Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TK2003 ที่ มกราคม 13, 2013, 16:49:06
-
หลังจากตัดสินใจอยู่นานนนนนมากกกกก ระหว่าง x1 & 320d (ดันไปจบที่ 320i ซะแบบ งงงง) เพิ่งจองมาวันนี้ครับ 320i ที่พระราม 3 รับรถช่วงหลังเมษา พร้อมกับปัญหาคาใจ
1. ราคาที่ต่างกันกับค่าน้ำมันที่ต้องจ่าย
2. เครีื่องไหนน่าจะทนกว่าใช้ 7 ปีขึ้น
3. แล้วราคาขายต่อครับ
4. ค่าซ่อมบำรุง
ปล. เพิ่งเคยใช้รถยุโรปคันแรกครับ
ปล. ปล. บอกเซลล์ว่าขอเวลาอีก 3 วันว่าจะเอาดีเซลหรือเบ็ลซิลดี
ช่วยคลายปัญหให้ผมที่คร้าบบบบ. 8) 8) 8)
-
ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเบนซิลแรงกว่า ;D
-
แรงซินแรงกว่าครับ เรื่องจริงไม่อิงนิยาย ;D
-
มายินดีกับรถคันใหม่ครับ ;D
-
เบนซินแรงกว่าคับ
-
1. ราคารถกับราคาน้ำมัน ถ้าใช้ยาวก็ดีเซลนะครับ ค่าน้ำมันถูกกว่าเยอะทีเดียว ถ้าใช้แค่หมด BSI เบนซินคุ้มกว่าครับ แรง เงียบ นุ่ม เท่
2. ความทน ส่วนตัวให้ดีเซลทนกว่าครับ ถึงแม้จะเป็นเทคโนโลยีใหม่แล้วก็ตาม ผมว่ามันยังจุกจิกน้อยกว่าเบนซินนะ
3. ราคาขายต่อ ซื้อ BMW อย่าคิดเรื่องนี้เลยครับ ร่วงกราวแหงๆ
4. ค่าซ่อม ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นผมจะบอกว่าดีเซลแน่นอนครับ แต่กรณีนี้ผมขอพูดว่า BMW อย่าแคร์เรื่องนี้เช่นกันครับ ส่วนต่างเบนซินกับดีเซลไม่ติดฝุ่นของส่วนต่างยุ่นกับบีเอ็ม
-
1. ราคาที่ต่างกันกับค่าน้ำมันที่ต้องจ่าย
อันนี้เคยมีคนมา review ให้ดูลองหากระทู้เก่าๆดูนะครับ
2. เครื่องไหนน่าจะทนกว่าใช้ 7 ปีขึ้น
ดีเซลครับ
3. แล้วราคาขายต่อครับ
เหมือนคุณ Ji.Cl. ครับ
4. ค่าซ่อมบำรุง
ถ้าหมด BSI ก็โหดตามสไตล์รถยุโรปแต่ยังไงในช่วง 5 ปีนี้ก็หาอู่ BM ที่ไว้ใจได้เอาไว้หลังหมด BSI ครับยังไงลองไปที่ bmwsociety ครับข้อมูลสำหรับ Bimmer
-
บอกเลยว่าเบนซินมันไม่ก็กินน้ำมันเยอะเลยนะครับ ผมว่าใกล้เคียงดีเซลเลยหล่ะ ถ้าใช้ยาวเบนซินทนกว่าครับ
-
ขอบคุณทุกท่านครับ เรื่องแรงผมไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรเพราะมันก็คงจะใกล้เคียงกันแต่เรื่องใช้ยาวนี่อันไหนน่าจะจุกจิกน้อยกว่าครับ(ซ่อมง่ายกว่า)
-
ตอบแบบขำๆนะครับ เป็นผมจะใช่เบนซินครับ เลย 5 ปี หมด BSI ก็จับดมแก๊ส เพื่อคอนเสปความประหยัด 555
หล่อไปก่อน 5 ปีครับ หวังว่าตอนนั้นคงติดแก๊สกับเจ้า F30 ได้แล้วนะ
-
เบนซิน จีดจ๊าดกว่า เครื่องเงียบกว่า
แต่ ดีเซล ทนทานกว่า แรงบิดดีกว่า ประหยัดน้ำมันมากกว่า
ระยะยาว ดีเซล ราคาน่าจะตกน้อยกว่า ลองดูอย่างรุ่นที่ผ่านๆมา เทียบราคามือสองดูครับ
สรุป ดีทั้งคู่ครับ ลองขับดูชอบคันไหนซื้อได้ทั้ง 2 รุ่น
-
ขอบคุณทุกท่านครับ เรื่องแรงผมไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรเพราะมันก็คงจะใกล้เคียงกันแต่เรื่องใช้ยาวนี่อันไหนน่าจะจุกจิกน้อยกว่าครับ(ซ่อมง่ายกว่า)
ซ่อมง่ายไม่จุกจิกผมยังยกให้ดีเซลครับ
กระบะ D-MAX Vigo เครื่องยุคใหม่ Turbo Commonrail วิ่งทะลุล้านมีเห็นเกลื่อน
แต่เบนซิน โดยเฉพาะเบนซินยุคใหม่ 4 แสนก็ลาโลกกันหมดแล้วครับ
แท็กซี่ AE120 (อัลติส 01-07) จำนวนไม่น้อย เครื่อง ZZ ลาโลกหมดแล้ว เปิดฝามาจะเจอ 4A-FE ที่ทนทานกว่า แต่สุดท้ายก็เริ่มจะจางหายไปกับสายลม
-
ไงก็ยินดีกับรถใหม่ด้วยนะครับคุณพี่
1.ต้องใช้ประมาณ แสนโลขึ้นไปครับถึงจะคุ้มสำหรับเจ้า D ถ้าพี่ใช้เจ้า i น้อยก็หายห่วงกับส่วนต่างที่ลดไป
2.เครื่องทนดีเซลภาษีดีกว่าพอตัวครับ
3.ขายต่อเจ้า D ได้สูงกว่าครับ ก็อาจจะเป็นเพราะราคาทุนเดิมมันแป๊ะป้ายไว้สูงกว่า มีส่วนครับ
4.อันนี้ไม่ทราบครับ
ในส่วนจะเลือก i หรือ d ผมว่าถ้าชอบเงียบๆ จัด i เถอะ d มันดังกว่า
แถมเวลาเร่ง i นี่หวานหูกว่าเยอะครับ ที่สำคัญถูกกว่าด้วยครับ แต่จะแพงตอนเติมน้ำมันครับ
แต่ถ้าใช้รถเยอะ แล้วใช้ยาวๆ 7-10 ปี ผมว่าไปคบเจ้า d แลดูจะคุ้มกว่าครับ
แต่ถ้าใช้รถน้อย ชอบเงียบๆ ยังไงก็ i จ้า
-
ผมเชียเบนซินครับ
ยินดีด้วยครับ
-
อยากได้เบนซิน แต่ใช้ยาวยังไงดีเซลจบกว่าครับ เป็นปัญหาสำหรับผมเหมือนกัน
คิดแล้วว่าค่าน้ำมันใช้ประมาณ 1แสน-1.5แสนกิโลถึงจะคุ้ม 2แสนบาทที่จ่ายเพิ่มครับ แต่หลังจากนั้นดีเซลจะทิ้งห่างเลยครับ เพราะ เบนซินตกโลละ เกือบ 4บาท แต่ดีเซล2บาทกว่าๆครับ นี่ยังไม่รวมต่าดูแลรักษานะครับ ดีเซลจุกจิกน้อยกว่าแน่นอนครับ
ถ้าผมใช้4ปีขายนี่เอาเบนซินแน่นอนครับ คววามแรง เสียงเครื่อง แต่คุณแม่จะใช้ยาวเลยต้องเอาดีเซลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
-
เบนซิลจบกว่าทนกว่าดีเซล ไม่ใช่แล้วมั้ง แล้วความประหยัดไม่มีทางได้เท่าดีเซล
-
เซลล์บอกผมว่าตัวดีเซลเป็นตัวเดิมของ e 90 เปลี่ยนแค่เกียร์เท่านั้น อยู่ที่ 3 หรือ 4 เป็นรองaudi TT กะอะไรนี่ล่ะผมจำไม่ได้
ส่วนเบนซิลเป็นตัวใหม่ที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ครับ
-
หลังจากตัดสินใจอยู่นานนนนนมากกกกก ระหว่าง x1 & 320d (ดันไปจบที่ 320i ซะแบบ งงงง) เพิ่งจองมาวันนี้ครับ 320i ที่พระราม 3 รับรถช่วงหลังเมษา พร้อมกับปัญหาคาใจ
1. ราคาที่ต่างกันกับค่าน้ำมันที่ต้องจ่าย
2. เครีื่องไหนน่าจะทนกว่าใช้ 7 ปีขึ้น
3. แล้วราคาขายต่อครับ
4. ค่าซ่อมบำรุง
ปล. เพิ่งเคยใช้รถยุโรปคันแรกครับ
ปล. ปล. บอกเซลล์ว่าขอเวลาอีก 3 วันว่าจะเอาดีเซลหรือเบ็ลซิลดี
ช่วยคลายปัญหให้ผมที่คร้าบบบบ. 8) 8) 8)
ปัญหาเดียวกันตอนจะซื้อเลยครับ ตอนนี้ได้น้อง f30 มาแล้ว จองต้นเดือน ธค ได้วันที่ 25 รวดเร็วมาก
ตอนนี้จองต้องรอ 4 เดือนเลยเหรอเนี่ย ดีนะที่ตัดสินใจรับรถเลย อิอิ
ตอบให้ในฐานะที่เพิ่งผ่านจุดนั้นมานะครับ
1. คำนวนคร่าวๆ ต่างกัน 220000 น้ำมันต่างกัน 10บ/ลิตร (คิดเบนซิน 40 ซึ่งไม่ถึง เอาคร่าวๆ) ก็ต้องใช้ 22000 ลิตร หากเบนซินวิ่ง 12-13 โลลิตร ก็ต้อง 150000 โล คุ้มทุน ผมวิ่งเกือบ 30000 ต่อโล ก็ 5 ปี หาก 25000 โล ต่อปีก็ 6 ปี
2. เบนซินนี้เป็นตัวใหม่ อย่าเทียบ e90 เด็ดขาด ยังไม่มีใครตอบได้ครับ ดูพวก benz bm เก่าๆ ยังไงเครื่องเบนซินก็อยู่ได้ 10 ปีขึ้น รถแม่ e34 ตอนนี้ 17 ปี 3 แสนโล วิ่งนิ่งๆ ดังนั้น ผมว่าไม่ต้องไปกังวล อันไหนทนกว่า หากวิ่งได้ 4 แสนโล อย่างที่บอก ก็เกือบ 20 ปีแล้ว จะใช้ถึงไหมครับ
3. อีกนั่นแหละ กว่าจะขาย ราคาคงต่างไม่เยอะ ผมกลับมองอีกมุมนะ เบนซินนี้น่าจะราคาตกเร็วจริง แต่ระยะยาวไม่น่าต่ำกว่าดีเซลเพราะ เสียงเครื่องผ่านไป 7 ปี ผมเชื่อว่าเงียบเหมือนเดิม อต่ดีเซล ทุกคนบอก และได้ยินกับหูมาแล้ว ดังขึ้นทุกปี ถึงเวลานั้น ก็ไม่แน่ว่าเบนซินราคาจะด้อยกว่ามากนะครับ
4. ผมว่าพอๆ กันแหละ ขึ้นชื่อ bm จะให้ถูกคงไม่ได้ มี bsi ก็เลิกกังวลไป 5 ปี ระหว่างนี้ หาอู่ที่ทำ bm ให้เจอ ที่เราไว้ใจ ผมว่าส่วนใหญ่ที่เจอกันซ่อมไม่จบ
เพราะช่างมากกว่า ไม่รู้นะ อย่างที่บอก e34 ของแม่ ซ่อมกะช่างคนเดียวมาตลอด เป็นอู่นอก ใช้ของแท้หมด ไม่เคยงอแงย ซ่อมจบตลอด แต่ซ่อมบ่อยตามเวลา ยังไงศึกษาเพิ่มเติมเองด้วย bm ไฟฟ้าเยอะ เจอคนไม่รู้ เรื่องยาวนะครับ
-
1. ถ้าใช้ยาว ใช้เยอะ เรื่องค่าน้ำมัน ดีเซลอาจคุ้มกว่า
2. แนวโน้มว่าจะเป็นดีเซลครับ แค่แนวโน้มนะ
3. ถ้าอ้างอิงจากราคา E90 ก็คงต้องเป็นดีเซลครับ ราคาแข็งกว่าเบนซินพอสมควรครับ
แต่ยังไงก็ทำใจเถอะครับ รถยุโรปป้ายแดงเนี่ย ไม่ว่ายังไงก็ต้องขาดทุนอย่างน้อย 1 ล้านบาทแน่ๆ
320d E90 ปี 2008 ป้ายแดงก็ 2.8 แต่ตอนนี้เหลือประมาน 1.5-1.8 ครับ
4. ค่าซ่อม ผมขอเดาว่าพอกัน แต่ 5 ปีแรก ให้ Enjoy กับ BSI ให้เต็มที่เถอะครับ ถ้าใช้รถอย่างรักษา
ผมว่ามันจะเริ่มจุกจิกเอาปีที่ 7-8 นู่นแหละ ก่อนหมด BSI อย่าลืมใช้สิทธิให้เต็มที่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยนะครับ
รถพ่อผม E60 หมด BSI มา 1 ปีแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีัปัญหาจุกจิกครับ แค่ Maintainance และ ซ่อมบ้างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
แต่ค่าอะไหล่ ก็น่าดูชมทีเดียว
สรุป ถ้าคิดว่าจะใช้รถเยอะ แล้วไม่ได้ sensitive กับ อารมสุนทรีในการลากรอบสูงๆ หรือ เสียงเครื่องเพราะๆ
ดีเซลอาจจะเหมาะกว่า เพราะแตะเบาๆ ก็พุ่งแล้วครับ
-
เรื่องวิ่ง เกินแสนโล แสนห้าหมื่นโลถึงจะคุ้มส่วนต่าง 2.2 แสนนั้น
มันมีปัจจัยหลายอย่างนะครับ
เพราะสมมติวิ่ง ดีเซลได้20km/l กับ เบนซิน15km/l กับ 13km/l กับ 8km/l
ส่วนต่าง 5 เท่ากัน แต่จุดคุ้มที่จำนวน km ไม่เท่ากันนะครับ
เพราะฉะนั้นต้องดูด้วยว่าเราวิ่งรถติดเยอะมั้ย แล้วก็ที่รถติดๆ ทั้ง 2 คันกินอยู่ที่เท่าไหร่ครับ
ลองพิจารณาการใช้งานด้วยครับ ถ้าเรื่องส่วนต่างและค่าน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจ :)
-
ขอบคุณทุกท่านครับ เรื่องแรงผมไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรเพราะมันก็คงจะใกล้เคียงกันแต่เรื่องใช้ยาวนี่อันไหนน่าจะจุกจิกน้อยกว่าครับ(ซ่อมง่ายกว่า)
ซ่อมง่ายไม่จุกจิกผมยังยกให้ดีเซลครับ
กระบะ D-MAX Vigo เครื่องยุคใหม่ Turbo Commonrail วิ่งทะลุล้านมีเห็นเกลื่อน
แต่เบนซิน โดยเฉพาะเบนซินยุคใหม่ 4 แสนก็ลาโลกกันหมดแล้วครับ
แท็กซี่ AE120 (อัลติส 01-07) จำนวนไม่น้อย เครื่อง ZZ ลาโลกหมดแล้ว เปิดฝามาจะเจอ 4A-FE ที่ทนทานกว่า แต่สุดท้ายก็เริ่มจะจางหายไปกับสายลม
เห็นด้วยกับท่าน Ji.Cl. ครับ
ร้านขายของแถวบ้านผมใช้กระบะดีเซลอยู่คันหนึ่งซึ่งผมเห็นมาตั้งแต่จำความได้ จนปัจจุบันผมอายุ 30 ก็ยังเห็นยังใช้ได้อยู่เลยครับ
และลุงผมที่เท้าหนักขับโหด ขึ้นเขาบ่อย ไม่เคยเข้าศูนย์เช็คตามระยะ นำ้ำมันเครื่องไม่ค่อยถ่าย ก็ยังขับได้แบบชิวๆครับ
-
:-*สวัสดีค่ะเข้ามาเชียร์เบนซินค่ะ เราว่าเสียงดีเซลมันดังมากเเละดังขึ้นเรื่อยๆในทุกปีที่มันเเก่ลงนะคะ เรื่องราคาขายต่อสำหรับ BM ทำใจได้เลยค่ะว่าตกเเน่ๆ อย่างของเรา E90 ตอนนี้ที่คุยกับคนที่จะมาซื้อต่อเราไว้ก็หายไปประมาณ 1.7 ล้านค่ะ ทำใจไว้ได้เลย
-
ขอบอกว่า ตอนแรกผมก็ลังเลระหว่างเบนซิลกับดีเซล
พอเห็นราคาแตกต่างกันสองแสนกว่าบาท ผมเอาเบนซิลทันที
ตอนนี้ใช้เบนซิลมาแล้วพันกว่าโล ภายในสามอาทิตย์นี้ เติมน้ำมันไปแล้ว สี่พันห้าร้อยบาท ไม่รู้ประหยัดหรือเปล่าครับ
แต่จะบอกว่าภายในสามอาทิตย์ที่ใช้เบนซิลมีความสุขมาก นุ่ม เงียบ แรง เสียงหวาน ครับ
;D
-
ขนาดผมขับเครื่องเก่า E90 ใน X1
ก็ยังพอใจเลยครับ เบนซินยุคใหม่ยิ่งสบายใจแน่นอน แร้งส์ืื...
ราคาอย่าคิดมากครับ ขายไปเลย
ใช้จนเบื่อ ใช้จนคุ้ม ขายเท่าไหร่ก็ขายไป เพราะเมื่อเบื่อแล้ว มันอยากได้ใหม่ เท่าไหร่ก็ขายแล้วครับ 555+
-
ขนาดผมขับเครื่องเก่า E90 ใน X1
ก็ยังพอใจเลยครับ เบนซินยุคใหม่ยิ่งสบายใจแน่นอน แร้งส์ืื...
ราคาอย่าคิดมากครับ ขายไปเลย
ใช้จนเบื่อ ใช้จนคุ้ม ขายเท่าไหร่ก็ขายไป เพราะเมื่อเบื่อแล้ว มันอยากได้ใหม่ เท่าไหร่ก็ขายแล้วครับ 555+
นั่นซิ ผมขาย Volvo S70. แสนเดียวเอง. เมียบ่นใหญ่
-
เดี๋ยวจะหาโอกาสลองทั้งสองรุ่น(จองแบบยังไม่ได้ลองเลย) เคยลองแค่ x1 2.0d ตัวเดิมแต่คิดว่าฟิลน่าจะเหมือนกัน
-
ทน แรง ประหยัด ดีเซล
เปนผมเล่น 320d ครับ
-
เดี๋ยวจะหาโอกาสลองทั้งสองรุ่น(จองแบบยังไม่ได้ลองเลย) เคยลองแค่ x1 2.0d ตัวเดิมแต่คิดว่าฟิลน่าจะเหมือนกัน
X1 20d เครื่องเดียวกับ F30 ก็จริงแต่ฟีลในการขับน่าจะต่างกันนะ ถ้าจะให้ดีไปลอง 320d นั่นแหละครับ รถ test มีอยู่แล้ว
ส่วน 320i คุยกับเซลเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนบอกรถ test ยังไม่มา แต่ถ้าอยากได้ไอเดียว่าเครื่องเบนซิลใหม่เป็นยังไงก็ลอง 520i ก็ได้เพราะใช้เครื่องเดียวกัน
ตอนที่ผมไปลองก็ลอง 2 รุ่นนั้นแหละ สุดท้ายก็เอา i มาเพราะได้รถเร็วกว่าครับ
-
1. ราคาที่ต่างกันกับค่าน้ำมันที่ต้องจ่าย
ต้องวิ่งเป็นแสนโลจึงคุ้มค่าน้ำมันที่ถูกลง ยกเว้นว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีการปรับราคาดีเซลเพิ่มเรื่อยๆ
แต่ปกติ เครื่องยนต์ดีเซล ประหยัดน้ำมันกว่าอยู่แล้ว โดยเทคโนโลยี ถึงจะราคาน้ำมันเท่ากัน ก็จ่ายน้อยกว่าครับ
2. เครีื่องไหนน่าจะทนกว่าใช้ 7 ปีขึ้น
โดยเทคโนโลยีแล้ว ยี่ห้อไหนก็ตาม รุ่นเดียวกัน ดีเซลน่าจะทนกว่าเบนซิน เพราะดีเซล มีชิ้นส่วนน้อยกว่า และซับซ้อนน้อยกว่า ทางยุโรปเลยฮิตเครื่องดีเซล เพราะไม่ต้องซ่อมบำรุงมาก ทนกว่าเบนซิน ดังนั้นถ้าตั้งใจใช้ 7 ปี ดีเซลได้เปรียบกว่าครับ
3. แล้วราคาขายต่อครับ
ราคาขายต่อผมว่าไม่ต่างมาก ขึ้นอยู่กับว่า อีก 7 ปี ราคาน้ำมันเป็นอย่างไร ถ้ายังถ่างมาก หรือน้ำมันแพงมาก ผมว่าดีเซลจะขายดีกว่า อีก 7 ปี น้ำมันอาจจะลิตรละ 50 บาท ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้นะครับ
4. ค่าซ่อมบำรุง
ดีเซลก็ประหยัดกว่าเบนซิน
เรื่องเสียงนี่แล้วแต่รสนิยมนะครับ เสียงดีเซลของ BMW เป็นเสียงแบบหนักๆ ไม่เหมือนเสียงรถกระบะ ผมฟังแล้วชอบ ส่วนเบนซินก็เพราะอีกแบบ จุดที่เบนซินได้เปรียบกว่าคือเรื่องการสั่นในรอบเดินเบาครับ คือรุ่นเบนซิน ไม่รู้สึกเลยว่ารถสตาร์ทอยู่หรือไม่ แต่ดีเซลนี่สั่นแบบรู้สึกได้เลย แต่สักพักก็ชินครับ
และเรื่องอัตราเร่ง ดีเซล แรงบิดสูงในรอบต่ำ ดังนั้นในย่านความเร็วน้อยๆ อัตราเร่งดีมาก กระชากได้ใจ โดยเฉพาะโหมดสปอร์ต เรียกว่ากดเป็นมา ถ้าขับในย่าน 90-150 km/hr ผมชอบมาก ส่วนเบนซินจะแผลงฤทธิ์ตอน 150+ ที่ม้าและแรงบิด จะมาตอนรอบสูง ปรู๊ดปร๊าดเหลือหลาย
ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ลองเทสทั้งสองคันนะครับ ผมได้ลองขับ 2 คัน ในวันเดียวกัน เลยสามารถเปรียบเทียบได้ง่ายครับ