Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: patzahut ที่ มกราคม 15, 2013, 15:59:57

หัวข้อ: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: patzahut ที่ มกราคม 15, 2013, 15:59:57
สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก มีผลกับราคาขายอย่างไรและรุนแรงระดับไหนถึงจะซ่อมไม่ได้

เชิญแสดงความเห็น

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ มกราคม 15, 2013, 16:03:39
ชนหน้า : ชนจนเสา A ยุบ คือชนหนัก แรงเข้าถึงตัวถัง ดึงยังไง ก็ไม่เหมือนเดิม

ชนท้าย : ชนจนเสา C ยุบ หรือแรงถึงถังน้ำมัน คือเข้าโครงสร้างรถพอดีๆ

ถ้าคว่ำ ยับทั้งคัน หลังคา เสา ยู้หมด ไม่เหลือ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ มกราคม 15, 2013, 16:13:25
ไม่ก็เอาสีข้างฟาดเสา,ต้นไม้ จนงอครับ

รถพวกนี้ถ้าพ่อค้าซื่อตรงบอกกันก่อน สมมุติรถราคาตลาด6-7แสน จะตั้งขายถูกกว่านั้นประมาณแสนครับ
จริงๆ ชนมานี่ซ่อมได้เกือบหมดครับ แต่ที่ไม่ซ่อมคือกรณีค่าอะไหล่+ค่าแรงมันเท่าๆหรือแพงกว่าราคาขายต่อครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: coconut ที่ มกราคม 15, 2013, 16:25:48
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการแยกการชนออกเป็น 5 กลุ่ม

1. การเฉี่ยวทั่วๆไป เช่นการเบียดเสา การเฉี่ยวกันระหว่างขับขี่แบบใช้ความเร็วต่ำ เป็นต้น
การชนระดับนี้ เป็นการเฉี่ยวชนที่ทำความเสียหายได้เฉพาะพื้นผิว แค่เกิดรอยขีดข่วนสีถลอก หรือรอยบุบเท่านั้น
การซ่อมแซมก็แค่ทำสีใหม่หรือบางทีอาจเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นนั้นได้การชนแบบนี้สามารถเกิดได้กับรถทุกๆคัน ซึ่งเป็นการชนที่ไม่เกิดการกระทบระบบความปลอดภัยของตัวถังรถนั่นแสดงว่าสามารถซื้อรถมือสองที่ผ่านการชนแบบที่ 1 ได้อย่างไร้กังวล

2.การชนระดับเบา เช่นการชนท้ายเนื่องจากชะลอความเร็วไม่ทัน หรือการชนกันโดยใช้ความเร็วร่วมไม่เกิน 20 ก.ม./ช.ม.  การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนที่กระแทกได้จนถึงระดับบุบลึกหรือฉีกขาดได้ อย่างเช่นการชน  บริเวณกันชนที่ปัจจุบันมักทำมาจากวัสดุพลาสติกจนสามารถฉีกขาดได้  แต่ส่วนใหญ่การชนระดับนี้จะไม่กระทบไปถึง  โครงสร้างความปลอดภัยนั่นก็แสดงว่า ท่านสามารถเลือกซื้อรถที่เคยเกิดการชนระดับเบาได้โดยไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดียวกันกับแบบที่ 1

3.การชนระดับปานกลาง ที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 50  ก.ม./ช.ม. การชนแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนความปลอดภัยต่างๆได้ไม่น้อย เช่น คานรับแรงกระแทกต่างๆและอาจสร้างความเสียหายได้ในชิ้นส่วนรอบๆบริเวณที่ชน อาทิเช่นการชนท้ายที่ความเร็วนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กันชนท้าย อ่างยางอะไหล่ ไฟท้ายและตัวถังส่วนเบ้าไฟท้ายเป็นต้นการชนระดับนี้สามารถทำการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ เคาะบริเวณที่เสียหาย ไปจนถึงการตัดต่อชิ้นส่วนต่างๆที่เสียหายจนไม่สามารถเคาะซ่อมได้ซึ่งรถที่ได้รับการชนในระดับนี้ยังจัดว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่อยู่ แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมมาอาจไม่เรียบร้อยเท่ารถใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้รวมถึงถ้าการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆไม่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต และได้รับการติดตั้งโดยช่างที่ไม่ใช่ผู้ชำนาญการก็สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้ได้มากทีเดียว

4.การชนหนัก ระดับเริ่มต้นที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม.
การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างความปลอดภัย และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์และช่วงล่างเรียกได้ว่าการชนแบบนี้มีผลกระทบเป็นบริเวณกว้างเช่นถ้าได้รับการชนด้านหน้าในระดับนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับตัวถังทั้งชิ้นในส่วนที่ 1 ใน 3 ส่วนของรถ ส่วนของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่อง ระบบไฟฟ้า รวมถึงช่วงล่างและความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากขึ้นได้ถ้าการชนเป็นไปแบบแนวเฉียง ชนเข้าที่ด้านข้าง หรือที่มุมต่างๆการชนแบบนี้เป็นการชนที่สามารถกระทบกับระบบโครงสร้างความปลอดภัย นั่นหมายถึง รถที่ผลิตจากโรงงานผลิตส่วนใหญ่จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารได้จากการชนระดับนี้ แต่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นการซ่อมรถที่ชนหรือพลิกคว่ำในระดับนี้ทำได้ตั้งแต่ ตัดต่อ ดึงโครงสร้าง เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นบริเวณรอบๆ รวมไปถึงการไปเอาโครงรถรุ่นเดียวกัน(หรือรุ่นอื่นๆที่ดัดแปลงกันได้)มาเชื่อมใหม่ซึ่งแน่นอนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุระดับนี้เราไม่ควรมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด เว้นแต่จะสามารถซื้อได้ในราคาถูกมากๆ และผู้ใช้รู้ดีว่าการใช้งานจะต้องไม่มีความเสี่ยงต่อการชนในครั้งต่อไป

5.การชนหนักมาก ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 120 ก.ม./ช.ม.  ขึ้นไป
การชนระดับนี้ สามารถทำให้รถทั้งคันกลายเป็นกองเศษเหล็ก ไม่สามารถมองออกว่าด้านนี้เป็นด้านไหน หรือก้อนนี้มันก้อนอะไรและส่วนใหญ่ ผู้โดยสารก็ไม่สามารถออกมารับรู้ได้ว่าหลังการชนนั้นรถตนเองสามารถซ่อมได้หรือเปล่า
การหาซื้อรถชนในระดับนี้คงไม่ต้องพูดถึง

ที่มา http://sabuycar.blogspot.com (http://sabuycar.blogspot.com)
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: Thor.1 ที่ มกราคม 15, 2013, 16:35:22
   ชนหนักความเห็นของผม

  -ด้านหน้า แค่ชนเข้ามาถึงคานหน้า/เบ้าโช๊คย่น ผมก็จำกัดความว่าชนหนักแล้วครับ
   ศูนย์เพี้ยน จุดยึดช่วงล่างหน้าเพี้ยน กระทบเกียร์และตัวเครื่อง
  -ด้านหลัง ถึงเบ้าโช๊คเหมือนกัน คานหลัง/จุดยึดเบี้ยว
  -ด้านข้างเสาBคด มันจะกระทบไปทั้งหลังคา ไปจนอีกฝั่ง

   ถ้ากระทบกับโครงสร้างหลักที่มีผลกับช่วงล่างผมถือว่าหนัก เพราะจุดพวกนี้มันแทบจะโยงกันอยู่ทั้งคัน
 เจอบางเคส  ชนหน้าย่นเครื่องแตก ถึงมาไม่ถึงเสาA   แต่ฝากระโปรงท้ายเบียดจนเปิดไม่ออก
 มันกระทบไปยันท้ายรถ ทั้งที่ดูเหมือนไม่เป็นอะไร

  ถ้าชนเบาของผมคือ แก้มยุบ ประตูบุบ ท้ายย่น กันชนหลุด
 พวกนี้สบายๆ ซ่อมแล้วขับดีเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: wannachat ที่ มกราคม 15, 2013, 16:50:52
คัทซีเสียหาย 
หรือเพลาขับเสียหาย ถ้าแกนพวงมาลัยเสียหายหนักแน่นอน
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ มกราคม 15, 2013, 17:12:36
ผมจะใช้ว่า ชนหนัก กับรถที่ชนจนหม้อน้ำแตก ไม่ถึงเครื่อง

ชนยับ สำหรับรถชนมาแบบถึงห้องเครื่อง ซุ้มล้อ

ถ้าเกินว่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นซากแล้วเลยไม่จำกัดนิยามเพราะคงไม่ได้พูดกัน
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ มกราคม 15, 2013, 18:05:27
สำหรับการซื้อ-ขายรถยนต์
การที่คานหน้าโดนมา ก็เรียกว่าชนหนักแล้ว
หรือด้านหลังทำสีด้านในมา ก็เรียกว่าชนหนักเช่นกัน
ทั้งๆที่รถมันก็ขับได้ปรกติๆนี่แหล่ะ แต่เรียกว่าชนหนักแล้วครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ มกราคม 15, 2013, 18:57:24
ชนจนเสียศูนย์ เรียกว่าชนหนักครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: panerai ที่ มกราคม 15, 2013, 20:18:05
 สำหรับผม ถ้าต้องขึ้นเครื่อง จิก ดึงโครง ถึงจะดึงนิดๆ หรือดึงน้อยมากๆ ก็ถือว่าหนัง แต่ถ้าแค่สีเปลือกภายนอก จะยับแค่ไหน ถลอกแค่ไหน เช่นแก้มรถ ถอยออกเปลี่ยนใหม่ นั้นถือว่าไม่หนัก
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: JiNX ที่ มกราคม 15, 2013, 20:23:35
โครงสร้างหลักเสียหายครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ มกราคม 15, 2013, 22:22:47
คัทซี คด-หัก หรือช่วงล่างกระจาย  คานรถพัง เสาต่างๆยุบ งอ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ มกราคม 15, 2013, 23:34:13
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการแยกการชนออกเป็น 5 กลุ่ม

1. การเฉี่ยวทั่วๆไป เช่นการเบียดเสา การเฉี่ยวกันระหว่างขับขี่แบบใช้ความเร็วต่ำ เป็นต้น
การชนระดับนี้ เป็นการเฉี่ยวชนที่ทำความเสียหายได้เฉพาะพื้นผิว แค่เกิดรอยขีดข่วนสีถลอก หรือรอยบุบเท่านั้น
การซ่อมแซมก็แค่ทำสีใหม่หรือบางทีอาจเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นนั้นได้การชนแบบนี้สามารถเกิดได้กับรถทุกๆคัน ซึ่งเป็นการชนที่ไม่เกิดการกระทบระบบความปลอดภัยของตัวถังรถนั่นแสดงว่าสามารถซื้อรถมือสองที่ผ่านการชนแบบที่ 1 ได้อย่างไร้กังวล

2.การชนระดับเบา เช่นการชนท้ายเนื่องจากชะลอความเร็วไม่ทัน หรือการชนกันโดยใช้ความเร็วร่วมไม่เกิน 20 ก.ม./ช.ม.  การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนที่กระแทกได้จนถึงระดับบุบลึกหรือฉีกขาดได้ อย่างเช่นการชน  บริเวณกันชนที่ปัจจุบันมักทำมาจากวัสดุพลาสติกจนสามารถฉีกขาดได้  แต่ส่วนใหญ่การชนระดับนี้จะไม่กระทบไปถึง  โครงสร้างความปลอดภัยนั่นก็แสดงว่า ท่านสามารถเลือกซื้อรถที่เคยเกิดการชนระดับเบาได้โดยไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดียวกันกับแบบที่ 1

3.การชนระดับปานกลาง ที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 50  ก.ม./ช.ม. การชนแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนความปลอดภัยต่างๆได้ไม่น้อย เช่น คานรับแรงกระแทกต่างๆและอาจสร้างความเสียหายได้ในชิ้นส่วนรอบๆบริเวณที่ชน อาทิเช่นการชนท้ายที่ความเร็วนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กันชนท้าย อ่างยางอะไหล่ ไฟท้ายและตัวถังส่วนเบ้าไฟท้ายเป็นต้นการชนระดับนี้สามารถทำการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ เคาะบริเวณที่เสียหาย ไปจนถึงการตัดต่อชิ้นส่วนต่างๆที่เสียหายจนไม่สามารถเคาะซ่อมได้ซึ่งรถที่ได้รับการชนในระดับนี้ยังจัดว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่อยู่ แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมมาอาจไม่เรียบร้อยเท่ารถใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้รวมถึงถ้าการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆไม่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต และได้รับการติดตั้งโดยช่างที่ไม่ใช่ผู้ชำนาญการก็สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้ได้มากทีเดียว

4.การชนหนัก ระดับเริ่มต้นที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม.
การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างความปลอดภัย และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์และช่วงล่างเรียกได้ว่าการชนแบบนี้มีผลกระทบเป็นบริเวณกว้างเช่นถ้าได้รับการชนด้านหน้าในระดับนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับตัวถังทั้งชิ้นในส่วนที่ 1 ใน 3 ส่วนของรถ ส่วนของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่อง ระบบไฟฟ้า รวมถึงช่วงล่างและความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากขึ้นได้ถ้าการชนเป็นไปแบบแนวเฉียง ชนเข้าที่ด้านข้าง หรือที่มุมต่างๆการชนแบบนี้เป็นการชนที่สามารถกระทบกับระบบโครงสร้างความปลอดภัย นั่นหมายถึง รถที่ผลิตจากโรงงานผลิตส่วนใหญ่จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารได้จากการชนระดับนี้ แต่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นการซ่อมรถที่ชนหรือพลิกคว่ำในระดับนี้ทำได้ตั้งแต่ ตัดต่อ ดึงโครงสร้าง เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นบริเวณรอบๆ รวมไปถึงการไปเอาโครงรถรุ่นเดียวกัน(หรือรุ่นอื่นๆที่ดัดแปลงกันได้)มาเชื่อมใหม่ซึ่งแน่นอนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุระดับนี้เราไม่ควรมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด เว้นแต่จะสามารถซื้อได้ในราคาถูกมากๆ และผู้ใช้รู้ดีว่าการใช้งานจะต้องไม่มีความเสี่ยงต่อการชนในครั้งต่อไป

5.การชนหนักมาก ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 120 ก.ม./ช.ม.  ขึ้นไป
การชนระดับนี้ สามารถทำให้รถทั้งคันกลายเป็นกองเศษเหล็ก ไม่สามารถมองออกว่าด้านนี้เป็นด้านไหน หรือก้อนนี้มันก้อนอะไรและส่วนใหญ่ ผู้โดยสารก็ไม่สามารถออกมารับรู้ได้ว่าหลังการชนนั้นรถตนเองสามารถซ่อมได้หรือเปล่า
การหาซื้อรถชนในระดับนี้คงไม่ต้องพูดถึง

ที่มา http://sabuycar.blogspot.com (http://sabuycar.blogspot.com)
ความรู้นี้มีประโยชน์มากๆเลยครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: coconut ที่ มกราคม 16, 2013, 13:12:40
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการแยกการชนออกเป็น 5 กลุ่ม

1. การเฉี่ยวทั่วๆไป เช่นการเบียดเสา การเฉี่ยวกันระหว่างขับขี่แบบใช้ความเร็วต่ำ เป็นต้น
การชนระดับนี้ เป็นการเฉี่ยวชนที่ทำความเสียหายได้เฉพาะพื้นผิว แค่เกิดรอยขีดข่วนสีถลอก หรือรอยบุบเท่านั้น
การซ่อมแซมก็แค่ทำสีใหม่หรือบางทีอาจเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นนั้นได้การชนแบบนี้สามารถเกิดได้กับรถทุกๆคัน ซึ่งเป็นการชนที่ไม่เกิดการกระทบระบบความปลอดภัยของตัวถังรถนั่นแสดงว่าสามารถซื้อรถมือสองที่ผ่านการชนแบบที่ 1 ได้อย่างไร้กังวล

2.การชนระดับเบา เช่นการชนท้ายเนื่องจากชะลอความเร็วไม่ทัน หรือการชนกันโดยใช้ความเร็วร่วมไม่เกิน 20 ก.ม./ช.ม.  การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนที่กระแทกได้จนถึงระดับบุบลึกหรือฉีกขาดได้ อย่างเช่นการชน  บริเวณกันชนที่ปัจจุบันมักทำมาจากวัสดุพลาสติกจนสามารถฉีกขาดได้  แต่ส่วนใหญ่การชนระดับนี้จะไม่กระทบไปถึง  โครงสร้างความปลอดภัยนั่นก็แสดงว่า ท่านสามารถเลือกซื้อรถที่เคยเกิดการชนระดับเบาได้โดยไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดียวกันกับแบบที่ 1

3.การชนระดับปานกลาง ที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 50  ก.ม./ช.ม. การชนแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนความปลอดภัยต่างๆได้ไม่น้อย เช่น คานรับแรงกระแทกต่างๆและอาจสร้างความเสียหายได้ในชิ้นส่วนรอบๆบริเวณที่ชน อาทิเช่นการชนท้ายที่ความเร็วนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กันชนท้าย อ่างยางอะไหล่ ไฟท้ายและตัวถังส่วนเบ้าไฟท้ายเป็นต้นการชนระดับนี้สามารถทำการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ เคาะบริเวณที่เสียหาย ไปจนถึงการตัดต่อชิ้นส่วนต่างๆที่เสียหายจนไม่สามารถเคาะซ่อมได้ซึ่งรถที่ได้รับการชนในระดับนี้ยังจัดว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่อยู่ แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมมาอาจไม่เรียบร้อยเท่ารถใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้รวมถึงถ้าการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆไม่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต และได้รับการติดตั้งโดยช่างที่ไม่ใช่ผู้ชำนาญการก็สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้ได้มากทีเดียว

4.การชนหนัก ระดับเริ่มต้นที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม.
การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างความปลอดภัย และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์และช่วงล่างเรียกได้ว่าการชนแบบนี้มีผลกระทบเป็นบริเวณกว้างเช่นถ้าได้รับการชนด้านหน้าในระดับนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับตัวถังทั้งชิ้นในส่วนที่ 1 ใน 3 ส่วนของรถ ส่วนของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่อง ระบบไฟฟ้า รวมถึงช่วงล่างและความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากขึ้นได้ถ้าการชนเป็นไปแบบแนวเฉียง ชนเข้าที่ด้านข้าง หรือที่มุมต่างๆการชนแบบนี้เป็นการชนที่สามารถกระทบกับระบบโครงสร้างความปลอดภัย นั่นหมายถึง รถที่ผลิตจากโรงงานผลิตส่วนใหญ่จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารได้จากการชนระดับนี้ แต่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นการซ่อมรถที่ชนหรือพลิกคว่ำในระดับนี้ทำได้ตั้งแต่ ตัดต่อ ดึงโครงสร้าง เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นบริเวณรอบๆ รวมไปถึงการไปเอาโครงรถรุ่นเดียวกัน(หรือรุ่นอื่นๆที่ดัดแปลงกันได้)มาเชื่อมใหม่ซึ่งแน่นอนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุระดับนี้เราไม่ควรมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด เว้นแต่จะสามารถซื้อได้ในราคาถูกมากๆ และผู้ใช้รู้ดีว่าการใช้งานจะต้องไม่มีความเสี่ยงต่อการชนในครั้งต่อไป

5.การชนหนักมาก ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 120 ก.ม./ช.ม.  ขึ้นไป
การชนระดับนี้ สามารถทำให้รถทั้งคันกลายเป็นกองเศษเหล็ก ไม่สามารถมองออกว่าด้านนี้เป็นด้านไหน หรือก้อนนี้มันก้อนอะไรและส่วนใหญ่ ผู้โดยสารก็ไม่สามารถออกมารับรู้ได้ว่าหลังการชนนั้นรถตนเองสามารถซ่อมได้หรือเปล่า
การหาซื้อรถชนในระดับนี้คงไม่ต้องพูดถึง

ที่มา http://sabuycar.blogspot.com (http://sabuycar.blogspot.com)
ความรู้นี้มีประโยชน์มากๆเลยครับ ขอบคุณครับ
โอ้...ไม่เป็นไรคับ ข้อมูลไหนที่พอมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ก็เอามาแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนกันได้ได้คับ  :)
หัวข้อ: Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: KT7 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2013, 15:36:12
ยุบมากกว่า 50% มั้งครับ