D ;D ;D
-
เคลือบแก้วไปเลยครับ แค่ล้างธรรมดาก็เงาแว้บแล้วครับ ผมว่ายังไงเคลือบแก้วก็เงากว่าขัดเคลือบนะครับ คหสต :) :) :)
-
ราคาแพงกว่ากัน
ของแพงดีกว่าแน่ ๆ ;D
-
เคลือบแก้ว เสร็จแล้วทุกสองอาทิตย์ก็เคลือบสีทับครับ ^^
-
สำหรับผมเคลือบสีบ่อยๆ ดีกว่าครับ
เพราะเคยเอารถไปเคลือบแก้ว กับร้านเจ้าดังๆ ที่มีแต่รถ Super Car ใช้บริการ
(ราคาแพงมหาโหด)
มันก็โอเค ดูดีอยู่หรอกครับ
แต่เอามาจอดใต้ต้นไม้ เจอยางไม้เข้าไป
ทำให้รู้ว่า มันไม่ช่วยอะไรเลย
สู้เคลือบบ่อยๆ ไม่ได้
เคลือบแก้ว ผมว่าเหมาะสำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานสักเท่าไหร่ครับ
หรือว่ารถที่จอดโชว์เฉยๆ ในโชว์รูม ผมว่าเหมาะมากครับ เพราะเคลือบเสร็จแล้วรถเงามากๆ โดยเฉพาะรถสีดำครับ
-
สำหรับผมเคลือบสีบ่อยๆ ดีกว่าครับ
เพราะเคยเอารถไปเคลือบแก้ว กับร้านเจ้าดังๆ ที่มีแต่รถ Super Car ใช้บริการ
(ราคาแพงมหาโหด)
มันก็โอเค ดูดีอยู่หรอกครับ
แต่เอามาจอดใต้ต้นไม้ เจอยางไม้เข้าไป
ทำให้รู้ว่า มันไม่ช่วยอะไรเลย
สู้เคลือบบ่อยๆ ไม่ได้
เคลือบแก้ว ผมว่าเหมาะสำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานสักเท่าไหร่ครับ
หรือว่ารถที่จอดโชว์เฉยๆ ในโชว์รูม ผมว่าเหมาะมากครับ เพราะเคลือบเสร็จแล้วรถเงามากๆ โดยเฉพาะรถสีดำครับ
เหมือนผมเลยครับ ผมเคลือบสีเองบ่อย ๆ ดีกว่าไปเคลือบแก้ว อีกอย่างผมไม่มีงบด้วยครับ มันแพงเกิน เมียด่าแน่ ๆ
-
รถผมเคลือบแก้ว สัปดาห์ก่อนพี่งโดนสุนัขที่บ้านมันข่วนเอา
ดูแล้วเป็นรอยเส้น แต่ไม่ถึงเนื้อสี เอาไปขัดก็น่าจะออกครับ
มันไม่ได้กันรอย100% แต่มันจะเป็นรอยยากกว่าเคลือบสีธรรมดาครับ
-
เคลือบแก้ว กับ ขัดเคลือบ มันทำให้รถเราเงาช่วยปกป้องสีรถ
1.เคลือบแก้วเหมาะกับคนไม่มีเวลา เราไม่ต้องทำไรเลยนอกจากล้างรถ ร้านที่ทำมีการรับประกัน มีเรียกไปMaintenanceเรื่อยๆแต่มันจะแพงตอนเอาไปเคลือบ
2.ขัดเคลือบ สำหรับคนมีเวลา ต้องทำเองนะครับถึงจะถูกกว่า เคลือบแก้ว แต่ถ้าไปจ้างเค้าทำเรื่อยๆจะกลายเป็นแพงละ ไปเคลือบแก้วดีกว่าแพงพอกันแต่เราจะได้เวลาว่างคืนมา
-
เคลือบแก้ว กับ ขัดเคลือบ มันทำให้รถเราเงาช่วยปกป้องสีรถ
1.เคลือบแก้วเหมาะกับคนไม่มีเวลา เราไม่ต้องทำไรเลยนอกจากล้างรถ ร้านที่ทำมีการรับประกัน มีเรียกไปMaintenanceเรื่อยๆแต่มันจะแพงตอนเอาไปเคลือบ
2.ขัดเคลือบ สำหรับคนมีเวลา ต้องทำเองนะครับถึงจะถูกกว่า เคลือบแก้ว แต่ถ้าไปจ้างเค้าทำเรื่อยๆจะกลายเป็นแพงละ ไปเคลือบแก้วดีกว่าแพงพอกันแต่เราจะได้เวลาว่างคืนมา
จริงๆ ผมว่า ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะอย่างเคลือบแก้วเอง ก็ต้องมีเรียกกลับไปทำการเพิ่มเลเยอร์อยู่ตามโปรโมชั่น
และถ้าใช้แบบไม่บำรุงรักษา ก็มีรอยไม่ต่างจากเคลือบธรรมดา แต่เคลือบธรรมดา ถ้ามันเริ่มไม่เงา มีรอยขนแมวมาก
เราก็เสียเวลาในจุดนั้น ขัดลบรอยสักรอบ (ลงหัวมากิต้าสักรอบ) ก็จบแล้วไม่กี่ร้อยหรอก
ร้านที่ผมทำรถมีทั้งขัดเคลือบ และเคลือบแก้วครับ ตังค์น่ะพอมี แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่อยากจะทำเคลือบแก้วอยู่ดีนะ
เพราะการขัดเคลือบ ผมชอบที่เห็นรถผมเงาได้ตลอดเวลา แต่เคลือบแก้ว จะให้เงาให้งามตลอดเวลาคือ
จอดไว้เฉยๆครับ ปัดก็เป็นรอยเหมือนกัน พอเป็นรอย คนที่เคลือบแก้วจะเอาไปขัดมั๊ย ?
...แน่นอนว่าไม่ครับ เพราะเสียดายเงินที่ทำเคลือบแก้วมา
สุดท้ายก็วนลูปกลับมาคือ ถ้าเคลือบแก้วเกิดรอยมากๆ ก็ต้องขัดลบลอยอยู่ดีครับ
แค่ชั้นเลเยอร์ของแล็กเกอร์มันหนาขึ้นหน่อยแค่นั้นเอง
-
เคลือบแก้ว ไม่ใช่เอาแก้วไปเคลือบนะครับ แค่เขาใช้คำว่า Crystal coating หมายถึงเงาวับ แต่ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าเคมีผสมสารเคลือบแห้งเร็วเท่านั้นเองครับ
Wax หรือ สารเคลือบผิวดี ๆ ในโลกนี้ ณ ตอนนี้ (ไม่นับที่มนุษย์ต่างดาวเอามา) มี คาร์นูบาร์, polyethylene, silicone etc ที่ละลายในตัวทำละลาย มีโมเลกุลเล็ก เรียงตัวดี ๆ ที่เขาเรียก Nano นั่นแหละครับ ไม่มีอะไร Fancy กว่านี้
ใครบอกเอาของเหลวอะไรซักอย่าง ทาบนผิว อบด้วยUV ว่าเป็น แก้วจริง ๆ คงไม่ใช่มนุษย์โลกในตอนนี้ครับ
-
เคลือบแก้ว ไม่ใช่เอาแก้วไปเคลือบนะครับ แค่เขาใช้คำว่า Crystal coating หมายถึงเงาวับ แต่ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าเคมีผสมสารเคลือบแห้งเร็วเท่านั้นเองครับ
Wax หรือ สารเคลือบผิวดี ๆ ในโลกนี้ ณ ตอนนี้ (ไม่นับที่มนุษย์ต่างดาวเอามา) มี คาร์นูบาร์, polyethylene, silicone etc ที่ละลายในตัวทำละลาย มีโมเลกุลเล็ก เรียงตัวดี ๆ ที่เขาเรียก Nano นั่นแหละครับ ไม่มีอะไร Fancy กว่านี้
ใครบอกเอาของเหลวอะไรซักอย่าง ทาบนผิว อบด้วยUV ว่าเป็น แก้วจริง ๆ คงไม่ใช่มนุษย์โลกในตอนนี้ครับ
+1 Like :D :D :D ชอบๆ
เคลือบ Crystal Coat ได้ความทนทาน เงางาม ใสๆ โชว์เนื้อสีจริงๆ ล้างน้ำเปล่าได้ ไม่ลื่นแต่น้ำไม่เกาะ (เหมาะกับรถใหม่ ไม่เคยทำสี, ล้างรถเองหรือให้คนที่บ้านล้างรถให้ แบบล้างไปงั้นๆน่ะ)
เนื่องจาก Process ก็ทำการเคลือบนั้น จะมีการทำความสะอาดพื้นผิว รวมถึงเก็บร่องรอยต่างๆ ที่มีอยู่ให้เนียนที่สุด อันนี้แล้วแต่ฝีมือของร้าน, ซึ่งถ้าเคยผ่านการทำสีมาแล้วทำไม่ดี เป็นเปลือกส้ม หรือเป็นคลื่นๆ จะโชว์หมด เจ้าของอาจจะไม่พอใจงานที่ออกมาได้ (สังเกตุงานเบื้องต้นได้จากพวก สปอย สเกิ๊ต ต่างๆที่ศูนย์แถมของเทียบให้ งานไฟเบอร์หลังทำสีจะไม่เรียบร้อย)
ขัดเคลือบสี ได้ความเงางาม ลื่นๆ ละมุนๆ เวลาเอามือสัมผัส แต่ไม่ทน (ต้องเคลือบบ่อยๆ ถึงจะเห็นผล)
มีหลายระดับ ตามชนิดของน้ำยา และ สีรถ บางตัวชักเงา บางตัวกลบรอย บางตัวโชว์เมทัลลิค ก็ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง ตามความต้องการของเจ้าของรถ
เหมาะสำหรับ คนที่มีเวลาเหลือๆหน่อย ชอบทำความสะอาดรถเอง หรือรอที่ Car care เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชม. เป็นอย่างน้อยได้
ส่วนตัว ว่างจัด ตังค์น้อย ก็อาศัยเคลือบบ่อยๆ pre-wax เดือนละครั้ง wax ก็ถ้าเป็นไปได้ก็ 2 อาทิตย์ครั้ง ค่าใช้จ่ายต่อปี คิดไปคิดมาก็พอๆกันกะ crystal coat (น้ำยา 5,000up, ค่าแรง+ค่าล้างอีก ครั้งละ 300-500) แต่ค่อยๆจ่าย ไม่ต้องจ่ายครั้งเดียว แล้วถึงยังไง เคลือบ Crystal ก็ต้องไป car care อยู่ดี ^^
-
Swisswax Shield Wax ครับ ทาบางๆก็พอครับ แล้วไม่ต้องทำบ่อย