Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ ตุลาคม 30, 2012, 16:25:15
-
....แบบอารมณ์ประมาณว่ามันอืด ไม่ทันใจ รู้งี้กัดฟันเอาเครื่อง 2400 ดีกว่า
หรือคิดว่าซื้อ 2000 เพียงพอแล้ว
-
ถ้าเรารู้สไตล์การขับของตัวเองอยู่แล้วว่าเป็นแบบ ปรู๊ดปร๊าด แต่ยังซื้อ ก็ต้องบอกว่าคิดผิดครับที่ซื้อ
แต่มองอีกด้าน ก็แลกมากับความประหยัดตามซีซี ที่น้อยกว่า ก็คิดซะว่าแลกกันครับ
เร็ว แรง ประหยัด (มากๆ) มันเป็นอะไรที่คู่ขนานกันครับ
-
นอกจากประหยัดแล้ว ราคาก็มีส่วนในการตัดสินใจครับ เทียบ 2.0 กับ 2.5 Top ทั้งคู่ ซื้อมาร์ชได้คันนึงเลย
-
2000 ส่วนไหญ่มันไม่มีพวกระบบกันลื่น vsc tsc or something
ผมว่า ผมคิดผิดนะ แค่300k เอง เทียบความปลอดภัย
มันก็แล้วแต่ความคุ่มค่าของoption นะเวลานั้นด้วย บางทีอยากซื้อรุ่น top ก็ซื้อไม่ได้ ดูโง่ๆไป
-
ตอบในฐานะคนได้ใช้ แต่ไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายนะครับ
ผมมองว่า 2.0 มันประหยัดได้แค่เงินในกระเป๋า
แต่อัตราสิ้นเปลือง มันก็ไม่ได้ประหยัดกว่ากันซะเท่าไหร่
ในทางกลับกัน ถ้าขับต่างจังหวัด ยิง ยาวๆ แช่ 140-150
จังหวะ ช่วงเร่งแซง ที่ความเร็วสูงกว่านี้
คนที่เท้าหนัก ขับแล้ว แอบอึดอัดครับ เพราะมันขึ้นช้า (แต่คนปกติทั่วไปคงไม่ใช่ปัญหา)
ถ้าย้อนกลับไปได้ คง(ยุ)ให้ซื้อ 2.4 ไปเลย
-
ผมมีแคมรี่เครื่อง2000อยู่(ต้องรอตัวไมเนอร์เชนจ์เท่านั้นเพราะจะคุ้มค่า) สำหรับผมไม่ได้คิดผิดนะ เพราะผมไม่ขับรถเร็ว ระบบมากมายไม่ได้ต้องการจนอยากไปได้ขนาดนั้น มีรถไว้ขับชิวๆ เงินส่วนต่างเอาไว้เติมน้ำมันได้ มันอยู่ที่ความต้องการและลักษณะการใช้รถของแต่ละคนมากกว่า แถมคันล่าสุดก็ซิตี้ปี2012ก็ไม่ได้ขับเร็วเหมือนกัน ส่วนถ้าจะบ้าพลังผมจะไปใช้ฟอร์จูนเนอร์มากกว่า เลยไม่ได้คิดมากอะไรกับคันนี้ล่ะมั้ง
-
***ความเห็นส่วนตัว***
ถ้าต้องการเครื่อง 2000 เป็นผมจะไปซื้อ C segment ตัวท็อปครับ เลือกยี่ห้อไหนก็ได้ที่ชอบ ได้ออปชั่นสูงสุดของยี่ห้อนั้นๆ กำลังเครื่องกับขนาด และน้ำหนักตัวถัง สมดุลกัน แต่ถ้าจะซื้อ D segment จะกัดฟันเพิ่มไปเอา 2.4 ครับ ตามนี้
-
คิดถูก คิดผิด คุ้ม ไม่คุ้มขึ้นกับความต้องการและลักษณะการใช้งานของบุคคลนั้นๆครับ
-
อยู่ที่การขับขี่มากกว่าครับ
ถ้าขับในเมือง ขับเรื่อยๆ ทำความเร็วปรกติ ตามกฎหมาย ไม่เกิน 120 เครื่อง 2000cc เหลือๆแล้วครับ
แต่ถ้าเราเคยลองขับเครื่อง 2400 2500 หรือ เครื่องใหญ่กว่า รวมถึงรถ c segment เครื่อง 2000 แล้วเปรียบเทียบกับรถของเรา. อันนี้ รู้สึกแตกต่างแน่ ความไม่ทันใจ ความอืด ของรถเครื่อง 2000cc ใน d segment จะออกมา
ยิ่งเวลาเดินทาง ตจว ในถนน 2 เลน ต้องแซงแบบกระชั้นชิด อันนี้ เครื่องใหญ่ได้เปรียบชัดเจน ขับไม่เหนื่อย ไม่ต่องลุ้นมาก
ดังนั้น ผมว่าอยู่ที่การใช้เป็นหลัก รวมถึง นิสัยการขับขี่ของเรา ดีกว่าครับ
แต่สำหรับเมืองไทย รถเครื่องเล็กมักจะถูกตัด option ออกทั้งเรื่องความปลอดภัย ความสบาย เลยทำให้การตัดสินใจซื้อไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องเพียงอย่างเดียว สำหรับผม ถ้าจ่ายไหว เครื่องใหญ่ก็ย่อมดีกว่าเครื่องเล็ก เพราะ เราได้รถขับสนุก รวมถึงระบบความปลอดภัยที่มากกว่า และ option ที่เยี่ยมกว่า
-
เป็นรถของน้า camry รุ่นที่แล้วตัว2.0G น้าใช้มาสักพักเริ่มบ่นว่ามันอืด เร่งแซงไม่ไหว คันต่อไปเลือกเครื่องใหญ่แน่นอน
-
เอาจริงๆเลย d segment รุ่นพื้นฐานมันก็เครื่อง 2.4/2.5 หมดอะครับ มีแต่ประเทศไทยนี่แหละใช้เครื่อง 2.0
ต่างประเทศ รุ่นหลักก็คือเครื่อง 2.4/2.5 กันหมดแล้ว และก็มีเครื่อง 3.5 เป็นรุ่นแรง
แต่คนไทยเหมือนจะเอาภาพลักษณ์อย่างเดียว ไม่สนอย่างอื่น และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย
ผู้ผลิตเขาวิจัยมาแล้ว เลยมีเครื่อง 2.0 เข้ามาทำตลาด ตั่งแต่นั้นเป็นต้นมา และก็ประสบความสำเร็จซะด้วยสิ
d segment บางรุ่นด้วยที่เครื่อง 2.0 ขายดีกว่า 2.4/2.5
แต่เอาจริงๆ เครื่อง 2.0 มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ
อัตราเร่งมันก็พอๆกับพวก b segment 1.5 ทั่วๆไปในท้องตลาด
ดังนั้น เครื่อง 2.0 ใน d segment มันเหมาะสำหรับขับในเมืองมากกว่าครับ เช่นเดียวกับ b segment 1.5 ที่เน้นขับในเมือง
-
ตอบในฐานะคนได้ใช้ แต่ไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายนะครับ
ผมมองว่า 2.0 มันประหยัดได้แค่เงินในกระเป๋า
แต่อัตราสิ้นเปลือง มันก็ไม่ได้ประหยัดกว่ากันซะเท่าไหร่
ในทางกลับกัน ถ้าขับต่างจังหวัด ยิง ยาวๆ แช่ 140-150
จังหวะ ช่วงเร่งแซง ที่ความเร็วสูงกว่านี้
คนที่เท้าหนัก ขับแล้ว แอบอึดอัดครับ เพราะมันขึ้นช้า (แต่คนปกติทั่วไปคงไม่ใช่ปัญหา)
ถ้าย้อนกลับไปได้ คง(ยุ)ให้ซื้อ 2.4 ไปเลย
ตามนี้เลย
2.0 ไม่ได้ประหยัดน้ำมันกว่า ดูเหมือนจะกินกว่าซะด้วยซ้ำ
ถ้าเงินถึงก็ 2.4 ไปเลยครับ ถ้าซื้อมาแล้วก็ใช้ต่อไป
-
อยู่ที่ลักษณะการใช้งานของเเต่ละคนครับ เเต่ถ้าเลือกได้ผมเลือก 2.4 เก็บเงินเพิ่มอีกนิด คุ้มกว่าครับ เรื่องความประหยัด ความเเรง
-
ผมใช้ Camry 2.0G extremo ครับ
ถามว่าะสียดายมั๊ยที่เลือก ตอนนี้รูสึกครับ เพราะผมมีลูกแฝด น่าจะซื้อ SUV
แต่ถ้าเทียบกับเครื่อง 2.4/2.5 คำตอบคือไม่ครับ แค่นี้ก็เพียงพอกับการใช้ชีวิตแล้ว
ผมใช้รถในเมืองเป็นส่วนใหญ่ วิ่งซักพักก็เจอไฟแดงแล้ว ออกนอกเมืองหรือต่างจังหวัด ก็ใช้ความเร็วประมาณ 120-140
ซึ่ง 2.0 ก็เพียงพอ นอกจากนั้นคนนั่งด้วยคือแฟน และคุณแม่ผม การขับรถของผมจึงเป็นแบบไหลตามจังหวะรถ มีช่วงแซงได้ก็แซง
ไม่มุด ไม่ปาด ไม่กระชาก ยิ่งถ้าเอาลูกชายทั้งสองไปด้วยแล้ว ยิ่งต้องขับให้นิ่งที่สุด ดังนั้น 2.0 ก็เกินพอ แต่สิ่งที่เหนือกว่า c-seg คือห้องโดยสาร
ที่กว้างกว่า สะบายกว่า นิ่มกว่า การเก็บเสียงดีกว่า สุนทรีย์ในการเดินทางก็ดีกว่า เรื่องภาพลักษณ์นั้นผมไม่สนใจหรอกครับ
ผมมองว่าคนขับ d-seg ไม่ได้เหนือกว่าคนอื่นๆเขาเท่าไหร่เลย c-seg ตัวท๊อป หรือกระบะบางตัว ก็ราคาเท่า d-seg 2.0 แล้ว
-
ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา 2.4 แต่ส่วนใหญ่เงินจะเป็นปัญหา
น่ะสิ
ตอนนี้ผมไม่ได้ใช้ d-segment นะ
แต่ผมก็คิดอยู่ว่าถ้าจะซื้อ 2.0 จะเป็น d-segment หรือ c-segment ดี
-
ไม่ผิดครับ ดีใจซะอีก โอเคซื้อรุ่น2.4 อาจจะได้ออปชั่นความปลอดภัยเพิ่มเข้ามา ออปชั่นดีกว่านี้ แต่จะบอกให้ความปลอดภัยมันช่วยเราได้จริง แต่ถ้าเราประมาทอะไรก็ช่วยเราไม่ได้ครับ นอกจากสติเท่านั้น แล้วอีกอย่างตังที่เหลือเก็บตังค์ไว้เติมน้ำมัน ซื้อของแต่ง หรือเพิ่มนู้นนี่ดีกว่าอีก
-
ตอนที่ผมใช้ C-segment ใช้เครื่อง 1600 แล้วมีผู้โดยสารเต็มคัน ในจังหวะที่อยากจะเร่งแซง โคตะระ อึดอัดมาก คิดว่าแล้วทำไมไม่ซื้อเครื่อง 2000 ซะตั้งแต่แรก
แต่พอเปลี่ยนมาใช้ D-segment ผมเลยไม่กล้าซื้อเครื่อง2000 กลัวจะเจอปัญหาเดิม จึงซื้อแต่ตัวที่เป็นรุ่นทอปสุด เครื่องแรงที่สุด เท่าที่รุ่นนั้นมี จึงซื้อเครื่อง2400
และเครื่อง3000 ไม่กล้าเลือกซื้อเครื่อง 2000 กลัวจะรู้สึกคิดผิดอีกซ้ำสอง ;D
-
ตอนจะซื้อ Accord แม่ผมก็เกือบเอาตัว 2.0 แ้ล้วแหล่ะ
แต่ผมรู้ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็เลยตัดปัญหา โดยการบอกเค้าว่า
มีเพื่อนไปลอง Accord 2.0 มา่ เค้าบอกโคตรอืด เค้าเลยอัพเป็น 2.4 ตัวล่าง ปรากด ดีขึ้นเยอะ
ก็เลยรอดตัวไปครับ ทุกวันนี้ แฮปปี้มากกะ Accord 2.4 คิดไม่ผิดเลยจริงๆ
ส่วนตัวผม ถ้างบไม่ถึง D-segment 2.4 ผมจะไปเล่น C-segment ตัวทอปแทน ดีซะอีก ได้สมรรถนะเต็มๆ ออฟชั่นเต็มๆ
เพราะรู้ตัวว่า ขับนอกเมืองเยอะกว่า และ ขับเร็ว
แต่ถ้าไม่ได้ขับเร็ว D-segment 2.0 ก็โอเคอยู่หรอก
เพราะถึงมันไม่แรง แต่ไม่ได้ขนาดวิ่งไม่้ออกเหมือนเครื่อง 1.2 ซะหน่อย
-
ตัดสินใจซื้อแล้วจะรู้สึกผิดทำไมครับ
-
2.0G ขับในเมืองพอใจครับ
แต่พอวิ่ง ตจว ยังมีขัดใจนิดๆ
-
ลองให้รถมันค่อยๆเปลี่ยนนิสัยการขับของเราก็น่าจะพอกล้อมแกล้มได้นะครับ
ส่วนตัวขับ ตัว Hybrid ออก ตจว ไกลๆ พออยู่ในเมืองขับ Vios 1500
ก็พอรับกันได้ เนื่องจากรถน้ำหนักเบา พอขับ Freed เท่านั้นหล่ะ
โอ้โฮ รถไรเนี่ยยย ทำไมอืดอย่างงี้
หลังๆยืมรถ Freed พ่อตามาใช้บ่อยๆเข้า
เปลี่ยนนืสัยการขับไปโดยปริยาย
แต่จะเครียดมากเมื่อเร่งแซง....
สรุป ถ้าซื้อมาแล้ว ผมว่าไม่คิดผิดหรอกครับ
เพราะก่อนซื้อต้องคิดมาแล้ว
มองข้ามข้อจำกัดไปดีกว่าครับ ยังไงก็รถเรา
ไม่รู้เป็นแค่อารมณ์อยากหรือเปล่า
เพราะผม ซื้อ Camry Hybrid มาแล้ว ยังคิดอยู่ว่า
ทำไมไม่ซื้อรถที่แรงกว่านี้ เก็บเงินเพิ่มอีก 1 ปีได้ 320d
-
ไม่ครับเพราะของผมมี เทอโบ เย้ย :P
-
เคยคิดเรื่องพวกนี้เหมือนกันคับ
เลยมาเลือก 1600Turbo ;D
เหลือๆ
-
ต้องเลือกให้ดีก่อนซื้อครับ
คนแรกมองว่าเงิน 2 แสน เอาไปเติมน้ำมันวิ่งได้หลายกิโล เปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบต ต่อประกัน
คนที่สองมองว่า การเพิ่มเงิน 2 แสน แลกกับออฟชั่น ความปลอดภัย เอา 2.4 ไปเลยล่ะกัน
คนที่สามมองว่า ฉันต้องการแค่ภาพลักษณ์และรถขนาดใหญ่เท่านั้น 2.0 ก็พอ
คนที่สี่มองว่า ผมทีนส์หนัก ต้อง 2.4 เท่านั้น กัดฟันเพิ่มอีกหน่อย ผมยอม
คนที่ห้ามองว่า 2.0 พอแล้ว เมื่อก่อนขับรถเก่าๆก็ยังไหว มาขับรถใหม่ 2.0 สบายมาก
คนที่หก มองว่า ฉันไม่สน ขอตัวท๊อปไว้ก่อน
คนที่เจ็ด คนที่แปด มีอีกเรื่อยๆ
คุณเป็นคนแบบไหน??
-
5555+
2000 Turbo ของ BMW มันคนล่ะเรื่องกันนะครับ
ที่บ้านมี Accord 2.0EL อยู่ก็รู้สึกโอเคนะครับกับเครื่องยนต์ แต่ Option มันน๊อยยยจริงๆครับ
-
รถ D-Segment ส่วนใหญ่เครื่อง 2000 อืด และกินน้ำมันกว่า 2400 (ไม่นับรถยุโรปบางรุ่น)
ถ้าจะซื้อ D-Segment เครื่อง 2000 ประเด็นเดียวก็คือ อยากได้ความสบาย กว้างขวาง
นอกนั้นประเด็นอื่นแพ้ C-Segment ตัว Top ที่ราคาพอๆกัน
ถ้าตอบโจทย์ตัวเองได้ก็คงไม่เสียใจที่ซื้อเครื่อง 2000
-
2.0 มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก 1.8 เท่าไหร่นะ (สมัยนี้ บางยี่ห้อมันก็น่าคิดนะ ทำไมมันพอ ๆ กัน)
เป็นผมนะ จะเล่นพวก 2.4 2.5 แต่ไม่เกิน 3.0 เอาแค่นี้ก็พอและเหลือ ๆ แล้วครับ ;D
-
ไม่เคยสนรุ่นล่างอยู่แล้วต้องท็อปไม่ต้องไม่ทำอะไรอีก หรือไม่เอาแบรนด์ที่เหนือกว่า 1 ระดับไปเลย 8) 8) 8) ไม่ชอบอะไรที่ไม่ครบ
-
ต้องเลือกให้ดีก่อนซื้อครับ
คนแรกมองว่าเงิน 2 แสน เอาไปเติมน้ำมันวิ่งได้หลายกิโล เปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบต ต่อประกัน
คนที่สองมองว่า การเพิ่มเงิน 2 แสน แลกกับออฟชั่น ความปลอดภัย เอา 2.4 ไปเลยล่ะกัน
คนที่สามมองว่า ฉันต้องการแค่ภาพลักษณ์และรถขนาดใหญ่เท่านั้น 2.0 ก็พอ
คนที่สี่มองว่า ผมทีนส์หนัก ต้อง 2.4 เท่านั้น กัดฟันเพิ่มอีกหน่อย ผมยอม
คนที่ห้ามองว่า 2.0 พอแล้ว เมื่อก่อนขับรถเก่าๆก็ยังไหว มาขับรถใหม่ 2.0 สบายมาก
คนที่หก มองว่า ฉันไม่สน ขอตัวท๊อปไว้ก่อน
คนที่เจ็ด คนที่แปด มีอีกเรื่อยๆ
คุณเป็นคนแบบไหน??
คนที่สองค้าบบ แต่ถ้าต้องกัดฟัน ก็คงไปเล่นมือสอง ไม่ก็ C-segment
ยังโสดอะ ไม่ต้องใช้รถใหญ่มากก็ได้
-
คิดผิดตอนใช้ สบายตอนขายครับ
ผิดตอนใช้ ผมซื้อ Accord G8 2.0 ปี2009 ซื้อมา 1.27 ล. ซื้อผ่อนดาวน์ 3 แสนผ่อน 60 งวด ค่างวดต่างกัน 4 พันบาทต่อเดือน ตอนที่ซื้อแฟนจะเอารุ่น 2.4 Top ผมเห็นว่าต่างกันตั้ง 2.8 แสน เสียดายเงินส่วนต่างครับ ผมใช้รถประมาณ 3 ปีครึ่ง วิ่งไป 1 แสนโล ถือว่าใช้งานมากครับ ตอนที่ใช้บางครั้งก็เสียดายเหมือนกันครับ กับอัตราเร่งที่น่าจะดีกว่า น่าจะประหยัด นม. มากกว่า ภายในที่ตกแต่งได้สวยกว่า ล้อแม๊กที่ใส่ล้อได้หน้ากว้างกว่า เกาะถนนได้ดีกว่า (รถผมขอบ 16") แอร์แบ๊คที่มากกว่า อุปกรณ์ความปลอดภัยมากกว่าทุกด้าน(ติดตั้งเพิมไม่ได้ครับ) ที่สำคัญผมอย่างมี DVD ให้ลูกดู จะเปลี่ยนจอ ต้องเปลี่ยนฟร้อนชุดใหญ่ ก็เสียดาย เพราะค่าทำประมาณ 1 แสน ผมเลยซื้อ DVD พกกามา 5 พันมาให้ลูกดูครับ คราวนี้แฟนคอยซ้ำเลยครับ บอกแล้วให้ซื้อรุ่นท๊อป
สบายตอนขาย ตอนเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา พอดีมีรถ 2 คัน ไม่จำเป็นต้องใช้ 2 คัน เก็บG8 ไว้ราคาตกลงทุกวัน เดี๋ยวรุ่นใหม่มาจะเจ็บกว่านี้ ผมปล่อยได้ 8.2 แสน สรุปขาดทุนไปประมาณ 4 แสน ผมใช้ไป 1 แสนโล ตกค่าใช้รถโลละ 4 บาทครับ ถือว่าคุ้มมากๆ กับสิ่งที่รถมอบให้เรา พาไปโกยเงินมาหลายที่ พาครอบครัวเราไปเที่ยวมามากมาย เคยอุบัติเหตุ 1 ครั้ง (ขับ 140 ที่มอเตอร์เวย์ ปล่อยพวงมาลัยไปหยิบขวดน้ำ รถชนบล็อกกันกลางถนน รถแทบไม่เสียหาย แค่ยางระเบิด รอแม๊กพัง ตัวรถแค่เป็นรอยถลอกผมและลูกสาวปลอดถัย)
สรุป ลองตัดสินใจดูครับ ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเงินทองทอง ก็รุ่นท๊อปเลยครับ
-
ผมว่า ถ้าผมจะซื้อ 2.0 D-Seg ผมคงซื้อ Sonata ครับ นอกนั้นขอ 2.4 ละกัน ออพชั่นอนาถเกิน
-
เคยถามคุณลุงนะครับ
ตอนแกออก Teana 2.0 XL
ว่าทำไมไม่เอา 2.5 XV ไปเลย
แกบอกว่า
1. เครื่อง 2.0 ก็พอแล้ว แกขับรถแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่วัยรุ่นใจร้อน
2. เคีรื่องใหญ่กินน้ำมันมากกว่า แค่นี้ก็ถือว่ากินจุพอแล้ว
3. ภายนอกและภายในแทบไม่แตกต่างกันเลย แต่ราคาต่างกันเกือบ สามแสน
4. ออฟชั่นที่เพิ่มเข้ามา ใน 2.5 แกมองว่าไม่จำเป็นครับ
-
ผมว่าดูที่เงินของเราครับ สบายกระเป๋าดีกว่าครับ
จะได้ไม่เครียด ประสบการณ์ตรงเลยครับอิๆ
สมมุติผ่อน เดือนนึงต่างกันซัก4-5 พันบาท ก็ช่วยประหยัดได้เยอะอยู่ครับ
แต่ถ้าเงินเหลือๆ สบายๆ ต้องจัดรุ่นท๊อปเท่านั้นครับ
-
ผมว่า ถ้าผมจะซื้อ 2.0 D-Seg ผมคงซื้อ Sonata ครับ นอกนั้นขอ 2.4 ละกัน ออพชั่นอนาถเกิน
ดูจากราคาแล้ว ก็คงต้องเป็นเช่นนั้นล่ะครับ ฮ่าๆ
-
เบนซ์ BMW ออดี้ กำลังทำให้กระแสเครื่อง2000เปลี่ยนไป เมื่อก่อนถ้าเป็นเครื่อง2000ใครๆก็จะคิดกันว่ารถคันใหญ่ใช้แค่นี้จะไหวเหรอ แต่มาในยุคนี้ถ้าแปะข้างหลังว่า2.0ถ้าไม่แน่จริงล่ะก็......ไอ้เสืออออถอยยยยยย!!!! ;D
รอให้โตโยต้าพัฒนาเครื่องแบบลดความจุใส่เทอร์โบเอามาใช้เร็วๆ เมื่อนั้นความคิดที่ว่าเครื่องเล็กไม่เพียงพอคงจะกลายเป็นอดีตที่ถูกลืมไป :)
-
เสียใจแต่ไม่แคร์... 555+ ถ้านั่งคนหรือสองคนผมว่า 2.0ก็น่าจะพอ ถ้า3-4คนอาจจะรู้สึกถึงอาการงอแงวิ่งไม่ออก แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ถ้าเงินไม่ใช่ปัจจัยก็จัด2.4+ได้เลย นี่พูดถึงเครื่องอย่างเดียวนะ ถ้าOptionผมว่าบางอย่างก็เกินความจำเป็นสำหรับผม เช่น Cruise Control, Back Curtain, Air Auto อะไรประมาณนี้ แต่ที่อยากจะให้มีในรถทุกรุ่นก็คือระบบความปลอดภัยต่างๆ มันไม่ควรเป็น option แต่มันควรเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถทุกคันเช่น VSC, Disc Break, Airbag เพราะระบบเหล่านี้อาจจะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายได้เมื่อภัยมาถึงตัว ไม่ใช่ Bluetooth Navigator หรือ แอร์ออโต้
-
ผมเลือกเครื่อง 250XV ไม่ใช่เพราะความแรง แต่เป็นเพราะอ๊อฟชั่นความปลอดภัยครับ
เนื่องจาก พี่ชายผมเสียชีวิตใน 940GLE วิ่งในเมือง แต่ศีรษะ ไปกระแทกเสาB เลือดออกในสมอง ดังนั้น
จากนั้นมา ผมก็เป็นโรคจิต เวลาหารถใช้งานส่วนตัว เลยต้องหาที่มี Certain Airbags
(ถ้าก่อนหน้านั้น ผมคงหาถูกๆอ่ะ)
เครื่องยนต์ไม่แรงไม่เป็นไร อ๊อฟชั่นความปลอดภัยครบเป็นพอ เงินไม่เกี่ยงครับ
ถ้า 200XL มีอ๊อฟชั่นครบ ผมเลือก 200XL ครับ คงไม่เลือก 250XV แน่นอน
-
ผมเลือกเครื่อง 250XV ไม่ใช่เพราะความแรง แต่เป็นเพราะอ๊อฟชั่นความปลอดภัยครับ
เนื่องจาก พี่ชายผมเสียชีวิตใน 940GLE วิ่งในเมือง แต่ศีรษะ ไปกระแทกเสาB เลือดออกในสมอง ดังนั้น
จากนั้นมา ผมก็เป็นโรคจิต เวลาหารถใช้งานส่วนตัว เลยต้องหาที่มี Certain Airbags
(ถ้าก่อนหน้านั้น ผมคงหาถูกๆอ่ะ)
เครื่องยนต์ไม่แรงไม่เป็นไร อ๊อฟชั่นความปลอดภัยครบเป็นพอ เงินไม่เกี่ยงครับ
เสียใจด้วยครับ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลย ว่าถ้าไม่ได้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง คงไม่คำนึงถึงความปลอดภัยแน่ๆ
Curtain Airbags นะครับ ผมก็ว่ามันน่ากลัวมากๆหากศีรษะต้องไปกระแทก แม้แต่กระจกก็ตาม
-
ผมไม่ใช่คนขับรถปรู๊ดปร๊าดอะไรนะครับ แต่เวลาเร่งแซงได้รถที่แรงขึ้นมาอีกหน่อยมันก็ไม่เสียวดี
-
ส่วนตัวผมใช้ teana 2.0 อยู่ส่วนตัวคิดว่าไม่ผิดนะครับอัตราเร่งอะไรก็ใช้ได้ไม่ได้แย่อย่างที่คิดตีนปลาย 180-200 สบายๆอาจจะไม่ดุดันมากเพราะเป็น cvt แต่โดยส่วนต่างกับ 2.5 ตอนแรกก็ลังเลอยู่ครับแต่คิดๆดูแล้วถ้าราคาสัก 1.6-1.7 ล้านใน 2.5 ตัว top ผมเพิ่มอีกสัก 3-4 แสนเอา premium compact อย่าง s60 , c200 std หรืออย่าง x1 ไปเลยดีกว่าเลยไม่เสียดายเลยครับส่วนตัวคิดว่าถ้าจะเอามันส์นะที่บ้านใช้ new focus 2.0 ขับมันส์กว่าเยอะครับ ;) ;)
-
ถ้าคุณเป็นคนขับรถเร็วในระดับนึง แล้วคิดออกรถใหญ่ D-segment
ก็ไม่น่าออก 2,000 CC ตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับ
แต่ถ้าออกเพราะมันถูก ก็จงปรับนิสัยการขับของคุณให้ขับนิ่มนวล เน้นสบายๆดีกว่าครับ
2,000 CC ไม่ใช่ไม่ดี แต่มาอยู่กับรถใหญ่ แล้วคุณไปนึกเทียบกับ 2,400 CC ก็ต้องทำใจครับ ;)
ไม่งั้นก็ขายดาวน์ไปเลยยยย ออก 2.4 แต่อยากให้รอ New Accord หรือ New Nissan เพราะมันน่าสนนะ
Camry ตูดไม่สวย :P
-
ตอบ เงินพ่อ
เสียดายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบ เงินตัวเอง
ไม่เลยสักนิดเดียว
-
ผมมองความปลอดภัยมาก่อน เพราะเคยประสบกับตัวเองและครอบครัว ดีที่ครั้งนั้นไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต
เรื่องเครื่องยนต์ผมถือว่ามีอัตราเร่งที่ดีเร่งแซงดี และอีกอย่างขับทางไกล เครื่อง 2.5 ดีกว่า 2.0 พอสมควรเลยครับ