Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sukhontha ที่ พฤษภาคม 07, 2013, 09:19:52
-
เนื่องจากผมหลงlpg คันใหม่ที่ได้มา จึงได้นำรถไปดม lpgอีก โดยทางอู่ ให้ช่าง 1 คน ไม่ให้ลูกมือเนื่องจากงานล้น และรถผมเป็นรถคันแรกในรุ่นที่อู่ถอด ให้ผมเป็นผู้อนุมัติงานแต่ละช่วง และกำกับดูแลเอาเอง ....ใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน ก็ได้ผลออกมาตามภาพ อันนี้ผมจูน ออโต้ ค่าของน้ำมัน สีแด แก๊ส สีเขียว ค่าความแตกต่างในการฉีดรอบเดินเบาไร้โหลด น้ำมัน 3.0 ms แก๊ส 3.1 ms map เป็นดังภาพ ผมตัดสินใจไม่ปรับด้วยมือ..จบแค่นั้นก่อน
-น้ำมันเปรียบเทียบ ใช้ 95 เพียว ตราที่อยู่บนฟ้า กล่องผมเลือกที่พัฒนาร่วมกับเยอรมัน (ตัวพื้นฐานไม่มี obd).... หัวฉีด ผมเลือกแบบแบบเดี่ยวจ่ายแก๊สแบบลิเนียร์ พัฒนาจากโปแลนด์ ....หม้อต้ม เลือกยอดนิยมของอิตาลีหลังทอง 250 hp
ในเบื้องต้น เปรียบเทียบจากการใช้งานประมาณ 200 กม. ดีกว่าน้ำมันประมาณ 10% ทั้งอัตราเร่งและการตอบสนอง แบบต่าง ๆ
ขอคำแนะนำว่า ผมควรปรับละเอียดให้ ทับเส้นเลยหรือไม่ หรือให้หนากว่าเล็ก ๆ แบบนี้? ขอบคุณครับ
-
ปกติวิ่งแบบไหนครับ คลานๆ ในเมือง หรือวิ่งเร็ว
ถ้าวิ่งเร็วอยากให้ดูกราฟช่วงความเร็วเดินทางด้วย กราฟอาจหล่นลงบ้างเพื่อความชัวร์
ส่วนตัวผมจูนให้หนานิดๆ ครับ ไม่ทับพอดีเช่นกัน
-
ดีกว่าน้ำมัน 10% ไม่จริงมั้งครับ
ส่วนใหญ่มักจะด้อยกว่าน้ำมัน ถ้าจูนดีจริงๆ ก็เทียบเท่าน้ำมัน
แต่ถามว่าการจูนควรจะอยู่ในรูปแบบไหน
ของให้เน้นความทนทานของเครื่องเป็นหลัก
อย่าจูนบางไป(เน้นประหยัด) แต่เครื่องสึกหรอ
จูนนหนาไป (เน้นแรง) ก็กินน้ำมัน
เอาจูนกลางๆ กำลังไม่ตกมาก ไม่บางเกิน ไม่หนาเกินอ่ะครับ
ส่วนที่ว่าจะให้กราฟทับ100%ไหม ผมว่าไม่มีผลเท่าไหร่นะ เอาการใช้งานจริง สัก 1000 กิโลวัดดีกว่า ว่าเราต้องการแบบไหน
-
ดีกว่าน้ำมัน 10% ไม่จริงมั้งครับ
ส่วนใหญ่มักจะด้อยกว่าน้ำมัน ถ้าจูนดีจริงๆ ก็เทียบเท่าน้ำมัน
ก็ยังยืนยัน ว่าเป็นเช่นนั้น จะด้วยเหตุผลค่าอ๊อกเทนสูงกว่า? หรือ ระบบปรับแคมไอดี ไอเสีย มาช่วยก็อาจะเป็นได้ ...แต่...อยากให้ลองดูรถในยุโรป พวกเซ็ทเครื่องแรง ๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็ใช้เชื้อเพลิง lpg เป็นหลัก(ไม่ใช่ไนโตร..ซึ่งใช้เฉพาะในสนาม)ครับ
-
ดีกว่าน้ำมัน 10% ไม่จริงมั้งครับ
ส่วนใหญ่มักจะด้อยกว่าน้ำมัน ถ้าจูนดีจริงๆ ก็เทียบเท่าน้ำมัน
แต่ถามว่าการจูนควรจะอยู่ในรูปแบบไหน
ของให้เน้นความทนทานของเครื่องเป็นหลัก
อย่าจูนบางไป(เน้นประหยัด) แต่เครื่องสึกหรอ
จูนนหนาไป (เน้นแรง) ก็กินน้ำมัน
เอาจูนกลางๆ กำลังไม่ตกมาก ไม่บางเกิน ไม่หนาเกินอ่ะครับ
ส่วนที่ว่าจะให้กราฟทับ100%ไหม ผมว่าไม่มีผลเท่าไหร่นะ เอาการใช้งานจริง สัก 1000 กิโลวัดดีกว่า ว่าเราต้องการแบบไหน
โห จูนหนากินน้ำมันด้วย ผมเพิ่งรู้นะนี่
:o
-
ผมเน้นจูนหนากว่านิดหน่อยครับ
ไม่เอาทับเส้นครับ
กลัวเครื่องไปเร็ว
-
ใครว่าแก๊สวิ่งไม่ดี ท่านเคยติดกล่องปรับไฟยังครับ TAP จุดระเบิดดี เผาไหม้สมบูรณ์ประหยัด แต่ด้วยธรรมชาติของรถแก๊สบ้านเราอย่าลากรอบสูงเด่วจะพังไว วาวล์ เอย บอดี้เอย จะพังเอา รอเทคโนโลยีจากฝรั่งที่ฉีดน้ำแก๊ส จ๊าบๆมาก่อนฮะผมว่ามีลุ้นสนุกแน่ ;D
-
เครื่องยนต์เป็น กลจักร แบบ สันดาปภายในห้องเผาไหม้ เป็นพื้นที่ปิด บริเวณรอบๆ ห้องเผาไหม้ มีน้ำหล่อเย็นไหลเวียนเพื่อ ระบายความร้อนไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไป
ดังนั้น ถ้าตาม ลักษณะการทำงานของการเผาไหม้ใน พื้นที่ปิด เครื่องยนต์ ไม่ว่า จะใช้เชื้อเพลิงอะไร อุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ห้องเครื่องยนต์ ต้องคงลักษณะ อุณหภูมิเท่าเดิม กับ ตอนที่เป็น น้ำมัน ถ้าเป็นอย่างนี้ แสดงว่า เชื้อเพลิง เผาไหม้ สมบูรณ์ ให้พลังงาน ความร้อน มา ผลักดัน ลูกสูบ เพื่อให้เกิด แรงหมุน เท่ากับ ตอนที่เป็นน้ำมัน
หากรถติดตั้งแก๊ส แล้ว คุณมั่นใจ ว่า ห้องเครื่องยนต์ของรถคุณ ตอนเป็นแก๊ส ยังคง อุณหภูมิเดียว กับตอนที่เป็น น้ำมัน เอาง่ายๆ ขับทางไกล มา ด้วยแก๊ส จอด แล้ว ใช้ มือ วางบนฝากระโปรง หรือ แก้มข้างรถ หากคุณสัมผัสได้ว่า มันไม่ได้ร้อนไปกว่า ตอนที่ใช้นำมัน เลย และ รถวิ่ง ดี ด้วย แบบนี้ คุณมั่นใจได้เลย ว่า ระบบแก๊ส ของคุณ ทำงานดีเยี่ยม แน่นอน ครับ
แต่ หาก ว่า มีอาการ แบบว่า ร้อนกว่า แบบ รู้สึกได้ แบบนั้นให้คุณ รู้ไว้ ได้เลย เชื้อเพลิงของคุณ ยังไม่เพียงพอ ยังมีบางสูบ ยังจ่าย ไม่พอ
และในรางหัวฉีด รางหนึ่ง หัวฉีด แต่ละหัว คุณมั่นใจ ได้หรือไม่ ว่า ทุกหัวจ่ายแก๊สได้เท่ากัน หรือ วัสดุ ราง หม้อต้ม ต้องดีไซส์เฉพาะ เพื่อ สร้างระบบการจ่ายแก๊ส ที่ดี เพื่อจ่ายเชื้อเพลิงให้แต่ ละหัวฉีด จ่ายแก๊สได้เท่าๆ กัน ด้วยครับ
ส่วน รถติดตั้งแก๊ส บางคัน วิ่งดี กว่าตอนที่เป็น น้ำมันเป็นไปได้ครับ เพราะ รถยนต์สมัยใหม่ การจูนเชื้อเพลิงจากโรงงาน เน้นจูนน้ำมัน บาง เพื่อเน้นความประหยัด แต่ พอติดตั้งแก๊ส แล้วจูน หนากว่า ย่อม วิ่งดีกว่าน้ำมัน แบบสัมผัสได้ครับ
แต่ รถยนต์ สมัยใหม่ กล่องรถยนต์ค่อนข้าง ฉลาด หากเชื้อเพลิงหนาไปแบบมากๆ กล่องพยามปรับตัว ลดการจ่ายลง ทำให้เกิดอาการแบบ พอจูนใหม่ๆ ให้หนาๆ แรกๆ วิ่งดี แต่ พอใช้งาน ไป วันสองวัน รถเริ่มวิ่งอืด ลง จากเดิม อาการ แบบนี้ แสดงให้เห็นว่า กล่องรถยนต์ เกิดการ ปรับตัวลดการจ่ายลง ทำให้จาก วิ่งดีแรกๆ หลังๆ กลับอืดลง
ดังนั้น การจูนแก๊ส ต้องพยาม จูนให้พอดี กับน้ำมันเดิม ให้มากที่สุด จะหนามากไป ก็มีปัญหาอีก บางไป เครื่องยนต์ร้อน
แต่ ถ้า หนาเกินไป เครื่องยนต์ เย็นแน่นอน แต่ กินเชื้อเพลิงมาก ตามไปอีก และ อาจไม่วิ่งดี ตามเชื้อเพลิงที่หนา ก็ได้ครับ
-
ดีกว่าน้ำมัน 10% ไม่จริงมั้งครับ
ส่วนใหญ่มักจะด้อยกว่าน้ำมัน ถ้าจูนดีจริงๆ ก็เทียบเท่าน้ำมัน
แต่ถามว่าการจูนควรจะอยู่ในรูปแบบไหน
ของให้เน้นความทนทานของเครื่องเป็นหลัก
อย่าจูนบางไป(เน้นประหยัด) แต่เครื่องสึกหรอ
จูนนหนาไป (เน้นแรง) ก็กินน้ำมัน
เอาจูนกลางๆ กำลังไม่ตกมาก ไม่บางเกิน ไม่หนาเกินอ่ะครับ
ส่วนที่ว่าจะให้กราฟทับ100%ไหม ผมว่าไม่มีผลเท่าไหร่นะ เอาการใช้งานจริง สัก 1000 กิโลวัดดีกว่า ว่าเราต้องการแบบไหน
โห จูนหนากินน้ำมันด้วย ผมเพิ่งรู้นะนี่
แหม ไม่ต้องจับผิดเอาโล่ก็ได้ครับ กินแก๊สครับ แค่เขียนผิดไป
ส่วนเรื่องการปรับจูน ก็คงแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนละกันครับ
ว่ารถแรงไม่แรงขึ้น คงจะวัดไม่ได้แบบเต็มร้อย
เพราะใช้แก๊ส ยังไงมันก็ขึ้นชื่อว่าเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ถ้ามันลดค่าใช้จ่าย(ประหยัด) แถมแรงด้วย แล้วรถไม่สึกหรอเหมือนน้ำมัน รถสมัยนี้ก็คงจะต้องใช้แก๊สกันหมด
ผมยังยืนยันคำเดิมว่า ยังไงก็ไม่เท่าน้ำมันครับ
:o
-
น่าลองขึ้นไดโนเทสนะครับ เพราะผมก็มีความรู้สึกวิ่งแก๊สดีกว่าน้ำมันแต่ผมจูนหนานิดๆ
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ แต่จะให้ขึ้นทดสอบ สงสารรถครับ เพราะเขาหาทั้งม้าและ แรงบิด ถึงแม้จะเป็นแค่ความรู้สึก ก็ช่างเถอะ
แต่ รถยนต์ สมัยใหม่ กล่องรถยนต์ค่อนข้าง ฉลาด หากเชื้อเพลิงหนาไปแบบมากๆ กล่องพยามปรับตัว ลดการจ่ายลง ทำให้เกิดอาการแบบ พอจูนใหม่ๆ ให้หนาๆ แรกๆ วิ่งดี แต่ พอใช้งาน ไป วันสองวัน รถเริ่มวิ่งอืด ลง จากเดิม อาการ แบบนี้ แสดงให้เห็นว่า กล่องรถยนต์ เกิดการ ปรับตัวลดการจ่ายลง ทำให้จาก วิ่งดีแรกๆ หลังๆ กลับอืดลง
ผมจึงไม่เลือก ที่ปรับตามคำสั่งกล่องเครื่อง แต่เลือกกล่องแก๊สที่แค่คัดลอกคำสั่งเครื่องโชว์ให้เห็นว่ากล่องสั่งอย่างไร แล้ว ปรับจูนเองเพิ่มเติม..ครับ