Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Peter2222 ที่ พฤษภาคม 01, 2013, 17:17:30
-
อยากทราบว่า
1. แรงม้าเยอะ กะ แรงบิด เยอะ อันไหนดีกว่า
2. ทำไมแรงบิดสูงสุดอยู่ที่รอบกลางๆ ในขณะแรงม้าอยู่รอบสูงมาก
3. เพื่อนๆ มีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
-
1. แรงม้าเยอะ กะ แรงบิด เยอะ อันไหนดีกว่า
-ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้รถ ถ้าในสนามแรงม้าดีกว่า บนถนนทั่วไปไม่เน้นซิ่ง แรงบิดดีกว่า แต่ต้องดูว่ามาที่รอบเท่าไหร่ด้วย
2. ทำไมแรงบิดสูงสุดอยู่ที่รอบกลางๆ ในขณะแรงม้าอยู่รอบสูงมาก
-ก็ไม่กลางนะถ้าเป็นรถ na เพียงแต่แรงม้ามาช้ากว่า แต่ถ้ามีเทอร์โบช่วยก็ช่วยเรียกมาเร็วชึ้น
3. เพื่อนๆ มีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างครับ
- เบสิคที่สุดก็ไปลองขับดู เพราะบางคันเขียนสเปคมาซะหรูถึงเวลากลับไม่ได้เรื่อง บางคันดูสเปคงั้นๆ แต่ถึงเวลาดันขับดี ช่วงล่างก็มีผล
-
3. เพื่อนๆ มีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างครับ
- เบสิคที่สุดก็ไปลองขับดู เพราะบางคันเขียนสเปคมาซะหรูถึงเวลากลับไม่ได้เรื่อง บางคันดูสเปคงั้นๆ แต่ถึงเวลาดันขับดี ช่วงล่างก็มีผล
ข้อนี้ที่ท่านตอบมาผมนึงถึง Sylphy เครื่อง 1.8 ลิตร แรงม้า 131 แรงบิต 174 นิวตันเมตร ดูตัวเลขงั้นๆ พอไปขับจริง เห้ย...เหยียบแป๊ปเดียว 140 แล้ว ฮาๆๆ ;D
-
ผมชอบแรงบิด เพราะไม่ขับเร็ว
-
อยากทราบว่า
1. แรงม้าเยอะ กะ แรงบิด เยอะ อันไหนดีกว่า
2. ทำไมแรงบิดสูงสุดอยู่ที่รอบกลางๆ ในขณะแรงม้าอยู่รอบสูงมาก
3. เพื่อนๆ มีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
1.แรงม้าสำคัญ แรงบิดสำคัญกว่าเกือบทุกกรณีไม่เว้นแม้แต่จะเอารถไปแข่งกัน
2.แล้วแต่เครื่องฮะ แต่แรงบิดเป็นตัวแปรต้นที่ทำให้เกิดแรงม้า
3.แรงบิดสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง เลือกเอาแต่พอประมาณ ถ้าอยู่บนเ่ขาต้องขึ้นเนินบ่อยๆ ขับรถบรรทุกมากมาย ก็เน้นแรงบิดเยอะๆ(ไปทางดีเซลล์)
แต่ถ้าไม่ เบนซินโลด ยังไงเบนซินก็แรงกว่า ดีกว่า เงียบกว่า เบากว่า ถูกกว่า
-
มาเก็บความรู้ครับ ;D
-
ลองดูในกระทู้เก่าๆ มีหลายท่านอธิบาย อย่างเช่นกระทู้นี้ครับ
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,5699.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,5699.0.html)
-
1. แรงม้าเยอะ กะ แรงบิด เยอะ อันไหนดีกว่า
- ขับนอกเมือง เดินทางไกล แรงม้าแรงบิด สำคัญพอๆกัน แรงบิดสร้างแรงม้า
แรงบิดทำให้รถวิ่ง ลากน้ำหนักตัว แรงม้าทำให้รถวิ่งเร็ว ดังนั้นจึงได้ใช้ทั้งคู่
- ขับในเมือง แรงบิดสำคัญกว่า แต่ต้องเป็น"แรงบิดที่รอบต่ำๆ"เท่านั้น
รถฮอนด้า Vtec อย่างเครื่อง d15b ทำฝา ทำแคมฯ หรือ b16 วิ่งนอกเมืองได้ 14-15 โลลิตร เท่าๆกับแจ๊ส ซิตี้
แต่พอวิ่งในเมือง กลับซดน้ำมันมหาศาล นั่นเพราะแรงบิดรอบต่ำของ vtec แนวซิ่งแทบไม่มีเลยในรอบต่ำๆ
เปลี่ยนเกียรที่ 2-3 พันรอบ รถเหี่ยวสุดๆ แต่พอเปลี่ยนที่ 5 พันรอบ รถวิ่งฉิ่วเหมือนได้ไวอากร้า
ในขณะที่ L15 ในซิตี้ ในแจ๊สทั้งหลาย แค่แตะคันเร่งนิดหน่อย แค่ 1-2 พันรอบ แรงบิดก็มาแล้ว
2. ทำไมแรงบิดสูงสุดอยู่ที่รอบกลางๆ ในขณะแรงม้าอยู่รอบสูงมาก
- นั่นคือเหตุผลที่ว่า
คนแรกเปลี่ยนเกียรที่ 6 พันรอบ รถวิ่งฉิ่ว แรงดี แต่กินน้ำมัน และแรงกว่ากันไม่เท่าไหร่
ในขณะที่อีกคนนึงเปลี่ยนเกียรที่ 4 พันรอบ รถวิ่งฉิ่วเหมือนกัน แต่ประหยัดน้ำมันกว่ากันมาำกเลย
แรงบิดของเครื่อง จริงๆต้องดูที่ชาติกำเนิดเครื่องยนต์ด้วยครับ
รถบางคัน แรงบิดต้นๆเยอะมาก แต่พอรอบแตะ 4 พันเมื่อไหร่ หลังจากนี้เหี่ยวทันที (วีออส เป็นต้น)
ในรถบางคัน แรงบิดดีตลอดช่วง ทั้งม้าทั้งบิด มาพร้อมกัน (เครื่อง ZR ในอัลติส MC)
3. เพื่อนๆ มีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างครับ
- รถบ้านๆในตลาด เครื่อง 1.5-2.0 ที่ไม่ใช่้เครื่องซิ่ง มีลักษณะไม่แตกต่างกันครับ หรือต่างกันก็ไม่มาก
อันที่จริง ถ้าอยากทราบละเอียดกว่านี้ ลองเอาอัตราทดของแต่ล่ะเกียร์ คูณด้วยเฟืองท้ายเข้าไป
คุณจะได้อัตราทดที่แท้จริงครับ
และคุณจะพบว่า รถบางคันมีเครื่องที่แรงบิดสูง(ในกระดาษ)
แต่พอคูณอัตราทดแล้ว แรงบิดอาจจะต่ำกว่ารถอีกคันที่แรงบิดต่ำ แต่ทดมาจัดกว่า
นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมรถ 1.5 เกียรธรรมดา (หรือเกียรออโต้ก็ตาม) ถึงสามารถไล่พวกรถยุโรปได้ ในช่วงตีนต้น
เพราะเฟืองท้ายและเกียรทดมาจัดมากๆ
ตัวอย่างเช่น ยาริสเกียรธรรมดา ไล่กับ E90 325i ได้ตั้งแต่ 0-160 เพราะอัตราทดเกียรล้วนๆ
แต่หลังจาก 160 ไปแล้ว หรืออัตราเร่งแซงที่ 140+ ไล่ยังไงก็ไล่ไม่ทัน
เพราะอัตราทด+แรงบิด หมดความหมายไปแล้ว (ทดจัด ต้นแรง ปลายเหี่ยว)
-
ปัจจัยมันไม่ได้อยู่ที่เยอะอย่างเดียว มันขึ้นอยู่ว่า เจ้า2ตัวนี้มันมาเร็ว-ช้าแค่ไหนต่อให้ตัวเลขเยอะมหาศาลแต่กลับมาเอาตอนที่เราไม่ได้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น
รอบสูงเกินกว่าช่วงกำลังที่เราใช้ เจ้าตัวเลขที่มันมาเยอะๆสูงๆ สำหรับผมไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกเพียงเสียแต่ว่าเอาไว้ไปเกทับในกลุ่มเพื่อนเวลาคุยกันขำๆ
เอาเข้าใจจริงๆขับในเมืองเจอEco Car ออกตัวทิ้งสวนหายไปก่อนแล้ว
-
แรงม้าคืออัตราการทำงาน ที่คำนวณมาจากแรงบิดอีกที
แรงบิดคือแรงที่ขับเคลื่อนรถ
แรงม้า = แรงบิด(lb.ft)x รอบเครื่อง แล้วเอาค่าที่ได้มาหารค่าคงที่
ซึ่งบางที่ก็ใช้ 5250 บางที่ก็ใช้ 5252 ทำไมมีสองค่า ไม่รู้ ผมใช้ 5252
-
ส่วนตัวผมชอบรถที่แรงบิดเยอะ และต้องในรอบต่ำด้วย
ออกตัวไว ขับง่าย ไม่ต้องลากเกียร์นานก็ได้ความเร็วที่ต้องการ
---------------------------------------------
ผมเปรียบเทียบแรงบิดเป็นนักซูโม่ แรงม้าเป็นนายแบบ และรถยนต์เป็นข้าวสาร 1 กระสอบ
เวลาออกตัวซูโม่ที่แรงเยอะ จะยกกระสอบข้าวสารชนิดตัวปลิวแล้ววิ่งออกมา
แต่เพราะซูโม่ตัวใหญ่ แรงเยอะก็จริงแต่วิ่งช้า พอวิ่งไปถึงความเร็วที่ซูโม่สามารถวิ่งได้เร็วสุด (แรงบิดสูงสุด) นายแบบจะวิ่งขนาบข้างขึ้นมา ซูโม่ก็จะส่งกระสอบต่อเพื่อให้นายแบบยก (จุดตัดระหว่างแรงบิด และ แรงม้า)
จากนั้นซูโม่ก็จะเรี่มหมดแรงและค่อยๆวิ่งช้าลง แต่ผิดกับนายแบบ ที่ยังวิ่งเร็วขึ้นๆจนถึงจุดที่นายแบบสามารถวิ่งได้เร็วสุด (แรงม้าสูงสุด)
ผมถึงชอบซูโม่ไงครับ ยิ่งแรงเยอะ ยิ่งยกกระสอบได้ไว ก็ยิ่งออกตัวเร็ว
-
ปัจจัยมันไม่ได้อยู่ที่เยอะอย่างเดียว มันขึ้นอยู่ว่า เจ้า2ตัวนี้มันมาเร็ว-ช้าแค่ไหนต่อให้ตัวเลขเยอะมหาศาลแต่กลับมาเอาตอนที่เราไม่ได้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น
รอบสูงเกินกว่าช่วงกำลังที่เราใช้ เจ้าตัวเลขที่มันมาเยอะๆสูงๆ สำหรับผมไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกเพียงเสียแต่ว่าเอาไว้ไปเกทับในกลุ่มเพื่อนเวลาคุยกันขำๆ
เอาเข้าใจจริงๆขับในเมืองเจอEco Car ออกตัวทิ้งสวนหายไปก่อนแล้ว
+1 เห็นด้วยครับ
และอีกอย่าง eco car บางคันขับกันไวมาก
ในเมือง นอกเมือง เจอมาหมดแล้ว ขาโหดจริงๆ
-
เลือกแรงบิดครับ อัตราเร่งในการออกตัว การเร่งแซง ทำให้รถขับสนุกขึ้นด้วย เวลาดูสเป๊กเครื่องยนต์ผมก็จะดูแรงม้ากับแรงบิดประกอบคู่กันไป โดยเฉพาะรอบบิดสูงที่รอบต่ำ ๆ ยิ่งทำให้ขับสนุกครับ แต่ผมว่าต้องไปขับเองด้วยจะดีที่สุด
-
(ดูแรงบิดในแต่ละรอบเครื่อง)ประกอบกับ(ดูอัตราทดเกียร์ในแต่ละช่วงความเร็ว) ของแต่ละเครื่องยนต์
แล้วนำมาเปรียบเทียบกันว่าอันไหนมีแรงบิดพอเหมาะให้เราได้ใช้ได้สะดวกและยาวนานมากกว่ากัน