Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: JONNY ที่ พฤษภาคม 08, 2013, 09:49:43
-
คือมองจะเลือกซื้อรถใหม่หรือรถเก่าแบบไหนเป็นอันดับแรกเพราะอะไร
-
เพื่อนสนิทของผมเอง มีวิธีซื้อรถแบบหนึ่งครับ
โดยเลือกที่จะซื้อรถมือสองอายุไม่เกิน 1 ปี แล้วใช้ไม่เกิน 2 ปีก็ขายแล้วซื้อเหมือนเดิมครับ
เค้าให้เหตุผลว่า
1.ได้รถที่ใหม่ วิ่งไม่มาก
2. ส่วนต่างของราคาเมื่อเทียบกับรถใหม่ คุ้ม
3. ตอนขายออกรถอายุ 3 ปีขายไม่ยากนัก
4.ไม่ถึงเวลาที่ต้องซ่อมบำรุงมาก เรียกว่าใช้อย่างเดียว
5.ได้ใช้รถหลายคัน
แต่ที่สำคัญเค้าบอกว่าจะหาแบบที่ยังติดไฟแนนท์อยู่แล้วเปลี่ยนสัญญามาผ่อนต่อ เพราะหากคนขายซื้อสด เราต้องเอาเข้าไฟแนนท์ จะเสียดอกเบี้ยแพงและต้องเสีย vat ซ้ำอีกครั้ง
ส่วนตอนขาย ยังไง 3 ปีก็ยังผ่อนไม่หมด ก็จะได้ขายให้คนซื้อไปผ่อนต่อ ช่วยไปได้หลายตังค์เลยครับ
-
เพื่อนสนิทของผมเอง มีวิธีซื้อรถแบบหนึ่งครับ
โดยเลือกที่จะซื้อรถมือสองอายุไม่เกิน 1 ปี แล้วใช้ไม่เกิน 2 ปีก็ขายแล้วซื้อเหมือนเดิมครับ
เค้าให้เหตุผลว่า
1.ได้รถที่ใหม่ วิ่งไม่มาก
2. ส่วนต่างของราคาเมื่อเทียบกับรถใหม่ คุ้ม
3. ตอนขายออกรถอายุ 3 ปีขายไม่ยากนัก
4.ไม่ถึงเวลาที่ต้องซ่อมบำรุงมาก เรียกว่าใช้อย่างเดียว
5.ได้ใช้รถหลายคัน
แต่ที่สำคัญเค้าบอกว่าจะหาแบบที่ยังติดไฟแนนท์อยู่แล้วเปลี่ยนสัญญามาผ่อนต่อ เพราะหากคนขายซื้อสด เราต้องเอาเข้าไฟแนนท์ จะเสียดอกเบี้ยแพงและต้องเสีย vat ซ้ำอีกครั้ง
ส่วนตอนขาย ยังไง 3 ปีก็ยังผ่อนไม่หมด ก็จะได้ขายให้คนซื้อไปผ่อนต่อ ช่วยไปได้หลายตังค์เลยครับ
หากใช้แบบนี้น่าจะเป็นคนที่ใช้รถเยอะถึงจะคุ้ม แต่หากใช้เยอะ ไมล์ก็จะเยอะ ราคาขายก็น่าจะลงมาอีกพอสมควร(จากราคคาตลาด ณ ขณะนั้น ) ผมคิดเองแล้วหาจุดคุ้มทุนลำบากจริงๆครับ
-
เพื่อนสนิทของผมเอง มีวิธีซื้อรถแบบหนึ่งครับ
โดยเลือกที่จะซื้อรถมือสองอายุไม่เกิน 1 ปี แล้วใช้ไม่เกิน 2 ปีก็ขายแล้วซื้อเหมือนเดิมครับ
เค้าให้เหตุผลว่า
1.ได้รถที่ใหม่ วิ่งไม่มาก
2. ส่วนต่างของราคาเมื่อเทียบกับรถใหม่ คุ้ม
3. ตอนขายออกรถอายุ 3 ปีขายไม่ยากนัก
4.ไม่ถึงเวลาที่ต้องซ่อมบำรุงมาก เรียกว่าใช้อย่างเดียว
5.ได้ใช้รถหลายคัน
แต่ที่สำคัญเค้าบอกว่าจะหาแบบที่ยังติดไฟแนนท์อยู่แล้วเปลี่ยนสัญญามาผ่อนต่อ เพราะหากคนขายซื้อสด เราต้องเอาเข้าไฟแนนท์ จะเสียดอกเบี้ยแพงและต้องเสีย vat ซ้ำอีกครั้ง
ส่วนตอนขาย ยังไง 3 ปีก็ยังผ่อนไม่หมด ก็จะได้ขายให้คนซื้อไปผ่อนต่อ ช่วยไปได้หลายตังค์เลยครับ
คิดแบบนี้เช่าขับดีกว่าไหมครับผมว่า เหอะๆๆ
-
การเปลี่ยนรถบ่อย แค่คิดก็ขาดทุนอยู่แล้วครับ แต่มีคนประเภทนี้อยู่พอสมควร ซึ่งเพื่อนผมเป็นกรณีตัวอย่างที่ใกล้ตัว โดยประเด็นที่ชี้ให้เห็นคือ การใด้ใช้รถหลายคันและค่อนข้างจะเป็นรุ่นปัจจุบันอยู่ตลอด ผลของการเลือกมือสองอายุน้อยคือการขาดทุนน้อยกว่าการซื้อรถใหม่แล้วเปลี่ยนบ่อยแน่นอน
วิธีแบบนี้บอกตรงๆผมเองไม่ไหวเหมือนกันครับ เอาเงินไปทิ้งเป็นแสนๆในเวลา 2 ปี
-
ส่วนใหญ่ผมชอบที่จะซื้อรถมือหนึ่งครับ
หากจะซื้อมือสองคือ
1. รถที่อยากได้มาก แต่เงินไม่พอ เลยซื้อมือสองแทน
2. เงินพอที่จะซื้อรถราคาสูงมือหนึ่ง แต่ดูแล้วมือสองราคาดีมาก เลยเอามือสองดีกว่า เซฟเงินไปได้เยอะ
-
ผมว่ารถยุโรปเก่ามือสองน่าใช้กว่ารถใหม่ญี่ปุ่นครับ >>> ถ้าตอนเลือกดูรถเป็น ผมพาเพื่อนช่างไปดูด้วย, ถ้าตอนซ่อม รู้ที่ซ่อม ซ่อมจบ, นอกจากนั้นก็ต้องศึกษาข้อมูลด้วยว่ารถรุ่นนั้นจุกจิกเรื่องอะไร มากมั้ย ซึ่งไม่ยากนัก เพราะรถเก่ามีคนลองยามาเยอะแล้ว รถแต่ละรุ่นก็จะมีปัญหาหลักๆของมันอยู่ เหมือนเป็นนิสัยของรถก็ว่าได้
ผมว่าที่สำคัญสุดของการเล่นรถมือสอง โดยเฉพาะรถยุโรปก็คือ มีเพื่อนช่าง ละก็รู้ที่ซ่อม จริงๆตัวผมเองแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถเลยด้วยซ้ำก็ยังใช้ได้ ถ้ารถมีอาการผิดปกติอะไรต้งรู้ตัวให้ไวครับ
สาเหตุที่เลือกเป็นรถยุโรปเพราะว่าราคามันตกเวอร์มากๆอะครับ ค่ายนึงที่ตกเยอะๆเลยก็คือวอลโว่ อย่างที่ล่าสุดประมาณสองปีที่แล้วผมจัด S60 โฉมที่แล้ว มาในราคา 600k ซึ่งในเงินจำนวนนี้ไม่สามารถที่จะซื้อวีออสรุ่นท๊อปได้ด้วยซ้ำไป เจ้าของเก่าใช้มา 10 ปี วิ่งไปแสนโล ผมใช้ 2 ปี ปาไปจะแสนโลแล้ว เรื่องซ่อม ตั้งแต่ซื้อมาใช้โดนไปประมาณ 100k แต่ไม่จุกจิกซ่อมทุกเดือนแบบนั้นไม่ใช่ครับ คือซ่อมตามความเสื่อมและก็ใช้ยาวๆ สรุปได้ใช้มากกว่าซ่อมครับ
ข้อเสียของรถยุโรปมือสองที่มี เทียบรถกระป๋องรุ่นใหม่ๆก็คือ เรื่องน้ำมันครับ พูดง่ายๆคือคุณไม่มีทางได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน กล่าวคือ รถกระป๋องได้ประหยัดน้ำมัน ค่าซ่อมที่ถูกกว่า(จะให้รถคัน 3 ล้านอะไหล่ถูกเท่ารถคัน 6 แสน ก็คงไม่ใช่) แต่ความปลอดภัยมันคนละเรื่องกับรถยุโรป เทียบกันไม่ได้เลย ส่วนเรื่องขาดทุนเทียยกันแล้ว เผลอๆยุโรปมือสองที่ขาดทุนมาเยอะแล้ว ก็ถือว่าไม่เจ็บตัวครับ อย่าง S60 ของผม ถ้าปล่อยตอนนี้ก็ประมาณ 400k ต้องมี ขาดทุนไปสองแสนบาท สองปีกับแสนกิโล สมมติซื้อกระป๋องป้ายแดงมาใช้สองปีแสนโล ราคาก็ต้องมีลงไปแสนสองแสนบ้างแหละ ไม่ต่างกัน
ถ้าจะเลือกยุโรปมือสอง ส่วนตัวผมว่าอีกอย่างที่น่ามองก็คือ ควรจะเลือกตัวที่จะสามารถนำไปทำประกันชั้น 1 ได้ดวย และก็เลือกเจ้าดีๆต่อกันไปยาวๆเลยจะเวิร์คมากๆครับ
แต่ถ้าจุดประสงค์คือเทียบยุโรปเก่ากับยุโรปป้ายแดง ก็ตอบแบบง่ายๆเลยคือ มีเงินเหลือ ก็จัดป้ายแดงไปเลยครับ เรื่องราคาขายต่อเจ็บตัวอยู่แล้วไม่ต้องสืบ
-
ถ้าจะเล่นมือสอง แล้วรถไม่ถึงปี นี้ผมยิ่งกลัวและสงสัยว่า เจ้าของขายทำไมรถไม่ถึงปี โดนอะไรมา ของแถมเต็มคันเลยไหม
ผมเพิ่มเงินเอาความสบายใจส่วนหนึ่งด้วยครับเอามือ 1 ไม่เกินตัว พอละครับ :)
-
ถ้าจะเล่นมือสอง แล้วรถไม่ถึงปี นี้ผมยิ่งกลัวและสงสัยว่า เจ้าของขายทำไมรถไม่ถึงปี โดนอะไรมา ของแถมเต็มคันเลยไหม
ผมเพิ่มเงินเอาความสบายใจส่วนหนึ่งด้วยครับเอามือ 1 ไม่เกินตัว พอละครับ :)
1.ผ่อนไม่ไหว นาทีนี้มีจำพวกนี้เยอะมากตามนโยบายเจํปู
2.ตกรุ่นเปลี่ยนรุ่นใหม่ ก็มีไม่น้อย เหมือนมือถือตกรุ่นใช้แล้วคันมือ
3.เมียท้อง รถที่ซืัอไม่เหมาะกับกสรใช้งาย
4.ไปเรียนต่อ เอาแบบไปจริงๆไม่ใช่ลงตามหนังสือ ที่ลงอยู่นั่นเจ้าของไปต่อนอก
ปีหน้าขายอีกก็จะไปต่อนอกอีก สงสัยกะทำโท5ใบ
-
ผมว่ารถยุโรปเก่ามือสองน่าใช้กว่ารถใหม่ญี่ปุ่นครับ >>> ถ้าตอนเลือกดูรถเป็น ผมพาเพื่อนช่างไปดูด้วย, ถ้าตอนซ่อม รู้ที่ซ่อม ซ่อมจบ, นอกจากนั้นก็ต้องศึกษาข้อมูลด้วยว่ารถรุ่นนั้นจุกจิกเรื่องอะไร มากมั้ย ซึ่งไม่ยากนัก เพราะรถเก่ามีคนลองยามาเยอะแล้ว รถแต่ละรุ่นก็จะมีปัญหาหลักๆของมันอยู่ เหมือนเป็นนิสัยของรถก็ว่าได้
ผมว่าที่สำคัญสุดของการเล่นรถมือสอง โดยเฉพาะรถยุโรปก็คือ มีเพื่อนช่าง ละก็รู้ที่ซ่อม จริงๆตัวผมเองแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถเลยด้วยซ้ำก็ยังใช้ได้ ถ้ารถมีอาการผิดปกติอะไรต้งรู้ตัวให้ไวครับ
สาเหตุที่เลือกเป็นรถยุโรปเพราะว่าราคามันตกเวอร์มากๆอะครับ ค่ายนึงที่ตกเยอะๆเลยก็คือวอลโว่ อย่างที่ล่าสุดประมาณสองปีที่แล้วผมจัด S60 โฉมที่แล้ว มาในราคา 600k ซึ่งในเงินจำนวนนี้ไม่สามารถที่จะซื้อวีออสรุ่นท๊อปได้ด้วยซ้ำไป เจ้าของเก่าใช้มา 10 ปี วิ่งไปแสนโล ผมใช้ 2 ปี ปาไปจะแสนโลแล้ว เรื่องซ่อม ตั้งแต่ซื้อมาใช้โดนไปประมาณ 100k แต่ไม่จุกจิกซ่อมทุกเดือนแบบนั้นไม่ใช่ครับ คือซ่อมตามความเสื่อมและก็ใช้ยาวๆ สรุปได้ใช้มากกว่าซ่อมครับ
ข้อเสียของรถยุโรปมือสองที่มี เทียบรถกระป๋องรุ่นใหม่ๆก็คือ เรื่องน้ำมันครับ พูดง่ายๆคือคุณไม่มีทางได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน กล่าวคือ รถกระป๋องได้ประหยัดน้ำมัน ค่าซ่อมที่ถูกกว่า(จะให้รถคัน 3 ล้านอะไหล่ถูกเท่ารถคัน 6 แสน ก็คงไม่ใช่) แต่ความปลอดภัยมันคนละเรื่องกับรถยุโรป เทียบกันไม่ได้เลย ส่วนเรื่องขาดทุนเทียยกันแล้ว เผลอๆยุโรปมือสองที่ขาดทุนมาเยอะแล้ว ก็ถือว่าไม่เจ็บตัวครับ อย่าง S60 ของผม ถ้าปล่อยตอนนี้ก็ประมาณ 400k ต้องมี ขาดทุนไปสองแสนบาท สองปีกับแสนกิโล สมมติซื้อกระป๋องป้ายแดงมาใช้สองปีแสนโล ราคาก็ต้องมีลงไปแสนสองแสนบ้างแหละ ไม่ต่างกัน
ถ้าจะเลือกยุโรปมือสอง ส่วนตัวผมว่าอีกอย่างที่น่ามองก็คือ ควรจะเลือกตัวที่จะสามารถนำไปทำประกันชั้น 1 ได้ดวย และก็เลือกเจ้าดีๆต่อกันไปยาวๆเลยจะเวิร์คมากๆครับ
แต่ถ้าจุดประสงค์คือเทียบยุโรปเก่ากับยุโรปป้ายแดง ก็ตอบแบบง่ายๆเลยคือ มีเงินเหลือ ก็จัดป้ายแดงไปเลยครับ เรื่องราคาขายต่อเจ็บตัวอยู่แล้วไม่ต้องสืบ
รถกระป๋อง นี่หมายถึง รถอะไร ยี่ห้อไหน ครับ
-
ผมว่ารถยุโรปเก่ามือสองน่าใช้กว่ารถใหม่ญี่ปุ่นครับ >>> ถ้าตอนเลือกดูรถเป็น ผมพาเพื่อนช่างไปดูด้วย, ถ้าตอนซ่อม รู้ที่ซ่อม ซ่อมจบ, นอกจากนั้นก็ต้องศึกษาข้อมูลด้วยว่ารถรุ่นนั้นจุกจิกเรื่องอะไร มากมั้ย ซึ่งไม่ยากนัก เพราะรถเก่ามีคนลองยามาเยอะแล้ว รถแต่ละรุ่นก็จะมีปัญหาหลักๆของมันอยู่ เหมือนเป็นนิสัยของรถก็ว่าได้
ผมว่าที่สำคัญสุดของการเล่นรถมือสอง โดยเฉพาะรถยุโรปก็คือ มีเพื่อนช่าง ละก็รู้ที่ซ่อม จริงๆตัวผมเองแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถเลยด้วยซ้ำก็ยังใช้ได้ ถ้ารถมีอาการผิดปกติอะไรต้งรู้ตัวให้ไวครับ
สาเหตุที่เลือกเป็นรถยุโรปเพราะว่าราคามันตกเวอร์มากๆอะครับ ค่ายนึงที่ตกเยอะๆเลยก็คือวอลโว่ อย่างที่ล่าสุดประมาณสองปีที่แล้วผมจัด S60 โฉมที่แล้ว มาในราคา 600k ซึ่งในเงินจำนวนนี้ไม่สามารถที่จะซื้อวีออสรุ่นท๊อปได้ด้วยซ้ำไป เจ้าของเก่าใช้มา 10 ปี วิ่งไปแสนโล ผมใช้ 2 ปี ปาไปจะแสนโลแล้ว เรื่องซ่อม ตั้งแต่ซื้อมาใช้โดนไปประมาณ 100k แต่ไม่จุกจิกซ่อมทุกเดือนแบบนั้นไม่ใช่ครับ คือซ่อมตามความเสื่อมและก็ใช้ยาวๆ สรุปได้ใช้มากกว่าซ่อมครับ
ข้อเสียของรถยุโรปมือสองที่มี เทียบรถกระป๋องรุ่นใหม่ๆก็คือ เรื่องน้ำมันครับ พูดง่ายๆคือคุณไม่มีทางได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน กล่าวคือ รถกระป๋องได้ประหยัดน้ำมัน ค่าซ่อมที่ถูกกว่า(จะให้รถคัน 3 ล้านอะไหล่ถูกเท่ารถคัน 6 แสน ก็คงไม่ใช่) แต่ความปลอดภัยมันคนละเรื่องกับรถยุโรป เทียบกันไม่ได้เลย ส่วนเรื่องขาดทุนเทียยกันแล้ว เผลอๆยุโรปมือสองที่ขาดทุนมาเยอะแล้ว ก็ถือว่าไม่เจ็บตัวครับ อย่าง S60 ของผม ถ้าปล่อยตอนนี้ก็ประมาณ 400k ต้องมี ขาดทุนไปสองแสนบาท สองปีกับแสนกิโล สมมติซื้อกระป๋องป้ายแดงมาใช้สองปีแสนโล ราคาก็ต้องมีลงไปแสนสองแสนบ้างแหละ ไม่ต่างกัน
ถ้าจะเลือกยุโรปมือสอง ส่วนตัวผมว่าอีกอย่างที่น่ามองก็คือ ควรจะเลือกตัวที่จะสามารถนำไปทำประกันชั้น 1 ได้ดวย และก็เลือกเจ้าดีๆต่อกันไปยาวๆเลยจะเวิร์คมากๆครับ
แต่ถ้าจุดประสงค์คือเทียบยุโรปเก่ากับยุโรปป้ายแดง ก็ตอบแบบง่ายๆเลยคือ มีเงินเหลือ ก็จัดป้ายแดงไปเลยครับ เรื่องราคาขายต่อเจ็บตัวอยู่แล้วไม่ต้องสืบ
รถกระป๋อง นี่หมายถึง รถอะไร ยี่ห้อไหน ครับ
ผมว่าเค้าหมายถึงรถญี่ปุ่น ทั่วๆไป ครับ
-
ผมซื้อมือ 1 ครับ ใช้ไม่เกิน 5 ปีแล้วขายซื้อใหม่ ถ้าถามในแง่ต้นทุนนี่ ขาดทุนแน่ๆแหละครับ แต่รับได้เพราะ
1. ผมค่อนข้างเบื่อง่ายครับ และกิเลศนำชีวิต 555+
2. ผมไม่ชอบการที่ต้องมานั่งดูแล กระจุกกระจิก หรือเข้าอู่ที่ไว้ใจได้แล้วซ่อมนั่น ซ่อมนี่ เสียเวลา เอาเวลาที่ไปนั่งรอรถเอาไปทำงานหาเงินดีกว่า
3. ผมรู้สึกว่าตำแหน่งคนขับมันเป็นที่ส่วนตัว เหมือนนั่งชักโครกที่บ้านแล้วสะบายใจ ผ่อนคลาย ผมเลยไม่ชอบที่จะไปนั่งใช้ชีวิตหลายๆปีในที่ตรงนั้นต่อจากคนอื่น
-
ถ้าชอบความคุ้มค่าก็ต้องมือสองแหละครับแต่ของแบบนี้ตาดีได้ตาร้ายเสีย เหตุผลที่ทำให้กลายมาเป็นมือสองก็มีมากมายหลายกรณีถ้าแบบสภาพไม่ดีก็ชนหนัก จมน้ำ รถมีปัญหาซ่อมไม่จบ ติดแก๊สไม่ดี ชนคนตาย ผีสิง สวมทะเบียน ขนยา ส่วนแบบสภาพดีก็อย่างอยากเปลี่ยนคันใหม่ ไม่มีปัญญาผ่อน บ.ให้รถประจำตำแหน่ง ผัวเมียเลิกกันขายแบ่งสมบัติ ร้อนเงิน มีรถหลายคันจัดไม่มีที่จอด ขายเอาเงินไปลงทุน ไปเรียนต่อ จอดไว้ไม่ค่อยได้ใช้งาน
สำหรับผมซื้อดาวน์มาผ่อนต่อกับรถอายุไม่เกิน 3 ปี คุ้มที่สุดแล้ว
-
ผมชอบรถใหม่มากกว่าครับ
ไม่อยากมาวุ่นวายกะรถที่เราไม่รู้ประวัติ
ถ้ารถมือ 2 ที่รู้ประวัติ และถูกมากๆๆๆๆ
ผมถึงจะซื้อใช้ครับ
-
ผมชอบรถใหม่มากกว่าครับ
ไม่อยากมาวุ่นวายกะรถที่เราไม่รู้ประวัติ
ถ้ารถมือ 2 ที่รู้ประวัติ และถูกมากๆๆๆๆ
ผมถึงจะซื้อใช้ครับ
เห็นด้วยครัล มือ1เท่านั้น
ถ้ามือ 2 รู้ประวัติ คนรู้จัก อันนี้จะเก็บไว้พิจารณา อย่างมาก
-
ผมมีเหตุผลในการเลือกซื้อของผมนะครับ
มือหนึ่ง
- เลือกนำมาใช้งานครับ รถตลาดที่นิยมครับ ศูนย์บริการเยอะ เซอร์วิสรวดเร็ว
- เลือกรถที่ตนเองชอบ อยากได้มาครอบครอง ไม่ต้องสนว่าใครจะใช้รถอะไร โดยที่มีรถตลาดใช้งานอยู่แล้ว
มือสอง
- ก็เหมือนมือหนึ่งข้อสองครับ ไม่เลือกว่าต้องยังเป็นรถรุ่นปีใหม่ๆ เลือกรถที่ตนเองชอบ เก่าแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องสนว่าใครจะใช้รถอะไร ไม่ต้องสนคำครหาของคนอื่นที่ไม่เคยแม้จะสัมผัส แต่บอกว่าจุกจิกนู่น จุกจิกนั่น จุกจิกนี่ เผอิญว่าผมจุกจิกเกินรถซะด้วยซิครับ และชอบคลุกคลีอยู่กับอู่ด้วย ได้ความรู้ติดตัวเยอะครับ แต่ทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็ต้องมีรถตลาดใช้งานอยู่หนึ่งคันครับ เพราะรถเก่า หรือรถที่มีจำนวนน้อย บางครั้งก็ต้องอาศัยระยะเวลาในการบำรุงรักษานานกว่าครับ
แต่สุดท้าย ยังไงสำหรับการใช้งานทั่วไป รถใหม่ก็คุ้มค่าที่สุดครับ มีความสดใหม่ที่พร้อมใช้งาน ทั้งการรับประกันที่มากกว่า และเราเป็นคนเริ่มต้นสร้างประวัติของรถครับ