Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ball99 ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 16:48:18
-
หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ
-
หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ
ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า
เอาข่าวมาจากไหนครับ
หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ
-
หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ
ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า
เอาข่าวมาจากไหนครับ
หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ
ข่าวนี้ไงคับ
ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย
1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%
2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%
4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%
6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%
7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559
-
หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ
ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า
เอาข่าวมาจากไหนครับ
หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ
ข่าวนี้ไงคับ
ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย
1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%
2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%
4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%
6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%
7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559
ข่าวนี้ นานแล้วนี่ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆปลายปีที่แล้ว
และก็เคยคุยกันในเวบนี้ไปรอบนึงแล้วมั้งครับ สรุปคร่าวๆว่าเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่
มีเพิ่มเติมคืออี85 ที่ราคาลดลง แต่ในส่วนอืน เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
-
หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ
ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า
เอาข่าวมาจากไหนครับ
หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ
ข่าวนี้ไงคับ
ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย
1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%
2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%
4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%
6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%
7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559
ข่าวนี้ นานแล้วนี่ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆปลายปีที่แล้ว
และก็เคยคุยกันในเวบนี้ไปรอบนึงแล้วมั้งครับ สรุปคร่าวๆว่าเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่
มีเพิ่มเติมคืออี85 ที่ราคาลดลง แต่ในส่วนอืน เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ดูรายละเอียดภาษีใหม่แล้ว ผมคิดว่า ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ที่มีเกิน 220 แรงม้า จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก ดูเหมือนจะยกเลิกไปแล้วนะครับ
-
หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ
ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า
เอาข่าวมาจากไหนครับ
หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ
ข่าวนี้ไงคับ
ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย
1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%
2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%
4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%
6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%
7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559
ข่าวนี้ นานแล้วนี่ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆปลายปีที่แล้ว
และก็เคยคุยกันในเวบนี้ไปรอบนึงแล้วมั้งครับ สรุปคร่าวๆว่าเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่
มีเพิ่มเติมคืออี85 ที่ราคาลดลง แต่ในส่วนอืน เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ดูรายละเอียดภาษีใหม่แล้ว ผมคิดว่า ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ที่มีเกิน 220 แรงม้า จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก ดูเหมือนจะยกเลิกไปแล้วนะครับ
ถูกต้องครับ ไม่มีแรงม้ามาเกี่ยวแล้ว ซึ่งแต่ก่อนถ้าเกินกว่า 220 แรงม้า ไม่ว่าจะกี่ cc. ก็ตาม โดยสรรพสามิต 50 % หมด
-
Ok ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลครับ
-
ยังงี้รถยุโรปเครื่องเล็ก ติดหอย มลพิษต่ำๆ ก็หวานสิครับ : )
-
ถ้าเป็นแบบนี้ภาพรวมก็คงไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่มั้งครับ
-
ผมคิดว่าราคารถเท่าเดิมแต่ แรงม้า 220+ คงเห็นเยอะขึ้น
-
รถรุ่นปกติราคาขึ้นสิครับ เพราะไม่ได้ส่วนลด E20 แล้ว
ส่วนรถแรง เครื่องไม่เกิน 3,000 cc ก็ไม่ต้อง lock ความเร็ว
ภาษีก็ลดลงอีก
น่าจะได้เห็นรถยนต์เครื่องแรง ไม่เกิน 3000 เยอะขึ้นครับ
-
ได้ยินมาว่า รถไฮบริดเกิน 2000 cc ภาษีเพิ่มเท่าตัว แสดงว่าไม่ให้การสนับสนุนรถ hybrid เลย ออกจะดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
-
ได้ยินมาว่า รถไฮบริดเกิน 2000 cc ภาษีเพิ่มเท่าตัว แสดงว่าไม่ให้การสนับสนุนรถ hybrid เลย ออกจะดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ข่าวจากไหนครับ ในนี้ก็ระบุแล้วนี่นาในข้อ3
3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%
อันนี้กล่าวถึง3พันซีซีเลยครับ ไม่ทราบว่าอันเก่า(ก่อนหน้านี้)มันเท่าไหร่ครับ
-
ยังงี้รถยุโรปเครื่องเล็ก ติดหอย มลพิษต่ำๆ ก็หวานสิครับ : )
+1