Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bluefox101 ที่ เมษายน 20, 2013, 23:52:18
-
วันนี้มีเรื่องมาแชร์ + ระบาย ให้ฟังกัน เล่น ๆ ครับ ไม่เกี่ยวกับรถโดยตรง แต่จะเกี่ยวกับพวกมือบอนครับ
เรื่องมีอยู่ว่า รถใหม่ BMW 328i ป้ายแดง เคลือบ CTS มาหมดไป 4 หมื่นกว่า จอดอยู่หน้าโรงงาน
ซึ่งจอดเป็นประจำทุกวัน เพราะเป็นรถของเจ้าของโรงงาน
จู่ ๆ ก็มีพนักงานมือบอน (เป็นลูกจ้างรายวัน) เห็นมีฝุ่นจับอยู่รอบคัน เลยเอานิ้วเขียนลงบนฝากระโปรงหน้ารถเล่นว่า "คนล้างไม่อยู่"
เจ้าของโรงงานประชุมลูกน้องอยู่ในห้องประชุม กว่าจะเลิกประชุมก็ร่วม 6 โมงเย็น เดินออกมาจะขึ้นรถ ก็เห็นรอยนิ้วเข้า ก็โมโหอย่างมาก
ถามหาคนตัวคนทำทันที แต่คนทำได้กลับบ้านไปก่อนแล้ว
ผู้อยู่ในเหตุการณ์ 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนพนักงานแผนกเดียวกัน เล่าว่า "ผมร้องบอกมันไปแล้วว่า เฮ้ย
มรึงเขียนเล่นทำไมวะนั่น รถเฮีย...เขานะ" คนมือบอนผู้ไม่ยี่หระ ก็สวนตอบกลับมาว่า "ก็แล้วไงล่ะ จะทำไมล่ะ"
พนักงานคนนั้นได้บอกต่อว่า "เอาไว้วันจันทร์ เฮียก็เรียกมันมาด่า ก็แล้วกันครับ" เจ้าของโรงงานก็พูดกลับไปยัง พนักงานคนนั้นสั้น ๆ ว่า
"คงไม่ด่ามันหรอก แล้วช่วยโทรบอกมันด้วยว่า วันจันทร์ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ เพราะกรูไล่มันออก..."
เพื่อน ๆ คิดว่า "ผม" ทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ?
ปกติผมจะเป็นคนอารมณ์ดี สบาย ๆ ง่าย ๆ ไม่เคยถือโทษโกรธลูกน้อง ถึงทำงานผิดพลาด งานเสียหายแค่ไหน
อย่างมากก็เรียกมาสอบสวน หาสาเหตุ ว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา หรือ ออกเป็นหนังสือเตือน
เว้นแต่กรณีที่ทำผิดขั้นร้ายแรง เช่นทุจริต หรือลักขโมย
ระหว่างที่ผมขับรถกลับบ้านนั้น ผมก็คิดทบทวน ว่าผมทำเกินกว่าเหตุไปหรือเปล่า แต่หลังจากที่ทบทวน พฤติกรรมแย่ ๆ ของพนักงานคนนี้
ในอดีตที่ผ่านมา หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจริง ๆ ในใจก็อยากจะให้ออกไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังคงให้โอกาสทำงานต่อไป
แต่สำหรับครั้งนี้มันไม่ใช่ เหตุผลหลัก ๆ คือ รถคันนี้ พนักงานทุกคน รวมถึงไอ้คนมือบอน รู้ดีว่าเป็นรถของใคร แต่กลับไม่มีความเกรงใจ
หรือยำเกรงใด ๆ หนำซ้ำยังท้าทาย อีกด้วยว่า "แล้วยังไง" ซึ่งลูกจ้างแบบนี้ ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเก็บเอาไว้ในองค์กรต่อไป
ไม่อย่างนั้นจะเป็นเยี่ยงอย่างให้คนอื่น
หลังจากที่ผมแวะเข้าคาร์แคร์ ล้างรถ เพื่อตรวจดูรอยขีดข่วน ผมลมแทบจับเลยครับ
มีรอยขีดข่วน แทบจะอ่านได้ครบประโยคเลย เรียกได้ว่า "ถึงล้างรถแล้ว ก็ยังอ่านได้เกือบครบประโยคเลยทีเดียว"
จากที่ก่อนหน้านี้ยังมีความคิดที่จะทบทวนการไล่ออก แต่หลังจากที่เห็นรอยขีดข่วนปรากฏหรา บนฝากระโปรงแล้วก็ตัดสินใจได้ว่า "ไล่ออก" อย่างเดียว
ไม่มีต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น
ครับก็แชร์ + ระบายให้ฟังกันเล่น ๆ ด้วยความเซ็งครับ เพราะเราเองก็อุตส่าห์ทนุถนอมรถอย่างดี ล้างเองทุกอาทิตย์ เสียเงินไปเคลือบแก้ว
แล้วยังไหนจะค่า น้ายาล้างรถ อุปกรณ์อื่น ๆ ผ้าชาร์มัวแท้อย่างดี หมดไปอีกหลายพัน แต่กลับจะต้องมาเป็นรอยเพราะคนมือบอน คึกคะนอง
ไม่มีสามัญสำนึก แบบนี้
-
เรื่องไล่ออก ไม่ขอออกความเห็นครับ คนที่เป็นเจ้านายคงรู้ดีว่าตัวเองตัดสินใจอย่างนั้นอย่างนี้เป็นเพราะอะไร
แต่สงสัยว่าเคลือบแก้ว นี่กันรอยนิ้วมือเขียนไม่ได้เหรอครับ หรือพี่แกเล่นลงเล็บด้วย ไม่อย่างนั้นผมว่าเคลือบแก้วน่าจะกันรอยเล็กๆ น้อยๆ ได้นะครับ
-
สำหรับผม คงไม่เกินกว่าเหตุ เนื่องด้วยรู้ว่ารถใคร แค่กล้าทำ หมายถึง ไม่เกรงใจและไม่ยำเกรง
ผมเป็นลูกจ้าง ให้ตายก็ไม่กล้าทำแน่ๆ ครับ
แต่แปลกใจ หากใช้นิ้วเขียน ทำไมเป็นรอยลึกได้ ล้างแล้วไม่ออกหละครับ เคลือบแก้วเลยนะ
-
เขียนรถด้วยนิ้วเป็นรอยได้ด้วยเหรอครับ ??? เคลือบแก้วแล้วด้วย ???
-
คำถามของท่านคือ "ผมทำเกินไปรึป่าว" คำตอบคือไม่นะ
-
สงสัยเรื่องเคลือบแก้วตั้ง 4 หมื่นบาท เจอนิ้วเขียนฝุ่นแค่นี้เป็นรอยเลยหรอครับ
ส่วนเรื่องไล่ออก คุณควรเรียกมาคุยก่อนนะ เผลอๆไอเพื่อนเองหรือเปล่าที่โยนความผิดไปให้คนนั้น ยังไม่ได้คุยเลยไล่ออกแล้ว
แต่ถึงเขาทำจริงแล้วไล่ออก ผมว่าก็เกินกว่าเหตุนะ คุณบอกเองว่าปกติคุณเป็นคนอารมณ์ดี บางทีลูกน้องเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเส้นแบ่งมันอยู่ตรงไหน
เอางี้ ให้เห็นภาพง่ายขึ้น สมัยเรียนคุณเคยมีครูที่วัยรุ่นๆหน่อยมั้ย แบบสอนดี หน้าที่ครูครบ แต่เหมือนเป็นพี่มากกว่าครู ปรึกษาได้ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆ
ครูแบบนี้ นักเรียนบางกลุ่มก็จะกล้าเข้าหา รวมถึงกล้าแซวกล้าเล่น แต่ปัญหาคือ ความยำเกรงจะน้อยลง ถ้าบริหารเรื่องแบบนี้ไม่ดี ขีดเส้นไม่ชัด จนโดนแกล้ง โดนปีนเกลียว
ผมว่านั่นคือความบกพร่องของครู หรือในสถานการณ์นี้ ก็คือคุณที่เป็นหัวหน้าเขา เป็นคนที่เขาควรเคารพ
ผมไม่ได้บอกว่านักเรียนที่แกล้งครูทำถูก แต่คุณคิดว่าถ้าครูคนนี้โดนเขียนรถที่ฝุ่นจับด้วยนิ้วมือ เขาจะไปฟ้องผอ.ให้ไล่ไอนักเรียนคนนี้ออกจากโรงเรียนเลยหรอครับ?
-
รู้ทั้งรู้แต่ก็ทำ สมควรแล้วครับ
แต่อยากให้ระวังไว้ด้วยนะครับตอนเค้าอยู่รถแค่โดนเขียน
แต่เค้าออกไปแล้ว อาจจะมีรอยอื่นมาแทน ยังไงก็ระวังๆไว้ด้วยครับ
-
สำหรับหลายคนที่สงสัยว่า เคลือบแก้ว แล้วยังมีรอยอยู่อีกหรือ ผมก็ต้องยอมรับว่า อึ้ง ๆ ไปเหมือนกัน
หลังจากเห็นรอยข่วนชัดเจน ครบเกือบทุกตัวอักษร
จากเหตุการณ์ตรงนี้ ทำให้ชัดเจนได้ว่าเคลือบ CTS (ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเหมือนเคลือบแก้วเจ้าอื่นหรือเปล่า) ไม่สามารถกันรอยข่วน หรือรอยขนแมว
ได้สักเท่าไหร่
และเป็นเพราะว่า ถนนที่ผมขับรถไปทำงานนั้น มีการก่อสร้าง ขยายถนน เป็นระยะทางยาวร่วม 8KM. ทำให้มีฝุ่นตลอดเส้นทาง
ทั้งฝุ่นดิน ฝุ่นทรายต่าง ๆ ผมล้างรถวันอังคาร ผ่านไปเพียง 4 วัน ฝุ่นก็จับทั้งคันแล้วครับ การใช้นิ้วเขียนเล่นบนฝากระโปรง
ในสภาพนั้น จึงไม่ต่างอะไรกับการเอากระดาษทรายถู รถเลยครับ
ทางคาร์แคร์ที่ไปล้างรถมา เค้าลองเอา cleaner กับ wax ลงให้เบา ๆ บริเวณที่เป็นรอย ก็สามารถ "กลบ" รอยข่วนให้บางลงไปได้บ้าง
แต่ถ้าจะให้หายหมด คงต้องเอาไปขัดเคลือบสี ถึงจะออกได้หมด แต่ก็จะแลกมากับชั้นเคลือบ CTS จะบางลงไป ซึ่ง
ผมคงจะให้ทาง CTS เค้าช่วยดูให้ตอนเข้าไป service ราย 6 เดือน
-
ถ้าทำจริงและพูดจริงก็เอาไว้ไม่ได้ครับ
-
จริงๆรถใครหรือจะแค่รอยฝุ่นทั่วไปก็ไม่สมควรไปขีดเล่น มันแสดงถึงสันดาน นี่ยิ่งเป็นรถเจ้านาย ยังมาปีนเกลียวเล่นอีก คนแบบนี้เลี้ยงไม่เชื่องครับ
-
สงสัยเรื่องเคลือบแก้วตั้ง 4 หมื่นบาท เจอนิ้วเขียนฝุ่นแค่นี้เป็นรอยเลยหรอครับ
ส่วนเรื่องไล่ออก คุณควรเรียกมาคุยก่อนนะ เผลอๆไอเพื่อนเองหรือเปล่าที่โยนความผิดไปให้คนนั้น ยังไม่ได้คุยเลยไล่ออกแล้ว
แต่ถึงเขาทำจริงแล้วไล่ออก ผมว่าก็เกินกว่าเหตุนะ คุณบอกเองว่าปกติคุณเป็นคนอารมณ์ดี บางทีลูกน้องเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเส้นแบ่งมันอยู่ตรงไหน
เอางี้ ให้เห็นภาพง่ายขึ้น สมัยเรียนคุณเคยมีครูที่วัยรุ่นๆหน่อยมั้ย แบบสอนดี หน้าที่ครูครบ แต่เหมือนเป็นพี่มากกว่าครู ปรึกษาได้ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆ
ครูแบบนี้ นักเรียนบางกลุ่มก็จะกล้าเข้าหา รวมถึงกล้าแซวกล้าเล่น แต่ปัญหาคือ ความยำเกรงจะน้อยลง ถ้าบริหารเรื่องแบบนี้ไม่ดี ขีดเส้นไม่ชัด จนโดนแกล้ง โดนปีนเกลียว
ผมว่านั่นคือความบกพร่องของครู หรือในสถานการณ์นี้ ก็คือคุณที่เป็นหัวหน้าเขา เป็นคนที่เขาควรเคารพ
ผมไม่ได้บอกว่านักเรียนที่แกล้งครูทำถูก แต่คุณคิดว่าถ้าครูคนนี้โดนเขียนรถที่ฝุ่นจับด้วยนิ้วมือ เขาจะไปฟ้องผอ.ให้ไล่ไอนักเรียนคนนี้ออกจากโรงเรียนเลยหรอครับ?
บอกตามตรงว่า ผมคิดเรื่องนี้เหมือนกันครับ ว่าผมอาจโดนปีนเกลียว และการไล่ออก อาจจะทำดูว่า เกินกว่าเหตุ เพราะมันก็แค่ "มือบอน" และถ้าการกระทำครั้งนี้ มาจาก
ลูกจ้างคนอื่น ผมก็อาจจะไม่ถึงกับไล่ออก แต่เพราะเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมแย่ ๆ หลาย ๆ ครั้งผ่านมา (ที่ผมยังให้โอกาสทำงานต่อ) ผมก็คิดว่า ถ้าผมยังให้โอกาส คน ๆ นี้อีก
นั่นอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับลูกจ้างคนอื่น เพราะนั่นเท่ากับว่า ผม "ใจดีเกินไป" และลูกจ้างคนอื่นจะย่ามใจ และในอนาคตจะไม่ยำเกรง คิดได้ดังนั้นเลยตัดสิน เชือดไก่ ให้ลิงดู
ซะก่อนก็น่าจะดีกว่า
ปล. การตัดสินใจไล่ออกนั้น ยังไม่เป็นทางการซะทีเดียวครับ (เป็นเพียงแต่การบอกผ่านเพื่อนร่วมงานไปเท่านั้น) เพราะว่าผมยังไม่ได้เจอเจ้าตัวคนทำ และยังไม่ได้ฟังเหตุการณ์จากปากผู้กระทำโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่า
วันจันทร์ เจ้าตัวก็คงจะมารอพบผมตอนเช้า เพื่อเคลียร์เรื่องให้กระจ่าง แล้วผมคงจะตัดสินโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ
-
คุณสรุปเอา เพราะการฟังจากคนอื่นเนี่ยนะครับ
เกินไปครับ
ถ้ามีกล้องวงจรปิด มีหลักฐานที่ชัดเจน ก็ไม่ได้เกินไปครับ
ยังไงทำธุรกิจ เลี้ยงคนให้มีคนรัก ดีกว่าทำให้มีคนเกลียด ไม่รู้จะย้อนกลับมาทำอะไรบ้างนะครับ ระวังด้วย
แล้วพนักงานรายวัน ถ้าเข้าระบบถูกต้อง ระวังโดนฟ้องกรมแรงงานนะครับ ครั้งก่อนๆที่ทำผิดมีใบเตือนอะไรชัดเจนมั้ย ผิดกฎบริษัทหรือไม่ เก็บหลักฐานดีๆครับ
-
โดยส่วนตัวก็ไม่ชอบพวกมาเขียนบนรถเหมือนกัน
เคยโดนน้องที่ทำงานมาเขียน ก็ด่ากันไปยกใหญ่
แต่กรณีนี้ ผมว่าเรียกมาคุยก่อน สอบถามให้แน่ใจก่อน ว่าเป็นคนทำแน่ๆ
แล้วจะไล่หรือไม่ไล่ค่อยตัดสินกันอีกที เพราะคุณก็ฟังมาจากคนอื่นอีกทีนึง
น่าจะคุยให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ เกิดผิดฝาผิดตัวไป จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ
ทุกคนก็มีภาระ เกิดเค้าเดือดร้อนเพราะผิดตัว จะแย่เอาได้
แต่ถ้าเป็นคนทำจริงๆ แล้วยังกวนทีน ก็จัดทีนให้สักทีก่อนตัดสินใจ
ด้วยความเคารพครับ
-
ไม่เกินไปครับ เทียบกันแล้ว สำหรับผม เป็นผมก็ทำครับ
กรณีนี้เปรียบเหมือนกับลูกน้อง เอามือลูบหัวเจ้านาย ซึ่งเป็นผู้ที่จ่ายเงินให้มีกินมีใช้ทุกเดือน
ถ้าไม่รู้ผมไม่ว่าครับ เรียกมาขอโทษก็จบ เพราะไม่รู้ ... แต่นี้รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังทำแถมยังท้าทาย ก็ไม่สมควรครับ ถือว่าเป็นลูกน้องนอกแถว ไม่สมควรเก็บไว้ครับ
... อย่างกรณีทั่วไป ถ้าไม่ได้เป็นเจ้านาย และ ลูกน้อง ถ้าหากคุณเป็นคนธรรมดา คุณจะกล้าเอามือไปเขียนเล่นหรือ ?
-
ลองคิดอีกทีตอน อารมณ์เย็นกว่านี้น่ะครับ
ถ้าตอนนั้นยังคิดแบบนี้อยู่ก็ไม่เป็นไรครับ แสดงว่าเขาทำผิดจริงๆ
แต่ถ้าผ่านไปวันสองวัน แล้วใจเริ่มโลเล ก็เปลี่ยนใจครับ
บางที ใจ เรามันห้ามไม่ได้ครับ ณ ตอนนี้อาจจะมี หรือไม่มี
ทั้งอคติ ทั้งมุมมองแง่ลบ ทั้งความเหนื่อยจากงาน
ก็ลองๆดูครับ ถ้าพอ ช่วยเหลือกันได้ ก็ผ่อนหนักเป็นเบาครับ
คนทำมาหากินสุจริจเหมือนกัน ดีกว่าปล่อยให้เค้าไปทำอย่างอื่น ^^
-
เอาออกดีแล้ว
คนถ้าเป็นยังไงก็เป็นยังงั้น ลูกน้องผมเองบางคนก็เป็นอย่างนี้ แต่จะเอาออกก็ผิดกฎหมายแรงงาน
แต่กรณีนี้ ไล่ออก ไม่ผิดกฎหมายแรงงาน ของผมโดนลูกน้องกรีดรถครับ ดันไปรับนักเลงมาทำงาน ไล่ออกไปแล้ว ไม่จ่ายค่าชดเชย
-
ตามความเห็นผมนะครับ
ไอเรื่องเอานิ้วจิ้มแล้วขีดรถตอนมีฝุ่น(ถึงจะเป็นรอยหรือไม่ก็ตาม)มันก็ไม่สมควร และน่าโมโหสำหรับคนรักรถอยู่แล้ว
แต่ประเด็นคือ พนักงานคนนี้ไม่เกรงกลัวเจ้าของ (แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อที่เพื่อนเค้าพูดนะครับ อาจจะไม่ชอบกัน เลยใส่ไฟ เจอพวกแบบนี้มาเยอะครับ)
แต่หากว่าพฤติกรรมที่ผ่าน ๆ มาไม่ดีเท่าไหร่ ณ จุดนี้คงเชื่อพนักงานอีกคนได้ว่า ไอคนที่เอานิ้วจิ้มมันพูดแบบนั้นจริง ๆ
แล้วถ้าปล่อยให้มันทำงานต่อไป ลับหลังมันจะไปพูดว่ากล่าวเราว่า เฮียมันกระจอกวะ ไม่กล้าทำไรกู เห็นไหม รถมันกูยังเล่นได้ (เล่นรถก็เหมือนเล่นตัวสำหรับผม) แบบนี้จะทำให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อลูกน้องคนอื่น ๆ ทำให้คนไม่เคารพนะครับ
เพราะฉะนั้นไล่ออกดีแล้วครับ ;D
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ การไล่ออกครั้งนี้ยังไม่เป็นทางการ เพราะตั้งใจว่าวันจันทร์คงได้เคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่างกับลูกน้องคนนั้นครับ
และยิ่งถ้าเขาถูกใส่ร้าย ก็คงจะต้องรีบมาเคลียร์กับผมให้ชัดเจนแน่นอน
ทั้งนี้จะขยายความให้กระจ่างอีกนิดกับที่ผมพูดถึง พฤติกรรมแย่ ๆ นั้น หลัก ๆ เท่าที่มีก็มีตั้งแต่
1. ขาดงานบ่อย เพราะกินเหล้าเมา จนมาทำงานไม่ได้ ตลอด 4 เดือนตั้งแต่เริ่มทำงานมา ขาดงานมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง
และเมื่อถูกเรียกเตือนโดยแผนกบุคคล ก็ย้อนว่า "แล้วไงล่ะ"
2. แต่งกายผิดระเบียบบ่อยครั้ง ทั้งผมยาวรุงรัง กางเกงขาด ๆ และรองเท้าแตะ
3. การพูดจา และกริยา ที่แสดงออกไม่เหมาะสม เวลาไปส่งของให้ลูกค้า
พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น (ยังไม่นับรวมที่ถูกหัวหน้างาน ต่อยคว่ำมาเพราะไปกวนทีนเขา) จริง ๆ ก็มากพอที่จะให้เลิกจ้างไปตั้งนานก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่
ผมยังให้โอกาสทำงานต่อ เพราะโดยส่วนตัว อะไรที่ หยวน ๆ ได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ผมหยวนให้ครับ แต่ถ้าครั้งนี้ถ้าทำผิดจริง ผมก็คงจะหยวนให้ไม่ได้แล้วครับ
ปล. หน้าโรงงานผมมีกล้องวงจรปิดครับ ถ้าจะดูหลักฐานจริง ๆ ก็คงเห็นล่ะครับ แต่เพราะวันนี้มันเย็นมากแล้ว เลยไม่อยากจะไปนั่งย้อนเทปดู ซึ่งวันจันทร์ก็คง
จะได้เคลียร์เรื่องนี้กันอีกทีครับ
-
ไม่ไล่ออกครับ
ให้มันมาทำงานฟรีชดใช้ความผิดครับ >:(
-
ถ้าทำจริง พูดแบบนั้นจริง สมควรโดนครับ แย่มาก ร้ายแรง ไม่มีความเกรงใจเลย
อย่าว่าแต่ลูกน้องเลย ถึงแม้ัจะเป็นคนระดับเดียวกัน มาทำแบบนี้ก็ไม่ไหวครับ
แต่ผมว่า ลองหาความจริงดูก่อนดีไหมครับ เช่น เรียกพนักงานคนนั้นมาสอบสวน ไรงี้
-
ไม่เกินหลอกครับ
ทั้งๆที่เป็นรถของเฮียก็ยังกล้าทำ
ต่อไปก็จะกลายเป็นว่า
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเด็กเฮียก็ยังกล้าจีบ ;D
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ การไล่ออกครั้งนี้ยังไม่เป็นทางการ เพราะตั้งใจว่าวันจันทร์คงได้เคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่างกับลูกน้องคนนั้นครับ
และยิ่งถ้าเขาถูกใส่ร้าย ก็คงจะต้องรีบมาเคลียร์กับผมให้ชัดเจนแน่นอน
ทั้งนี้จะขยายความให้กระจ่างอีกนิดกับที่ผมพูดถึง พฤติกรรมแย่ ๆ นั้น หลัก ๆ เท่าที่มีก็มีตั้งแต่
1. ขาดงานบ่อย เพราะกินเหล้าเมา จนมาทำงานไม่ได้ ตลอด 4 เดือนตั้งแต่เริ่มทำงานมา ขาดงานมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง
และเมื่อถูกเรียกเตือนโดยแผนกบุคคล ก็ย้อนว่า "แล้วไงล่ะ"
2. แต่งกายผิดระเบียบบ่อยครั้ง ทั้งผมยาวรุงรัง กางเกงขาด ๆ และรองเท้าแตะ
3. การพูดจา และกริยา ที่แสดงออกไม่เหมาะสม เวลาไปส่งของให้ลูกค้า
พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น (ยังไม่นับรวมที่ถูกหัวหน้างาน ต่อยคว่ำมาเพราะไปกวนทีนเขา) จริง ๆ ก็มากพอที่จะให้เลิกจ้างไปตั้งนานก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่
ผมยังให้โอกาสทำงานต่อ เพราะโดยส่วนตัว อะไรที่ หยวน ๆ ได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ผมหยวนให้ครับ แต่ถ้าครั้งนี้ถ้าทำผิดจริง ผมก็คงจะหยวนให้ไม่ได้แล้วครับ
ปล. หน้าโรงงานผมมีกล้องวงจรปิดครับ ถ้าจะดูหลักฐานจริง ๆ ก็คงเห็นล่ะครับ แต่เพราะวันนี้มันเย็นมากแล้ว เลยไม่อยากจะไปนั่งย้อนเทปดู ซึ่งวันจันทร์ก็คง
จะได้เคลียร์เรื่องนี้กันอีกทีครับ
ถ้าตามนี้จะไล่ออกก็สมควรแก่เหตุผลครับ
-
ไล่ออกเลยครับ
ผมก็เพิ่งโดนเรื่องแนว ๆ นี้มาสด ๆ รัอน ๆ แล้วก็ได้ไล่พนักงานออกไปเร็ว ๆ นี้คนนึง
ถ้าไม่ให้เกียรติกันก็อย่าทำงานด้วยกันดีกว่า
พนักงานแย่ ๆ แบบนี้ไม่ควรเอาไว้เป็นแบบอย่างกับคนอื่นครับ
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ การไล่ออกครั้งนี้ยังไม่เป็นทางการ เพราะตั้งใจว่าวันจันทร์คงได้เคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่างกับลูกน้องคนนั้นครับ
และยิ่งถ้าเขาถูกใส่ร้าย ก็คงจะต้องรีบมาเคลียร์กับผมให้ชัดเจนแน่นอน
ทั้งนี้จะขยายความให้กระจ่างอีกนิดกับที่ผมพูดถึง พฤติกรรมแย่ ๆ นั้น หลัก ๆ เท่าที่มีก็มีตั้งแต่
1. ขาดงานบ่อย เพราะกินเหล้าเมา จนมาทำงานไม่ได้ ตลอด 4 เดือนตั้งแต่เริ่มทำงานมา ขาดงานมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง
และเมื่อถูกเรียกเตือนโดยแผนกบุคคล ก็ย้อนว่า "แล้วไงล่ะ"
2. แต่งกายผิดระเบียบบ่อยครั้ง ทั้งผมยาวรุงรัง กางเกงขาด ๆ และรองเท้าแตะ
3. การพูดจา และกริยา ที่แสดงออกไม่เหมาะสม เวลาไปส่งของให้ลูกค้า
พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น (ยังไม่นับรวมที่ถูกหัวหน้างาน ต่อยคว่ำมาเพราะไปกวนทีนเขา) จริง ๆ ก็มากพอที่จะให้เลิกจ้างไปตั้งนานก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่
ผมยังให้โอกาสทำงานต่อ เพราะโดยส่วนตัว อะไรที่ หยวน ๆ ได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ผมหยวนให้ครับ แต่ถ้าครั้งนี้ถ้าทำผิดจริง ผมก็คงจะหยวนให้ไม่ได้แล้วครับ
ปล. หน้าโรงงานผมมีกล้องวงจรปิดครับ ถ้าจะดูหลักฐานจริง ๆ ก็คงเห็นล่ะครับ แต่เพราะวันนี้มันเย็นมากแล้ว เลยไม่อยากจะไปนั่งย้อนเทปดู ซึ่งวันจันทร์ก็คง
จะได้เคลียร์เรื่องนี้กันอีกทีครับ
ขอเรียนว่าเป็นผม ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าพูดจริง เจ้านายใจดีมากๆนะครับ แต่เป็นผมไล่ออกตั้งแต่ขาดงานเกิน 4 ครั้งแล้วครับ ยิ่งพูดไม่เหมาะกับลูกค้า ยิ่งรีบๆไล่เลยครับ กฎเป็นกฎครับ ไม่งั้นพนักงานคนอื่นจะเอาเป็นตัวอย่าง แล้วจะปกครองคนยากครับ บางครั้งก็ต้องใจแข็ง อยากจะใช้คำว่าเหี้ยมและเด็ดขาดมากกว่า คนบางคน สอนกันไม่ได้ เอาออกดีกว่าครับ แต่ให้ทำตามขั้นตอนการไล่ออกพนักงานให้ดีนะครับ เน้นเรื่องงานกับการไม่ให้เกียรติผู้บังคับบัญชาน่าจะดี ไล่ออกอย่างถูกต้องและอย่างถูกกฎหมาย เพื่อไม่เป็นภัยภายหลัง โดยเฉพาะความปลอดภัยของเรา
-
ท่าน จขกท. ให้โอกาสเขามากี่ครั้งแล้วล่ะครับ?
ถ้าไห้โอกาสมาหลายครั้ง แล้วเขายังประพฤติตัวเช่นเดิม
สิ่งที่ท่าน จขกท. ทำ มันก็เหมาะสมแล้ว
เพราะอยู่ในสังคมหมู่มาก มันก็ต้องอยู่ในกฎเกณฆ์ คนๆนี้ทำผิดได้ นายจ้างไม่ว่า
สุดท้ายคนในกลุ่มก็จะเอาตามอย่างครับ
-
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจครับ คนหลายๆคนลืมกฎที่ว่า ไม่ว่าจะกรณีใด อย่ายุ่งกับรถของผู้ชาย มันเป็นสิ่งต้องห้ามที่สำคัญที่สุดเท่าที่มีอยู่เลย ถ้าทำเมื่อไหร่ ผลร้ายจะตามมาถึงผู้กระทำ อย่างรวดเร็วเกินคาด
แต่ก็ยังเห็นกันอยู่บ่อยๆ :'(
-
เรียกมาคุย แล้วไล่ออกด้วยคดีเก่าๆครับ
แค่เมา ถ้าลูกน้องผมไล่ออกไปนานแล้วครับ
คนอื่นจะไม่ยำเกรงเพราะคดีเก่าๆมากกว่านะครับ คดีนี้มันส่วนตัวไปหน่อยครับ
-
ไล่ออกแล้วลงประวัติไว้ด้วยครับ
ไม่ใช่เพราะเขียนเล่นใส่รถ แต่เพราะ"แล้วไงล่ะ"แล้วทำ มันแสดงความกระด้างกระเดื่องโชว์เพื่อนร่วมงาน
ที่นี่มันที่ของคุณ กิจการของคุณ
ถ้าโต้แย้งในเรื่องเกี่ยวกับงานยังพอคิดแบบคนเป็นนายได้ว่าแค่ความเห็นไม่ตรงกัน แต่มันอยากให้งานออกมาดี
แต่นี่เป็นการโชว์ให้เพื่อนดู ว่า"กฌกูจะเล่นใส่นายแบบนี้ แล้วไง ใครจะทำไมมัน".....เอาไว้ไม่ได้ครับ
ไล่ออกสถานเดียว
ยิ่งออกปากบอกเพื่อนมันไปแล้วยิ่งต้องไม่กลับคำ เหตุผลสมควร พฤติกรรมสมควร บุคคลสมควรถูกพิจารณา ถ้ากลับคำต่อไปพนักงานคนอื่นๆจะมองคุณเป็นอะไร แล้วจะปกครองลูกน้องยังไง
ถ้ามันมาอ้อนวอนขอโทษ ก็บอกไปว่า"ไม่คิดค่าเคลือบราคา4หมื่นที่เสียหายละกัน แต่เชิญไปหาที่เล่นที่อื่น
-
อย่าแค่ไล่ออกคับ แจ้งประกันหรือแจ้งความเลยเอาเรื่องให้ถึงที่สุด มันไม่ใช่แค่เรื่องรถ แต่เรื่องการปกครองและการยอมรับเราชึ่งเป็นนายด้วย ถ้าไม่ทำคนอื่นๆอจจะเลียนแบบทำให้เสียการปกครอง
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ การไล่ออกครั้งนี้ยังไม่เป็นทางการ เพราะตั้งใจว่าวันจันทร์คงได้เคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่างกับลูกน้องคนนั้นครับ
และยิ่งถ้าเขาถูกใส่ร้าย ก็คงจะต้องรีบมาเคลียร์กับผมให้ชัดเจนแน่นอน
ทั้งนี้จะขยายความให้กระจ่างอีกนิดกับที่ผมพูดถึง พฤติกรรมแย่ ๆ นั้น หลัก ๆ เท่าที่มีก็มีตั้งแต่
1. ขาดงานบ่อย เพราะกินเหล้าเมา จนมาทำงานไม่ได้ ตลอด 4 เดือนตั้งแต่เริ่มทำงานมา ขาดงานมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง
และเมื่อถูกเรียกเตือนโดยแผนกบุคคล ก็ย้อนว่า "แล้วไงล่ะ"
2. แต่งกายผิดระเบียบบ่อยครั้ง ทั้งผมยาวรุงรัง กางเกงขาด ๆ และรองเท้าแตะ
3. การพูดจา และกริยา ที่แสดงออกไม่เหมาะสม เวลาไปส่งของให้ลูกค้า
พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น (ยังไม่นับรวมที่ถูกหัวหน้างาน ต่อยคว่ำมาเพราะไปกวนทีนเขา) จริง ๆ ก็มากพอที่จะให้เลิกจ้างไปตั้งนานก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่
ผมยังให้โอกาสทำงานต่อ เพราะโดยส่วนตัว อะไรที่ หยวน ๆ ได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ผมหยวนให้ครับ แต่ถ้าครั้งนี้ถ้าทำผิดจริง ผมก็คงจะหยวนให้ไม่ได้แล้วครับ
ปล. หน้าโรงงานผมมีกล้องวงจรปิดครับ ถ้าจะดูหลักฐานจริง ๆ ก็คงเห็นล่ะครับ แต่เพราะวันนี้มันเย็นมากแล้ว เลยไม่อยากจะไปนั่งย้อนเทปดู ซึ่งวันจันทร์ก็คง
จะได้เคลียร์เรื่องนี้กันอีกทีครับ
บอกตามตรงอย่าโกรธกันนะ เป็นผมไล่ออกไปนานแล้วผมเสียเงินจ้างมาทำงานเพราะผมมีปัญหาต้องการคนมาทำงานเมื่อไม่พร้อมที่จะทำงานก็ไปหาที่อื่นทำเถอะจะมาคาดหวังว่าลูกน้องจะมาทำงานมั๊ยน้อก็ไม่ต้องทำธุรกิจกันพอดี แล้วยิ่งแสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับลูกค้าด้วยแล้วผมยิ่งไม่เอาไว้เด็ดขาดธุรกิจอยู่ได้เพราะลูกค้าเท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเองแล้วยิ่งคุณไม่ทำอะไรก็เท่ากับส่งเสริมให้ธุรกิจเจ๊งเร็ว แล้วที่คุณไล่ออกเรื่องที่ไม่เกียวกับงานโดยตรงทำให้มองว่าให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงานแต่มาขั้นนี้แล้วต้องเดินหน้าต่อดูกล้องถ้าจริงก็แจ้งความเป็นหลักฐานซะเกิดมาหาเรื่องทีหลังจะได้จัดสะดวกหน่อย
ปกครองคนต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณควบคู่กันไป อย่างคุณผมไม่เรียกว่าใจดีหรอกเรียกว่าไม่เด็ดขาดมากกว่า อย่าโกรธกันนะออกตัวไว้แล้ว
-
เห็นหลายคนแสดงความคิดเห็นแล้วน่ากลัวมาก เพราะถ้าไล่บี้จนมันกลายเป็นหมาจนตรอกขึ้นมา มันกลับมาแก้แค้นแน่ ไม่มีอะไรให้เสียแล้ว
ยังไงก็ระวังไว้ด้วยนะครับ ด้วยความเป็นห่อวง
-
เป็นผม....
เปิดดูกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนั้น ว่าเขียนจริงไหม
ถ้าเขียนจริง ไล่ออก ยังน้อยไป.....
บังอาจมาหยามกันถึงขนาดนี้....
มีรายการจัดหนักตามมาหลังจากนี้แน่นอน...
-
ถ้าเป็นเรื่องอย่างที่เล่ามาผมจัดการไล่ออกเลยครับ
ไอเรื่องตัวอักษรที่ล้างออกแล้วยังเห็นอยู่ เป็นเพราะเม็ดฝุ่นที่อยู่บนรถ เจอนิ้วเราเขียนเข้าไป เม็ดฝุ่นพวกนี้ก็จะเหมือนดินสอแหละครับ เจาะเข้าไปในสีรถ
-
การเคลือบแก้ว
ควรเลิกใช้บริการเคลือบแก้ว ของศูนย์นั้นตลอดกาล
เพราะสมรรถนะการปกป้องรอยขีดข่วน ห่วยสิ้นดี
การไล่ออก
ถ้าคนงานคนนั้น มีพฤติกรรม
ไม่เกรงใจคน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
ไม่รู้ว่าการกระทำอะไรที่ควรหรือไม่ควร
ไม่มีความรู้
ไม่รู้จักผิด/ชอบ ชั่ว/ดี
ไม่เกรงกลัวต่อการกระทำผิด โดยการท้าทาย
อีกทั้ง ประวัติการทำงานที่ผ่านๆ มา ไม่ได้สร้างความดีความชอบ หรือ ชื่อเสียงที่ดีต่อองค์กร เลย
เก็บไว้ใช้งาน ก็คงมีโอกาสทำความเสียหายให้กับองค์กร ในภายภาคหน้าได้ ไม่ช้าก็เร็ว
ลูกของผม ตอนอายุ 4 ขวบเคยใช้ตะปู เขียนรูปหรือข้อความ บนฝากระโปรงท้ายรถ Benz ของผม
ผมโมโหมาก ก็เรียกมาสอบถาม เธอบอกว่า "หนูใช้ตำปูเขียนเองค่ะ" (ยังเรียกตะปูผิดเลย 555)
ก็เลยตักเตือนสั่งสอนไปนิดหน่อย ไม่ได้ตี
เพราะเธอไม่รู้จริงๆ ว่าการกระทำนั้น มันเกิดความเสียหาย
ทุกวันนี้ เธออายุ 9 ขวบ ร่องรอยบนฝากระโปรงท้ายก็เจือจางลง เพราะขัดเคลือบบ่อยๆ แต่ยังไม่หายสนิท
ผมยังใช้รอยนั้น แซวเธออยู่เสมอ
ถ้าคนงานของคุณทำไปเพราะความไม่รู้ ก็ไม่สมควรไล่ออก
แต่ถ้ารู้แล้วยังทำเพื่อท้าทาย ก็สมควรหางานใหม่ทำ ที่เหมาะสมกับเขา
-
เคลือบแก้วอย่างนี้ ลองดูเจ้าอื่นครับ (เขียนจากฝุ่นแล้วเป็นรอยเนี่ย เกินไปครับ)
ซีจี
แมคไกว์
มีอีกเยอะให้เลือก
เพื่อนผมทำร้านของ ซีจี เขาบอกว่าของเขาแท้ ดีที่สุด
ไปแมคไกว์ เขาก็บอก ของเขาเจ๋งสุด
คิดไม่ออกว่าเชื่อใครดี
สุดท้ายดูที่เซอร์วิสกับการรับประกันงานดีกว่าครับ ^^
รถของผม หลานผมเขียนประจำเลย เพราะฝุ่นเยอะมาก ยังไม่มีรอยเด่นชัดเลยครับ เอาไปล้างก็ออก (ตอนนั้นใช้ แมคไกว์ แบบ 1 ปี)
-
ผมจะให้โอกาสคนแค่ 3 ครั้งครับกับเรื่องเดิมๆในการทำงาน เพราะถือว่าไม่จำ ไม่พัฒนา โดยอาจจะทำให้เราสูญเสียรายได้เลยนะครับจากข้อที่3
โดยถ้าเป็นผม วันนี้ อา-21/04/2013 เข้าไปดูวงจรปิด บันทึกไว้อีกที่ วันจันทร์ เรียกมารับทราบและไล่ออก
ผมว่าคนแบบนี้ไม่จำเป็นต่อองค์กรไหนก็ตามนะครับ ผมว่าท่าน จขกท. ใจเย็นกว่าผมเยอะเลยนะครับ
-
ไม่เกี่ยวกับรถนะ แต่ลูกน้องที่ไม่เห็นหัวเจ้านาย ที่เป็นถึงเจ้าของ เนี่ย ... ไล่ออกเถอะครับ
ลับหลังคงไปว่าเราเสียๆ หายๆ แช่งให้ตายวันตายพรุ่งเสียมากกว่า
-
สมเหตุ ครับ
-
ลูกน้องแบบนี้กำจัดออกไปเถอะครับ >:(
-
เรื่อง CTS ผมไม่ขอพูด
แต่เรื่องเป็นลูกจ้าง แต่ไม่เคารพหัวหน้าผมคงไม่เอาไว้หรอก
-
อย่าเกรงใจครับ ถ้าเขาทำตัวไม่ดีอย่างนี้ควรเอาออกไปเลยครับ อย่าให้เป็นปัญหาเลย
-
เปนผมไม่ใช่แค่ไล่ออกแน่นอนคับ >:( >:( >:(
จัดหนัก
-
อ่านดูแล้วพฤติกรรมทำตัวเป็นนักเลงแบบนี้ไม่น่าเอาไว้นะครับ
-
ถ้ามีหลักฐานเพียงพอว่าเขียนจริง ไล่ออกผมว่ายังแรงไปครับจนกระทั่งมาอ่าเจอว่า "ก็แล้วไงล่ะ จะทำไมล่ะ"
มันทำให้เห็นถึงว่าไม่มีความเคารพความกลัวเจ้านายเลย ครั้งหน้าต้องมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้ขึ้นแน่ๆ สมควรแล้วครับที่ไล่ออก
-
เป็นผู้ใหญ่ ไล่ใครออกจากคำพูดที่คน ที่ยังไม่ได้พิสูจน์
แบบนี้ ไม่ไหว ครับ
พิจารณาไล่ออกคน ควรทำให้รอบคอบ
ถ้าคนงานหัวหมอ คุณโดนกรมแรงงานแน่
อย่างน้อย 3+1 เดือน
-
เพื่อน ๆ คิดว่า "ผม" ทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ?
ปกติผมจะเป็นคนอารมณ์ดี สบาย ๆ ง่าย ๆ ไม่เคยถือโทษโกรธลูกน้อง ถึงทำงานผิดพลาด งานเสียหายแค่ไหน
อย่างมากก็เรียกมาสอบสวน หาสาเหตุ ว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา หรือ ออกเป็นหนังสือเตือน
เว้นแต่กรณีที่ทำผิดขั้นร้ายแรง เช่นทุจริต หรือลักขโมย
ระหว่างที่ผมขับรถกลับบ้านนั้น ผมก็คิดทบทวน ว่าผมทำเกินกว่าเหตุไปหรือเปล่า แต่หลังจากที่ทบทวน พฤติกรรมแย่ ๆ ของพนักงานคนนี้
ในอดีตที่ผ่านมา หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจริง ๆ ในใจก็อยากจะให้ออกไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังคงให้โอกาสทำงานต่อไป
คงไม่ต้องบอกว่าการกระทำของพนักงานคนนี้ผิดหรือไม่ผิด เพราะมันผิดแน่นอนครับ ยิ่งเป็นของของที่รักของที่ชอบแล้วเรื่องเล็กๆจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
แต่ถ้าไล่ออกไปแล้วมันยังค้างคาอยู่ในใจ ก็ควรจะแก้ไข ถ้าถามผมว่าทำเกินกว่าเหตุไหม ผมบอกไม่ได้ มันอยู่ที่ใจคุณคิดว่าเป็นกรณีทำผิดขั้นร้ายแรงหรือป่าว ต้องถามใจตัวเองดู
ถ้าเป็นผม อย่างมากๆ ผมจะสั่งพักงาน1สัปดาห์(ให้กลับไปตั้งสติ) แล้วสั่งปรับเงินเดือนซัก1เดือนหรือไม่จ่ายเดือนนี้(เอาไปเครมสี) แล้วดูว่า3สัปดาห์ที่ทำงานไม่ได้เงินจะเป็นอย่างไร จะทำไหม แล้วค่อยพิจารณาต่อไป หรือไม่อย่างน้อยๆก็แค่ให้ชดใช้ค่าเครมสีก็จบเลยก็แล้วไงล่ะ พอดีผมเป็นคนชอบให้โอกาศคน อีกอย่างแรงงานหายากอยู่ช่วงนี้ ^^
-
ท่านทำถูกแล้วครับ เรื่องรอยแก้ไขได้ครับ
-
ผมกลัวอย่างเดียว คือมันแค้น แล้วมาขูดรถท่านนะสิครับ ระวังด้วยนะครับ
-
เป็นผม เรียกมาสั่งสอน แล้วไล่ออกครับ คงไม่จัดหนักอะไร แต่หลังจากนั้น ต้องระวังตัวด้วย ไม่รู้ว่ามันโรคจิต แรงแค้นอะไรบ้างเปล่า
-
เรื่องไล่ออก ไม่มีความเห็น
แต่เป็นผม จะไล่บี้เอากับร้านที่ทำเคลือบแก้ว
รถเดิมๆ ไม่ได้เคลือบอะไรเลย เขียนแบบนี้ ล้างเฉยๆ ก็จบ
แต่ 4 หมื่น ประสิทธิภาพไม่ได้ดีไปกว่าสีเปล่าเปลือย แถมบอบบางต้องประคบประหงมมากกว่าเดิม เรียกว่า แทบจะต้องห่อถุงพลาสติกขับกันเลยทีเดียว.... หลอกขายชัดๆ
-
ผมว่าจ่ายค่าชดเชยไปเลยดีไหม ง่ายดี ไม่ต้องกลัวกท.แรงงานด้วยครับ ;)
-
ผมว่าทำถูกแล้วครับ ถ้าผมเป็นระดับบริหารแต่โดนลูกน้องมาทำแบบนี้
ผมถือว่าไม่ให้เกรียดกัน แล้วอีกหน่อยจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร
แล้วใครใครจะนับถือเรา เห็นเราเป็นเพื่อนเล่นไปหมด
-
เราเป็นนายเขา ลองฟังความทั้ง 2 ข้าง แล้วลองพิจารณาดูก่อน ว่าสมควรแก่เหตุรึเปล่า...เรื่องเคลือบสี CTS ก็เกินไปแค่นี้เป็นรอย ลองมองที่อื่นบ้างดีกว่าครับ
-
ถ้าเขาทำจริงก็ให้เจอโทษหนัก ไล่ออก แต่ควรยกความผิดที่ผ่านมา
มาประกอบเหตุผลการไล่ออกด้วย โดยเฉพาะการทำให้ธุรกิจเสียหาย
ซึ่งคงไม่ต้องถึงกับแจ้งตำรวจ เอาความหรอก
หรือโทษเบาลงหน่อย ก็หักเงินเดือนชดใช้ค่าเสียหาย กี่บาท ต่อ เดือน ก็ว่าไป
เพื่อไม่ให้มีพนักงานคนอื่นไม่เคารพคุณตามนายคนนี้อีก
-
ควรจะเรียกตัวคนทำมาสอบถามก่อนดีกว่าคะ ถ้าเขาพูดเขาทำอย่างนั้นจริงเเล้วยอมรับ
ก็น่าจะให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่ทำคือชดใช้ค่าเสียค่าหายที่ทำให้สีรถเป็นรอย รถใครใครก็รักเนอะ
เเต่ถ้าเขารับผิดชอบค่าเสียหายในในส่วนนี้ไม่ได้ ก็สมควรเชิญออกคะ เพราะจงใจทำทั้งๆที่รู้ว่าเป็นรถของใครเเละเป็นรถอะไรด้วย
-
นึกถึงเพื่อนผมเลย ลูกเอาทรายมาเทบนฝากระโปรงแล้วเอามือละเลงไปทั่ว เจอแทบเป็นลม
ก็โมโหและตีนิดหน่อย ตักเตือน ถ้าเป็นคุยจะตีลูกจนมือหักเลยเหรอ อารมณ์เดียวกับไล่ออกนะ
-
นึกถึงเพื่อนผมเลย ลูกเอาทรายมาเทบนฝากระโปรงแล้วเอามือละเลงไปทั่ว เจอแทบเป็นลม
ก็โมโหและตีนิดหน่อย ตักเตือน ถ้าเป็นคุยจะตีลูกจนมือหักเลยเหรอ อารมณ์เดียวกับไล่ออกนะ
ไม่เหมือนครับ เด็กไม่รู้เรื่องอิโหน่อิเหน่อะไรและไม่ได้มีเจตนาท้าทายด้วย ยกตัวอย่างใหม่เถอะ
-
เคลือบแก้วไม่ได้ดีอย่างที่คิดนะครับ ผมเห็นตอนเค้าทดลองรถที่เคลือบแก้วมาแล้วโดยการเอาของไปเคาะๆแล้วแสดงให้เห็นว่าสีไม่ถลอก แต่รถมันบุบนะครับถ้ามองระนาบเดียวกับรถแล้วจะรู้ว่ารอยที่โดนเคาะมันไม่เรียบ :P เพียงแต่แค่ป้องกันสีตัวรถได้แค่นั้นเอง
-
ผมว่าต้องเรียกมาคุยก่อนหละครับยังไงแล้วถ้าไม่ดีขึนก็พิจรณาออกหละครับ
-
เคลือบแก้ว เจ้านี้ เค้าโฆษณาว่ากัน สะเก็ดหิน นี่ :-\
-
มันไม่ได้อยู่แค่รถเป็นรอยหรอกครับ
หากพนักงานคนนี้ มีนิสัยแบบนี้ นึกคึกคะนอง
กดปุ่มคอนโทรล อุปกรณ์ในโรงงานที่พนักงานคนอื่นทำงานอยู่
แล้วมีเจ็บตาย คงแก้ไขอะไรไม่ได้ :)
-
ทำไมเคลือบแก้วแล้วยังเป็นรอยได้อะครับ เพราะพวกนี้เขาเคลมว่าโดนหินดีดใส่ยังไม่เป็นรอยเลย
แบบนี้ผมว่าลองคุยกับฝั่ง CTS ดูดีกว่าว่าโฆษณาเกินจริงไหม....
-
น่าจะเรียกมาคุยและสืบสวนกันว่าใครทำจริงๆกันแน่
ถ้าเป็นคนนี้จริงๆ ก็ไล่ออก บังอาจมาเขียนรถเล่น เหิมเกริมไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่ก็ไล่ออก เพราะพฤติกรรมสามารถสร้างความเสียหายให้กับองค์กรได้ รวมทั้งคนที่ใส่ร้ายป้ายสีด้วย
สรุป ไล่ออกสถานเดียว
-
เป็นผม จะสอบสวนความจริง หาหลักฐาน พยาน ให้แน่นหนา ถ้าผิดจริง การไล่ออกผมไม่คิดว่าทำเกินไปนะ เพราะการกระทำแบบนี้ถือว่าไม่เคารพเจ้านาย ไม่เกรงใจผู้อื่น รถจอดไว้ข้างทาง ตามห้าง ยังไม่มีใครไปขีดเล่นเลย นี่รถเจ้านาย....
-
ไล่ออกสถานเดียวครับแบบนี้ >:(
-
ไม่เกินไปหรอกครับ มันเหมือนกับว่า ไม่ให้ความเคารพ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ารถใคร ยังทำอีก
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ รับฟังและจะนำมาพิจารณาครับ
และอย่างที่บอกคือ จะมีการสอบสวนก่อนอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ครับ
ส่วนเรื่ิองรอยข่วนนั้น ชี้แจงเพิ่มเติมนิดนึง เนื่องจากผมไม่ได้โพสรูปประกอบ
ลักษณะของรอยนั้น มีความคล้ายคลึงขนแมว ทั่วไปนี่ล่ะ แค่มันชัดกว่า
ลึกกว่านิดหน่อย ความกว้างของรอย ก็เท่า ๆ ความกว้างนิ้วมือคน
นี่ล่ะครับ แต่ที่รับไม่ได้คือ มันข่วนลึกพอที่จะทำให้ตัวหนังสือ
ที่เขียนนั้น อ่านได้เกือบทั้งประโยค เหมือนกับมีรอยสักจาง ๆ บนผิวหนังคน
ทิ้งเอาไว้ เท่ากับว่า ถึงรถจะสะอาด แต่ถ้าอยู่ใต้แสงสว่าง ๆ ก็ยังอ่านตัวหนังสือ
ออกว่าเขียนว่าอะไร
เรื่องรอยลักษณะนี้ ก่อนเคลือบ cts ก็แจ้งแล้วว่า มันกันได้แค่นิดหน่อย
ซึ่งผมมีสัญญาบริการ ทุก 6 เดือนอยู่อีก 5 ปี ก็คงจะเอารถเข้า
ไปลบรอยออกครับ
-
คิดว่าไม่เกินกว่าเหตุครับ
แต่จะติดสินอะไร ขอให้ทำตอนใจเป็นปกติดีกว่านะครับ
เหมือนตอนเลิกกะแฟนหรือสาวทิ้ง มันเลวอย่างนั้นแย่อย่างนี้
เพราะใจเราไม่ปกติ
ส่วนตัวผมอยากให้ตักเตือนก่อน บางทีอาจจะได้ใจลูกน้องหลายๆคนกลับมาด้วย
-
ผมเห็นด้วยนะครับ
จะว่าไป ผมนี่แหละ ชอบเขียนรถตัวเองเล่นนะครับ แต่ ผมเขียนกระจกอ่ะครับ เขียนตรงสี มัน เกินไป จริงๆ ครับ
ทำถูกแล้วครับ :)
-
บังอาจจริงๆ กล้าแตะต้องรถราคาแพงอย่าง BMW แบบนี้ วิธีลงโทษคือ 1. เด็ดขาด คือให้ออก แล้วทำประวัติไว้เลย เพื่อเตือนบริษัทอื่น ที่จะรับพนักงานคนนี้เข้าทำงาน 2. ถ้ายังใจดี จะให้อภัยเขา ก็มีโทษสถานเบา คือเรียกมาอบรม ตกลงค่าเสียหาย เพิ่มหน้าที่รับผิดชอบ แล้วหักรายได้เพื่อนำมาเป็นค่าเสียหาย จะเอาเป็น 2-3 เท่าของค่าเสียหายเลยก็ได้ หรือจนกว่าจะพอใจ
เราเองก็เคยซ่าจนหน้าแตกมาก่อนค่ะเรื่องรถแพงๆ นี่แหละ
เมื่อต้นปีที่แล้วมีการจัดงานแต่งงานในหมู่บ้านเรา คือเราไม่รู้จักเขาเลยนะ แต่จัดงานใหญ่มาก มีแขกคนหนึ่งขับ Lamborghini Gallardo คันสีส้ม มาจอดตรงสวนหย่อมในหมู่บ้าน ที่เรานั่งเล่นกับแฟนอยู่ เด็กๆ มองกันเต็ม หลังจากที่เจ้าภาพเดินมารับเจ้าของรถไปยังงาน ไอเราก็แบบ อยากเท่ อยากแรงอ่ะ ก็เลยไปโพสท่ากับรถแล้วให้แฟนถ่ายรูปให้ ตอนแรกก็ยืนข้างรถแล้วถ่ายก่อน แล้วก็เริ่มติด คราวนี้ยืนพิงรถเลยแล้วถ่าย ยังไม่พอ มีปีนขึ้นไปนั่งบนฝากระโปรงตรงล้อหน้าด้วย แล้วก็ท่าเปิดประตู แล้วก็มีไฟกระพริบเตือน เหมือนกดรีโมท แล้วเจ้าของรถพร้อมกับคนในงานเดินตรงเข้ามาด่าเรากับแฟนเลย แถมบอกว่า "ไม่เคยเห็นก็ไหว้สิครับ" แล้วขอดูรูปที่ถ่าย แล้วมันเอาไปลบออกหมดเลย วันนั้นรู้สึกเสียหน้ามากค่ะ ทำเอากินข้าวไม่ลงไปหลายวันเลย
-
ถ้าครั้งแรก ผมคงลังเล
แต่หลายครั้งแล้ว ไล่ออก แล้วเช็คบิลล์เถอะครับ คนเราได้รับโอกาสแล้ว ยังไม่เห็นค่า ก็ไม่ต้องได้รับ จบ
-
ไม่มีความเกรงใจกันแบบนี้ก็สมควรครับ
-
"โอกาส" ควรมีให้สำหรับคนที่รู้คุณค่าของมันเท่านั้นครับ
-
เคลือบแก้วมันแค่ชื่อที่เรียกให้ดูไฮโซเท่านั้นเอง จริงๆแล้วมันคือแลกเกอร์ชนิดหนึ่งที่เคลือบบนผิวด้านนอกเพื่อให้เกิดความเงา คนที่เคยไปทำเคยดูขั้นตอนที่เค้าทำมั้ยครับ ตอนแรกเค้าจะทำเป็นเหมือนวัดหาค่าความเรียบพื้นผิวหรืออะไรก็แล้วแต่แต่จะมาจบที่ต้องขัดผิวให้เรียบก่อน ซึ่งมันคือการขัดผิวหน้าให้หยาบ(ผิวที่โรงงานเคลือบมาก็จะหายไป)เพื่อที่จะพ่นแลคเกอร์หรือที่เรียกว่าเคลือบแก้ว
ประเภทที่สอง เคลือบทับไปแล้วก็นัดว่าทุก 3 เดือน 6 เดือนต้องเอาเข้ามาเช็คเพื่อที่เค้าจะได้เคลือบให้คุณใหม่ เหมือนการซื้อการเคลือบสี 5ปี
ลองใช้วิจารณญาณ ดูนะครับพ่นสีใหม่ทั้งคัน 3-5 หมื่นกว่า เพื่อนผมขับ TT เหมือนกัน อยากได้สีส้มแบบเพื่อนอีกคนเอาไปพ่นมาใหม่เทียบกันแยกไม่ออก
แต่ถ้าพ่นบางชิ้นจะมีปัญหาสีไม่เท่ากัน 100% เพราะโดนแดดมานานกันชิ้นที่ยังไม่โดนแดด
-
รู้ว่ารถใคร แล้วยังทำ มันเท่ากับท้าทาย+อยากลองดีครับ
สมควรโดนไล่ออก
-
สงสัยเรื่องเคลือบแก้วตั้ง 4 หมื่นบาท เจอนิ้วเขียนฝุ่นแค่นี้เป็นรอยเลยหรอครับ
สงสัยโดนร้านนั้น ต้ม แหงๆครับ
-
ถ้าฟังคำคนอื่นพูดต่อมา ผมว่าลองคุยกับเจ้าตัวก่อนดีไหมครับ ส่วนเรื่องไล่ออก ไม่เกินไปหรอกครับ ถ้าเขามีประวัติไม่ดีอยู่แล้วครับ
-
ตัดสินใจถูกต้องแล้วครับ
และเป็นการเตือนลูกน้องคนอื่น ๆ ด้วย ให้ความยำเกรงเจ้านายเป็นสิ่งสำคัญ
-
พูดในฐานะเป็นเจ้าของกิจการเหมือนกันนะครับ
การกระทำใดๆ ให้ดูเจตนาเป็นสำคัญครับ
เจตนาของนายคนนี้ คือ
1.ไม่ตั้งใจทำร้ายทรัพย์สินให้เสียหาย
2.เขียนด้วยความนึกสนุก ไม่ได้เขียนคำหยาบ คำแช่ง
3.รู้ว่าเป็นรถเจ้านาย แต่ยังกล้าลองดี
ถามว่าเป็นผมจะทำอย่างไร เป็นเจ้านายควรจะมีทั้ง พระเดช และ พระคุณ ควบคู่กันไปครับ
ถ้าเราเอาแค่เรื่องนี้ประเด็นเดียว ไล่ออก อาจเกิดผลเสียได้ตามหลัง
1.คนอื่นๆ อาจนินทากันว่า แค่เขียนรถเล่นๆแค่เนี้ย แม่ม ไล่ออกเลย บ้าเปล่าวะ รักรถมากกว่าลูกน้อง (แต่ไม่รู้เหคุผลจริงๆคือ การเคลือบสี-การไม่นับถือให้เกียรติ์) อันนี้แย่น้อยสุด
2.คนโดนไล่อาจหัวหมอ ไปฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยจากกรมแรงงานได้ - อันนี้แย่ปานกลาง
3.คนโดนไล่ออก แค้นจัด อาจแก้แค้นด้วยวิธีการใต้ดิน -อันนี้แย่มาก
----------------------------------------------------------------------
การแก้ไข
ให้เก็บหลักฐานกล้องวงจรปิดไว้(ถ้ามี) แล้วเรียกเข้ามาคุยก่อน เปิดกล้องให้ดู และให้เขาเขียนบรรยายรับสารภาพบันทึกเหตุการณ์ (เก็บหลักฐานหนังสือนี้ไว้ดีๆ)
ถ้าดูแล้วสำนึกจริงๆ อยากเลี้ยงต่อไปให้เป็นบุญคุญ ก็ลงโทษภาตทัณฑ์เสีย จะให้ตัดเงินเดือนเป็นค่าเคลือบรถอะไรก็ว่าไป (อธิบายด้วยว่าทำไมต้องตัดเงิน)
ถ้าดูแล้วเลี้ยงไม่ไหวจริงๆ ก็เชิญออกไป (เมื่อมีหนังสือยอมรับสารภาพแล้ว) อาจปรึกษาทนายเสียก่อน ว่าเข้าข่ายต้องให้ค่าเลิกจ้างไหม มากน้อยเท่าไหร่ก็ว่ากันไป
----------------------------------------------------------------------
หากไล่ออกแล้ว อาจทำหนังสือชี้แจงพนักงาน ติดบอร์ดประกาศอธิบายเหตุผล ว่าทำไมจึงให้ออก พร้อมหลักฐานการเคลือบสีรถที่มีคต่าใข้จ่ายหลายหมื่นบาท
แนววิธีประมาณนี้ครับ
-
"เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก" คุณแค่รถเสียหาย(ของนอกกาย) แต่สำหรับเขา มันอาจจะหมายถึงความเป็นอยู่ทั้งครอบครัวหรือชีวิตเขานะครับ
อยากให้คุณมีจิตเมตตาสักนิด แต่อย่างไรเขาก็ต้องมีความผิดและรับโทษอยู่ดีโดยอาจจะเปลี่ยนจากการไล่ออกเป็นภาคทัณฑ์หรือหักรายได้ แล้วก็เรียกมาตักเตือนพร้อมให้สติในการทำงานกับเขา บางคนเขาอาจไม่เคยมีโอกาสหรือมีคนอบรมความคิดมาแต่แรกเริ่มก็ได้ ลองตรองดูนะ การเป็นผู้นำคนจะต้องรู้จักว่าเมื่อไหร่ควรใช้พระเดช เมื่อไหร่ควรใช้พระคุณ
-
สำหรับผม
1 เคลียร์ให้จบก่อนว่าทำจริงหรือไม่ ถ้าจริง ทัณฑ์บนไว้ครับ สัก 5 เดือน ถ้าทำจริงอีกครั้ง
(โดยที่ไม่ใช่การใส่ร้าย)ไล่ออกทันที ถือว่าให้โอกาสแล้ว
2 ไป CTS อีกครั้งแล้วให้เขาตรวจดูว่า เคลือบแล้วทำไมถึงเป็นรอย แค่ฝุ่นครูดนี่นะ
-
"ผู้อยู่ในเหตุการณ์ 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนพนักงานแผนกเดียวกัน เล่าว่า "ผมร้องบอกมันไปแล้วว่า เฮ้ย
มรึงเขียนเล่นทำไมวะนั่น รถเฮีย...เขานะ" คนมือบอนผู้ไม่ยี่หระ ก็สวนตอบกลับมาว่า "ก็แล้วไงล่ะ จะทำไมล่ะ" มีทัศนะคติแบบนี้ไล่ออกไปเถอะครับเหมาะสมแล้ว รู้ว่าผิดแต่ก็จะทำ คนแบบนี้ถ้ามีโอกาสฉ้อโกงได้มันก็จะทำแล้วก็พูดแบบนี้แหละ ทำไมล่ะก็จะโกง......ไม่ต้องสงสารหรอก ทุกอย่างเกิดชึ้นเพราะเค้าทำตัวเอง
-
สงสัยเรื่องเคลือบแก้วตั้ง 4 หมื่นบาท เจอนิ้วเขียนฝุ่นแค่นี้เป็นรอยเลยหรอครับ
สงสัยโดนร้านนั้น ต้ม แหงๆครับ
ผมเข้าใจว่าเขียนบนรถที่เคลือบแก้วมา แล้วจอดมีฝุ่นมาจับ
สีรถกับเคลือบแก้วมันไม่เป็นอะไรเลยครับ
แต่ไอ่คำที่มันเขียน มันสามารถอ่านได้ เห็นชัดเจน
ท่านเจ้าของกระทู้เค้าคงอยากจะพูดแบบนี้มากกว่า
ผมเข้าใจแบบนี้ครับ ;D
-
เรียกมาคุย ให้ชดใช้ค่าเสียหายครับ ว่ากันเป็นชิ้นๆไป ไล่ออกไปก็เท่านั้น เค้าอาจจะไม่มาให้เห็นหน้า(หรืออาจจะมาอีกซึ่งน่ากลัวกว่า) แต่เราก็ยังต้องเป็นคนจ่ายค่าเสียหายเอง ;D
-
ผมกำลังจะเอารถของผมสีดำไปเคลือบแก้วเพื่อให้เกิดรอยขนแมวยากหน่อยอ่านกระทู้นี้ผมเบรคเลย สงสัยซื้อของดีๆมาทำเองดีกว่าว่างๆเสาร์อาทิตย์
-
สำหรับหลายคนที่สงสัยว่า เคลือบแก้ว แล้วยังมีรอยอยู่อีกหรือ ผมก็ต้องยอมรับว่า อึ้ง ๆ ไปเหมือนกัน
หลังจากเห็นรอยข่วนชัดเจน ครบเกือบทุกตัวอักษร
จากเหตุการณ์ตรงนี้ ทำให้ชัดเจนได้ว่าเคลือบ CTS (ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเหมือนเคลือบแก้วเจ้าอื่นหรือเปล่า) ไม่สามารถกันรอยข่วน หรือรอยขนแมว
ได้สักเท่าไหร่
และเป็นเพราะว่า ถนนที่ผมขับรถไปทำงานนั้น มีการก่อสร้าง ขยายถนน เป็นระยะทางยาวร่วม 8KM. ทำให้มีฝุ่นตลอดเส้นทาง
ทั้งฝุ่นดิน ฝุ่นทรายต่าง ๆ ผมล้างรถวันอังคาร ผ่านไปเพียง 4 วัน ฝุ่นก็จับทั้งคันแล้วครับ การใช้นิ้วเขียนเล่นบนฝากระโปรง
ในสภาพนั้น จึงไม่ต่างอะไรกับการเอากระดาษทรายถู รถเลยครับ
ทางคาร์แคร์ที่ไปล้างรถมา เค้าลองเอา cleaner กับ wax ลงให้เบา ๆ บริเวณที่เป็นรอย ก็สามารถ "กลบ" รอยข่วนให้บางลงไปได้บ้าง
แต่ถ้าจะให้หายหมด คงต้องเอาไปขัดเคลือบสี ถึงจะออกได้หมด แต่ก็จะแลกมากับชั้นเคลือบ CTS จะบางลงไป ซึ่ง
ผมคงจะให้ทาง CTS เค้าช่วยดูให้ตอนเข้าไป service ราย 6 เดือน
ตัวเคลือบแก้วน่าจะเป็นเกรด แพลตตินั่มหรือเปล่าครับ ตัวนี้ทางโชว์รูมก็จะรับไปทำให้ผมที่ CTSเหมือนกันผมถึงกับอึ้งเลยแค่ใช้นิ้วเขียนก็ไม่น่าจะเป็นรอยนะ เพราะที่เราจะทำก็เพื่อป้องกันรอยพวกนี้ด้วย หรือว่าผมควรเปลี่ยนร้านดีครับ ของผมได้ราคาไซซ์ML (BMW X1)42,000บาทwได้รถสิ้นเดือนนี้ราคานี้เซลบอกว่าได้ส่วนลดแล้ว แต่ผมลองโทรเข้าไปถามแพคเกจนี้ประมาณ 39,000บาท เองถูกกว่า แต่ขี้เกียดขับไปเองก็เลยคิดว่าส่วนต่างเป็นค่าบริการละกัน แต่มาเจอเคสนี้อาจจะลองหาร้านใหม่ที่กันรอยได้ดีกว่า หรือว่าเป็นปกติของเคลือบแก้วครับ ^^~
-
เรื่องลูกจ้าง สอบถามก่อนดีกว่าครับ และให้เขารับผิดมาเอง รวมถึงต้องเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรกับสิ่่งที่ทำผิดทั้งหมด แล้วจะทำอะไรต่อก็ว่ากันอีกที
ส่วนเรื่่องเคลือบแก้ว ผมรู้สึกว่าราคามันแพงเกินไปนิดครับ ต้นทุนจริงๆ ต่ำกว่านั้นเยอะเลย
ผมเคยเคลือบแก้วตั้งแต่สมัยเข้ามาใหม่ๆ สัก 10 ปีได้แล้วมั้งครับ มันก็เป็นการเคลือบผิวแบบหนึ่ง ไม่ได้เทพ เทวดาอะไรหรอกครับ ทำให้ผิวมันลื่นๆ ขึ้น ฝุ่นเกาะยากขึ้น และน้ำก็เกาะกันเป็นเม็ดๆ ไม่ค่อยติดผิว แต่ก็ต้องไปเคลือบซ้ำทุกๆ 6 เดือน
เรื่องรอยขนแมวก็ไม่เห็นจะกันได้สักเท่าไร เรื่องสะเก็ดหินขอบอกเพียบ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ที่ช่วยได้จริงๆ คือจะมีความเงาขึ้น และสีจะดูดีแม้ผ่านไปนานๆ ก็เท่านั้นเอง
ซึ่ง ถ้าเคลือบสีธรรมดา พวกซีจี หรือเอ็มจี แล้วเคลือบเดือนละสัก 1 ครั้ง ผลที่ได้แทบไม่ต่างกันเลยครับ
เดี๋ยวนี้ไม่เคยเข้าไปทำแล้ว เคลือบแก้ว เคลือบเพชร เคลือบเซรามิค แล้วแต่จะเรียกนั่นล่ะ
เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่าจะคุ้มราคาเลย ทำสีใหม่ยังถูกเสียกว่าอีกครับ
อ้อ ถ้าจะทำให้ดีๆ จริงๆ ผมว่าไปเคลือบชั้นผิวใหม่ให้หนาๆ ยังเข้าท่ากว่าอีกน่ะ ขอบอก
-
ไม่แรงหรอกครับสำหรับเคสนี้
แต่วันจันทร์ตามที่ท่านบอกจะคุยกับเขาอีกที ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ
-
อ่านแล้วงงๆ คือคุณที่เป็น "ผม" คือเจ้าของโรงงานใช่ไหมครับ?
-
จาก จขกท. นะครับ เห็นจำนวน ความเห็น แล้วก็ตกใจเหมือนกัน มีหลากหลายความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วย และเห็นต่าง ซึ่งหลาย ๆ ความเห็นก็เป็น
ความเห็นที่มีประโยชน์ ควรค่าแก่การนำมาพิจารณา
ก็จะเข้ามา update เป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะครับ (ตัวกระทู้เองก็เริ่มเลื่อนตกหน้าไปบ้างแล้ว) ครับอย่างที่หลาย ๆ คห.แนะนำ และที่ผมเองก็ได้แจ้งไปว่า จะเรียกเจ้าตัวเข้า
มาเคลียร์ โดยก่อนที่จะเรียกตัวเข้ามาสอบสวนนั้น ผมได้ทำการเช็คประวัติการทำงาน กับทางแผนกบุคคลก่อน เผื่อต้องพิจารณเรื่องกฎหมายแรงงาน ที่เกี่ยวข้องด้วย
คำตอบที่ได้จาก แผนกบุคคล คือ "ถึงผมยังไม่ให้ออกจากงานตอนนี้ อีกไม่กี่วันก็ออกอยู่ดี" ด้วย พฤติกรรมของเจ้าตัว ที่ทำมาตลอด เกือบ 4 เดือนนั้น ทางบุคคล
ก็จะไม่เอาไว้ครับ เพราะว่า เจ้าตัวเข้าทำงาน สัปดาห์สุดท้ายของ ธ.ค. 2555 ดังนั้น อาทิตย์นี้ ก็จะครบ 4 เดือน (120 วัน) ซึ่งทางบุคคลจะทำการแจ้ง
"ไม่ผ่านทดลองงาน" อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าเจ้าตัวจะเป็นผู้ที่มือบอนหรือไม่ก็ตาม บริษัทฯ ก็จะไม่จ้างต่อแน่นอน ดังนั้นกรณีรถของผม อย่างมากก็เป็นแค่ "ฟางเส้นสุดท้าย"
เท่านั้น
เมื่อได้ฟังจากแผนกบุคคลดังนี้ เมื่อผมเรียกตัวเข้ามาคุย ผมจึงเก็บเรื่องของรถผมเอาไว้ก่อน แล้วเริ่มชี้แจงด้วย จำนวนวันที่ขาดงานมากเกิน, การแต่งตัวผิดระเบียบ,
รายงานพฤติกรรมจากเพื่อนร่วมงาน ทั้งในแผนก และต่างแผนก และสรุปด้วยการแจ้งให้ทราบว่า "ไม่ผ่านทดลองงาน พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้ว" เป็นอันจบบทสนทนา
ซึ่งหลังจากให้พนักงานคนดังกล่าวออกจากงาน ก็มีเสียงสะท้อนกลับมาว่า "เหมาะแล้ว", "ควรแล้ว" เพราะหลายต่อหลายคนค่อนข้างจะเอือมระอา กับพฤติกรรมของ
พนักงานคนนี้ ซึ่งยังไม่นับรวมกับที่ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ บางคนที่เคยเจอกับคำพูดท้าทาย "ก็แล้วไงล่ะ" และพฤติกรรมล่าสุดเมื่อปลายอาทิตย์ที่
ผ่านมา ที่ไปยืนสูบบุหรี่ พ่นใส่กลุ่มพนักงานหญิง ทำให้มีปากเสียงกับพนักงานหญิงกลุ่มนั้น
จากเรื่อง ๆ นี้ ทำให้ผมคิดได้ข้อหนึ่งคือ ผมอาจจะใจดีเกินไป ไม่เด็ดขาด ปล่อยให้คนแบบนี้อยู่ในองค์กรนานเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการปกครองในระยะยาวได้
ครับ สำหรับเรื่องพนักงานมือบอน ก็เป็นอันจบไปครับ
ส่วนเรื่อง CTS หรือเคลือบแก้วนั้น บอกตามตรงว่า ก่อนผมจะไปเคลือบ ก็พอจะหาข้อมูลมาบ้างจากคนที่เคยไปทำมา และได้ทราบอยู่ก่อนว่า
มันไม่ได้ช่วย ป้องกันรอยขนแมว หรือรอยขีดข่วนอะไรได้มากนัก (แต่ตอนที่เห็นรอยข่วน ก็มีอึ้ง ๆ ไปเหมือนกัน เพราะคิดว่ามันน่าจะพอกันได้บ้าง)
จึงไม่ได้คาดหวังอะไรในเรื่องนี้ แต่ที่ยังตัดสินใจไปทำ เพราะมีจุดประสงค์หลักคืออยากกันพวก รอยขี้นก ขี้จิ้งจก มากกว่า เพราะรถผมจะ
โดนขึ้จิ้งจก แทบทุกคืน (จิ้งจกมากินแมลง ที่ไฟนีออน และกว่าจะมาเห็นก็เช้าแล้ว) และผมก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรักษารถ หรือไปเข้าคาร์แคร์บ่อยนัก
เพราะทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน (บางอาทิตย์ 7 วัน) จึงคิดว่าเอาไปเคลือบแก้วก็น่าโอเค
ไหน ๆ ก็จ่ายเงินเคลือบไปแล้ว และยังติดสัญญาบริการกันอยู่อีก 5 ปี ผมก็คงจะยังต้องเข้าไปใช้บริการต่อจนกว่าจะหมดสัญญาล่ะครับ แล้วหลังจากนั้น
คงจะไม่ได้เคลือบอะไรเพิ่มเติมแล้วครับ
ก็ขอขอบคุณทุก ๆ ความเห็นที่มีให้นะครับ ขอบคุณครับ