Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: paakiam ที่ มกราคม 16, 2013, 23:33:25
-
งบ 380K เท่ากัน
ระหว่าง
Nissan Cefiro A33 3.0 V6 Brougham VIP (2003)
กับ
Ford Focus 1.8 GHIA (2006)
เป็นเพื่อนๆจะเลือกอะไรดีครับ
ตัวอย่างรูปรถ
http://one2car.com/NISSAN_CEFIRO/A10136648 (http://one2car.com/NISSAN_CEFIRO/A10136648)
http://one2car.com/FORD_FOCUS/L06120387 (http://one2car.com/FORD_FOCUS/L06120387)
-
Cefiro ครับ
ใหญ่ กว้าง แรง
-
Cefiro ตอนนี้สภาพน่าจะเริ่มซ่อมมากขึ้นเรื่อย และถ้าไม่ดมแก๊ซ จะรู้ว่านรกกินน้ำมันมีจริง (ผมก็ใช้ a33 executive) แต่เชียร์ ford ครับ
-
ที่คุณเลือกมานั้น เพราะโดนใจเต็มๆแล้วใช่ไหมครับ ;) ผมจะไม่ยัดเยียดตัวอื่นให้นะ5555
ท่า 2ตัวนี้ เอาแบบไม่น่าจะจุกจิก นิสสันน่าเล่นครับ ใหญ่กว่าพอตัว ดูดีกว่ามากๆ แรงกว่า ขับสบายมากๆ
-
ขอเป็นอายุน้อยกว่า สภาพโอเคร ดีกว่าครับ
-
ford อย่างไม่ลังเล
-
A33 ดูเจ้าของกับสภาพก่อนรับมาดูแลต่อด้วยนะครับ ถ้าเขาดูแลมาตลอดก็โอเคครับ ::)
-
สมรรถนะช่วงล่าง โฟกัสดีกว่าก็จริง แต่ไ่ม่มาก
A33 นุ่มสบาย กว้าง ภายในโอเค ขับดี
ในขณะที่สมรรถนะเครื่อง 1.8 ในโฟกัส ถ้าเป็น 2.0 จะดีกว่าเยอะ
พอมาเจอ 3.0 ใน A33 (ที่ไล่บี้แคมรี่ 2.4 ได้สบายๆ) เทียบกับโฟกัส 1.8 แล้วผมว่ามันต่างกันสุดๆเลยนะครับ
เรื่องอู่ซ่อม หรือถ้าจะพึ่งศูนย์ A33 ก็น่าใช้กว่า
-
A33 รับประทานแก๊สครับ ถ้าไม่ติดแก๊สก็วิ่งทียังกับถังน้ำมันรั่ว
-
เชียร์ A33 ครับ
อู่ช่างเกียรติ แถวเกษตร-นวมินทร์ (ซอยเดียวกับเคลฟเวอร์) ชำนาญรุ่นนี้มาก
ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ก็ไม่แพงมาก
แต่ต้องติดแก๊สอย่างเดียว ไม่งั้นกระเป๋าฉีก
ขนาดติด LPG ยังเกือบ 3 บาท/KM.
-
Focus สด กว่า
ไม่เชื่อก็ดูป้ายทะเบียนดิ
-
โฟกัส อย่างไม่ลังเล
อะไหล่ นิสสันแพงกว่ากันเยอะ
ขับทางไกล ยังไงโฟกัสก็มีให้เห็น 12/ลิตรขึ้นไปแน่นอน
ช่วงล่างไม่เครียด กำลังก็พอมีให้ใช้ไม่อืดเกินไปหรอก
เรื่องอู่ถ้าต้องการหลังไมค์ละกันครับ
-
focus ครับ
ปีใหม่กว่า ช่วงล่างดีกว่า กินน้ำมันน้อยกว่า
แต่ถ้าขับทางไกลบ่อยๆ ครอบครัวใหญ่ ก้อแนะนำ cefiro + gas ครับ
-
A33 ครับ
ถ้ารู้จักอู่นิสสันจริงๆ ก็ค่าเลี้ยงดูไม่หนักมากนะครับ
ซ่อมจบ ใช้ได้ยาวๆ (แนะนำให้ได้ครับ)
อะไหล่นิสสันไม่แพงกว่าฟอร์ดหรอกครับ ต้องเลือกให้เป็นครับ
ไม่ใช่ช่างบอกอะไรก็เปลี่ยนตามหมด
รถใหญ่กว่า นั่งสบายกว่า(มากก) นิ่งกว่า แรงกว่า ดูดีกว่าด้วยครับ
แต่ต้องเอาไปติดแก๊สเท่านั้นครับ
ลองหาตัวที่เป็นล้อลาย 6 ก้าน ลายไม้ภายในสีอ่อน + ไฟเลี้ยวกระจกข้างดูครับ
(รุ่น Special Edition ปี2003-2004 ) ได้ออฟชั่นเล็กๆน้อยๆมาเพิ่มหลายรายการ
ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า ม่านบังแดดข้าง ที่วางแก้วบนช่องแอร์ฝั่งคนนั่ง
ราคาก็เท่านี้แหละครับ ไม่ห่างกันมาก (เหมือนในรูปที่เอามาลง แต่ไม่ใช่ในลิงค์ครับ)
ประมาณนี้ครับ
http://www.taladrod.com/w20/Search/CarDet3.aspx?cib=1034269 (http://www.taladrod.com/w20/Search/CarDet3.aspx?cib=1034269)
-
ที่บ้านผมมี A33 3.0 ครับ จากการใช้งาน A33 จะเป็นรถที่ ขับสบาย นั้งสบาย ออกตัวสบายๆ รถจะพุ่งมากๆ แบบหลังติดเบาะตอนประมาณ 4 พันรอบชึ้นไป เหมือนตั้งใจ Set เอาไว้ จุดที่ผมชอบที่สุดคือเวลาแซง กดเต็ม เสียงเครื่อง V6 อันไพรเราะ พร้อมการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ทั้งที่มีแค่ 4Speed และห้องโดยสารที่เงียบ เบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศสำหรับคนขับ และ 4ทิศสำหรับคนนั่ง
นี้คือข้อดีข้อเสียที่ผมนึกออกนะครับ เรื่องราคาอาจผิดไปจากเดิมบ้างเล็กน้อย
ขอดี
-ห้องโดยสารที่นั้งสบาย ไม่อึดอัด และเงียบ แม้ว่าข้างนอกรถจะดูเหมือนแคบๆ (ผมว่าความกว้างไม่ต่างจาก Teana)
-เครื่อง V6 3.0 ที่มีพลังมาก (4 พันรอบขึ้นไป) แซงสนุก พร้อมเสียงเครื่องอันไพรเราะตามแบบฉบับเครื่อง VQ (เสียงเครื่องออกแนวๆ 350Z ,GTR เหมือนกันนะคราบ)
-เบาะปรับไฟฟ้า คู่หน้า พร้อมระบบ ActiveSafety
-เข็มขัดดึงกลับอตโนมัต
ข้อเสีย
-อะไหล่ค่อนข้างแพง ผมว่าน่าจะพอๆกับรถหรูทั่วๆ (Made in Jaban ซะส่วนใหญ่)
--พัดลมหม้อน้ำ 16000 บาท
--ลูกปืนล้อหลัง คู่ละ 11000 บาท
--หัวเทียน หัวละ 490 6 หัวก็ 2940 บาท เปลี่ยน 1 ครั้งใช้ได้ 100000 โล
--พัดลมแอร์ (พัดลมด้านใน) 8600 บาท
--ยางรองแท่นเครื่อง-เกียร์ (เป็นแบบไฟฟ้า) 14000 บาท
**อะไหล่ที่ผมเปลี่ยนมาจาก 0 ก็ราวๆนี้ครับ แต่ตอนหลังได้แหล่งหาซื้ออะไหล่ที่ถูกว่าของ 0 25% ก็ซื้ออะไหล่ที่อื่นแล้วมาซ่อมที่ 0**
-รถออกแนวๆยวบยาบ
-อายุรถเริ่มเยอะ อาจต้องซ่อมอีกเยอะเหมือนกัน เพราะผมก็ซ่อมมามากพอสมควร
สุดท้ายนะผมสรุปสั่นๆ อยากได้รถนั่งสบาย ไป A33 ถ้าอยากได้รถขับสนุกผมว่า Focus น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ;)
ปล.อยากรู้อะไรถามเพิ่มเติมได้นะครับ
ปล2.ถ้ายังไม่เคยใช้ Nissan มาก่อน อาจจะตกหลุมรัก Nissan เหมือนผมก็ รถดีแต่ทำไมขายไม่ดี
-
เป็นผมถ้าใช้รถคันเดียวเลือกอายุน้อยๆครับ เลือกford ;)
-
-ข้างหลัง cefiro สบายกว่า
-ความสด focus ดีกว่า(เยอะ)
-focus เติม E20 ได้
-ติดแกสทั้งคู่ focus ประหยัดกว่า
-
Focus ครับ ก่อนได้มาร์ชมาขับก็เกือบสอย Focus ครับ ถ้าไม่ติดนโยบายรถคันแรก
-
A33 ครับ ใช้อยู่
-
เชียร์ A33 ครับ ใหญ่กว่า แรงกว่า นั่งสบายกว่า ภาพลักษณ์ดีกว่า(แม้จะเก่ากว่า)
เตรียมงบไว้แล้วหาอู่นอกดีๆซ่อมให้จบ ติดแก๊สเนียนๆ
ใช้สบายไปอีกนานครับ
คิดแล้วเสียดายที่ไม่มีวาสนาได้มาครอบครอง เป็นหนึ่งในตัวเลือกตอนจะซื้อรถให้พ่อเมื่อปลายปีที่แล้ว
เชียร์แทบตายแต่พ่อไม่เล่นด้วย
-
A33 ครับ
ดูดีกว่าเยอะ หารถสภาพดีๆ หาอู่ซ่อมเก่งๆติดแก้สเนียนๆ ใช้ไปยาวๆ ถ้าเงินเหลือจับแต่ง VIP สวยมากๆๆๆๆ
-
เชียร์ A33 ครับ ใหญ่กว่า แรงกว่า นั่งสบายกว่า ภาพลักษณ์ดีกว่า(แม้จะเก่ากว่า)
เตรียมงบไว้แล้วหาอู่นอกดีๆซ่อมให้จบ ติดแก๊สเนียนๆ
ใช้สบายไปอีกนานครับ
คิดแล้วเสียดายที่ไม่มีวาสนาได้มาครอบครอง เป็นหนึ่งในตัวเลือกตอนจะซื้อรถให้พ่อเมื่อปลายปีที่แล้ว
เชียร์แทบตายแต่พ่อไม่เล่นด้วย
เชื่อมั้ยครับว่า ทีแรก พ่อก็ไม่ยอมเหมือนกันจะเอา Accord งูเห่า อย่างเดียวเลย ผมเลยอ้างไปว่าราคาเท่ากัน แต่ A33 ใหม่กว่านะ จากนนั่นผมพาไปดูตัวจริงที่เต็น สรุปถูกใจ ซื้อเลย ฮาๆๆ
ลืมๆ.อีกจุดเด่นของรุ่น 3.0 ไฟหน้าแบบ XENON พร้อมปรับระดับได้ รุ่น 2.0 เป็นไฟ ฮาโลเจน ธรรมดาครับ
-
Focus
-
Focus ที่บ้านใช้มา 7-8 ปี ไม่มีปัญหารถตาย ไม่จุกจิกครับ
ศูนย์บริการน้อยจริง แต่ก็คงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะ
-
33 ครับ ;D
-
ผมที่บ้านใช้ A33 อยู่ครับแต่เป็นตัว2.0 เป็นรถที่ขับสบาย วิ่งทางไกล120กม./ชม.ได้แบบนิ่งๆ เครื่องV6 เดินเรียบไม่มีสะท้านเวลากวาดรอบสูง ของผมเป็นเครื่องตัว2.0 เวลาอยากจะเร่งต้องทำใจและกระทืบลึกๆ กวาดเลยสัก4พันรอบขึ้นไป ขึ้นเอาขึ้นเอา พร้อมเสียงเครื่องที่มันคือVQ 5555 คือมันไพเราะมากครับ แต่หาตัว3.0ได้ก็ดีแล้วครับ แรงกว่าและไม่ได้กินนำ้มันเหมือน2.0 ......เป็นรถที่นั่งสบาย ไปโรงแรมถึงจะเก่าแต่ยามก็โบกและต้อนรับอย่างดีเหมือนกันครับ (มันคงดูแกรนด์ๆแอบเหมือนเบนซ์) .....
ถ้าสรุปข้อดีข้อเสียนะครับ
ข้อดี
1.ขับสบายมากๆ ออกตจว.ขับ120ได้แบบนิ่งๆ
2.นั่งสบาย วัสดุห้องโดยสารดีเยี่ยม
3.เครื่องเดินเรียบ ลากรอบสูงๆไม่มีสะท้านเลย + ยางแท่นเครื่องเป็นแบบ ไฮโดรลิก+ไฟฟ้าครับ มีส่วนช่วยได้เยอะ (ของผมเปลี่ยนไป2ครั้งหละ)
โดยรวมข้อดีคือ ขับสบาย วัสดุดีเยี่ยม สมรรถนะดีครับ
ข้อเสีย
1.กินนำ้มันมากๆๆ ต้องติดแก๊ส(และควรหาช่างที่ดีๆเนื่องจากห้องเครืองถ้าจัดตำแหน่งระบบแก๊สไม่ดีมีเน่าไม่สวยเลย)
2.อะไหล่เบิก0แพงครับ แต่มือ2เยอะอยู่ แต่ถ้ามาตจว.จะหายากหน่อย อย่างของผมสมัยอยู่ กทม.เปลี่ยนแปปๆหาอะไหล่ก็เจอแล้วสำหรับมือ2 มาเขียงใหม่จะหายากหน่อยตอนนั้นไปเดิน สหอะไหล่ เป้นเซียงกงที่ใหญ่ในเชียงใหม่ ก็ยังมีไม่เยอะเลย
3.จุกจิก ตามกาลเวลา ของมัน แต่ซ่อมแล้วก็ไม่ค่อยกลับมางอแง ควรหาช่างที่ชำนาณด้านนิสสัน( มีเยอะครับเข้าในคลับได้เลย) ถ้าช่างที่ไม่เอาไหนไม่รู้เรื่อง เป็นห่าไรมันจับเปลี่ยนยกชุด ซึ่งมันเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
นี่คือข้อดีข้อเสียที่จากที่ผมใช้มันมา10ปี เป็นรถที่น่าเล่น แต่!! ค้องเตรียมเงินซ่อมไว้อย่างแน่นอน เจ้าของเก่าจะรักษาดียังไงผมเชื่อว่ามันต้องมีอาการออกมา จากที่ผมสอบถามเพื่อนๆที่ใช้ๅA33 พังStepใกล้ๆกันเลยครับ เพื่อนในบอร์ดนี้ที่เคยคุยกันก็พังในลักษณะใกล้ๆกัน 555 ไล่ไปได้ที่หละชิ้นพังเกือบๆจะเหมือนกัน.....เคยคิดจะเปลีย่นรถนะสำหรับผม เปลี่ยนเป็นAlmera แต่คิดอีกที่ขยับไปC-segดีกว่า แล้วสุดท้ายพอได้ขับได้นั่งได้ลองจริงๆ ขอบอกว่าไม่มีอะไรนั่งได้สบาย และขับสบายเท่าA33 เลย ....ข้อควรระวังของรถรุ่นนี้อยู่ที่ระบบหม้อนำ้,ท่อนำ้,ปั๊มนำ้ วาลว์นำ้ต่างๆ ถ้าครบแสนแล้วเจ้าของเก่ายังไม่ได้ทำมา แนะนำยกใหม่ทั้งระบบเลยครับ เพราะว่าเครื่องตัวนี้ฮีตที่นึงยกเครื่องลูกเดียว แล้วอีกจุดก็จะเป็นเกี่ยวกับพวกคอยล์จุดระเบิดครับ ...
สรุปนะ
ถ้าต้องการรถขับสบาย ไปเป็นครอบครัวเครื่องแรงง ผู้ใหญ่นั่งแล้วชอบติดใจ ช่วงล่างนิ่มนวลวัสดุเยี่ยม แต่ต้องแลกกลับค่าตัวในการซ่อมที่สูงพอสมควรเลยหละครับแต่ผมก็ยังไม่เคยกินข้าวลิงกลางทางจากปัญหาใหญ่ๆเลยนะ +ซ่อมแล้วจบ ก็ Cefiro A33
ถ้าใจยังคิดว่า อยากจะยืดเวลาการซ่อมออกไปสัก 3ปี ใช้รถให้คุ้มค่ากับเงิน นั่งไม่ได้เริ่ดเหมือนA33 แต่ปีใหม่กว่าก็ แต่0บริการก็คงสู้นิสสันไม่ได้คงต้องเล่นอู่นอกก็ Focus
ใจลึกๆยังเชียร์A33 นะครับเพราะมันขับสบาย นั่งสบาย เครื่อง 3000 คงฟินนน่าดู แต่มันก็ต้องเตรียมเงินไว้ซ่อมพอสมควร และก็อยู่กับ จขกท.ว่าการใช้รถเหมาะกับคันไหน นี่แหละจุดที่สำคัญของการเลือกรถครับ
ป.ล.ถ้าเลือกA33 ตอนเลือกรถคควรดูฝากระโปรงหน้าฝั่งคนขับด้วยนะครับ ถ้าเปิดขึ้นมาสังเกตุเหนือโช๊คคำ้ฝากระโปรงจะมีรอยปิของฝากระโปรงหรือไม่ก็จะเป็นลายงา ในที่สุดมันก็จะโก่งตัวขึ้นA33 หลายคันเป็นแบบนี้ครับ รวมถึงคันของผมด้วย ยังไงจะเลือกก็ดูจุดนี้หน่อยจะได้ไม่เสียอารมณ์ แต่ถ้ารับได้ก็เป็นปัญหาเล็กๆครับ..ถ้ามันโก่งขึ้นมาก็กดลงไป 555+
-
ที่บ้านผมมี A33 3.0 ครับ จากการใช้งาน A33 จะเป็นรถที่ ขับสบาย นั้งสบาย ออกตัวสบายๆ รถจะพุ่งมากๆ แบบหลังติดเบาะตอนประมาณ 4 พันรอบชึ้นไป เหมือนตั้งใจ Set เอาไว้ จุดที่ผมชอบที่สุดคือเวลาแซง กดเต็ม เสียงเครื่อง V6 อันไพรเราะ พร้อมการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ทั้งที่มีแค่ 4Speed และห้องโดยสารที่เงียบ เบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศสำหรับคนขับ และ 4ทิศสำหรับคนนั่ง
นี้คือข้อดีข้อเสียที่ผมนึกออกนะครับ เรื่องราคาอาจผิดไปจากเดิมบ้างเล็กน้อย
ขอดี
-ห้องโดยสารที่นั้งสบาย ไม่อึดอัด และเงียบ แม้ว่าข้างนอกรถจะดูเหมือนแคบๆ (ผมว่าความกว้างไม่ต่างจาก Teana)
-เครื่อง V6 3.0 ที่มีพลังมาก (4 พันรอบขึ้นไป) แซงสนุก พร้อมเสียงเครื่องอันไพรเราะตามแบบฉบับเครื่อง VQ (เสียงเครื่องออกแนวๆ 350Z ,GTR เหมือนกันนะคราบ)
-เบาะปรับไฟฟ้า คู่หน้า พร้อมระบบ ActiveSafety
-เข็มขัดดึงกลับอตโนมัต
ข้อเสีย
-อะไหล่ค่อนข้างแพง ผมว่าน่าจะพอๆกับรถหรูทั่วๆ (Made in Jaban ซะส่วนใหญ่)
--พัดลมหม้อน้ำ 16000 บาท
--ลูกปืนล้อหลัง คู่ละ 11000 บาท
--หัวเทียน หัวละ 490 6 หัวก็ 2940 บาท เปลี่ยน 1 ครั้งใช้ได้ 100000 โล
--พัดลมแอร์ (พัดลมด้านใน) 8600 บาท
--ยางรองแท่นเครื่อง-เกียร์ (เป็นแบบไฟฟ้า) 14000 บาท
**อะไหล่ที่ผมเปลี่ยนมาจาก 0 ก็ราวๆนี้ครับ แต่ตอนหลังได้แหล่งหาซื้ออะไหล่ที่ถูกว่าของ 0 25% ก็ซื้ออะไหล่ที่อื่นแล้วมาซ่อมที่ 0**
-รถออกแนวๆยวบยาบ
-อายุรถเริ่มเยอะ อาจต้องซ่อมอีกเยอะเหมือนกัน เพราะผมก็ซ่อมมามากพอสมควร
สุดท้ายนะผมสรุปสั่นๆ อยากได้รถนั่งสบาย ไป A33 ถ้าอยากได้รถขับสนุกผมว่า Focus น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ;)
ปล.อยากรู้อะไรถามเพิ่มเติมได้นะครับ
ปล2.ถ้ายังไม่เคยใช้ Nissan มาก่อน อาจจะตกหลุมรัก Nissan เหมือนผมก็ รถดีแต่ทำไมขายไม่ดี
VQ 30 ต้นไม่จัด เเต่ว่ิงยาวดีมากๆ ติดแก๊สกินราว 7.5 km/l เมื่อก่อนผมใช้ แพร่-กทม 4 ชั่วโมงครึ่ง เเบบสบายๆ
-
ผมขอสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับ ระหว่าง Nissan Cefiro A33 3.0 กับ Civic Dimension อะไหล่ตัวไหนแพงกว่ากันครับ กำลังมองทั้ง 2 ตัวนี้อยู่ครับ
-
ผมขอสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับ ระหว่าง Nissan Cefiro A33 3.0 กับ Civic Dimension อะไหล่ตัวไหนแพงกว่ากันครับ กำลังมองทั้ง 2 ตัวนี้อยู่ครับ
A33 ครับ แต่ไม่ได้เป็นรถที่จุกจิกอะไร
-
VQ 30 ต้นไม่จัด เเต่ว่ิงยาวดีมากๆ ติดแก๊สกินราว 7.5 km/l เมื่อก่อนผมใช้ แพร่-กทม 4 ชั่วโมงครึ่ง เเบบสบายๆ
โอ้ว กรุงเทพฯ - แพร่ 4 ชม. ครึ่ง นี่ไม่สบายครับ กับระยะทางเกือบ 600 กม.
ผมวิ่ง 150 ตลอด ไม่ฉี่ ไม่แวะกาแฟ ยัง 6 ชม. เลย