Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: reyeshenry ที่ ธันวาคม 28, 2012, 06:05:18
-
ผมไม่เข้าใจระบบโครงสร้างภาษีรถยนต์ของประเทศไทยเท่าไหร่หรอกนะครับ
แต่รู้แต่ว่า ผมลองเข้าไปดูราคารถ ในเวปต่างประเทศ พร้อมสเปค ทั้งแคมรี่ แอคคอร์ด ครูซ อัลติส และหลายๆรุ่น หลายี่ห้อในบ้านเขา และขายในบ้านเรา และไม่ขายด้วย
ราคาถูกกว่าไทย ค่อนข้างเยอะ อย่างแคมรี่ ที่อเมริกา เริ่มต้นที่ 7 แสนบาท เป็นต้น
แต่ที่น่าแปลกใจคือ บ้านเขา แม้แต่รถที่เป็นรถรุ่นที่ถูกที่สุด ของบ้านเขาที่ขายอยู่ ราคา 12,000 US ตีเป็นเงินไทย 3 แสนกว่าๆ
กลับได้อ๊อฟชั่น ระบบความปลอดภัยครับ ครัน ทั้ง ABS EBD BA ที่น่าตกใจไปกว่า คือ รถที่รุ่น ทุกราคา ทุกยี่ห้อ อัดอ๊อฟชั่นถุงลมนิรภัยรอบคัน ไม่ต่ำกว่า 8 -10 ใบ มาให้
พอมามองย้อน บ้านเรา ซื้อรถ แคมรี่ แอคคอร์ด หรือรถ ราคาเป็นล้าน กลับได้ถุงลม 4 ใบ 6 ใบ เท่านั้นเอง สู้รถราคา 3 แสนกว่าๆ ก็ไม่ได้ เขาให้ 10 ใบ
ประเทศไทยนี้มันยังไง ซื้อรถราคาแพงมากแล้ว แต่เหตุใด อ๊อฟชั่น ที่สมควรได้ กลับถูกตัดออก ไม่เข้าใจจริงๆ
-
โครงสร้างภาษี และความจำเป็นในการจัดเก็บแต่ละประเทศไม่เหมือนกันครับ
เมกา รถถูก แต่ค่าประกัน และค่าแรงในการดูแล สูงปรี๊ดมาก (ตามค่ากินอยู่บ้านเขา) เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่รถถูก แต่ก็ไปแพงค่าอย่างอื่น
ไม่งั้น คนก็ออกรถสปอร์ตกันหมดแล้ว
ส่วนเรื่องอ็อปชั่น บางอย่างก็ไม่จำเป็นสำหรับบ้านเรา บางอย่างถ้าติดแล้วทำให้ราคาสูง เขาก็ตัดออกครับ
-
ภาษีส่วนนึง
อีกส่วนก็เรื่องสิทธิผู้บริโภคเรายังด้อยกว่า
ผมมองพวกอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่าง airbag ควรจะมีมาให้ทุกรุ่นได้แล้ว
การลดต้นทุนโดยตัดสิ่งเหล่านี้ผมว่ามันไม่ควรนะครับ
-
โครงสร้างภาษี และความจำเป็นในการจัดเก็บแต่ละประเทศไม่เหมือนกันครับ
เมกา รถถูก แต่ค่าประกัน และค่าแรงในการดูแล สูงปรี๊ดมาก (ตามค่ากินอยู่บ้านเขา) เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่รถถูก แต่ก็ไปแพงค่าอย่างอื่น
ไม่งั้น คนก็ออกรถสปอร์ตกันหมดแล้ว
ส่วนเรื่องอ็อปชั่น บางอย่างก็ไม่จำเป็นสำหรับบ้านเรา บางอย่างถ้าติดแล้วทำให้ราคาสูง เขาก็ตัดออกครับ
หากเป็นไปตามนี้ก็แสดงว่า ราคาถูกที่สุดที่ขายได้แบบไม่ขาดทุนของรถจริงๆแล้วมันไม่สูง (ต้นทุนตัวรถเพียวๆไม่สูง)
แต่ราคาที่เพิ่มขึ้นสูง-ต่ำ ของแต่ละที่ล้วนมาจากปัจจัยภายนอกตัวรถซะส่วนใหญ่ใช่ไหมครับ
สรุปได้ไหมว่า ราคารถพี่ไทยไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ราคาหน้าโรงงานไม่รวมภาษีควรถูกกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ (เยอะ)ใช่หรือเปล่า
-
โครงสร้างภาษี และความจำเป็นในการจัดเก็บแต่ละประเทศไม่เหมือนกันครับ
เมกา รถถูก แต่ค่าประกัน และค่าแรงในการดูแล สูงปรี๊ดมาก (ตามค่ากินอยู่บ้านเขา) เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่รถถูก แต่ก็ไปแพงค่าอย่างอื่น
ไม่งั้น คนก็ออกรถสปอร์ตกันหมดแล้ว
ส่วนเรื่องอ็อปชั่น บางอย่างก็ไม่จำเป็นสำหรับบ้านเรา บางอย่างถ้าติดแล้วทำให้ราคาสูง เขาก็ตัดออกครับ
ผมไม่คิดแบบนั้นซะทีเดียว เพราะค่ากินค่าใช้มันคือค่าครองชีพซึ่งมาจากผลของรายได้ที่สูงทำให้มันแพง แต่ถ้ามองกลับไปรถจะราคาถูกมาก เสมือนมือถืออ่ะครับ
เค้ามองรถเค้าถูก เหมือนที่เรามองมือถือถูก
ถูกสองเด้งเพราะรายได้สูง ราคาสินค้าแค่นี้ถือว่าไม่เยอะ แต่รายได้ขนาดนั้นมันต้องสะท้อนค่ากินค่าใช้แบบนั้น เหมือนคนไทยครับซื้อรถราคาเดียวกันทั่วประเทศ หากไปขับแถวสยาม ย่อมมีค่ากินค่าจอดมากกว่าที่อื่น
-
แพงแบบนี้รถยังไม่มีที่จะวิ่งเลยครับ civic ที่สิงค์โปรได้ยินมาว่าคันหล่ะ 2 ล้านกว่า มันต้องแบบนี้..... อยากรู้จริงๆถ้ารายได้จากน้ำมันไม่เยอะเหมือนทุกวันนี้ การขนส่งของประเทศมันจะดีขึ้นแค่ใหน หุหุ
-
เพราะบ้านเรา เขาง้อคนขาย ครับ
รถไม่ทันมีมาจอด แห่กันไปจอง
แบบนี้ ตั้งราคาเท่าไหร่ ก็ขายได้ จะขายถูก ๆ ทำไม ?
รถอเมริกา ถูกกว่า เพราะไม่มีภาษีนำเข้าสำหรับรถทัี่ว ๆ ไปเช่นรถเล็ก รถกลาง และ "เอากำไรน้อยกว่า" ฟันธงครับ
รถอเมริกาเลยถูกกว่าเรา ในอัตราส่วนเกือบ ๆ100%
ลองเอาภาษีสรรพสามิต ใส่เพิ่มในราคารถของอเมริกาดูสิครับ บวก VAT เข้าไปอีก เทียบกับราคารถบ้านเรา ยังเหลืออีก 20 - 30% แสดงว่า ราคาที่กำไรแล้ว ยังได้กำไรอีก 20 -30%ที่เมืองไทยเรา
คนไทยใช้ของแพงแน่นอนครับ เพราะค่าครองชีพเรากับอัตราส่วนรายได้มันเล็กมาก มีเท่าไหร่ ใช้หมด
ค่าแรงขั้นต่ำ อเมริกา $7 ต่อชั่วโมงวันนึงก็ราว ๆ1600บาท คนไทย 300 บาท
อาหารจานเดียวอเมริกาถูกสุดก็ $3 อิ่มท้องสบาย ๆ อาหารบ้านเรา 30 บาท อาจจะอิ่ม
คนอเมริกันทำงานกินเงินเดือนรายได้เฉลี่ย $3500 ต่อเดือน สามารถซื้อรถคันละ $10000 -20000 ได้ไม่ต้องกู้ใคร ค่าประกันราว ๆ$800-$2000 ต่อปี ค่าจอดรถก็วันละ $10 หรือที่ทำงานบางทีจอดฟรีเยอะแยะไป
ถ้าเป็นวิศวะกรจบใหม่ ๆ รายได้ $40000 - $50000ก็ถือว่าน้อยแล้วครับ
ปี ๆ นึง เก็บเงินเหลือ ๆ ได้เป็นล้าน คนไทย ถ้าต้องผ่อนรถด้วย มีน้อยคนที่มีเงินเก็บเป็นล้าน
จะเรียกว่าค่าครองชีพอเมริกาแพง คงไม่ได้
ที่แพงคือ ค่าซ่อมรถครับ ทำให้คนเขาเปลี่ยนรถกันบ่อย แต่ถ้าคุณซ่อมเองได้ หรือรู้จัก indyshop ไว้ใจได้ก็ไม่ได้แพงอะไรคิดกับรายได้ที่มี
สรุปคือ ตัวรถอเมริกา ถูกกว่าเราแน่ ๆ (ก่อนบวกภาษีต่าง ๆ) ไม่ต้องคิดเรื่องรายได้ ยิ่งถ้าคิดรายได้เข้าไปอีก ถูกกว่าอีกเยอะ
-
แพงด้วยโครงสร้างภาษีครับ
บริษัทไทยเองก็อยากครับ ยัดอุปกรณ์เทพๆ แต่มันไม่คุ้มทุนกำไร
หากราคารถพุ่งไปสูงเกินจนซื้อไม่ไหว
ส่วนที่ต่างประเทศราคารถถูก แต่ค่าำบำรุงรักษาแพง ภาษีรายปีแพง
ยิ่งบางประเทศไม่มีที่จอดไม่ให้ซื้ออีก หรือถ้าปล่อยไอเสียมากขึ้น จ่ายแพงขึ้น
ส่วนบ้านเราตอนนี้ นอกจากรถแพงแล้ว ค่าเซอร์วิสเริ่มจะไหลตามมาสมทบอีกทางนึง
เมื่อก่อนเช็คระยะหมื่นโลแรก จ่าย 600 ตอนนี้จ่ายไป 1400
พี่ท่านเล่นไม่ขายน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดากันเลย
-
ลองคิดในมุมมองของผู้ผลิต
คุณจะเพิ่มออปชั่นไปตัดกำไรทำไม ถ้าไม่ว่าจะอย่างไร รถของคุณก็ขายได้อย่างแน่นอน
ส่วนพวกค่ายรองก็ต้องจัดเต็มกว่า ไม่งั้นจะเอาอะไรไปสู้เขา
-------------------------------------
เหมือนคนที่ขายสินค้าอยู่เพียงเจ้าเดียวในพื้นที่ ยังไงๆก็ขายได้อยู่แล้ว จะขายถูกๆไปทำไม
ต่างกับใน กทม. ที่มีผู้ขายพรึ่บ ขายแพงกว่าชาวบ้านเขาโดยไม่มีอะไรแตกต่างไปจากพวกเขาเลย ลูกค้าก็ไม่เอา
---------------------------------------
แต่โดยส่วนตัวแล้วก็อยากใช้รถแบบ ตปท มั่งจัง รถอินดี้เยอะแยะ
-
โครงสร้างทั้งด้านภาษีของรัฐเป็นประเด็นหลัก
พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นเรื่องรองลงมา แต่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ต่างประเทศ มองรถเกาหลี กับ ญี่ปุ่น เป็นรถเอเชียเหมือนกัน ดังนั้น ออปชั่น คุณภาพเท่ากัน ใครถูกกว่า อันนั้นขายดีกว่า และที่สำคัญอีกอย่างคือ ราคามือสองเค้าแทบจะไม่มีความหมาย ไม่ต่างกัน
แต่บ้านเราไม่ใช่ เราเห็นได้จากที่ว่า ทำไมเจ้าตลาดถึงทุ่มทุน ทำ 0 ขายรถมือสอง เพราะความจำเป็นในการพยุงราคามือสอง เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันนั่นเอง ถ้าไม่มีตรงนี้ ใครทำรถห่วย ขายแพง มันก็ขายไม่ได้ไปเอง เหมือนที่โต สู้ฮุนไดไม่ได้ในตลาดออสเตรเลีย เป็นต้น ต้นทุนตรงนี้ก็ต้องนำมาคำนวนเข้าไปอีก
อันสุดท้าย ผมว่าบ้านเรา มีค่าใช้จ่ายของบริษัทรถยนต์บางเรื่อง ที่เป็นแบบมองไม่เห็น แฝงอยู่ด้วย
จึงต้องบวกและมาลงกับผู้บริโภค ในท้ายที่สุด
-
น่าคิดครับ
รายได้ของบริษัทรถยนต์จบเมื่อขายรถได้ (ดังนั้นพวกค่าดูแล ค่าประกัน ค่าจอด อื่นๆ ไม่ควรเอามาคิด)
ซึ่งต้นทุนในการผลิตบ้านเราถูกว่าหลายๆประเทศแน่นอน หลักฐานคือ เราเป็นผู้ส่งออกรถยนต์
แต่คนไทยเองกลับต้องซื้อรถราคาแพงกว่าที่อื่น (ทั้งในเชิงตัวเงินที่สูงกว่า และออฟชั่นต่างๆที่ด้อยกว่า)
เหตุผลที่ผมนึกออก คือบริษัทรถยนต์มาผลิตในไทยได้กำไรดี (จึงเห็นข่าวหลายๆค่ายแย่งกันขยายกำลังการผลิต)
ก็ในเมื่อคนไืทยแห่ไปจองรถกันขนาดนี้ บริษัทรถไม่ใช่องค์กรการกุศล ใจบุญ เอากำไรแต่พอดีนี่ครับ
เขาก็ตั้งราคาที่ทำให้เขาได้กำไรสูงสุดอยู่แล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลานักการเมืองทำถนนไปถึงไหนต่อไหน ก็จะได้คะแนนเสียง ประชาชนบอกว่านำความเจริญเข้ามา
แต่ถ้าทำทางรถไฟ ทำทางรถไฟฟ้า เพิ่มสายรถเมล์ ไม่ได้คะแนนเสียง
แถมถ้าบอกว่าปฎิรูป ปรับปรุง รัฐวิสาหกิจเหล่านี้ ยังโดนด่า หาว่าขายชาติ เสียคะแนนเสียง
ประเทศไทยก็เลยพัฒนาได้แต่ถนน
คนไทยก็เลยจำเป็นต้องซื้อรถกัน บริษัทรถก็เลยขายรถได้แพงๆ ด้วยประการชะนี้แล... ;D
-
แพงแบบนี้รถยังไม่มีที่จะวิ่งเลยครับ civic ที่สิงค์โปรได้ยินมาว่าคันหล่ะ 2 ล้านกว่า มันต้องแบบนี้..... อยากรู้จริงๆถ้ารายได้จากน้ำมันไม่เยอะเหมือนทุกวันนี้ การขนส่งของประเทศมันจะดีขึ้นแค่ใหน หุหุ
สิงคโปร์รถถูกมากครับ แต่ใบอนุญาติซื้อรถสิครับแพง ต้องประมูลแข่งกัน
ณ ปัจจุบัน ใบอนุญาติซื้อรถ ราคาเกือบ 100,000 SGD แล้ว
Camry คันละ เกือบ 5 ล้านแหนะครับ
แต่ถ้าประเทศนี้ปล่อยขายรถกันเสรี รถคงเต็มเมือง รวยกันเหลือเกินคนสิงคโปร์
-
โครงสร้างทั้งด้านภาษีของรัฐเป็นประเด็นหลัก
พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นเรื่องรองลงมา แต่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ต่างประเทศ มองรถเกาหลี กับ ญี่ปุ่น เป็นรถเอเชียเหมือนกัน ดังนั้น ออปชั่น คุณภาพเท่ากัน ใครถูกกว่า อันนั้นขายดีกว่า และที่สำคัญอีกอย่างคือ ราคามือสองเค้าแทบจะไม่มีความหมาย ไม่ต่างกัน
แต่บ้านเราไม่ใช่ เราเห็นได้จากที่ว่า ทำไมเจ้าตลาดถึงทุ่มทุน ทำ 0 ขายรถมือสอง เพราะความจำเป็นในการพยุงราคามือสอง เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันนั่นเอง ถ้าไม่มีตรงนี้ ใครทำรถห่วย ขายแพง มันก็ขายไม่ได้ไปเอง เหมือนที่โต สู้ฮุนไดไม่ได้ในตลาดออสเตรเลีย เป็นต้น ต้นทุนตรงนี้ก็ต้องนำมาคำนวนเข้าไปอีก
อันสุดท้าย ผมว่าบ้านเรา มีค่าใช้จ่ายของบริษัทรถยนต์บางเรื่อง ที่เป็นแบบมองไม่เห็น แฝงอยู่ด้วย
จึงต้องบวกและมาลงกับผู้บริโภค ในท้ายที่สุด
ค่าใช้จ่ายนี้อาจจะพอๆ กับภาษีสรรพสามิตนะเออ... หึหึ
-
โครงสร้างภาษีใช่ครับแต่จะใส่ให้มาเพียบพร้อมจริงๆมันก็ทำได้แต่ว่ามันไม่ใส่เพราะจะทำกำไรสูงๆ ยกตัวอย่างเฟียสต้านี่เห็นได้ชัดเลยว่ารถขนาดเล็กจะใส่ESPมีแอร์แบกครบมีม่านนิรภัยในราคาต่ำกว่าล้านก็ให้ได้......มันชวนให้สงสัยว่าแล้วที่ผ่านเราโดนจำกัดภายใต้หลักเกณท์อะไรกัน? ในเมื่อค่ายรถคิดจะแย่งลูกค้าก็ใส่ออพชั่นมาเต็มที่ได้ง่ายๆขอแค่อยากจะทำแค่นั้น :(
ผมคิดว่านอกจากการเอาเปรียบของค่ายรถทุกค่ายแล้วส่วนหนึ่งมันก็มาจากคนไทยองนี่แหละที่ไม่ชอบของพวกนี้ นิสัยคนไทยคือจะซื้อรถคันโตๆในราคาถูกที่สุดราคาขายต่อดีที่สุด ขอให้โครงใหญ่ไว้ก่อนอปกรณ์อื่นๆไม่สนใจ เกินครึ่งของคนในสังคมยังคิดอยู่เลยว่า ABS แอร์แบกเป็นของไม่จำเป็นไม่ต้องเสียเงินซื้อเอาไว้เพราะมันแพงกว่าคันที่ไม่มี ค่ายรถก็หวานปากสิครับ ในเมื่อลูกค้าไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยไม่สนใจสวัสดิภาพของตัวเอง ไม่มีกฏควบคุมอุปกรณ์ภายในรถเหมือนประเทศที่เจริญแล้ว เค้าก็ไม่ต้องใส่มาให้ก็เก็บกำไรอุปกรณ์ในส่วนนี้สบายตัวไป >:(
-
รายได้ต่ำอยู่แล้ว เจอรถราคาสูงอีก
โอกาสหรือความสามารถที่อยากจะได้ขับรถเท่ๆบ้าง
ก็แทบจะไม่มีเหลือเลย ก็เหลือแต่คนรวยจริงๆ ซื้อขับกัน
คนจนไม่มีสิทธิ์อยู่ดี คงต้องรอรวยบ้าง :'(
-
ตามความคิดผมที่ไม่ค่อยรู้อะไรมากมายนะครับ
ที่รถแพงส่วนหนึ่ง เพราะ การใช้กำแพงภาษีมากีดกัน ไม่ให้คนซื้อรถมากนัก
แต่วิธีนี้ใช้มานานจนเป็นความเคยชินกัน ว่ารถ เซ็กเม้นนี้ ราคามันก็ประมาณนี้แหละ
เรื่อง ออพชั่น กับ ราคา
ราคารถนั้น มันต้องรวมค่า R&D ไว้ด้วย และค่าการตลาดอีก
นอกจากนี้ บางค่าย เขาอาจบวกค่าบริการหลังการขายไว้สูงกว่าค่ายอื่น
แต่บางค่ายอาจบวกค่าบริการหลังการขายไว้น้อย
ทำให้เราในบอร์ดนี้ได้มีการสนทนา เปรียบเทียบ เรื่องศูนย์บริการและคุณภาพรถกัน
ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ
-
ราคารถที่แพง เป็นเรื่องของโครงสร้างภาษีของบ้านเราเป็นหลัก
ส่วนเรื่อง option โดยเฉพาะ option ด้านความปลอดภัย อย่างพวก Airbag, ABS อะไรพวกนี้
ผมมองเป็น 2 ส่วนคือการบังคับของภาครัฐ และของผู้ผลิต
ในต่างประเทศ โดยเฉพราะประเทศที่เจริญแล้ว เค้าจะมีกฏหมายมาบังคับควบคุมผู้ผลิต
ว่ารถที่จะขายได้นั้น จะต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยอะไรบ้าง เช่นรถต้องมี Airbag, ABS
ถ้าไม่มีตามที่กำหนด ก็ขายไม่ได้ ตรงนี้ทำให้ผู้ผลิตต้องใส่มาให้เป็นมาตรฐาน
อย่าง Daytime Running Light นี่ก็เป็นอีกหนึ่งกฎหมายความปลอดภัยที่รถใหม่ทุกคันต้องมี
เมื่อบ้านเราไม่มีกฎหมายอะไรมาบังคับ ผู้ผลิตจึงมีอิสระที่จะใส่หรือไม่ใส่มาให้ก็ได้
ผู้ผลิตหลาย ๆ ราย ก็จะเลือกที่จะไม่ใส่ในรุ่นล่าง ๆ เพื่อลดต้นทุน และทำให้ราคาขายถูกลง
ส่วนผู้ผลิตรถบางราย โดยเฉพาะกับพวกรถยุโรป ที่ออกแบบรถและติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย
พวกนี้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ก็จะมีติดตั้งมาให้ แม้กฎหมายไทยจะไม่ได้บังคับ เพื่อให้รถของ
ตัวเองมีมาตรฐานเท่า ๆ กันในทุก ๆ ตลาด (แต่ราคารถก็สูงกว่า)
คห. ส่วนตัวนะครับ จริง ๆ รัฐ ควรลดภาษีส่วนหนึ่งลง แล้วออกกฏหมายควบคุมพวกมาตรฐาน
ความปลอดภัยของรถให้เข้มขึ้น เพื่อบริษัทรถจะได้ติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นมาให้ได้ โดยไม่
ทำให้ราคารถสูงกว่าเดิม คนไทยก็จะได้ใช้รถที่ดีขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น
-
ก่อนที่จะบ่นว่ารถบ้านเราแพง แต่ออพชันโดนตัดเพียบ
กรุณา เดินไปดู โชว์รูมรถ ในลาว และสิงค์โปร์ ดูก่อน ครับ
แล้วจะซึ้งว่า คนประเทศเขา จ่ายหนักบ้าบอกว่าเราเยอะแยะ!
-
ต้องเรียกว่ารัฐบาล ขายรถให้ประชาชนใช้ครับ
แล้วปีนี้ รัฐบาลจัดโปโมชั่น ลดราคา เพื่อทำยอด จัดเก็บภาษี
การตลาดเค้าดีจริง :o
-
ผมเองก้อเคยมีความคิดเรื่องนี้นะ อิจฉาประเทศเจริญในยุโรป หรือ อเมกา ที่เค้าใช้รถถูกๆออฟชั่นเยอะๆ
แต่คิดไปคิดมา เค้านะรถถูก แต่
-เข้าอู่ค่าแรงโหด
-ภาษี ประกัน น่าจะแพง
-ค่าที่จอด เท่าที่รู้ ญี่ปุ่น สิงคโปร ฮ่องกง มหาโหด ลืมจอดทิ้งนานๆค่าที่จอดเล่นเอาจนได้เลย
-ค่าบ้านแพง
-อาหารแพง
-service ต่างๆ แพง เอาง่ายๆ ผมว่าสมชิกเกินครึ่งใน HLM มีคนรับใช้ที่บ้าน ส่วนพวกประเทศที่รถถูกๆนั้น มีไม่เท่าไหร่หรอก ที่รวยพอจะจ้างคนทำงานบ้าน
ของไทยเราหนะหรอ
-อาหารถูก มากกก
-บ้านก้อไม่แพงเลย ใน กทม. เทียบกะจีน เอาแค่เมืองอุตสาหกรรมบ้านนอกๆหน่อย เรายังถูกกว่าเล้ย ไม่ต้องไปนับ Shanghai Beijing พวกนั้นแพงบรรลัยไปแล้ว
ของเราที่แพงหนะ มันก้อแค่พวกของฟุ่มเฟือยทั้งหลาย นานๆซื้อทีครับ ไม่ซีเรียส แต่ข้าวหนะ กินทุกวันนะ
:P ผมรักเมืองไทยหวะ
-
ภาษีมั้งครับ หรือบริษัทผลิตรถอาจมองว่า ชีวิตคนไทยมันราคาถูกก็ได้มั้ง อย่างเมกาพี่โตคันเร่งค้างคุ้มครองผู้บริโภคเขาลงมาเล่นอย่างจริงจังเลย เอาจนร้องห่มร้องไห้กันเลยทีเดียว แต่ในไทยใครมีปัญหาต้องไปฟ้องกันเอาเอง แถมฟ้องไปโดนแบล๊คลีสอีก
-
อ๊อฟชั่นอย่างอื่นไม่เท่าใหร่ แต่ในส่วนของความปลอดภัยไม่สมควรตัดเป็นอย่างยิ่ง ผู้ผลิตและรัฐควรคุ้มครองชีวิตของผู้บริโภคให้มากกว่านี้ ผมมั่นใจว่าถ้าจะทำจริงๆทำไมจะทำไม่ได้
-
เพราะบ้านเรา เขาง้อคนขาย ครับ
รถไม่ทันมีมาจอด แห่กันไปจอง
แบบนี้ ตั้งราคาเท่าไหร่ ก็ขายได้ จะขายถูก ๆ ทำไม ?
รถอเมริกา ถูกกว่า เพราะไม่มีภาษีนำเข้าสำหรับรถทัี่ว ๆ ไปเช่นรถเล็ก รถกลาง และ "เอากำไรน้อยกว่า" ฟันธงครับ
รถอเมริกาเลยถูกกว่าเรา ในอัตราส่วนเกือบ ๆ100%
ลองเอาภาษีสรรพสามิต ใส่เพิ่มในราคารถของอเมริกาดูสิครับ บวก VAT เข้าไปอีก เทียบกับราคารถบ้านเรา ยังเหลืออีก 20 - 30% แสดงว่า ราคาที่กำไรแล้ว ยังได้กำไรอีก 20 -30%ที่เมืองไทยเรา
คนไทยใช้ของแพงแน่นอนครับ เพราะค่าครองชีพเรากับอัตราส่วนรายได้มันเล็กมาก มีเท่าไหร่ ใช้หมด
ค่าแรงขั้นต่ำ อเมริกา $7 ต่อชั่วโมงวันนึงก็ราว ๆ1600บาท คนไทย 300 บาท
อาหารจานเดียวอเมริกาถูกสุดก็ $3 อิ่มท้องสบาย ๆ อาหารบ้านเรา 30 บาท อาจจะอิ่ม
คนอเมริกันทำงานกินเงินเดือนรายได้เฉลี่ย $3500 ต่อเดือน สามารถซื้อรถคันละ $10000 -20000 ได้ไม่ต้องกู้ใคร ค่าประกันราว ๆ$800-$2000 ต่อปี ค่าจอดรถก็วันละ $10 หรือที่ทำงานบางทีจอดฟรีเยอะแยะไป
ถ้าเป็นวิศวะกรจบใหม่ ๆ รายได้ $40000 - $50000ก็ถือว่าน้อยแล้วครับ
ปี ๆ นึง เก็บเงินเหลือ ๆ ได้เป็นล้าน คนไทย ถ้าต้องผ่อนรถด้วย มีน้อยคนที่มีเงินเก็บเป็นล้าน
จะเรียกว่าค่าครองชีพอเมริกาแพง คงไม่ได้
ที่แพงคือ ค่าซ่อมรถครับ ทำให้คนเขาเปลี่ยนรถกันบ่อย แต่ถ้าคุณซ่อมเองได้ หรือรู้จัก indyshop ไว้ใจได้ก็ไม่ได้แพงอะไรคิดกับรายได้ที่มี
สรุปคือ ตัวรถอเมริกา ถูกกว่าเราแน่ ๆ (ก่อนบวกภาษีต่าง ๆ) ไม่ต้องคิดเรื่องรายได้ ยิ่งถ้าคิดรายได้เข้าไปอีก ถูกกว่าอีกเยอะ
เห็นด้วยครับ GDP สัมพัทธ์ ขอก็อปไปสอนเด็กๆนะครับ ;D
-
ประเทศไหนก็เป็นอย่างประเทศนั้น อย่าบ่นเลย
รถแพงเพราะภาษี แล้วภาษีไม่ได้เอามาพัฒนาบ้านเมืองรึ?
ออพชั่นความปลอดภัยถูกตัด ก็เพราะเราไม่สนใจมันเอง
ถ้าเราเลือกซื้อแต่รถที่เน้นความปลอดภัยใครจะกล้าตัด
แต่ทุกวันนี้เป็นอย่างนั้นรึ? เอาแค่เข็มขัดนิรภัย ถ้าตำรวจไม่จับ
มีซักกี่คนจะคาด? ???
-
ค่าครองชีพเราถูก รถเราเลยต้องแพงหรอครับ?
กลัวพวกเราจะรวยเกินหรอ 555+
กลัวพวกเราจะขับ Ferrari กันทุกคน ?
ภาษีสูงๆเพื่อให้มีรถน้อย ?
โอเคครับ ภาษีพัฒนาเรา ประเทศเราจะได้น่าอยู่
-
ให้แพงกว่านี้ยิ่งดีครับ หันมาใช้จักรยานดีกว่า ;D
-
เพราะรัฐบาลไม่สามารถทำใจตัดรายได้ส่วนนี้ครับ
-
เพราะประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวยครับ
รายได้จากรัฐบาล ก็มาจากการจัดเก็บภาษี
ซึ่งภาษีเงินได้ในแต่ละปีก็เก็บได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
คนรวย เจ้าของห้างร้าน เจ้าของกิจการ ก็หลีกเลี่ยงภาษีกันเป็นเรื่องปกติ
แจ้งยอดขาย แจ้งรายได้กันต่ำๆ เพื่อจะได้จ่ายภาษีน้อยๆ
ส่วนคนชั้นกลาง คนจน ซึ่งถือเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ 80-90%
ส่วนมากรายได้ไม่เยอะ ก็จ่ายภาษีกันนิดเดียว หลายคนมีรายได้เดือนละหมื่น หรือ ไม่ถึงหมื่น ก็ไม่เสียภาษี
ดังนั้น รัฐจึงต้องหารายได้จากการเก็บภาษีในรูปแบบอื่นๆ
และรถยนต์ ก็ถือเป็นของฟุ่มเฟือย เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนคนมีตังค์ ถึงจะซื้อได้ เลยมาเก็บภาษีตรงนี้หนักๆ
โดยเฉพาะรถเก๋ง จะโดนหนักกว่ารถกะบะ ทั้งๆ ที่ต้นทุนการผลิต เผลอๆ รถกะบะอาจจะสูงกว่า
ยิ่งรถยุโรป รถนำเข้า ก็จะยิ่งโดนหนัก เพราะถือว่า คนซื้อรถพวกนี้ได้ เค้ารวย ก็เก็บกันหนักๆ
-
ผมว่าสองแรงบวกที่ทำให้เราซื้อรถแพง
1. ภาษี ซึ่งแพงกว่าหลายๆประเทศ ภาษีสรรพสามิต ก็แพง เข้าใจว่าอยากมีรายได้เข้ารัฐเยอะ เลยเก็บแพง ดังนั้นบริษัทธิ์ผลิตรถก็ต้องขายแพงตามภาษีที่เจอ
2. รายได้คนไทยต่ำ จบป.ตรี ที่ว่า15,000 นั้นไม่จริง หลายที่ยังได้แค่10,000 เดียวเอง(เช่นที่ผมทำงาน) ดังนั้น จะซื้อรถแต่ละคันไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าเิงินเดือนขั้นต่ำ ป.ตรี 30000 ราคารถ 400000 อันนี้ความฝันใกล้เข้ามาอีก
สรุปคือ คนไทยจะ เราเป็นประเทศหนักไปทางยากจนแต่ดันมีรสนิยมสูง แถมภาษีที่ได้ก็เอาเข้ารัฐ(เหรอ)ทำให้ชาวบ้านตาดำๆต้องมีเงินน้อยจะถอยรถแต่ละทีคิดหนักเลย รถไม่เชิงแพง แต่มันตั้งราคาสูงกว่ารายได้ที่ควรได้ ครับ
-
ภาษีครับ :D
-
หากรถที่แพงกว่าชาวบ้านของเมืองไทย เป็นเพราะภาษีเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ อันนี้ไม่รู้สึกอะไร การที่มีบางประเทศมีราคารถที่แพงกว่าเรา เพราะเขามีเหตุผลที่ชัดเจนและตอบสังคมได้ดีกว่าเรา(อันนี้ว่ากันทั้งโลก) ราคารถที่สูงระดับเมืองไทยภาษีที่ได้จะต้องนำมาพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเป็นสิ่งตอบแทน เป็นการบังคับกลายๆให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ รถยนต์มีราคาแพงแต่ขนส่งมวลชนก็ยังแย่ กลายเป็นว่าไม่มีทางเลือกให้ประชาชน โดยเฉพาะระบบรางทั่วประเทศ ผมเชื่อว่าประเทศไทยมีระดับการพัฒนารถไฟต่ำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับประเทศที่มีระดับการพัฒนาโดยรวมพอๆกัน หากวัดกันที่ระดับการพัฒนาของถนน ประเทศที่อยู่ในระดับเดียวกับไทย หาประเทศที่มีถนนดีกว่าเรายาก
ผมกลัวแต่ว่าจะมีบุคลที่แสวงหาผลประโยชน์จากภาษีรถที่สูงเป็นเด้งแรก และยังรับผลประโยชน์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะระบบรางเป็นเด้งที่สองอีก เข้าอีหรอบเดียวกันการหน่วยงานที่ทำหน้าที่คุมครองผู้บริโภคและผู้รักษากฎหมาย ที่ไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถึงจะเก็บภาษีรถยนต์แพงกว่านี้ก็ไม่ว่า ถ้าหากมีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ทั่วถึง มีระบบการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มแข็งเฉกเช่นประเทศที่เจริญแล้ว แต่ผมก็ยังหวังว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้นในอนาคต เมื่อคนไทยมีการศึกษาดีขึ้น มีฐานะดีขึ้น เมื่อท้องอิ่ม จะเกิดกระแสเรียกร้องคุณภาพและความชอบธรรมขึ้นมาเอง
-
รถที่อเมริกาถูกจริงครับ แต่....อย่างที่ท่านอื่นๆ บอกคือค่าประกัน ค่าซ่อมบำรุง และอื่นๆ นั้นแพงมากครับ
และอีกเรื่องที่ผมเห็นด้วยคือคนซื้อส่วนใหญ่ในบ้านเรา "ง้อคนขาย" จริงครับ
ด่ากันปาวๆ สุดท้ายก็จำยอมซื้อแล้วเอามาบ่นต่อ (ผมก็คนนึงล่ะ - -")
ผมจำได้เลยว่าเมื่อตอนนั้นผมบ่นให้คุณป้าที่มาจากอเมริกาฟังว่า...
"รถรุ่นเดียวกัน ราคาพอกัน แต่ออฟชั่นและระบบความปลอดภัยต่างๆ เขาให้มาครบครัน แต่ที่ไทยตัดซะเฮี่ยน"
คุณป้าก็เลยตอบกลับมาว่า...
"แล้วเราไปยอมซื้อของเขาทำไมล่ะ ถ้าเราพร้อมใจไม่ยอม เดี๋ยวเขาก็ยอมให้มาเอง"
นั่นล่ะครับ ความคิดที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่อย่างแท้จริงที่ติดมากับคุณป้าผม :)
-
ผมก็น่าเห็นใจนะ รถมันแพง
แต่ในเชิงเปรียบเทียบผมก็ยังโอเคอยู่
ขำๆครับ ซื้อมาแพงก็ขายแพง มือสองก็แพง ไม่คิดอะไรมากก็ไม่เสียหายอะไร
เชื่อมั๊ยครับ ตอนนี้toyota wish ราคามือสองยังแพงอยู่มากเลย ผมล่ะขำ ยังมีคนซื้ออีก เพราะออกเก๋งเล็กได่สบายเลย รถ9-10ปีแล้ว
สรุปว่าไม่คิดอะไรมาก อยากได้รถดีก็ซื้อเบอร์ 4-10ได้
แต่ถ้าไม่อะไรมาก ก็1-3เจ้าตลาด
พวกนี้บรรเทาอาการรถแพงได้บ้างครับ
-
ราคารถแพงผมว่าแยกเป็นประมาณนี้ครับ
- ชิ้นส่วนที่เป็น เทคโนโลยีชั้นสูงยังต้อง import อยู่ครับทำให้ต้นทุนสูง
- material หลายๆอย่าง เช่น เหล็ก หรืออื่น เรายังต้องนำเข้าอยู่ครับ เนื่องจากคนไทยกีดกันโรงงานถลุงเหล็กไงครับ
- ค่าใช้จ่ายแอบแฝงเยอะครับ ทั้งบน และใต้........ ส่วนใหญ่ก็ถูกคิดร่วมไปในต้นทุนแล้วครับ เป็นเหตุให้รถใหม่ที่กำลังมีชื่อเสีย ราคาแพงขึ้นแต่ option ลดลงมั้ง อิอิ
- จากทั้งหมดมาอยู่ในต้นทุนรถ ก่อนที่จะคูณด้วยภาษีสรรพสามิตราคาแพง เพื่อพัฒนาประเทศครับ อันนี้รับได้ แต่ค่าใช้จ่ายที่เข้ากระเป๋าส่วนตัวใครบางคนรับไม่ได้ครับ
ส่วน option ที่น้อย
- จากที่บอกว่าเทคโนโลยี้ชั้นสูงต้องนำเข้า พวก optionเหล่านั้นก็ต้องนำเข้าไงครับ ก็เลยใส่ไม่ได้เยอะ
- คนไทยบ่นว่าน้อยแต่ก็ยังซื้อไงครับ บริษัทรถยนต์เค้าก็รู้ว่าไม่ให้ก็ซื้ออยู่ดีครับ
- บางที่บริษัทรถยนต์ก็เตี๋ยมกันครับ ว่าตอนนี้ option บางอย่างเค้ายังไม่ต้องให้เหมือนกัน ถ้าลูกค้าไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าก็ต้องซื้ออยู่ดีครับ
จนกระทั้งมีบางบริษัทอัดoptionแข่งก็เลยต้องให้เพิ่มมาบ้างครับ จะมีก็แต่บางที่ ที่คิดว่าเป็นเจ้าตลาดยังไงก็ขายได้ airbag Abs ไม่ต้องใส่ก็ได้ ไม่ตายเดี๋ยวก็ต้องมาซื้อคันใหม่กับเค้าอยู่ดีเนอะ
-
ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ราคา เกี่ยวกับภาษีจริง แต่ออพชั่น ไม่ใช่ซะทีเดียว
ดูน้ำมันครับ ถามว่าทุกวันนี้ บางจาก ไทยออยล์ กลั่นให้ได้ระดับ ยูโร 5 ได้ไหม คำตอบคือ "ได้"
แต่ไม่ทำ เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องทำให้เปลืองต้นทุน ในเมื่อรัฐบาลต้องการแค่ ยูโร 4
เหมือนเรื่อง ภาษี 59 แหละครับ ถ้ารัฐไปบีบเอง ยังไง บริษัทรถก็ต้องปรับตัว
แต่รัฐไทย เทียบอเมริกาไม่ได้หรอกครับ รู้ๆกันอยู่ รัฐไทยใส่ใจผู้บริโภคซะที่ไหน...
-
รถที่อเมริกาถูกจริงครับมือ 1 มือ 2นี่ ยิ่งแล้วใหญ่ เริ่มที่ 1500usd ยังมี
พวกราคาที่จอด ประกัน ซ่อมบำรุง ผมว่าราคามันสมดุล มันลงตัวสำหรับคนทำมาหากินที่นี่นะครับ
ถ้าตีเป็นเงินไทยอาจแลดูแพง ตอนนี้ผมมาใช้ชีวิตอยู่นิวยอร์คผมทำงานพิเศษ รายได้100usdอัพต่อวัน
ทำอาทิตย์ละ 4 วัน ผมผ่อนค่าเรียน จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์ ค่าบัตรซับเวย์ เหลือๆ
วันหยุดเช่า รถแวน Dodge 6 ที่นั่งไปเที่ยวกับเพื่อน วันละ 160usd ชิวๆ ผมโอเคกับกฎหมาย ระเบียบที่นี่มากๆ
ผมไม่อยากเปรียบเทียบกับเมืองไทย เพราะยังไงผมก็รักประเทศไทย
ค่าครองชีพ ระบบอะไรต่างๆ ผู้นำ บริหารประเทศคนก่อนๆ ของอเมริกาเค้าวางพื้นฐานมาดี
-
ที่แพงเพราะภาษีจริงๆหรอครับ
รถผลิตในประเทศ ภาษีอากรขาเข้าด้านอะไหล่นำเข้าตั้งแต่ต้นปี ลดลงหมดทุกตัวครับ แต่ค่ายรถก็ขายกันราคาเดิม แถมแพงกว่าเดิมอีก
-
โชคดีนะ เราใช้รถมือสอง 5 5 5
รถแพงไม่ว่า...ขอราคาน้ำมันถูกๆ เป็นพออ่ะ