Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Alcatraz ที่ พฤษภาคม 04, 2013, 09:21:17
-
http://rcw.ms/forum/threads/898681 (http://rcw.ms/forum/threads/898681)
เรื่องนี้ได้ข้อคิดหลายอย่างเลยอยากให้อ่านกัน
ผมเคยอยากได้โรลบาร์มาใส่เท่ๆ เจออย่างนี้เข้าไปเปลี่ยนความคิดเลย
-
อ่านจนจบผมก็ว่าโรลบาร์-โรลเคจไม่ผิดนะครับ.....แค่ทุกอย่างมันเข้าจุดโฟกัส จึงเกิดเรื่องแบบนี้
โรลบาร์-โรลเคจที่ทำมาถูกต้อง........มีไว้ยังไงดีกว่า
ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวน้องเขาด้วยครับ.
-
หมวกกระแทกกับการ์ดเรล!!! แค่นึกก็สยองแล้วครับ
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตครับ
-
โค้งนี้
น่าจะมีพื้นที่เหลือข้างแทรกให้เยอะๆกว่านี้ครับ
จริงอยู่นักแข่งต้องเข้าได้ทุกไลน์ แต่ถ้าพลาดขึ้นมามันหนักครับ
อย่าลืมว่าไม่ได้ขับคันเดียว มันมาเป็นกลุ่มการแย่งการสะกิดบังไลน์
อาจมีคราบน้ำมัน ละอองน้ำ ทัศนวิสัยไม่ดี
เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ขอแสดงความเสียใจครับ
RIP ครับ
-
ใช่แล้วครับ โรลบาร์ไม่ผิดนะ ลองไม่มีโรลบาร์แล้วแรงปะทะสำหรับรถเล็ก
แบบนี้สภาพคงแย่กว่านี้ครับ มียังไงก็ดีกว่า
แต่ก็นั่นแหละยังไงก็สู้โรลบาร์พวก Full race ไม่ได้หรอก ลองไปหาดูพวก
รถ WRC ชน-ปะทะ-คว่ำแต่ละทีน่าตายมาก แต่ห้องโดยสารยังคงสภาพดีมาก
คนก็ปลอดภัย
งานนี้สนามยังไม่เซฟตี้พอ ก็ต้องปรับแก้กันไป
และอีกอย่างต้องมีรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือครบ ไม่ใช่แค่รถกระบะมูลนิธิ
และไม่ได้ว่ารถกระบะมูลนิธิไม่ดี แต่ถ้ามีรถพยาบาลมันสามารถช่วยเหลือเบื้องต้นได้ดีกว่า
เสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยครับ
-
ขอแสดงความเสียใจ กับ เหตุการที่เกิดขึ้นนี้ด้วยครับ
-
ไม่ใช่โรบาร์ไม่ช่วยครับ แต่หัวของคนขับไปกระแทกกับเสาการ์จ
ถ้าไม่มีโรล์บาร์ผมว่ารถขาดครึ่งคัน
RIP ให้ผู้เสียชีวิตด้วยครับ
-
RIP
-
เสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยครับ เหตุการณ์นี้ถ้าเกิดไม่มีโรล์บาร์สภาพรถคงจะเละกว่านี้
-
เป็นเรื่องน่าเสียดายครับ หลายปัจจัย แต่เป็นนักแข่ง ยังไงก็คงต้องมีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว
-
เสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยนะครับ
จุดที่ผมสังเกตุคือ ยางรถที่วางไว้ป้องกัน มันดูน้อยไปนะ ดูการแข่งรถเมืองนอก วาง 5-6 ชั้นในบางสนาม ขนากดรถพุ่งเข้าไป ยังไม่ถึงการ์ดเรลเลยครับ
อันนี้เหมือนรถกระแทกอย่างแรง ไม่มีอะไรกันเท่าไหร่ ก็เหมือนชนกำแพงเลย เข็มขัดก็แค่รั่งไม่ให้หลุด แต่แรงกระแทกคงมากจริงๆ
แค่คิดนะครับ ถ้้าวางยางซ้อนกัน 5-6 แถว คงไม่ถึงการ์ด
-
RIP
-
RIP ครับ
-
เสียใจด้วยครับ
- เข้าใจว่า รถคันนี้อาจจะใช้ทั่วๆไปด้วย เลยทำโรลบาร์ให้เข้า-ออกได้สะดวก
ผลคือ ฝั่งประตูด้านข้าง เลยเป็นจุดที่ทำให้ป้องกันแรงกระแทกจาก Guard Rail ไม่อยู่
(เห็นว่า มีที่ชายล่างประตูอันเดียว ตรงกลางประตู โล้นๆ รับแรงเต็มๆ)
ถ้ามียางคอยซับซัก 1-2 เส้น ผลคงไม่ออกมาเป็นแบบนี้
เสียใจด้วยจริงๆครับ
-
โรลบาร์มันก็ทำหน้าที่จนสุดความสามารถของมันแล้วนะ อุทาหรณ์เรื่องนี้ผมว่าคือความเร็วนะครับ ขนาดในสนามแข่งสภาพแวดล้อมปิดที่มียางซับแรงปะทะ มีโรลบาร์ในรถพร้อมสรรพ คนขับมีประสบการณ์พร้อม ก็ยังหนีไม่พ้นความตาย แล้วบนถนนหลวงล่ะ? ใครที่รักความเร็วชอบอัดให้เกิน180ให้แตะ200อย่าลืมนึกถึงเรื่องนี้ ความตายมันง่ายกว่าที่คิดกันนัก
-
สยองเลย ว่าจะเอารถผมไปวิ่งเล่นในสนามนั้นซักครั้งในชีวิต >_<
-
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ
ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ
เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง
กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%
อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น
สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้
ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ
ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี
ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
-
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
-
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ
-
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ
ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ
เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง
กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%
อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น
สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้
ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ
ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี
ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
ตัวนักแข่งผิดพลาดน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้ แต่พลาดจนเสียชีวิตจะไปโทษนักแข่ง 80- 90 % ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก เพราะกรณี่นี้เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ
ประเด็นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า คือจะทำอย่างไรเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงให้ได้ แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่บอกซะด้วยว่าจะเกิดในลักษณะไหน ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะป้องกันได้ แต่สำหรับเคสนี้กรณี้ ผมขอโทษว่าการออกแบบสนามมีส่วนมากที่สุด
เพราะเห็นว่าบริเวณหรือพื้นที่ข้างๆแทรค ควรจะมีมากกว่านี้ และควรจะเป็นพื้นทราย เพื่อชะลอความเร็วของรถลงก่อนที่จะไปกระแทกกับขอบกั้น เพราะถ้าขอบกั้นอยู่ชิดกับแทรคขนาดนั้น ต่อให้ใช้ยางหนาสักกี่ชั้นก็ตามมันก็ช่วยได้ไม่มาก เพราะไม่มีระยะทางและเวลาที่จะทำให้รถชะลอความเร็วลงก่อนที่จะกระแทก
ถ้านึกไม่ออก ลองนึกภาพตอนที่ลิฟตก ต่อให้มีเซฟตี้เบลอย่างดี เบาะนั่งอย่างดี อยู่ในลิฟนั้น และลิฟมีโครงสร้างแข็งแรงมากๆ แต่ถ้าความเร็วมันไม่ลดลงก่อนปะทะ ยังไงก็ตายอยู่ดี ...."เหมือนที่เจ้าของบทความบอกนั่นแหละ ตอนเราเคลื่อนที่อวัยวะภายในเรามันก็เคลื่อนที่ด้วย แต่ตอนที่ตัวเราหยุดแบบกระทันหัน อวัยวะภายในเรามันไม่สามรถจะทนและหยุดแบบกระทันหันแบบนั้นได้"
-
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ
ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ
เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง
กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%
อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น
สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้
ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ
ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี
ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
ตัวนักแข่งผิดพลาดน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้ แต่พลาดจนเสียชีวิตจะไปโทษนักแข่ง 80- 90 % ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก เพราะกรณี่นี้เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ
ประเด็นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า คือจะทำอย่างไรเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงให้ได้ แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่บอกซะด้วยว่าจะเกิดในลักษณะไหน ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะป้องกันได้ แต่สำหรับเคสนี้กรณี้ ผมขอโทษว่าการออกแบบสนามมีส่วนมากที่สุด
เพราะเห็นว่าบริเวณหรือพื้นที่ข้างๆแทรค ควรจะมีมากกว่านี้ และควรจะเป็นพื้นทราย เพื่อชะลอความเร็วของรถลงก่อนที่จะไปกระแทกกับขอบกั้น เพราะถ้าขอบกั้นอยู่ชิดกับแทรคขนาดนั้น ต่อให้ใช้ยางหนาสักกี่ชั้นก็ตามมันก็ช่วยได้ไม่มาก เพราะไม่มีระยะทางและเวลาที่จะทำให้รถชะลอความเร็วลงก่อนที่จะกระแทก
ถ้านึกไม่ออก ลองนึกภาพตอนที่ลิฟตก ต่อให้มีเซฟตี้เบลอย่างดี เบาะนั่งอย่างดี อยู่ในลิฟนั้น และลิฟมีโครงสร้างแข็งแรงมากๆ แต่ถ้าความเร็วมันไม่ลดลงก่อนปะทะ ยังไงก็ตายอยู่ดี ...."เหมือนที่เจ้าของบทความบอกนั่นแหละ ตอนเราเคลื่อนที่อวัยวะภายในเรามันก็เคลื่อนที่ด้วย แต่ตอนที่ตัวเราหยุดแบบกระทันหัน อวัยวะภายในเรามันไม่สามรถจะทนและหยุดแบบกระทันหันแบบนั้นได้"
เฮ้อ........... ผมไม่ใช่นักแข่งรถ ผมไม่ได้หมายถึงในสนามแข่ง หมายถึงบนท้องถนน (ในที่นี้หมายถึงขับรถยนต์บนถนน)
แล้วก็ไม่ได้บอกว่า 80-90% ขับตายเพราะประมาท
"ผมบอกว่า 80-90% ของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ(เขียนไว้ชัดเจน)"
อุตส่าห์มีกระทู้ที่จั่วหัวว่าเป็นอุทาหรณ์ เลยพูดถึงแง่มุมที่ว่า ขนาดป้องกันเต็มที่ในสนามแข่งยังตายได้ เพราะการขับรถเป็นความเสี่ยงอย่างนึง
ยิ่งขับเร็วขับแข่ง ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงมากกว่าเยอะ หากเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิตก็ต้องทำใจรับไว้บ้าง เพราะทำเกี่ยวกับอะไรก็จะได้รับผลเกี่ยวกับสิ่งนั้น(ตามที่ยกตัวอย่างด้านบน)
ความหมายก็มีเท่าที่เขียนไปเท่านั้น ทำไมถึงไปเข้าใจอะไรที่ผมไม่ได้เขียน
แล้วส่วนประเด็นสำคัญน่ะ ผมคิดถึงจุดนี้ " ถึงป้องกันเต็มที่แล้ว(ทำรถ ทำสนาม ใส่ชุดนิรภัย) ก็ยังมีโอกาสตาย แล้วจะทำยังไงให้โอกาสตายน้อยลง มันคือขับให้ระวังมากขึ้น คิดถึงความปลอดภัยมากขึ้น(แต่อาจทำเวลาได้ลดลง)"
ถ้าทำได้ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง
-
RIP ครับ
-
RIP ครับ ผมไม่ทราบว่า roll-bar เขาไม่ใส่ตรงประตูด้วยเหรอครับดูประตูเบี้ยวเข้ามาไม่ปลอดภัยเลย
-
ขนาดเซฟแล้วยังเล่นซะกะโหลกแตก ผมว่าเช็คหมวกกัน็อคก่อนเลย
ส่วนโรลเคจผมว่ามันทำหน้าที่ได้ดีแล้ว แต่น่าจะมีกฏให้หุ้มวัสดุซับแรงกระแทกเพิ่มด้วย อย่างน้อยก็น่าจะช่วยได้บ้าง ถ้าคอไม่หักอะนะ
สนามก็ด้วย เป็นส่วนทำความเร็วแท้ๆ ทำไมดูไม่เซฟเอาซะเลย
-
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ
ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ
เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง
กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%
อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น
สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้
ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ
ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี
ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
ตัวนักแข่งผิดพลาดน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้ แต่พลาดจนเสียชีวิตจะไปโทษนักแข่ง 80- 90 % ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก เพราะกรณี่นี้เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ
ประเด็นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า คือจะทำอย่างไรเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงให้ได้ แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่บอกซะด้วยว่าจะเกิดในลักษณะไหน ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะป้องกันได้ แต่สำหรับเคสนี้กรณี้ ผมขอโทษว่าการออกแบบสนามมีส่วนมากที่สุด
เพราะเห็นว่าบริเวณหรือพื้นที่ข้างๆแทรค ควรจะมีมากกว่านี้ และควรจะเป็นพื้นทราย เพื่อชะลอความเร็วของรถลงก่อนที่จะไปกระแทกกับขอบกั้น เพราะถ้าขอบกั้นอยู่ชิดกับแทรคขนาดนั้น ต่อให้ใช้ยางหนาสักกี่ชั้นก็ตามมันก็ช่วยได้ไม่มาก เพราะไม่มีระยะทางและเวลาที่จะทำให้รถชะลอความเร็วลงก่อนที่จะกระแทก
ถ้านึกไม่ออก ลองนึกภาพตอนที่ลิฟตก ต่อให้มีเซฟตี้เบลอย่างดี เบาะนั่งอย่างดี อยู่ในลิฟนั้น และลิฟมีโครงสร้างแข็งแรงมากๆ แต่ถ้าความเร็วมันไม่ลดลงก่อนปะทะ ยังไงก็ตายอยู่ดี ...."เหมือนที่เจ้าของบทความบอกนั่นแหละ ตอนเราเคลื่อนที่อวัยวะภายในเรามันก็เคลื่อนที่ด้วย แต่ตอนที่ตัวเราหยุดแบบกระทันหัน อวัยวะภายในเรามันไม่สามรถจะทนและหยุดแบบกระทันหันแบบนั้นได้"
เฮ้อ........... ผมไม่ใช่นักแข่งรถ ผมไม่ได้หมายถึงในสนามแข่ง หมายถึงบนท้องถนน (ในที่นี้หมายถึงขับรถยนต์บนถนน)
แล้วก็ไม่ได้บอกว่า 80-90% ขับตายเพราะประมาท
"ผมบอกว่า 80-90% ของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ(เขียนไว้ชัดเจน)"
อุตส่าห์มีกระทู้ที่จั่วหัวว่าเป็นอุทาหรณ์ เลยพูดถึงแง่มุมที่ว่า ขนาดป้องกันเต็มที่ในสนามแข่งยังตายได้ เพราะการขับรถเป็นความเสี่ยงอย่างนึง
ยิ่งขับเร็วขับแข่ง ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงมากกว่าเยอะ หากเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิตก็ต้องทำใจรับไว้บ้าง เพราะทำเกี่ยวกับอะไรก็จะได้รับผลเกี่ยวกับสิ่งนั้น(ตามที่ยกตัวอย่างด้านบน)
ความหมายก็มีเท่าที่เขียนไปเท่านั้น ทำไมถึงไปเข้าใจอะไรที่ผมไม่ได้เขียน
แล้วส่วนประเด็นสำคัญน่ะ ผมคิดถึงจุดนี้ " ถึงป้องกันเต็มที่แล้ว(ทำรถ ทำสนาม ใส่ชุดนิรภัย) ก็ยังมีโอกาสตาย แล้วจะทำยังไงให้โอกาสตายน้อยลง มันคือขับให้ระวังมากขึ้น คิดถึงความปลอดภัยมากขึ้น(แต่อาจทำเวลาได้ลดลง)"
ถ้าทำได้ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง
ขอโทษครับผมอาจจะเข้าใจผิด ก็ท่านบอกว่า" กรณีนี้ " และจะะให้ผมเข้าใจว่าท่านหมายถึงการขับรถบนถนนทั่วไปได้อย่างไร ตัวอย่างที่ท่านยกมาที่บอกว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ มันก็กรณีในสนามแข่ง ..... แต่ถ้าท่านหมายถึงบนถนนทั่วไป ยอมรับว่าที่ท่านพูดมาถูกต้องที่สุดครับ และถ้าเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่เขาก็โทษคนขับกันอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเอามาพูด....
คือท่านจะสื่อถึงการขับบนท้องถนน แต่ท่านดันเอาเรื่องราวที่เขาไม่พูดถึงความผิดพลาดของคนขับในสนามแข่งมาเป็นตัวอย่าง ผมก็ งง ซิครับ