Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Sapooknic ที่ พฤศจิกายน 05, 2012, 22:26:56
-
พอดีมีพี่ที่รู้จักกันมาแนะนำ การ Remaps รถครับ เค้าว่าประกันจากศูนย์จะไม่ขาด จิงไหมครับและน่าสนไหมครับ
-
ถ้าจำไม่ผิด ก่อนเข้าศูนย์ก็ถอดกล่องได้นะครับ
-
ถ้าจำไม่ผิด ก่อนเข้าศูนย์ก็ถอดกล่องได้นะครับ
Remap คือการปรับเปลี่ยนข้อมูลในกล่องเดิมครับ
-
ถ้ากล่องเดิมผมว่ารอดยากนะเพราะศูนย์ส่วนใหญ่จอมอ้างมากๆเลย ถ้าจะทำแนะนำติดกล่องแยกดีกว่านะครับ
-
ถ้าศูนย์ฉลาดๆ เค้าน่าจะมีข้อมูลเปรียบเทียบนะครับ ว่ากล่องของเรามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่...ก่อนที่เค้าจะลงมือเช็คจริงๆ ก็คงต้องมีเหตุให้ต้องได้เช็คแหละครับ หากไม่มีเหตุ อยู่ดีๆ คงไม่ไปเช็คให้เสียเวลาหรอกครับ หากเป็นผม ผมไม่กลัวหรอก เพราะยากที่จะเสีย หากช่าง remap เทพจริงๆ ทำงานแบบมีระบบระเบียบ ผมเห็นเจ้านึ่งมาโพสในบอร์ดโฟกันแหละครับ remap จากอิตาลีกันเลยทีเดียว
-
หมดประกันทันทีครับ
-
ติดกล่องPlug and Play ตามที่สมาชิกแนะนำดีกว่าครับ RemapคือการRe-program ECU ใหม่ครับ
-
รายละเอียดการทำRemapครับ
-
ทำไมต้องRe-Mapping
-
สิ่งที่ได้
-
สิ่งที่ถูกเปลี่ยนแปลงไป
-
ถ้าทำถูกต้องจะได้สมรรถนะเพิ่ม
-
ตัวอย่าง
-
แรงกว่าเดิมแน่ๆ(โดยมากม้ามาเป็น 10 ขึ้น) กินกว่าเดิมแน่ๆ เครื่องโทรมเร็วกว่าเดิมแน่ๆ(อยู่ที่ว่าเอาแรงขนาดไหน) ประกันขาดแน่ๆ
และที่สำคัญที่สุดเสียตังค์แน่ๆ แต่เดี๋ยวนี้ถูกกว่าแต่ก่อนเยอะมากเลยครับ
เริ่มด้วยสเตปพื้นฐานก็ดีนะครับ ถ้าไม่พอค่อยว่ากันอีกที
น้ำมันเครื่องลื่นสุดๆก็ ฮาโวลีน 5w-30 SN deposit shield กรองเปลือย K&N กราวด์ไวร์เจ้าดีๆ Pivot(แท้) ไม่ก็กรองไฟ DC
ทำไปแล้วรวมๆก็เห็นนะว่ารถมันดึงขึ้นไหลขึ้นเลยพอสมควรเลยแหล่ะ
-
แรงกว่าเดิมแน่ๆ(โดยมากม้ามาเป็น 10 ขึ้น) กินกว่าเดิมแน่ๆ เครื่องโทรมเร็วกว่าเดิมแน่ๆ(อยู่ที่ว่าเอาแรงขนาดไหน) ประกันขาดแน่ๆ
และที่สำคัญที่สุดเสียตังค์แน่ๆ แต่เดี๋ยวนี้ถูกกว่าแต่ก่อนเยอะมากเลยครับ
เริ่มด้วยสเตปพื้นฐานก็ดีนะครับ ถ้าไม่พอค่อยว่ากันอีกที
น้ำมันเครื่องลื่นสุดๆก็ ฮาโวลีน 5w-30 SN deposit shield กรองเปลือย K&N กราวด์ไวร์เจ้าดีๆ Pivot(แท้) ไม่ก็กรองไฟ DC
ทำไปแล้วรวมๆก็เห็นนะว่ารถมันดึงขึ้นไหลขึ้นเลยพอสมควรเลยแหล่ะ
ที่พูดมาเคยทำหรือเปล่าหล่ะครับ ?
ทีว่ารีแฟลชขึ้นเป็นสิบม้า ก็ไม่จริงแล้ว เพราะทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับรุ่นรถเป็นหลัก รถเพื่อนนิสสันมาร์ชไปแฟลช ได้เพิ่มมา 3 ม้าครับ
ซูบารุผมไปแฟลช น่าจะราวๆ 40-50 ม้าครับ มันแตกต่างกันแล้วแต่รุ่นรถ แล้วแต่ประเภทเครื่องยนต์ด้วย
เหมือนกระบะรุ่นใหม่ๆ ดันรางใบเดียวมี 40 ม้า ไรเงี๊ยแหละ
การรีแม็ป หรือแฟลชกล่อง หรือ จูนเรียลทามกล่องเดิมจะชื่ออะไรก็แล้วแต่อ่ะนะ ไม่ได้จำเป็นว่ารถจะกินน้ำมันเสมอไป
เพราะโดยส่วนใหญ่รถโรงงานจะจูนน้ำมันมาหนาหน่อยๆอยู่แล้ว ไปถามจูนเนอร์ได้เลยว่าจูนเพิ่ม หรือลดน้ำมัน....ส่วนมากลดน้ำมันครับ
กรณีกินน้ำมันขึ้น ส่วนมากคือรถเทอร์โบ ที่มีการปรับบูสต์ขึ้น เช่นจาก 0.8 บาร์ เป็น 1.2 บาร์ จูนเนอร์ก็ต้องเพิ่มน้ำมันให้ในช่วงฟูลโหลด
ซึ่งถามว่า ถ้าขับแบบบ้านๆเนี่ย คุณจะกดเต็มตลอดเวลามั๊ย ? มันก็ไม่ใช่ครับ ผมขับทั้งรถ N/A กับรถเทอร์โบ เวลาขับจริงๆ การขับรถเทอร์โบ
ใช้รอบน้อยกว่า รถ N/A ด้วยซ้ำไปเพราะได้ทอร์คช่วย ไม่ต้องลากรอบมาก ถามว่ากินกว่าเดิมมั๊ย เผลอๆ ประหยัดกว่าในรอบเท่ากันด้วยซ้ำไป
เพราะช่วงที่อยู่ในโค้สลูป จูนเนอร์เขาแทบไม่ทำอะไรเลย เพราะปล่อยให้กล่องของรถสั่งการไป
แล้วกรณีการลดน้ำมันถามว่าเครื่องมันจะโทรมไวมั๊ย ไอ้นี่ก็ไม่เกี่ยวอีก ติดแก๊สพังเร็วกว่าน้ำมันป่าว? รีแฟลชจะพังไม่พังอยู่ที่การขับขี่
และการบำรุงรักษาครับ ต่อให้ไม่รีแฟลชเจอพวกตีนโหดๆ มันก็มีโอกาสพังไวกว่าอยู่แล้วครับ
การรีแฟลชมันก็มีมีขีดจำกัดของมันครับ ถ้าเกิน 25% เครื่องยนต์จะโชว์เช็คเอ็นจิ้นแน่นอนครับ อันนี้จูนเนอร์บอกมาครับ ดังนั้นกรณีโมดิฟาย
มันก็จะอยู่ราวๆ เนี่ยแหละ แล้วแต่รุ่นรถด้วย ส่วนมากก็ขยับกันไม่มากครับ เว้นเป็น สเปเชียลจูน พวกเปลี่ยนเทอร์โบใหญ่ ดันบูสต์สูงๆ
แต่การรีแฟลชก็มีข้อดีสำหรับรถนอกที่เลือกน้ำมัน หมายความว่า เกรดน้ำมันปกติที่รถคันนี้รับอาจจะต้อง ออกเทน 98 แต่บ้านเราไม่มีไง
มีแต่ 95 ไม่ก็โซฮอล์เลย ดังนั้น เวลาเติมน้ำมันพวกนี้ รถมันจะงงๆ บางรุ่นบางคันไฟเช็คเอ็นจิ้นโชว์ครับ การรีแฟลชบางทีก็ไม่ได้หวังความแรง
เพียงอย่างเดียว ยังเอามาตอบโจทย์เรื่องการแก้ไขปัญหาค่าออกเทน กับรถบางรุ่นด้วย เช่น ซูบารุ อิมเพรสซ่า ที่ผมใช้ ก็รีแฟลชเป็น G95 ครับ
เพื่อให้สามารถใช้น้ำมันออกเทน 95 ได้อย่างไม่มีปัญหากวนใจนั่นเอง (ตอนนี้เติม E20 ด้วยซ้ำไป วิ่งดีด้วย)
ความปลอดภัยของการแฟลช ถ้าทำอย่างถูกวิธี ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวครับ ต่อให้เข้าเครื่องคอนเซาท์ ก็ไม่รู้ครับจะรู้จริงๆ ช่างต้องอ่านค่าฟลูโหลดครับ
ถึงจะทราบว่าเฮ๊ยทำไมน้ำมันบางหน่อยๆ เพราะการแฟลช หรือจะแปะกล่องจูนก็ตาม จูนเนอร์ต้องจูนโดยมีพื้นฐานของพวกค่าไอเสียประกอบด้วย
คือต้องมี A/F ไว้เช็คค่าส่วนผสมในทุกๆช่วงว่าโอเคมั๊ย ดังนั้นถามว่าจะพังมั๊ย โดยส่วนตัวคิดว่า รีแฟลช เซฟกว่าแปะกล่องครับ
เพราะยังไงๆมันก็ไปได้ไม่เกิน 25% ของกล่องเดิม และพวกฟังชั่นเดิมต่างๆ มันยังอยู่ครบและยังทำงานของมันไปได้ครับ
ส่วนกล่องจูน ที่แพนเคยเขียนไว้ให้อ่าน ผมคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมครับ ในบทความครบๆอยู่แล้ว
-
แรงกว่าเดิมแน่ๆ(โดยมากม้ามาเป็น 10 ขึ้น) กินกว่าเดิมแน่ๆ เครื่องโทรมเร็วกว่าเดิมแน่ๆ(อยู่ที่ว่าเอาแรงขนาดไหน) ประกันขาดแน่ๆ
และที่สำคัญที่สุดเสียตังค์แน่ๆ แต่เดี๋ยวนี้ถูกกว่าแต่ก่อนเยอะมากเลยครับ
เริ่มด้วยสเตปพื้นฐานก็ดีนะครับ ถ้าไม่พอค่อยว่ากันอีกที
น้ำมันเครื่องลื่นสุดๆก็ ฮาโวลีน 5w-30 SN deposit shield กรองเปลือย K&N กราวด์ไวร์เจ้าดีๆ Pivot(แท้) ไม่ก็กรองไฟ DC
ทำไปแล้วรวมๆก็เห็นนะว่ารถมันดึงขึ้นไหลขึ้นเลยพอสมควรเลยแหล่ะ
ที่พูดมาเคยทำหรือเปล่าหล่ะครับ ?
ทีว่ารีแฟลชขึ้นเป็นสิบม้า ก็ไม่จริงแล้ว เพราะทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับรุ่นรถเป็นหลัก รถเพื่อนนิสสันมาร์ชไปแฟลช ได้เพิ่มมา 3 ม้าครับ
ซูบารุผมไปแฟลช น่าจะราวๆ 40-50 ม้าครับ มันแตกต่างกันแล้วแต่รุ่นรถ แล้วแต่ประเภทเครื่องยนต์ด้วย
เหมือนกระบะรุ่นใหม่ๆ ดันรางใบเดียวมี 40 ม้า ไรเงี๊ยแหละ
การรีแม็ป หรือแฟลชกล่อง หรือ จูนเรียลทามกล่องเดิมจะชื่ออะไรก็แล้วแต่อ่ะนะ ไม่ได้จำเป็นว่ารถจะกินน้ำมันเสมอไป
เพราะโดยส่วนใหญ่รถโรงงานจะจูนน้ำมันมาหนาหน่อยๆอยู่แล้ว ไปถามจูนเนอร์ได้เลยว่าจูนเพิ่ม หรือลดน้ำมัน....ส่วนมากลดน้ำมันครับ
กรณีกินน้ำมันขึ้น ส่วนมากคือรถเทอร์โบ ที่มีการปรับบูสต์ขึ้น เช่นจาก 0.8 บาร์ เป็น 1.2 บาร์ จูนเนอร์ก็ต้องเพิ่มน้ำมันให้ในช่วงฟูลโหลด
ซึ่งถามว่า ถ้าขับแบบบ้านๆเนี่ย คุณจะกดเต็มตลอดเวลามั๊ย ? มันก็ไม่ใช่ครับ ผมขับทั้งรถ N/A กับรถเทอร์โบ เวลาขับจริงๆ การขับรถเทอร์โบ
ใช้รอบน้อยกว่า รถ N/A ด้วยซ้ำไปเพราะได้ทอร์คช่วย ไม่ต้องลากรอบมาก ถามว่ากินกว่าเดิมมั๊ย เผลอๆ ประหยัดกว่าในรอบเท่ากันด้วยซ้ำไป
เพราะช่วงที่อยู่ในโค้สลูป จูนเนอร์เขาแทบไม่ทำอะไรเลย เพราะปล่อยให้กล่องของรถสั่งการไป
แล้วกรณีการลดน้ำมันถามว่าเครื่องมันจะโทรมไวมั๊ย ไอ้นี่ก็ไม่เกี่ยวอีก ติดแก๊สพังเร็วกว่าน้ำมันป่าว? รีแฟลชจะพังไม่พังอยู่ที่การขับขี่
และการบำรุงรักษาครับ ต่อให้ไม่รีแฟลชเจอพวกตีนโหดๆ มันก็มีโอกาสพังไวกว่าอยู่แล้วครับ
การรีแฟลชมันก็มีมีขีดจำกัดของมันครับ ถ้าเกิน 25% เครื่องยนต์จะโชว์เช็คเอ็นจิ้นแน่นอนครับ อันนี้จูนเนอร์บอกมาครับ ดังนั้นกรณีโมดิฟาย
มันก็จะอยู่ราวๆ เนี่ยแหละ แล้วแต่รุ่นรถด้วย ส่วนมากก็ขยับกันไม่มากครับ เว้นเป็น สเปเชียลจูน พวกเปลี่ยนเทอร์โบใหญ่ ดันบูสต์สูงๆ
แต่การรีแฟลชก็มีข้อดีสำหรับรถนอกที่เลือกน้ำมัน หมายความว่า เกรดน้ำมันปกติที่รถคันนี้รับอาจจะต้อง ออกเทน 98 แต่บ้านเราไม่มีไง
มีแต่ 95 ไม่ก็โซฮอล์เลย ดังนั้น เวลาเติมน้ำมันพวกนี้ รถมันจะงงๆ บางรุ่นบางคันไฟเช็คเอ็นจิ้นโชว์ครับ การรีแฟลชบางทีก็ไม่ได้หวังความแรง
เพียงอย่างเดียว ยังเอามาตอบโจทย์เรื่องการแก้ไขปัญหาค่าออกเทน กับรถบางรุ่นด้วย เช่น ซูบารุ อิมเพรสซ่า ที่ผมใช้ ก็รีแฟลชเป็น G95 ครับ
เพื่อให้สามารถใช้น้ำมันออกเทน 95 ได้อย่างไม่มีปัญหากวนใจนั่นเอง (ตอนนี้เติม E20 ด้วยซ้ำไป วิ่งดีด้วย)
ความปลอดภัยของการแฟลช ถ้าทำอย่างถูกวิธี ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวครับ ต่อให้เข้าเครื่องคอนเซาท์ ก็ไม่รู้ครับจะรู้จริงๆ ช่างต้องอ่านค่าฟลูโหลดครับ
ถึงจะทราบว่าเฮ๊ยทำไมน้ำมันบางหน่อยๆ เพราะการแฟลช หรือจะแปะกล่องจูนก็ตาม จูนเนอร์ต้องจูนโดยมีพื้นฐานของพวกค่าไอเสียประกอบด้วย
คือต้องมี A/F ไว้เช็คค่าส่วนผสมในทุกๆช่วงว่าโอเคมั๊ย ดังนั้นถามว่าจะพังมั๊ย โดยส่วนตัวคิดว่า รีแฟลช เซฟกว่าแปะกล่องครับ
เพราะยังไงๆมันก็ไปได้ไม่เกิน 25% ของกล่องเดิม และพวกฟังชั่นเดิมต่างๆ มันยังอยู่ครบและยังทำงานของมันไปได้ครับ
ส่วนกล่องจูน ที่แพนเคยเขียนไว้ให้อ่าน ผมคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมครับ ในบทความครบๆอยู่แล้ว
ขอบคุนมากเลยนะครับได้ความรู้เพิ่มเติมแบบเข้าใจง่ายๆ
ขอบคุนคุณ V221. ด้วยนะครับละเอียดครบทุกขั้นตอน