Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HOMY_DEMIO ที่ ธันวาคม 24, 2012, 01:06:37
-
ดูจากอัตราภาษีสรรพสามิต ปี 2016 แล้ว
คิดว่าตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร อีโคคาร์
น่าจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุด
อย่างแรกคือ ราคาขายที่ถูกกว่ารถ 1.4 ลิตรขึ้นไปอย่างมาก
ดังนั้น 1 ใน 5 ค่ายอีโคคาร์คงได้รับผลประโยชน์
แต่ค่ายที่ไม่มีอีโคคาร์ (เว้น isuzu) ก็อาจจะมีการคุยกับรัฐบาล
อะไรสักอย่าง
ก็ลองคิดเล่น ๆ ว่าหลังจากปี 2016 จะเกิดอะไรขึ้น
สัดส่วนรถอีโคคาร์น่าจะกินตลาด 70% ขึ้นไป
สิ่งที่จะเกิดขึ้น เชื่อว่า
-หลายค่ายรถอาจจะขยายไลน์รถยนต์ ecocar ของตนเองอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
-รถขนาด 1.5 ลิตร บางรุ่นบางยี่ห้อ อาจจะขอลักไก่ใช้สิทธิ์อีโคคาร์ (อาศัยกฏเรื่องการใช้พื้นตัวแพลทฟอร์มถังร่วมกัน)
-อาจจะมีเครื่องยนต์ 1.0-1.2 เทอร์โบ จากค่ายอีโคคาร์ แน่นอน
และกำลังมองไปถึง การขยายไลน์รถ อีโคคาร์ให้หลากประเภทขึ้น จากเทคโนโลยีที่สูงขึ้น อาทิ
-รถแบบ Honda Jazz ใส่เครื่อง 1.2 โบ สมรรถนะเทียบชั้น 1.5 อัดออพชั่นเต็มพิกัดตั้งตัว Top 6.1 แสนบาท
หลายคนคงมองว่าแพง แต่ถ้าเทียบกับการลงทุนให้ 1.5 ลิตรผ่านอัตรามลพิษสะอาดก็คงทำได้ลำบากกว่า
แต่ถ้า 1.5 นิ่ง ๆ ก็แน่ล่ะราคาพุ่งกว่าเดิมพอสมควร
ส่วนแฮทช์แบคมาตรฐานอย่าง March, Brio, Mirage ใส่เครื่อง 1.2 ลิตรฉีดตรง(หรือเครื่องธรรมดา) ทำตลาด Entry Level ที่ต้องการความประหยัดทั้งราคาและน้ำมันกันไป
และถ้ามีค่ายรถไหน "กล้าบ้า" ก็อาจจะส่ง Super Entry Level ที่ราคาถูกกว่านี้เจาะตลาดคนใช้รถจักรยานยนต์ตัวจริง ก็อาจเป็นไปได้ แต่ขนาดตัวถัง ต้องไม่สั้นกว่า 3.6 เมตรเท่านั้น
-รถแบบ SUV เหมารวมทั้ง A-SUV หรือ B-SUV (ที่สร้างบนพื้นตัวถังเดียวกับอีโคคาร์รุ่นปัจจุบัน) ราคา 5-7 แสนบาท
-MPV ไม่แน่ใจว่า 1.2 โบ จะรับมือไหวไหม
เมื่อยี่ห้อหลักที่ไม่มีอีโคคาร์ ก็ต้องดู Ford Mazda Chevy เป็นหลัก
Ford Chevy มีเทคโนโลยี downsizing อยู่ ก็คงจะได้เปรียบในการใช้สิทธิ์ภาษีตาม CO2 ได้
ส่วน mazda ก็ต้องรอผลจาก skyactiv
ประการฉะนี้
-
ฐานภาษีนี้อย่าพึ่งสรุปดีกว่าครับ ผมว่ามันยังไม่นิ่ง 8) 8) 8) ขาใหญ่ยังไม่พร้อม และเท่าที่ดูไร้ซึ่งความเป็นธรรมต่อทุกค่าย ประเทศนี้ไม่ใช่ศูนย์กลางโลก ประเทศนี้ควรดูที่อื่นไม่ใช่เอาตัวเป็นใหญ่ ยอดขายไม่ได้ครึ่งของจีนเลยทำซ่า เค้าย้ายฐานจริงแล้วหมาแดก
-
ดีครับ จะได้เห็นการพัฒนาแบบชัดเจนอีกขั้น ของรถเมืองไทยสักที
แต่เป็นไปได้หรือเปล่าครับ ว่า 2016 รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ฯลฯ ที่สร้างๆกัน น่าจะเสร็จไปเยอะแล้ว
น่าจะมีส่วนให้คนใช้รถในเมืองน้อยลง คนอาจจะซื้อรถใหญ่ไว้ออกต่างจังหวัดแทน ทำให้รถใหญ่ๆก็ไม่ได้กระทบเท่าไหร่
ฐานภาษีนี้อย่าพึ่งสรุปดีกว่าครับ ผมว่ามันยังไม่นิ่ง 8) 8) 8) ขาใหญ่ยังไม่พร้อม และเท่าที่ดูไร้ซึ่งความเป็นธรรมต่อทุกค่าย ประเทศนี้ไม่ใช่ศูนย์กลางโลก ประเทศนี้ควรดูที่อื่นไม่ใช่เอาตัวเป็นใหญ่ ยอดขายไม่ได้ครึ่งของจีนเลยทำซ่า เค้าย้ายฐานจริงแล้วหมาแดก
ตอนจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน ไร้สารตะกั่ว มีค่ายบอกว่าพร้อมด้วยเหรอครับ?
ตอนกระทรวงอุตสาหกรรม ไปขอให้ฮอนด้า ผลิตอีโคคาร์ ก็บอกไม่พร้อม ต้องรอขั้นตอนอนุมัติ พอ Nissan ทำ ทีนี้เข็นตาเหลือก ทั้ง Brio ทั้ง Amaze ไม่ใช่เหรอครับ?
ผมว่ายังไงมันก็ต้องมา ถ้าคุณบอกว่า ไร้ความเป็นธรรมต่อทุกค่าย มันแปลว่า "เป็นธรรมเหมือนกันต่อทุกค่าย" ได้เหมือนกันนั่นแหละ เพราะมันกระทบหมด อย่างเลวร้ายสุด ราคารถก็ต้องขึ้นทั้งหมด ยังไงคนไทยก็ต้องซื้อ แล้วเขาจะไปย้ายฐานการผลิตทำไมครับ? ลงทุนไปเท่าไร? อย่าคิดว่าประเทศไทยกระจอกครับ
-
ดีครับ จะได้เห็นการพัฒนาแบบชัดเจนอีกขั้น ของรถเมืองไทยสักที
แต่เป็นไปได้หรือเปล่าครับ ว่า 2016 รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ฯลฯ ที่สร้างๆกัน น่าจะเสร็จไปเยอะแล้ว
น่าจะมีส่วนให้คนใช้รถในเมืองน้อยลง คนอาจจะซื้อรถใหญ่ไว้ออกต่างจังหวัดแทน ทำให้รถใหญ่ๆก็ไม่ได้กระทบเท่าไหร่
ฐานภาษีนี้อย่าพึ่งสรุปดีกว่าครับ ผมว่ามันยังไม่นิ่ง 8) 8) 8) ขาใหญ่ยังไม่พร้อม และเท่าที่ดูไร้ซึ่งความเป็นธรรมต่อทุกค่าย ประเทศนี้ไม่ใช่ศูนย์กลางโลก ประเทศนี้ควรดูที่อื่นไม่ใช่เอาตัวเป็นใหญ่ ยอดขายไม่ได้ครึ่งของจีนเลยทำซ่า เค้าย้ายฐานจริงแล้วหมาแดก
ตอนจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน ไร้สารตะกั่ว มีค่ายบอกว่าพร้อมด้วยเหรอครับ?
ตอนกระทรวงอุตสาหกรรม ไปขอให้ฮอนด้า ผลิตอีโคคาร์ ก็บอกไม่พร้อม ต้องรอขั้นตอนอนุมัติ พอ Nissan ทำ ทีนี้เข็นตาเหลือก ทั้ง Brio ทั้ง Amaze ไม่ใช่เหรอครับ?
ผมว่ายังไงมันก็ต้องมา ถ้าคุณบอกว่า ไร้ความเป็นธรรมต่อทุกค่าย มันแปลว่า "เป็นธรรมเหมือนกันต่อทุกค่าย" ได้เหมือนกันนั่นแหละ เพราะมันกระทบหมด อย่างเลวร้ายสุด ราคารถก็ต้องขึ้นทั้งหมด ยังไงคนไทยก็ต้องซื้อ แล้วเขาจะไปย้ายฐานการผลิตทำไมครับ? ลงทุนไปเท่าไร? อย่าคิดว่าประเทศไทยกระจอกครับ
เห็นด้วยครับ.....ผมว่าค่ายขาใหญ่มันขู่ไปงั้นแหละ คิดดูว่าย้ายบ้านนี่ยังยากเลยคับ เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นถ้าจะขนไปหมดเสียเงินไม่ใช่น้อยๆนะครับ แล้วถ้าไม่ถนไปก็ต้องขายเลหลังแบบราคาถูกสุดๆ(เพื่อผมเคยซื้อตู้เย็นได้ในราคา700บาท จากคนที่จะย้ายบ้านเนี่ยแหละ) แต่นี่เรากำลังพูดถึงฐานการผลิตรถยนต์ เครื่องจักรทั้งโรงงานถ้าไม่ขนกันข้ามประเทศก็ต้องขายเลหลัง นี่ยังไม่รวมพวกโครงสร้างอาคารที่ขนไม่ได้แน่ๆอีก ผมว่าต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่ย้าย ฟันธง!!!
เอาง่ายๆนะ...ขนาดโรงงานเล็กๆของซูซุกิที่ผลิตกันได้แค่ปีละไม่กี่คัน จนยอดส่งมอบรถลากยาวไปปี57 ยังลงทุนกันตั้ง7500ล้าน!!! แล้วพวกขาใหญ่ที่ปีนึงผลิตกันเป็นแสนๆหรือล้านคัน มันต้องลงทุนกี่บาท แล้วจะย้ายหนีง่ายๆ ผมว่าไม่มีทางเด็ดขาด
-
ดีครับ จะได้เห็นการพัฒนาแบบชัดเจนอีกขั้น ของรถเมืองไทยสักที
แต่เป็นไปได้หรือเปล่าครับ ว่า 2016 รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ฯลฯ ที่สร้างๆกัน น่าจะเสร็จไปเยอะแล้ว
น่าจะมีส่วนให้คนใช้รถในเมืองน้อยลง คนอาจจะซื้อรถใหญ่ไว้ออกต่างจังหวัดแทน ทำให้รถใหญ่ๆก็ไม่ได้กระทบเท่าไหร่
ฐานภาษีนี้อย่าพึ่งสรุปดีกว่าครับ ผมว่ามันยังไม่นิ่ง 8) 8) 8) ขาใหญ่ยังไม่พร้อม และเท่าที่ดูไร้ซึ่งความเป็นธรรมต่อทุกค่าย ประเทศนี้ไม่ใช่ศูนย์กลางโลก ประเทศนี้ควรดูที่อื่นไม่ใช่เอาตัวเป็นใหญ่ ยอดขายไม่ได้ครึ่งของจีนเลยทำซ่า เค้าย้ายฐานจริงแล้วหมาแดก
ตอนจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน ไร้สารตะกั่ว มีค่ายบอกว่าพร้อมด้วยเหรอครับ?
ตอนกระทรวงอุตสาหกรรม ไปขอให้ฮอนด้า ผลิตอีโคคาร์ ก็บอกไม่พร้อม ต้องรอขั้นตอนอนุมัติ พอ Nissan ทำ ทีนี้เข็นตาเหลือก ทั้ง Brio ทั้ง Amaze ไม่ใช่เหรอครับ?
ผมว่ายังไงมันก็ต้องมา ถ้าคุณบอกว่า ไร้ความเป็นธรรมต่อทุกค่าย มันแปลว่า "เป็นธรรมเหมือนกันต่อทุกค่าย" ได้เหมือนกันนั่นแหละ เพราะมันกระทบหมด อย่างเลวร้ายสุด ราคารถก็ต้องขึ้นทั้งหมด ยังไงคนไทยก็ต้องซื้อ แล้วเขาจะไปย้ายฐานการผลิตทำไมครับ? ลงทุนไปเท่าไร? อย่าคิดว่าประเทศไทยกระจอกครับ
ผมอยากตอบแค่ว่า ทำไมค่ายรถต้องแคร์ประเทศเล็กๆแห่งนี้ ทำไมต้องทำเครื่องมาเพื่อประเทศแห่งนี้ ทั้งๆที่ควรจะไปแคร์ยุโรป จีน US มากกว่า ประเทศไทยควรไปทำตามชาวโลก ไม่ใช่ให้ชาวโลกมาทำเพื่อประเทศไทย
-
สำหรับผมคิดว่า มาตรฐานประเทศใหญ่ๆเขาสูงกว่าบ้านเราเยอะครับ อย่างที่พี่จิมมี่บอกในทีวี เขา Euro 5 กันแล้ว แต่บ้านเราพึ่งประกาศให้เข้าข้อบังคับ Euro 4 อย่างเป็นทางการนี่เอง แถมยังให้เวลา เตรียมตัวอีก 3 ปีด้วย
ผมไม่คิดว่าค่ายรถยนต์แต่ละค่ายจะมีเทคโนโลยีแค่ที่เห็นอยู่ในบ้านเราหรอกครับ เขามีมากกว่านั้น แต่เขาไม่เอามาขายให้ไทยเราซะมากกว่า ไม่ต้องไปทำระบบให้ซับซ้อนมากก็ฟันกำไรบ้านเรากระจาย
พอมีกฏข้อบังคับขึ้นมา ก็แค่ไปปรึกษาศูนย์ใหญ่ แล้วก็ขออนุมัติเอาเทคโนโลยีที่ไปขายประเทศอื่นๆมาขายให้ไทยเราบ้างแค่นั้นเอง เหมือนเป็นการบังคับให้เอาของดีๆมาให้เราใช้บ้างก็ดีนะครับ
ยังไงค่ายรถยนต์ต้องหาทางทำให้ราคามันเท่าเดิม หรือน้อยลงให้ได้อยู่แล้ว เพื่อดึงดูดความสนใจคนไทยที่เห็นราคาเป็นเรื่องหลัก เพราะงั้นประโยชน์ของคนไทยแน่นอน ได้ใช้ของดีๆเทียบเท่าประเทศใหญ่ๆ ลดพิษลงอีกตังหาก ประโยชน์เห็นๆนะ ;D
-
เรื่องย้ายโรงงานนี่มันก็พูดขู่ไปงั้นแหละครับ
-
ค่ายใหญ่ขู่จะย้ายก็ย้ายไปเลยครับ เค้าแค่ขู่
ยี่ห้ออื่นไม่ได้ย้ายตามไปซะหน่อย เค้าไม่ย้ายหรอกครับ
เค้าเองจะเสียเปรียบเปล่าๆ
-
มันแค่กระแสสังคมในอินเตอร์เน็ตครับ
ชิวิตจริงๆ คนไทย ก้เห็นๆกันอยู่
คงยากครับ ;)
-
ดีครับ จะได้เห็นการพัฒนาแบบชัดเจนอีกขั้น ของรถเมืองไทยสักที
แต่เป็นไปได้หรือเปล่าครับ ว่า 2016 รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ฯลฯ ที่สร้างๆกัน น่าจะเสร็จไปเยอะแล้ว
น่าจะมีส่วนให้คนใช้รถในเมืองน้อยลง คนอาจจะซื้อรถใหญ่ไว้ออกต่างจังหวัดแทน ทำให้รถใหญ่ๆก็ไม่ได้กระทบเท่าไหร่
ฐานภาษีนี้อย่าพึ่งสรุปดีกว่าครับ ผมว่ามันยังไม่นิ่ง 8) 8) 8) ขาใหญ่ยังไม่พร้อม และเท่าที่ดูไร้ซึ่งความเป็นธรรมต่อทุกค่าย ประเทศนี้ไม่ใช่ศูนย์กลางโลก ประเทศนี้ควรดูที่อื่นไม่ใช่เอาตัวเป็นใหญ่ ยอดขายไม่ได้ครึ่งของจีนเลยทำซ่า เค้าย้ายฐานจริงแล้วหมาแดก
ตอนจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน ไร้สารตะกั่ว มีค่ายบอกว่าพร้อมด้วยเหรอครับ?
ตอนกระทรวงอุตสาหกรรม ไปขอให้ฮอนด้า ผลิตอีโคคาร์ ก็บอกไม่พร้อม ต้องรอขั้นตอนอนุมัติ พอ Nissan ทำ ทีนี้เข็นตาเหลือก ทั้ง Brio ทั้ง Amaze ไม่ใช่เหรอครับ?
ผมว่ายังไงมันก็ต้องมา ถ้าคุณบอกว่า ไร้ความเป็นธรรมต่อทุกค่าย มันแปลว่า "เป็นธรรมเหมือนกันต่อทุกค่าย" ได้เหมือนกันนั่นแหละ เพราะมันกระทบหมด อย่างเลวร้ายสุด ราคารถก็ต้องขึ้นทั้งหมด ยังไงคนไทยก็ต้องซื้อ แล้วเขาจะไปย้ายฐานการผลิตทำไมครับ? ลงทุนไปเท่าไร? อย่าคิดว่าประเทศไทยกระจอกครับ
ผมอยากตอบแค่ว่า ทำไมค่ายรถต้องแคร์ประเทศเล็กๆแห่งนี้ ทำไมต้องทำเครื่องมาเพื่อประเทศแห่งนี้ ทั้งๆที่ควรจะไปแคร์ยุโรป จีน US มากกว่า ประเทศไทยควรไปทำตามชาวโลก ไม่ใช่ให้ชาวโลกมาทำเพื่อประเทศไทย
ถ้าเค้าไม่มีเทคโนโลยีอยู่แล้ว เค้าก็ไม่แคร์หรอกครับ ประเทศไทยน่ะ แต่นี่เค้ามีแล้ว จริงๆ เค้าสามารถทำได้เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเอามาทำเลย กับอัตราภาษีปัจจุบัย เราคงได้เห็นมาสด้า 2 skyactive ราคาพุงไป 8 แสนกว่าบาทถึงเกือบๆ ล้านแล้วครับ แล้วเค้าจะทำทำไมล่ะครับ ในเมื่อเทคโนโลยีปัจจุบัน ก็สามารถทำกำไรได้ดีแล้ว เนื่องจากไม่ได้มีข้อบังคับว่าต้องทำ แต่ถ้าบังคับ แล้วมีอัตราภาษีที่จุงใจ ใครจะไม่ทำ อย่าลืมว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กก็จริง แต่ก็ขึ้นแท่น 1 ใน 10 ของผู้ผลิตรถยนต์ของโลกแล้ว ยอดขายสูงที่สุดในอาเซียนด้วยซ้ำ ถ้าไม่สนใจประเทศไทย ไปตั้งที่อื่น แล้วใช้สิทธิอาฟต้า เค้าก็คงต้องชั่งใจดีๆ น่ะครับ ชิ้นส่วนจากไทยอยู่นี่หมด จะทยอยย้ายไปกันหมด คงเป็น 10 ปีขึ้นไปน่ะครับ สู้ผลิตที่นี่ แล้วส่งออกไปอาเซียน ไม่ต้องขายในประเทศก็ได้ จะคุ้มกว่าหรือเปล่านะ เพราะประเทศไทยมาตรฐานเรื่งอนี้สูงสุดในอาเซียนแล้ว ขายในไทยได้ ขายประเทศอื่นได้ แต่ขายประเทศอื่นได้ ขายในไทยไมได้
-
eco car คงเหมาะกับการเดินทางไกลอยู่ละนะ เหอๆ
-
ตลาดใหญ่น่าจะคงเป็นกะบะครับ ประเทศเรา
หรือเอาเฉพาะเก๋ง ???
ประเทศเรามีอะไรน่าดึงดูดเยอะนะ
แรงงานก็ถือว่าชั่นดี ในราคาไม่แพง
ความเจริญพอได้ ปัจจัยเสี่ยงระดับกลาง ๆ
ยังไงก็น่าลงทุนอยู่ดี
-
ภาษีเปลี่ยนเป็นเก็บแบบไหนไม่ใช่ปัญหาของประชาชนนะ ผมว่า
ค่ายรถต่างๆสิ ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และผลกระทบต่างๆทั้งหมด
แต่สิ่งที่ผมกังวลที่สุดก็คือ
สุดท้ายภาระต่างๆจะตกมาอยู่ที่ประชาชนธรรมดาๆอย่างเราๆเนี่ยแหละ
เกิดค่ายรถต่างๆ ต้นทุนสูงขึ้น ต้องลงทุนมากขึ้น ก็เอาส่วนนั้นไปขึ้นราคาสินค้า
หรือตัด Option นู่นนี่นั่น เพื่อให้ราคาไม่สูง
กลายเป็นว่า อาจจะไม่ขึ้นราคาก็จริง แต่กลับเป็นว่า
คนซื้อ จ่ายเงินเท่าเดิม แต่อาจจะได้รถที่ ประสิทธิภาพ และ Option น้อยกว่าเดิม
เฮ้อ คิดแล้วก็เพลียครับ ราคาสูงเอา สูงเอา แต่ประสิทธิภาพของรถต่ำลงเรื่อยๆ
ดูอย่าง Eco car บางรุ่น วัสดุและงานประกอบ ผมว่าต่ำมากนะครับ
ไม่เว้นแม้แต่ C - D Segment รุ่นใหม่ๆ มานี่ผมว่า วัสดุและงานประกอบด้อยกว่ารุ่นเก่าๆเยอะเลยครับ
ดูแล้วผลกระทบมันก็กลับมาที่ประชาชนผู้บริโภคนี่แหละครับ :(
รอดูกันต่อไป
-
อาจจะมีอีโคบะ แบบมิร่าสมัยก่อน ที่เป็นเก๋งมีกระบะท้ายก็ได้ เหอะๆ
-
แงๆๆๆ ความฝันที่ข้าราชการตัวน้อยๆอย่างกระผม
จะิอัพเลเวลไปเล่น D-segment ก็คงยากขึ้นไปอีก
ราคาคงดีดไปเกิน 1.5 ล้านในตัว 2.0
-
ใช่มากๆ ครับ โดยเฉพาะ Ford Ecoboost ที่คิดว่าต้องมาแน่ๆ ครับ
รถกระบะที่เป็น Eco Car ก็มีแล้วครับ คือ Tata Super Ace ใช้เครื่องดีเซล 1.4 ลิตร (Eco Car เครื่องเบนซินต้องไม่เกิน 1.3 และดีเซลต้องไม่เกิน 1.4)
-
รถเล็กราคาถูกมีอีกตลาดนึงคืออินเดียไงครับ...ตอนนี้หลายๆค่ายก็กำลังหันไปลงทุนอินเดียอย่างเอาจริงเอาจัง ในฐานะเศรษฐีไหม่
แต่บ้านเราไม่กำหนดขนาดรถ เขาก็อาจจะใช้บอดี้ที่เป็น Global มายัดใส่เครื่องที่ใส่ในรถอินเดีย
ใช่มากๆ ครับ โดยเฉพาะ Ford Ecoboost ที่คิดว่าต้องมาแน่ๆ ครับ
รถกระบะที่เป็น Eco Car ก็มีแล้วครับ คือ Tata Super Ace ใช้เครื่องดีเซล 1.4 ลิตร (Eco Car เครื่องเบนซินต้องไม่เกิน 1.3 และดีเซลต้องไม่เกิน 1.4)
เครื่องดีเซล ECO อีกเครื่องที่นึกออกได้ก็ Fiat diesel 1.3 ;D
-
ถ้ามีน้ำท่วมใหญ่อีก อาจจะเป็นรถ SUV แทนนะ
-
ผมอยากเห็นรถแนว k-car ในบ้านเราบ้าง คงมีสีสันดีไม่ใช่น้อย
ว่าแต่ใครจะเป็นผู้เล่นคนแรกดี suzuki ดีไหม
-
ถ้ามีน้ำท่วมใหญ่อีก อาจจะเป็นรถ SUV แทนนะ
น่าจะ eco-crossover มากกว่านา ;)
-
แงๆๆๆ ความฝันที่ข้าราชการตัวน้อยๆอย่างกระผม
จะิอัพเลเวลไปเล่น D-segment ก็คงยากขึ้นไปอีก
ราคาคงดีดไปเกิน 1.5 ล้านในตัว 2.0
เทคโนโลยีเก่า,,, อยู่ไม่นานนักหรอกคับ, เทคโนโลยีใหม่มา เดี๋ยวก็เข้าเกณฑ์
....ผมไม่เชื่อ,,, ว่า Camry Accord Teana จะใช้เทคโนโลยีเดิมไป 5-6 หรอก
....เดี๋ยวก็เปลี่ยน,,, Skoda Superb ยังใช้เครื่อง 1.8 เอง ;)
....Mondeo ใน UK ,,, ก็มีแผนจะวางเครื่อง 1.0 Ecoboost ด้วย ;D
-
ตอนนี้โซนเอเชียเนื้อหอมครับ เศรษฐกิจเรากำลังดี
ยุโรป อเมริกา ซบเซา จีนก็ขายไม่ค่อยดี
ค่ายรถส่วนมากต้องหันมามองทางนี้ครับ
-
ผมว่าภาษีขึ้นไปเท่าไหร่ คนไทยก็ยังซื้อรถอยู่ดีครับ ใครไปย้ายหนีก็เฉือนเนื้อตัวเองเปล่าๆ
-
eco car คงเหมาะกับการเดินทางไกลอยู่ละนะ เหอๆ
ผมว่าเดินทางไกล ในอนาคตรถไฟความเร็วสูงจะเหมาะกว่านะ รถยนต์คงนิยมเดินทางใกล้(ไม่เกิน300โล) เพราะนำ้มันจะแพง พลังงานแพงไปหมด ไปรถไฟความเร็วสูง(ที่คาดว่าจะเกิดจริง) คงคุ้มกว่า อย่างในต่างประเทศ เขาก็นิยมเดินทางด้วยรถไฟ แต่รถไฟไทยห่วยเกินไป ถ้าเปลี่ยนตรงนี้ได้ รถยนต์ก็ไม่ต้องอะไรทำไมมากแล้ว
-
ถ้ามีน้ำท่วมใหญ่อีก อาจจะเป็นรถ SUV แทนนะ
suv ใส่เครื่อง 1.4 ก็ได้นิครับ รถใหญ่เครื่องเล็กแต่เครื่องเล็กสมัยนี้แรงนะครับ
-
เห็นด้วยในหลายๆความเห็นครับ การกำหนดภาษีเช่นนี้ส่งผลต่อเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้อย่างเห็นได้ชัดเจน อยากทีชะลอยืดๆ แบบที่โตโยต้าทำอยู่ ก็จะต้องเปลี่ยนในเข้าในเกณฑ์เดียวกับยุโรปมากขึ้น ใครทำไม่ได้ก็ต้องถอย ณ เวลานี้ต้องบอกว่าเราไม่ต้องแคร์ครับ เขตเราเป็นเขตที่มีศักยภาพสูงสุดในการลงทุน ตอนนี้มีแต่คนอยากจะมาร่วมด้วย เพราะมันไม่ใช่แค่อาเซียน แต่มันบวกไปอีกเยอะ อีกอย่างถ้าบอกว่าจะฟังยุโรป แต่ถ้ามองยุโรปตอนนี้ก็ง่อยครับ อีกประการ ภูมิประเทศของเราใกล้เคียงกับยุโรป ซึ่งถ้าไปดูการใช้รถในยุโรปก็จะเห็นว่าเค้าก็ไม่ได้เน้นรถใหญ่กันมากนัก อีกทั้งรถที่ขายดีกลับเป็นรถที่มีเทคโนโลยีใหม่ เครื่องเล็กลง แรงใกล้เคียงเดิม แต่ประหยัดมากขึ้น รักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเราก็กำลังจะทำเช่นนั้น แสดงให้เห็นว่า แท้จริงรถขนาดไม่ต้องใหญ่มากนัก มันเพียงพอต่อการใช้งานจริงๆ ยิ่งกับในเมืองด้วยแล้ว ค่านิยมเกี่ยวกับตัวเลขของเครื่องยนต์จะกลายเป็นอดีตไป ส่วนตัวจึงมองว่าใครที่ออกมาคัดค้าน คงจะไม่ได้มองเห็นถึงประโยชน์ของประเทศที่จะได้รับ แต่กลับไปมองถึงผลประโยชน์ของบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนหาเงินในประเทศเรามากกว่า
-
อาจจะมีอีโคบะ แบบมิร่าสมัยก่อน ที่เป็นเก๋งมีกระบะท้ายก็ได้ เหอะๆ
+1 ครับ ยังอยากให้มีรถแบบ Nissan NV อยู่เลย
-
ท่านนายน้อย อยากเหมือนผมเลยตอนนี้ใช้อยู่คันนึง แบบมี cab ติดแก๊ซ วิ่งโลละบาท ไม่ได้บรรทุกอะไรหนักมากแต่ก็ต้องบรรทุกเป็นประจำ เครื่องก็ทนดี ตอนนี้คิดจะซื้อกระบะใหม่ก็ปาเข้าไป 6 แสนกว่า คนตังค์น้อยต้องทนใช้ไปเรื่อยๆ