Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: PEAY ที่ เมษายน 29, 2013, 18:25:56
-
ดูจากสถิติรถ BMW สมมุติว่าราคา 3 ล้านพอหมด bsi ราคาจะเหลือประมาณ 1 ล้าน เท่านั้น เท่ากับ เงิน 2 ล้านหายไปภายใน 60 เดือนตกเดือนละ 33333.33 บาท ผมว่าเงินก้อนนี้ถ้าผมตัดสินใจซื้อนี่
สู้เอาไปลงทุนดี ๆ 5 ปีนี่มี 10 ล้านได้เลยนะครับ อยากถามว่าผมควรทำไงดีครับ
-
เล่น F10 เป็นตัวดีเซลสิครับ 520d 525d ขนาด E60 520d ราคายังแรงอยู่อ่ะครับ
-
เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องปกติของรถยนต์ครับ
รถยนต์ เขาขายให้สำหรับคนที่มีความพร้อมครับ
ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะหมดไปเดือนละ3หมื่นกว่าบาทเป็นเวลา5ปี สบายๆ ก็จัด
แต่ถ้า คิดแบบที่พิมพ์มาอยู่ ผมว่าอย่าเพิ่งซื้อครับ
-
คำตอบอยู่ในคำถามครับ
เอาเงินไปลงทุน รอ 5 ปีให้ได้ 10 ล้าน
แล้วค่อยซื้อ BMW
คนที่พร้อมจะซื้อ BMW สักคัน
เงินหายไปเดือนละ 3หมื่น น้อยกว่าค่าเที่ยวค่ากินของเยอะครับ
ถ้าเงินหายไปเดือนละ 3หมื่นแล้วคุณเครียด แปลว่าคุณยังไม่พร้อมครับ
-
แบบนี้ไงครับ ผมถึงซื้อสด เพราะจะได้เสียแต่ค่าเสื่อม ไม่เสียค่าดอก
คิดว่าซื้อของขวัญให้ชีวิตบ้าง ความสุขล้วนๆ หมด BSI ก็ขายซื้อรุ่นอื่น
-
คำตอบอยู่ในคำถามครับ
เอาเงินไปลงทุน รอ 5 ปีให้ได้ 10 ล้าน
แล้วค่อยซื้อ BMW
คนที่พร้อมจะซื้อ BMW สักคัน
เงินหายไปเดือนละ 3หมื่น น้อยกว่าค่าเที่ยวค่ากินของเยอะครับ
ถ้าเงินหายไปเดือนละ 3หมื่นแล้วคุณเครียด แปลว่าคุณยังไม่พร้อมครับ
+1 เอามาทั้งๆที่ไม่พร้อม จะทุกข์มากกว่าสุขแน่ๆ
-
ถ้าเท่ากับทำงานฟรี หันมาเล่น คัมรี่ ไอบริด หรือ แอคคอร์ด g9 ตัวท๊อปก็ได้ครับ
รายได้ส่วนเกินผมสามารถผ่อน BM ได้เดือนละ 5.5 หมื่นสบายๆ แต่ผมเสียดายตังค์ ไปผ่อน ACC G9 ตัวล่างสุด เดือนละ 2.5 หมื่น
อีกสามหมื่น ฝากธนาคาร ครับ
ผ่านไป 5 ปี เงินหายแค่ 5-6 แสน เฉลี่ยแค่เดือนละหมื่นครับ
-
ไม่พร้อมก็อย่าเลยครับ จริงๆ ถ้าไม่งั้นซื้อพวกรถ Sport จะตกน้อยกว่าพอสมควรครับ
-
ผมว่า "ความอยากและความเสียดายเงินที่หดหายไป" คนเองก็สรุปได้แล้วนี่ครับ ถ้าเป็นผม ผมจะลดละเลิกความอยากครับ ผมเคยอยากได้รถ(วัตถุ) แบบอยากได้ไม่ได้ แทบเรียกว่าถ้าไม่ได้จะคลั่งให้ได้ แล้วพยายามเก็บเงินหามาให้ได้ แต่พอเงินที่เก็บได้ใกล้ครบ ผมเกิดเสียดายเงินขึ้นมาครับ และความอยากก็หดหายไปเอง ครานั้นทำให้ผมเข้าใจสัจจธรรมเลยว่า "ความอยากก็คือกิเลสเท่านั้น" เมื่อมันเข้ามาหาเราได้ มันก็ออกจากตัวเราได้ครับ แล้วผมก็ได้นำเงินนั้นไปซื้อพันธบัตรแทน 555
-
ถ้าไม่พร้อมอย่าซื้อครับ
รถราคาสูง เวลาลงก็เยอะตามไปด้วยครับ
ที่บอกลงน้อยน่ะ กี่ล้านครับ
รถผมหมดบีเอสไอก็ขายไปครับ ซื้อมา 2.6 ล้านบาท ใช้ไป 5 ปี ขายได้ 1.1 ล้านบาทครับ ราคาก็หายไปจริงๆ ครับ
-
ถ้าซื้อไหว ไม่เดือดร้อน มีเงินเก็บไว้ยามฉุกเฉินแล้วก็ซื้อเลยครับ รางวัลชีวิต
อยากทราบครับว่า ลงทุนอะไรได้กำไร200%ครับ สนใจอยากลงทุนบ้าง
-
ถ้าใช้รถส่วนมากในสภาพรถติดในกทม. ไม่ได้มีโอกาสenjoyกับสมรรถนะของรถ
แนะนำใช้รถญี่ปุ่นดีกว่าครับ
-
เอาเงินไปลงทุนให้ได้ 20 ล้านก่อน
ค่อยมาซื้อครับ
-
เคยมีสมาชิกท่านนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า :)
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/306418_1864818478881_1466194081_n.jpg)
-
คุณภาพมันก็ตามราคาอะคับ
ของถูก mass mass ก็อาจจะมี value มากกว่าระดับนึง
แต่ระดับ f10 หรือว่า e ผมว่า มันก็mass ระดับที่เรียกว่าราคาไม่เวอหรอกคับ
ตามแรงเงิน และคุณภาพชีวิต
-
คุณก็คงไม่แตกต่างจากผม ..เสียดายเงินหากจะขี่รถดี ๆ ก็ได้ขี่แต่รถมือสอง...ที่เขาเบื่อแล้ว...ให้ออกใหม่ก็ทำใจไม่ได้ตอนขายต่อ..
-
รถมีหลายระดับ เหมือน สิ่งของต่างๆ ครับ เหมือน นาฬิกา เหมือน เครื่องเสียง
รถมีประโยชน์เหมือนกัน คือ พาจุด A->B แต่คุณค่าทางจิตใจต่างกัน
.... ผมซื้อรถเก่าๆ มา มีเรื่องให้ทำตลอดเวลา ขับไปเก็บไป
... มีแต่คนถามว่าทำไมไม่ซื้อมือ 1 ก็บอกว่า คันนี้เป็นรถสนองความต้องการครับ มือ 1 รถแบบนี้ซื้อไม่ได้หรอกครับไม่มีปัญญา
บ้านไม่ได้รวยครับ แต่ผมชอบแบบนี้ ไม่ได้อวดว่ารวยด้วย ยังขึ้นรถไฟฟ้า ต่อรถเมล์ครับ
...แต่ซื้อคันนี้มาก็เป็น เงินสดที่ไม่เดือดร้อนอะไรเลย ซ่อมอีกแสนก็ไม่เดือดร้อน
ดังนั้น ถ้าไม่เดือดร้อนอะไรก็ซื้อเถอะครับ รางวัลชีวิต
ถ้าเงินยังไม่มาก...หาความสุขที่เราคว้าถึงดีกว่าครับ... รถทุกคันมีคุณค่าของมันครับ ...
ปล. อีกไม่นานผมก็จะแต่งงาน ... เป้าหมายผมคือ รถญี่ปุ่นที่ไม่ต้องดูแลมัน ไปอีก 5 ปี เดิมๆ ... ขับเดิมๆ ไม่แต่ง ส่งลูกเรียน ส่งแฟนทำงาน
-
ตามความเห็นผมนะ ผมว่าถ้า2ล้านที่ตกไปมันทำให้สะเทือนใจ ท่านยังไม่ควรถอยนะครับ
ผมเองเคยหลง F10 หัวปักหัวปำ อยากได้ 525d มาก แต่ถ้าซื้อไปผมจะเหลือตังแค่ล้านกว่าบาท ผมเสียดายตัง
ประกอบกับผมได้ลูกชายฝาแฝด เลยต้องระงับอารมณ์ไป
มาถึงตอนนี้ขับ 2.0g extremo acv40 ก็ยังโอเครอยู่ ถึงแม้จะเกลียดความโครงเครง และความหน่วงของคันเร่ง
แต่อีก2-3ปี ถ้าผมยังไม่เปลี่ยนที่ทำงาน ผมจะไปถอยรถดีเซลยกสูงขับและ มันส์กว่า ส่วน BMW ยังไงก็ต้องได้ครอบครองซักวัน
เพียงแต่ตอนนี้ ยังไม่เหมาะ ผมว่าถ้าผมทำงานไปซัก 10 ปี ผมคงจะได้เชยชมแน่ๆ ตอนนี้ทำงานมาได้แค่ 4 ปี ก็ต้องรอคอยต่อไป อิอิอิ
-
เอาเงินไปลงทุนก่อนแล้วถ้าพร้อมค่อยซื้อครับ ;D
-
ถามเอง แต่ก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว
งั้นแนะนำให้หามือสองครับ รอซักนิด อดใจซักหน่อย
ตอบโจทย์ได้แน่ ประหยัดตังค์ด้วย
แต่ต้องระวังเหมือนกันนะครับว่า ถ้าเอาไปลงทุนอาจจะไม่เหลือกลับมาซื้อ ก็เกิดขึ้นได้เช่นกันครับ
ขอให้โชคดีได้รถสมความปรารถนา
-
D Segment ญี่ปุ่นก็เพียงพอครับ เมื่อยังไม่พร้อมก็ใจเย็นครับ
-
ถ้ารายได้สุทธิผมไม่ถึง 3แสน/เดือน ผมคงไม่ซื้ออ่ะครับ เสียดายเงินครับ ผมชอบรถครับ แต่ผมมีอย่างอื่นที่ต้องเสียเงินกับมันมากกว่าค่าเสื่อมของรถครับ
คงต้องชั่งน้ำหนักดูเองว่าชอบ กำเงิน หรือ ขับรถหรูครับ ;D ;D ;D
-
รถเป็นหนี้สินครับ
ไม่ใช่สินทรัพย์
ราคาตกเรื่อยๆ
มีค่าดูแลรักษา ประกัน กรมธรรม์ ล้างรถ ซ่อมโน่นนี่ และค่าน้ำมัน
เว้นแต่จะเอาไปทำให้เกิด Value จากการใช้ ก็ว่ากันไป แต่ก็คงเป็นส่วนน้อยของคนที่ซื้อรถ
ถ้ายังติดใจเรื่องเสื่อมราคา ก็อย่าไปซื้อครับ
แต่ถ้ายอมรับได้ ก็จัดไป
-
เอางี้นะครับ มันอยู่ที่ความพร้อมของแต่ละคน + เงินสดที่มี
จะซื้อรถ ราคาแพงๆ มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดเดี๋ยวมันก็ตกรุ่น
เพื่อความมั่นคง จะเล่น d seg ยุโรป ก็ควรจะมีเงินเก็บหลัก10ล้านหรือหลาย10ล้านขึ้นไป
ผมเชื่อว่าหลายคนในนี้ มีเงินพอจะซื้อ Lambo กันหลายคน แต่ทำไมเค้าไม่ซื้อละ?
มันก็อารมณ์เดียวกัน
ใจเย็นๆครับ
bmw นี่แย่จริงๆชอบทำให้คนได้อยากได้รถ ผมก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน!!
-
ใช้รถให้เหมาะกับฐานะและเงินเก็บนะครับ จะได้ไม่คิดมาก ;D
-
เรื่องแบบนี้ผมว่าคนที่มีรายได้พอที่จะซื้อ เขาไม่กังวลนะ ตกคือตก ขายคือขาย ความสุขชีวิต
เหมือนเพื่อนผมคนนึงตอนที่คิดซื้อ 520D E60 ก็คิดมาก ทุบกระปุกของที่บ้านมาเลย
แต่ซื้อแล้วมีความสุข คิดงานคิดการได้อีกหลาย สุดท้ายก็ขายไม่ลง ต้องซื้อที่ข้างๆบ้านเพื่อขยายโรงรถ
แล้วหารถมาแทน ผมก็เพิ่งตั้งกระทู้ช่วยถามไปเมื่อไม่นานนี้นั่นเอง
-
ช่วงนี้กระแส bmw มาแรงกันจริงจัง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น 555
เอาเป็นว่าซื้อรถมันไม่เหมือนการลงทุนทำธุระกิจ มันเก็งกำไรไม่ได้
มีแค่ค่าเสื่อมสภาพ ไหนจะค่าผ่อนอีก
ผมเห็นพี่ท่านนึงในบอร์ดเราที่เลือกระหว่าง x1 กับอีกคันนึง(ซึ้งผมจำไม่ได้)
สุดท้ายพี่เขาลงเอยที่ x1 เพราะค่าผ่อนลงตัวไม่เดือดร้อน ได้รถที่ได้ใช้ตามวัตถุประสงค์
เมื่อไหร่ที่พี่จขกท.รู้สึกว่าซื้อรถคันนี้มาแล้วมันไม่เป็นภาระ ก็นั่นแหละครับคือเวลาที่เหมาะสม
-
- ถ้าอยากซื้อรถราคา4ล้านแล้วไม่ขาดทุนแนะนำสิบล้อเลยครับ ถ้าหางานดีๆแล้วขับเองได้ไม่เกิน3ปีได้ค่ารถคืนแล้ว 5ปีนี่กำไรเลย
- ลงทุน4ล้าน 5ปีงอกได้10ล้านนี่เยอะนะเออ จขกท.ไปลงทุนอะไรเนี่ย
-
ซื้อรถแบบนี้ ใช้ตรรกะเรื่องเงินมาคิดไม่ได้ครับ(ความเห็นส่วนตัวจ้า) เคยคิดแบบนี้แล้วซื้อมาก็ไม่ถูกใจซักที ไม่ถึง 2 ปีก็เปลี่ยน ทีนี้เลยลองไม่คิดเรื่องเงิน เอาอารมณ์และความชอบเป็นหลัก ดูว่าซื้อตามอารมณ์แล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะใช้เหตุผลในการซื้อรถมาครึ่งชีวิตแล้ว เลยจัด slk ให้หายอยากดูซิว่ามันจะเป็นยังไง อารมณ์ล้วน ๆ ครับ
-
คำตอบอยู่ในคำถามครับ
เอาเงินไปลงทุน รอ 5 ปีให้ได้ 10 ล้าน
แล้วค่อยซื้อ BMW
คนที่พร้อมจะซื้อ BMW สักคัน
เงินหายไปเดือนละ 3หมื่น น้อยกว่าค่าเที่ยวค่ากินของเยอะครับ
ถ้าเงินหายไปเดือนละ 3หมื่นแล้วคุณเครียด แปลว่าคุณยังไม่พร้อมครับ
+1 คับ คนขับใบพัดสีฟ้าส่วนมาก ผมว่าเงินเค้าคงคล่องตัวพอสมควรครับ (ปล.คนขับbmwจำนวนไม่น้อยเลขทะเบียนติดรถเค้า บางทีซื้อรถญี่ปุ่นคันน้อยๆคันนึงได้สบายเลยครับ)
-
ช่วงนี้กระแส bmw มาแรงกันจริงจัง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น 555
เอาเป็นว่าซื้อรถมันไม่เหมือนการลงทุนทำธุระกิจ มันเก็งกำไรไม่ได้
มีแค่ค่าเสื่อมสภาพ ไหนจะค่าผ่อนอีก
ผมเห็นพี่ท่านนึงในบอร์ดเราที่เลือกระหว่าง x1 กับอีกคันนึง(ซึ้งผมจำไม่ได้)
สุดท้ายพี่เขาลงเอยที่ x1 เพราะค่าผ่อนลงตัวไม่เดือดร้อน ได้รถที่ได้ใช้ตามวัตถุประสงค์
เมื่อไหร่ที่พี่จขกท.รู้สึกว่าซื้อรถคันนี้มาแล้วมันไม่เป็นภาระ ก็นั่นแหละครับคือเวลาที่เหมาะสม
สงสัยเป็นผม 555
หากคิดถึงราคาที่หาย ตายเลย ไม่ว่าคุณซื้อรถอะไรก็เหมือนกัน อย่ามองตัวเงิน มอง % ที่หายไปคับ
BMW F10 --> 3.6m (520d) ประมาณนะ 5 ปี ขายได้น่าจะ 1.5 - 1.6m หายไปประมาณ 58%
Accord G9 --> 1.3m (2.0 EL) 5 ปี ขายได้น่าจะ 6-7 แสน หายไปประมาณ 50%
ความต่าง มันอยู่ตรงรถถูก รถญี่ปุ่นที่ค่าซ่อมบำรุง อาจจะถูกกว่าเมื่อเสีย ราคาก็จะดีหน่อย แต่คุณจะให้มันไม่ลงหรือลงน้อยอาจจะไม่ได้
ญี่ปุ่น เฉลี่ยลดปีละ 10% อยู่แล้ว ส่วนเยอรมัน ผมว่าประมาณปีละ 12-15% เฉลี่ย แต่หากปีแรก อาจจะหายไป 25% แล้วจะค่อยๆ ลง
สรุป หากกังวล อย่าซื้อครับ แต่ผมอายุเริ่มมากละ อยากได้รางวัลชีวิตละ ถึงแม้จะต้องทำงานเพิ่ม หรืออาจจะนานขึ้น ผมยอม เพราะหากไม่ซื้อวันนี้ เราก็ไม่รู้จะได้ซื้อหรือเปล่า และที่สำคัญ ผมอยากได้มากกกกกกก ;D
-
รถอะไรก็ชั่ง ถ้าซื้อมาแล้วทำให้ต้องเดือดร้อน สร้างภาระหนี้เพิ่ม ก็อย่าเลยค่ะ
พ่อหนูกว่าจะตัดใจซื้อวอลโว่ได้ต้องคิดแล้วคิดอีก เงินแก่น่ะมีเหลือ ๆ แต่แกไม่ยอมเปลี่ยนรถใหม่สักที เพราะแกบอกว่า
"ถ้าซื้อมาแล้วทำให้ชีวิตไม่มีความสุข จะซื้อมาทำไม หาเรื่องเจ็บตัวฟรี ๆ ได้ไม่คุ้มเสีย..."
กว่าจะยอมซื้อ S80 D4 พ่อหนูใช้ 740 มาตั้งกี่ปี ซ่อมแล้วซ่อมอีก ซ่อมไปบ่นไป แต่ท่านก็มีความสุขที่ได้ใช้มันจนทุกวันนี้
-
ผมถือว่าโชคดีที่ได้ใช้ Benz Audi BMW มาก่อน ไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเพราะที่กงสีซื้อให้
แต่พอผมมีครอบครัว บอกตรงๆเลยครับ ผมจะไม่ซื้อรถยุโรปมาใช้เองแน่นอน ทั้งค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมที่แพงไร้สาระ
ตอนนี้มีความสุขมากๆกับ Fortuner และ Prius เงินที่เหลือเก็บไว้ลงทุน ส่งเสียลูก และเป็น Financial Freedom เมื่ออายุเลย 50 ก็ไม่ต้องทำงาน อยากเที่ยวก็เที่ยว ไม่ต้องกังวลอะไร
ต่างคนต่างความคิดครับ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
-
รถเป็นสินค้าเสื่อมราคาอยู่แล้วครับไม่ใช่การลงทุนออกมาจากโชว์รูมวันเดียวก็หายไปเป็นแสนๆแล้วครับ รถราคาหลายๆล้านไม่ว่าจะแบรนไหนก็ตกเป็นล้านๆเช่นกันเมื่อผ่านไป5ปี ดังนั้นอย่าไปซีเรียสครับถ้าทำแล้วมีความสุขไม่เดือดร้อนจัดเลยครับ แต่ถ้ามองเรื่องราคาตกรถระดับนี้ผ่านได้เลยครับ
-
ให้คุณเสนอเซลล์ ไปเลยขอส่วนลดก่อน ของแถม
ต่อมาขอดาวน์ 50% 3ปี ดอกเบี้ย 0%
เงินที่เหลืออีกครึ่งคุณเอาไปลงทุนให้ได้ค่าผ่อนรถเดือนละ 5x,xxxบาทต่อเดือน
น่าจะพอเป็นอีกทางเลือกนะครัข
-
รถเป็นหนี้สินครับ
ไม่ใช่สินทรัพย์
ราคาตกเรื่อยๆ
มีค่าดูแลรักษา ประกัน กรมธรรม์ ล้างรถ ซ่อมโน่นนี่ และค่าน้ำมัน
เว้นแต่จะเอาไปทำให้เกิด Value จากการใช้ ก็ว่ากันไป แต่ก็คงเป็นส่วนน้อยของคนที่ซื้อรถ
ถ้ายังติดใจเรื่องเสื่อมราคา ก็อย่าไปซื้อครับ
แต่ถ้ายอมรับได้ ก็จัดไป
+1 ตรงประเด็นครับ ปัญหาของ จขกท คือ ราคาตกเยอะ ตราบใดที่มีความคิดยังนี้ยังมีอยู่ ต่อให้มี ร้อยล้านพันล้าน ก็คงหมดโอกาสได้ซื้อรถแบบนี้ในเมืองไทยเป็นแน่ เพราะจะกี่สิบปีข้างหน้าผมว่ารถยุโรปก็จะต้องราคาตกเยอะแบบนี้ทั้งนั้น ยกเว้นความคิดคุณจะเปลี่ยนไปหรือได้อะไรในรถพวกนี้ที่คุ้มค่ากว่าราคาเสื่อมที่หายไป
-
ผมว่ารถที่ตอบโจทก์ ของคนที่ต้องการความหรู ในราคาไม่แพง คือ รถ D-seg ญี่ปุ่น พวก Camry 2.0
ที่อายุ 3-5 ปีครับ และต้องซื้อจาก Toyota Sure หรืออื่นๆ ที่มีรับประกันคุณภาพ สัก 1 ปี ครับ
ตอบโจทก์ความหรูและคุ้มค่าที่สุด
เพราะราคาไม่แพง(ไม่ถึงล้าน) เอาเงินไปทำอย่างอื่นได้ และราคามันตกลงไปแล้วครับ
-
ยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องออกครับ
ผมเข้าใจ คนไม่เคยมีก็อยากมี คนเคยมีก็เฉยๆ
-
ยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องออกครับ
ผมเข้าใจ คนไม่เคยมีก็อยากมี คนเคยมีก็เฉยๆ
เห็ยด้วยครับ ไม่พร้อมก็อย่าซื้อจริงๆ
ถ้าต้องการภาพลักษณ์ D-seg ญี่ปุ่น ใหม่ๆ ก็พอได้แล้ว เพื่อทำธุรกิจไม่น่าเกลียดครับ
-
จาก คหสต. หากเจ้าของกระทู้ช่องทางที่จะนำเงิน 2 ล้านงอกเป็น 5 ล้านได้ผมคิดว่าการซื้อรถ+ระยะเวลา 5ปีแล้ว ถ้าไม่ได้ซื้อสดเต็มราคาตั้งแต่ออกรถ เงิน 2 ล้านนั้นก็ยังกำอยู่ซึ่งยังนำไปลงทุนเพื่อหาเงินให้งอกได้นะครับ ระยะ5 ปีซื้อมาก็ต้องมีการใช้สอย+ค่าเสื่อมราคาเป็นธรรมดา ถ้าเจ้าของใช้รถทุกวันมันส่งคุณถึงที่หมาย+กับความชอบแล้ว ผมว่ามันคุ้มค่าดีกว่าซื้ออย่างอื่นแต่สุดท้ายต้องกลับมาซื้อในสิ่งที่ชอบอยู่ดีมันน่าจะคุ้มกว่านะ
-
ถามว่าซื้อเพื่ออะไร
ซื้อเพื่อขายต่อ ก็ราคาตกอยู่แล้ว เลือกคันที่ตกน้อยหน่อยละกัน
ซื้อเพื่อขับจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง รถอะไรก็พาไปได้
ซื้อเพื่อความสุขในการขับรถ ถ้าคุณขับแล้วมีความสุข ราคาเท่าไหร่ที่ซื้อความสุขได้ ถ้าคิดว่าเดือนละ4หมื่น 5หมื่นไหว ก็จัดไป
ซื้อเพื่อความสบายใจ ให้เมียขับพาลูกไปเรียน อันนี้ผมว่าประเมินค่าไม่ได้ครับ
ผมก็เพิ่งได้ F30มา ตอนแรกก็เครียดอยู่ว่าไม่คุ้นกับการผ่อนรถ ราคาก็แพง เสียดอกเบี้ย เสียโอกาสในการลงทุนอื่นๆ
แค่พอกลับไปดูเหตุผลของการซื้อรถของผม ผมกลับมา(ให้เมีย)ใช้อย่างมีความสุขครับ
:)
-
ถ้าซื้อแล้ว มีความกลัว หรือ มีความกังวล เกิดขึ้น ผมว่าท่านยังไม่พร้อม
คำว่าไม่พร้อมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเงิน แต่หมายถึงทางด้านจิตใจ
ยกตัวอย่าง Warren buffett ก็ยังไม่พร้อมซื้อรถใหม่ๆ เหมือนกัน ทั้งๆ ที่มีเงินติด Top 5 ของโลก
-
เรื่องเงินนี่ผมเคร่งครัดกับตัวเอง
เก็บ 50%
หนี้ bill 30%
ใช้จ่ายส่วนตัว 20%
ทำงานทุกวันนี้ ผ่อนได้แค่รถยี่ปุ่น ทั้งๆที่ใจอยากขับรถยุโรบ 555
ผมต้องลดขนาดใจตัวเองให้เล็กลง แต่เพราะแบนด์ยุโรปพวกนี้ก้อทำให้มีแรงใจเหมือนกัน ><
ผมว่าเอาเงินไปต่อยอด พร้อมแล้วค่อยถอยก้อได้ครับ ;D
-
มี lambo ครับ หายไม่มากถ้าซื้อnichecar และtrade inเพื่อซื้อคันที่แพงกว่า
-
ที่บ้านผมก็เคยมีเคสแนวๆนี้แหละครับ จะซื้อยุโรปป้ายแดงอยู่เหมือนกัน มองw212ไว้ เอาเข้าจริงคำนวนไปคำนวนมาพร้อมกับอนาคตและเศรษฐกิจที่มันยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ สรุปเอาเงินที่จะดาวน์เบนซ์ไปดาวน์สิบล้อป้ายแดงมาแทน เหตุผลเพราะมันเอามาใช้ทำเงินได้เอามาทำเงินก่อน อีกอย่างสิบล้อคันเก่าที่ใช้ก็เริ่มจุกจิกตามอายุ ถ้าวิ่งทางไกลแล้วเสียกลางทางนี่งานเข้ามหาศาลเลยหละครับสำหรับธุรกิจผม
สำหรับบ้านผมคิดว่ารถยุโรปนี่ต้องมีเงินเหลือถึงเหลือมากจริงๆถึงจะได้ใช้แบบสบายใจครับ
-
มันเจ็บแปล๊บๆ ตรงที่ถ้าเราหาเงินมาเอง เก็บเล็กผสมน้อยไงใช่มั้ยครับ จขกท. ;D
เราไม่ได้เกิดมารวย มีมรดกมากมาย มันเลยคิดเยอะ
คนที่คิดจะซื้อรถราคา2ล้านup ส่วนมากก็มีเงิืนพอตัวแหละ เกิน7หลักไปแล้วนะ
แต่มันอดเสียดายไม่ได้ บางคนกว่าจะกลั้นใจซื้อได้ ก็อายุ50-60 ทั้งที่ เงินมี8-9หลักแล้ว
บางคนรวยมากๆยังขับรถเก่าๆอยู่เลย บางคนปั้นจักรยานซะด้วยซ้ำ(สุขภาพแข็งแรง)
ความสุขคนเราแล้วแต่จะหาใส่ตัวครับ นานาจิตตัง...ซื้อรถไม่มีกำไรหรอก เราซื้อมาใช้ ให้เรามีความสุข :-*
-
เก็บส่วนต่างไว้กินเที่ยวได้หลายวันเลยคับ
ไม่ก็ซื้อมือสองช่วง 5 ปี
f10 กับ e60 ผมว่่าคนทั่วไปดูไม่ออกอะครับว่ารุ่นเก่ารุ่นไหม่ เพราะมันไม่ต่างกันมาก
แต่ benz โฉมปัจจุบัน กับ ตาถั่ว นี่มันดูแล้วรู้เลยว่ารุ่นเก่า
-
ซื้อรถแล้วมองราคาขายเป็นเรื่องแรก
คุณจะไม่มีวันพบกับความสุขในการใช้รถอย่างแท้จริง
แต่ถ้ามองว่าการขับยนตรกรรมพรีเมี่ยมแล้วทำให้ต้องเหนื่อย
มากขึ้นเป็น 2-3 เท่า ในการเก็บเงิน ก็อย่าฝืนจะเป็นทางดีที่สุด
-
ซื้อรถแล้วมองราคาขายเป็นเรื่องแรก
คุณจะไม่มีวันพบกับความสุขในการใช้รถอย่างแท้จริง
แต่ถ้ามองว่าการขับยนตรกรรมพรีเมี่ยมแล้วทำให้ต้องเหนื่อย
มากขึ้นเป็น 2-3 เท่า ในการเก็บเงิน ก็อย่าฝืนจะเป็นทางดีที่สุด
+1 เลยครับน้า
-
คำตอบอยู่ในหัวข้อกระทู้หมดแล้วครับ นั้นคือคุณยังไม่พร้อมจะเล่นรถตัวนี้ เพราะถึงคุณซื้อมาผมเชื่อว่าคุณจะวิตกจริตกับมันเสียมากกว่าที่จะมีความสุข ซื้อรถที่ถูกกว่าแล้วเอาเงินไปลงทุนดีกว่าครับ (ถ้าคิดว่าได้กลับมาแน่ๆ)
แต่ถ้าคิดจะเล่นแล้วก็จงปล่อยใจให้สบายครับ อย่าไปคิดเรื่องขายต่อให้มาก เหมือนซื้อเพชรแต่งงานยังไงราคาก็ตก
(แต่คนที่เก็บเงินด้วยลำแข้งตัวเองมามักจะทิ้งจุดนี้ไม่ได้จริงๆ คงต้องไปจบแถวแคมรี่นั้นแหละครับ 555)
-
ถ้าจะใช้รถยุโรปไม่ต้องคิดเรื่องราคาขายต่อเลยค่ะ ตกสนิทเเบบไม่อยากคิดว่าตอนซื้อมาราคาเท่าไหร่ จะซื้อรถยุโรปต้องซื้อด้วยใจเเละอารมณ์ค่ะ ต้องบ้ารถด้วยถึงจะครบเครื่อง คุณจะซื้อได้เเบบไม่กังวล ยิ่งถ้าได้มาครอบครองเมื่อไหร่คุณจะรู้ว่าราคาที่หายไปนั่นมันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความสุขที่ได้ขับขี่มัน เราเคยคิดหนักตอนที่จะซื้อรถยุโรปคันที่ 2 ว่าจะซื้อ BMW หรือ MB ถ้าซื้อโดยพิจารณาจากความคุ้มค่าเราคงได้เป็นดาวสามเเฉก เเต่สุดท้ายเราซื้อตามอารมณ์ก็เลยได้ใบพัดสีฟ้าเป็นคันที่ 2 เเละคิดว่าคันต่อๆไปก็จะเป็นใบพัดสีฟ้าเท่านั้นค่ะ ลืมบอกไปว่าเราซื้อด้วยน้ำพักน้ำเเรงล้วนๆนะคะ รู้สึกว่าต้องขยันทำงานกว่าตอนที่ใช้รถญี่ปุ่นค่ะ ดังนั้นกรณีของคุณอย่าคิดเรื่องราคาขายต่อเลยค่ะคิดว่าคุณรับภาระไหวเเละชอบมันจริงๆก็ไปจองเลยค่ะ
-
ไม่พร้อมก็อย่าซื้อเลยครับ จริงๆรถควรมีมูลค่าอย่างมากไม่เกิน 5-10% ของทรัพย์สินที่มีด้วยซ้ำ
ว่าแต่ลงทุนอะไรอ่ะครับ แนะแนวทางหน่อย ผมคิดไม่ออกนอกจากหุ้นปั่น :D
-
ผมว่า อยู่ที่ความพร้อมเหมือนที่เพื่อนๆ ทั้งหลายอะครับ ถ้าพร้อมก้อไม่ต้องคิดมากครับ ซื้อความสุขและมอบรางวัลให้ชีวิตครับ ผมฝังใจกับคำๆนี้มากครับ ผมดูมาจากรายการ เทสรถรายการหนึ่ง เค้าบอกว่า รายการเค้าชอบมันมาก(เป็นรถ BMW M5) เค้าว่าถ้าคุณได้ขับมัน คุณจะรู้ว่าไอ้คำที่ว่าความรู้สึกที่ล้อจิกพื้นถนนจริงๆนั้นเป็นยังไงถึงจะไม่ได้ไปถึง M5 เจ้า F10 นี่ก้อ OK แล้วครับ ;D
-
ถ้ายังเสียดาย อย่าซื้อเลยพวกของฟุ่มเฟือยน่ะ ของแบบนี้ให้เศรษฐีเขาขับกัน ยิ่งถ้าบอกหาย2ล้านคือรายได้ 5ปีนี่เลิกเลยนะ
-
มี่ท่านนึงกล่าวไว้ว่า
ซื้อรถ ไม่ควรเกิน 10 เท่าของรายได้ต่อเดือนครับ
ถ้าซืื้อรถ 4 ล้าน ควรมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 4 แสนครับ
-
เข้าใจความรู้สึกครับ ทางบ้านผมก็คล้ายๆกัน ทำใจเอาเงินไปจนกับรถราคาแพงขนาดนั้นไม่ไหว :'(
ผมว่าใช้รถพวก D,C,B segment ก็น่าจะพอนะครับ แล้วเอาเงินส่วนต่างไปลงทุนให้เกิดกำไร
พอคุณมีเงินทุนหมุนเวียนซัก 10-20 เ่ท่าของราคารถที่คุณจะซื้อ คุณจะสามารถซื้อรถที่คุณต้องการได้โดยใช้กำไรของธุรกิจคุณแ่ค่ปีเดียวครับ :D
-
2 ล้านที่หายไป เท่ากับทำงาน 5 ปี ฟรีๆ แสดงว่าไม่เหมาะกับคุณแล้วล่ะครับ
นี่ขนาดค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน ค่าประกัน ยังไม่ได้รวม
2 ล้านที่หายไป ถ้าสัก 10 % ของรายได้ 5 ปี ก็น่าจะไหว
ถ้าจะให้เหมาะสมจริงๆ ต้องสัก 10 % ของเงินที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด อันนี้ก็สบายๆ
-
ที่มันตกไป คือราคาภาษีที่บวกเพิ่มมาตอนนำเข้าครับ ถือว่าไม่ใช่ราคารถจริงแล้วกัน ขำๆ ;D
-
ทำใจและยอมรับ คิดว่าเช่ารถมาขับดีกว่าสบายใจ 5 ปีหาย 2 ล้านตกวันละ พันนิดๆเอง 555+
-
ผมถือว่าโชคดีที่ได้ใช้ Benz Audi BMW มาก่อน ไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเพราะที่กงสีซื้อให้
แต่พอผมมีครอบครัว บอกตรงๆเลยครับ ผมจะไม่ซื้อรถยุโรปมาใช้เองแน่นอน ทั้งค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมที่แพงไร้สาระ
ตอนนี้มีความสุขมากๆกับ Fortuner และ Prius เงินที่เหลือเก็บไว้ลงทุน ส่งเสียลูก และเป็น Financial Freedom เมื่ออายุเลย 50 ก็ไม่ต้องทำงาน อยากเที่ยวก็เที่ยว ไม่ต้องกังวลอะไร
ต่างคนต่างความคิดครับ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
มาแนวเดียวกับผมเลยครับ รถก็ใช้เหมือนกัน รายได้หักค่าใช้จ่ายของผมก็ผ่อน F30 ที่อยากได้สบายๆ รวมพอร์ตลงทุนที่สะสมมา
แต่คิดไปคิดมา ภาษีนำเข้าที่แพงเกินเหตุ ค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมแพงเกินร้บได้ ค่าประกันที่ปีนึงแทบจะสองเท่าของรถญี่ปุ่น
ทำให้ผมหันมามองรถญี่ปุ่นที่มีระบบความปลอดภัยสูงแทน ส่วนเรื่องการขับขี่ที่เป็นรองก็จัดชุดช่วงล่างดีๆ ซักชุด ก็ขับดีขึ้นจมครับ
ที่เหลือแบ่งเงินส่วนเงินมาทำบุญทำทานให้กับเจ้ากรรมนายเวร เพราะแม้ท่านจะขับรถดีอย่างไรยังมีคนที่พร้อมจะมาชนท่านได้ (เจ้ากรรมนายเวรของท่าน) เนื่องจากสาเหตุต่างๆนาๆ
ยกเว้นถ้าผมมีอิสะภาพทางการเงินในระดับ เหลือใช้มากๆ ระดับห้าสิบล้านร้อยล้าน สำหรับตัวเองและครอบครัวแล้วจะพิ'ณา อีกครั้งว่า เอามาลองขับดูสักครั้ง
แต่ก็ยังเสียดายค่าใช้จ่ายต่างๆ ข้างต้น
นานาจิตตังครับ ของแบบนี้ห้ามกันไม่ได้ พูดถึงเรื่องการใช้จ่ายสมฐานะ พอตัว ประหยัดอดออม คนไทยเรายังเป็นรองฝรั่ง-ญี่ปุ่น อยู่มากจริงๆ
;)
-
ถ้าการที่เราอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่ผลของการกระทำนั่นทำให้เราเป็นทุกข์
ก็ไม่ควรทำนะครับ
แต่ในทางกลับกัน ถ้าสิ่งที่เราทำแล้วเป็นสุข และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนรวมถึงตัวเราเองด้วยนะครับ ก็ทำไปเถอะครับ
-
มาแนะนำให้ต่อ BSI ปีที่ 6 ครับ ราคาประมาณ 6 หมื่น