Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: taweek ที่ มิถุนายน 07, 2013, 11:26:55
-
เบนซิน 2.5 skyactiv 188 แรงม้า @6,000 แรงบิด 250 n/m @ 4,000 ขับ 2 // ราคาจริง 1.45M
ดีเซล 2.2 skyactiv 173 แรงม้า @4,500 แรงบิด 420 n/m @ 2,000 ขับ 4 // ราคาจริง 1.7M
ขอตัดเหตุผมเรื่องประหยัดน้ำมันของ D2.2 ออกไปนะครับ เพราะผมว่ามันจะไม่ต่างกันมาก เมื่อเทียบกับส่วนต่างของราคาตัวรถ ขณะใช้งาน 5 ปี
ส่วนตัวผมชอบความเงียบของเครื่องเบนซินเวลาจอดสตาร์ททิ้งไว้หน้าบ้าน เสียงไม่รบกวนเพื่อนบ้านมาก แต่ก็อยากได้แรงบิดของดีเซล + AWD
---// จองคิวรับรถไว้แล้ว แต่ยังสามารถเลือกรุ่นได้ ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจ อยู่ๆก็มี 2.5 ออกมา แถมดูราคาจะถูกกว่ามากด้วย \\---
สรุป เลือกตัว เบนซิน 2.5 ราคา 1,450,000 บาท option เดียวกันต่างที่ ดีเซลกับขับ awd เท่านั้น
ราคาในต่างประเทศ
CX-5 // CRV-G4
2.5 LAWD // 2.4LAWD
250 Nm // 222 Nm
7.4L / 100 km/ 13.5 // 8.7L/100 km/ 11.5
36,620USD // 32,790USD
ราคาต่างกัน 3830 USD = 1แสน
แต่ในไทยcx-5 2.5 2wd กับ crv 2.4 2wd ราคาเท่าๆกัน
ดูเหมือน รุ่นล่างๆ mazda จับราคาชนกับ honda ยกเว้น 2.2D ราคาไปชนกับ captiva 2.0D และ tucson
-
เลือกไม่ถูกเลยครับ
2.5 skyactive ขอให้ประะหยัดพอๆกับคนอื่นสักที่นะครับ ปกติกินดุทุกเครื่องอยู่แล้ว มาสด้า ผมเดาว่าน่าจะกินพอๆ หรือมากกว่า crv 2.4
ถ้าราคา 2.4 ล้าน ราคาโอเค แต่ออฟชั่นต้องเต็มนะ แม้หน้าตามันจะติ่มๆไปหน่อย แต่ก็ชอบภายในมากกว่า captiva เยอะ ขานั้นภายในเชยยั่งกับอยู่ในยุค
สงครามโรมันโน้น555
ส่วน 2.2 ต้องโคตรประหยัดนะ เอาให้ด้อยกว่า 320d E90 ก็พอ หรือเท่าๆกับ Focus TDCI ตัวเก่าก็ได้ ถ้าแย่กว่ามากก็อย่ามาคุยว่า skyactive
เพราะคงขายไม่ได้ และไม่มีจุดเด่นอะไรแล้วสำหรับตัวนี้ เพราะมันออกมาช้าไป เริ่มเชยแล้ว ณ ตอนนี้
ตัว 2.2 ถ้าจะมาให้ขายได้ option ต้องพอๆกับ AccG9 2.4 Naviโน้น ถึงจะพอขายได้
อย่าลืมครับว่ามาสด้าเป็นรถรักเจ้าของ และเจ้าของรักด้วยขายไม่ลงเพราะราคาตกเกินจะทำใจได้
คนรอบตัวผมซื้อมาขับเยอะ ตั้งแต่ 2 3 บอกดีแบบนั้นแบบนี้ พอเข้าศูนย์ก็บ่นว่าอะไหล่มันแพงกว่ารถ jp ทั่วไปเนอะ คงเพราะอะไหล่มันดีกว่า ว่าไปนั้น
สุดท้ายตอนขาย เฮ้ย ทำไมมันถูกขนาดน้ันฟ่ะ ขายไม่ได้ ต้องเอาไปให้ น้อง แม่ ใช้ แล้วขายรถอีกคันแทนซะงั้น ขายได้ราคา
สรุปผมว่ารอ สเปค official ก่อน และรอดูผลเทสก่อนครับ
-
2.2Dครับ คุ้มทางอารมณ์ ใช้เที่ยวขึ้นเขา เข้าสวน ใช้ในเมือง
-
ถ้าจะซื้อ คงเอาดีเซลครับ ส่วนตัวคิดว่า มันเข้าท่ากับ SUV นะครับ รถทรงนี้ ถึงเสียงจะดังแกรกๆ แบบดีเซล แต่ได้แรงบิดมา ผมว่ามันโอเครนะ เพราะถ้าต้องการความนุ่ม เงียบ ผมคงไปออกแคมรี่ ไฮบริด หรือนิวแอคคอร์ดแทนครับ
-
ถ้าท่าน จขกท. มองในมุมว่าส่วนต่างของราคารถใช้เติมน้ำมันแล้วไม่ต่าง
ก็ต้องจัดเบนซินแน่นอนครับ แต่ถ้าห่วงเรื่องกินน้ำมัน ก็รอหน่อย ซัก 4-5 เดือน เปิดตัวแล้ว ล๊อตแรกรับรถกันไป ก็จะมีคนที่ออกมาใช้แล้วมามีรีวิวให้อ่านกันบ้างเรื่องอัตราสิ้นเปลือง ค่อยตัดสินใจก็ได้ครับ
-
ส่วนตัวผมก็มองไว้สองรุ่นนี้แหละครับ ยอมรับเลยเลือกไม่ถูก ยิ่งข่าวของรถตัวPPVค่ายอื่นที่จะรอเปิดตัวอีก
เอาสำหรับตัวนี้ผมชอบดีเซลครับ แต่ติดที่มันเป็นขับ4นี่สิ
คงต้องรอให้ตัวขับ2ออกมานู้นแหละครับ ถึงจะตัดสินใจถูก
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ อาจจะออกนอกเรื่องบ้าง ;D
แฟนเห็นรูปแล้วบอกอยากได้
-
เลือกดีเซล เพราะแรงบิดมหาศาล และ ขับเคลื่อน 4 ล้อครับ แถวบ้านดอยเยอะครับ
-
ผมชอบดีเซลมากกว่านะ ถ้างบไม่ใช่ปัญหา
ผมชอบเสียงเครื่องดีเซล มันดูมีพลังยังไงไม่รู้ ฮาา
ยิ่งขับแล้วก็ยิ่งชอบ หลงรักรถดีเซล
-
อยากได้ดีเซล ขับสองครับ
-
ถ้างบไม่ใช่ปัญหาเลือกดีเซลดีกว่าครับ ระยะยาวคุ้มค่ากว่าเยอะครับ ;D
-
ถ้าไม่ได้ใช้AWD เลือกเบนซินดีกว่าครับ..
-
รอดูราคาแล้วค่อยเลือกครับ
-
ว้าว ๆๆ เค้าเปิดให้จองกันแล้วเหรอครับ :o :o :o
-
รักพี่เสียดายน้องจริงๆครับ ตอบยากมากๆ ถ้าลองขับแล้วน่าจะให้คำตอบได้เลย
ส่วนตัวแล้วชอบเบนซินมากกว่า เงียบ ลากแล้วมัน เสียงหวาน
แต่ถ้าให้เลือกตอนนี้ ขอ 2.2 AWD ครับ
-
ถ้าราคาออกมา มีส่วนต่างราวๆ 2 แสนจริงๆ
เลือกเบนซินครับ
ปกติแล้ว แรงบิดราวๆ 200 NM ก็พารถแบบ CRV หรือ Captiva วิ่งลอยลำได้แล้ว
ถ้าได้เกียรดี ทดต่อเนื่อง ลดแรงเสียดทาน ตามที่เคลมไว้จริง บวกกับเครื่องแรงบิดขนาด 250 NM
โอเคยอมรับว่า อาจจะกินน้ำมันกว่าดีเซล 2-3 โลลิตร (ดีเซลประหยัดกว่าแหงๆ กับรถแบบนี้)
แต่ส่วนต่างระดับนี้ คงต้องวิ่ง 3 แสนโลขึ้นไป ถึงจะคุ้มค่าส่วนต่างของค่าตัว
อัตราเร่ง
ผมว่าไล่ๆกัน ไม่ต่างกันมาก
ดีเซลคงไม่ต้องสืบ ขนาด 2.2 (ที่ไม่ใช่สกายแอคฯ) วางในกระบะยังวิ่งดี
นี่เป็น 2.2 พัฒนาใหม่ เกียรใหม่ อัดเทคโนโลยีสุดๆ อาจจะวิ่งดีพอๆกับแคปฯ 2.0 ดีเซล
ส่วนเบนซินก็ไม่ใช่ขี้ๆ ม้าระดับ 188 ตัว แถมแรงบิดมาที่รอบ 4 พัน
-
ชอบ เบนซิน มากกว่า
ไม่ชอบเสียงเครื่อง ดีเซล กับ ลักษณะรอบของมันที่ มาเร็วแล้วหมดเร็ว
ผมชอบลักษณะแรงบิดมารอบสูงมากกว่า เพราะปกติจะขับไม่เร็วมาก ต้องการความนุ่มนวลและความเงียบ
แต่ถ้าอยากแรง อันนี้เป็นความจงใจของเราเอง ถึงจะรอบสูงก็ไม่เป็นไร
ดูจากแรงม้าแล้ว เบนซิน มากกว่าด้วย ซึ่งถ้าจะบู๊ จริง ๆ เบนซินก็ไม่น่าจะด้อยกว่า
อีกอย่าง เบนซิน น่าจะถูกกว่าด้วย
-
ผมขอเลือกดีเซลครับ style รถลุยนิดๆแนวนี้ ผมจะมองหาแรงบิดเยอะไว้ก่อนตามกำลังที่จ่ายได้
สมัยก่อนเคยใช้ 4X4 4สูบเบนซิน 2.5L ซื้อเพราะงบไม่พอ ทนใช้แบบอืดอัดมา 1 ปีสุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนเป็นรุ่น 6เบนซิน 4.0L ก็ได้ในสิ่งที่ต้องการเลยครับ แต่ก็ต้องแลกกับการขาดทุนเยอะและค่าน้ำมันที่เพิ่มแบบไม่กล้าเทีบกับรถที่เคยใช้มาเลย (Jeep) :)
-
ถ้าราคาออกมา มีส่วนต่างราวๆ 2 แสนจริงๆ
เลือกเบนซินครับ
ปกติแล้ว แรงบิดราวๆ 200 NM ก็พารถแบบ CRV หรือ Captiva วิ่งลอยลำได้แล้ว
ถ้าได้เกียรดี ทดต่อเนื่อง ลดแรงเสียดทาน ตามที่เคลมไว้จริง บวกกับเครื่องแรงบิดขนาด 250 NM
โอเคยอมรับว่า อาจจะกินน้ำมันกว่าดีเซล 2-3 โลลิตร (ดีเซลประหยัดกว่าแหงๆ กับรถแบบนี้)
แต่ส่วนต่างระดับนี้ คงต้องวิ่ง 3 แสนโลขึ้นไป ถึงจะคุ้มค่าส่วนต่างของค่าตัว
อัตราเร่ง
ผมว่าไล่ๆกัน ไม่ต่างกันมาก
ดีเซลคงไม่ต้องสืบ ขนาด 2.2 (ที่ไม่ใช่สกายแอคฯ) วางในกระบะยังวิ่งดี
นี่เป็น 2.2 พัฒนาใหม่ เกียรใหม่ อัดเทคโนโลยีสุดๆ อาจจะวิ่งดีพอๆกับแคปฯ 2.0 ดีเซล
ส่วนเบนซินก็ไม่ใช่ขี้ๆ ม้าระดับ 188 ตัว แถมแรงบิดมาที่รอบ 4 พัน
เห็นด้วยครับ
2.5 แรงบิดระดับนั้น เหลือใช้สำหรับรถ SUV แล้วละ
...ปัจจุบันผมใช้ Nissan Xtrail 2.0 รุ่นปัจจุบัน เครื่อง 2.0 แรงบิด ประมาณ 200นิวตัน/เมตร..ก็ขับไปได้ทุกที่ไม่มีปัญหาอะครับ แต่ต้องลากรอบให้ถึงช่วงที่แรงบิดทำงานได้เต็มที่ ซึ่งถูกเซ็ตให้แรงบิดมาเร็วกว่าเบนซินทั่วไป (แรงบิดสูงสุดมาที่ประมาณ 4,400 รอบ)
ประเด็นคือส่วนต่าง ร่วม 200,000 แบบนั้น กลายเป็นตัว 2.5 เบนซิน 2WD ดูจะคุ้มค่าน่าใช้กว่า
-
น่าจะต้องดูอัตรสิ้นเปลืองจริงๆอีกทีครับ
ส่วนตัวชอบขับสี่ซึ่งมีแต่ในดีเซล. ตอนนี้หลังจากใช้รถดีเซลมาพักใหญ่ๆ ขอเปรียบเทียบของผมเองคือว่า
1.ราคามันแพงกว่าเบนซินค่อนข้างมากในทุกรุ่นทุกยี่ห้อซึ่งเอาส่วนต่างไปเติมน้ำมันได้หลายปีและน่าจะเกือบแสนโลถ้ารวมรถติดเข้าไปด้วย
2.ถ้าซ้ือผ่อนดีเซลยิ่งแพงไปอีกเพราะจ่ายมากกว่าก็เสียดอกเบี้ยมากตามเงินต้น ซึ่งส่วนนี้ผมคิดรวมหมดเพราะยังไงเงินก็ต้องออกจากกระเป๋า
ซึ่งก็ต้องรวมไปถึงค่าประกันที่เพิ่มขึ้นตามราคารถเช่นกัน
3.ขายต่ออาจขายง่ายกว่าเพราะรถออกมาน้อยกว่า แต่ราคาตกแทบไม่ต่างกัน
4.ถ้าดีเซลแพงขึ้นในอนาคต ติดแก๊สยากกว่าแพงกว่าเบนซินซึ่งคิดว่าคงไม่มีใครทำกัน
-
ผมกลับมองว่าถ้าคู่นี้ เลือกดีเซล แน่นอนครับ อัตราการกินน้ำมันดีเซลประหยัดกว่าแน่นอน แถมถ้าตัวเบนซินเติม E85 ไม่ได้ อันนี้ต่างกัน อย่างน้อยๆ กิโลละบาทแน่นอน
ส่วนอัตราเร่ง ดีเซลดีกว่าในทางเรียบ นิดหน่อย แต่ ถ้าขึ้นเขา ขึ้นสะพาน อันนี้ต่างกันเยอะครับ
แต่ถ้ามองในแง่คุ้มค่า ผมมองว่าเครื่อง 2.0 ตัว top น่าจะเป็นตัวที่น่าสนใจกว่า เพราะ ราคา ต่างกับดีเซล 400k อันนี้ ความคุ้มค่าคงเปรียบเทียบง่าย
-
อยากได้ดีเซลขับ2พอ
ใจจริงชอบรถขับ4 แต่รถไม่ได้แรงมากมายขับ4กินน้ำมันเปล่าๆ
แล้วขับสี่แบบที่ลุยๆผมเห็นโอกาสใช้แทบเป็น0 ที่บ้านซื้อมาไม่เคยใช้เลยขับแต่ถนนปูน
-
แน่ใจกันหรอครับว่าดีเซล 2.2 จะแรงกว่าเบนซิน 2.5
ผมกลับคิดว่า ถ้าความแรงเบนซินน่าจะกินนะครับ
อย่างมากก็แพ้ดีเซลแค่ตอนออกตัว
-
ดีเซล ขับ 4 ครับ ผมเน้นแรงบิดมาเร็วๆ อิๆ
-
ถ้าต้องขนของขึ้นเขา ก็ต้องดีเซลขับสี่่
วิ่งในเมืองเป็นส่วนใหญ่ เบนซินขับ 2 เหลือๆ
-
อ้างอิงจากโบรชัวร์ cx5 ของนิวซีแลนด์นะครับ
Fuel consumtion (auto 6 speed )
Sky-g 2.0 = 6.4 L/100 km (2wd)
Sky-g 2.5 = 7.4 L/100 km (2wd)
Sky-d 2.2 = 5.7 L/100 km (4wd)
แต่ถ้าเป็นผม คงเลือก 2.5 เพราะส่วนต่างราคาถูกกว่า 2.2 เยอะครับ (ใช้งานแค่ 5 ปี)
-
อ้างอิงจากโบรชัวร์ cx5 ของนิวซีแลนด์นะครับ
Fuel consumtion (auto 6 speed )
Sky-g 2.0 = 6.4 L/100 km (2wd)
Sky-g 2.5 = 7.4 L/100 km (2wd)
Sky-d 2.2 = 5.7 L/100 km (4wd)
แต่ถ้าเป็นผม คงเลือก 2.5 เพราะส่วนต่างราคาถูกกว่า 2.2 เยอะครับ (ใช้งานแค่ 5 ปี)
ผิดแล้วครับ ตัว AUS/NZ 2.5 ไม่มี 2wd นะครับ มีแต่ ขับ 4 ครับ
-
อ้างอิงจากโบรชัวร์ cx5 ของนิวซีแลนด์นะครับ
Fuel consumtion (auto 6 speed )
Sky-g 2.0 = 6.4 L/100 km (2wd)
Sky-g 2.5 = 7.4 L/100 km (2wd)
Sky-d 2.2 = 5.7 L/100 km (4wd)
แต่ถ้าเป็นผม คงเลือก 2.5 เพราะส่วนต่างราคาถูกกว่า 2.2 เยอะครับ (ใช้งานแค่ 5 ปี)
ผิดแล้วครับ ตัว AUS/NZ 2.5 ไม่มี 2wd นะครับ มีแต่ ขับ 4 ครับ
โอ๊ะ จริงด้วยครับ ไม่ทันดูไห้ดี. ขอบคุณที่แจ้งมาครับ
-
แน่ใจกันหรอครับว่าดีเซล 2.2 จะแรงกว่าเบนซิน 2.5
ผมกลับคิดว่า ถ้าความแรงเบนซินน่าจะกินนะครับ
อย่างมากก็แพ้ดีเซลแค่ตอนออกตัว
ผมก็คิดว่างั้นเหมือนกันครับ
กระบะที่ว่าบ้าพลัง เห็นมาหลายที พยายามจะแซง ผมลองเหยียบมิดดู ยังไม่เคยมีคันไหนแซงผมได้สักที (มาสด้า2 เองครับ)
แต่ถ้าความรู้สึก ดีเซลคงกินขาด
-
ทีแรกก็รอCX5 แต่อยากรอฟอร์ดเอฟเวอเรสในร่าง T6มากกว่า
-
เป็นผมผมคงเลือกเบนซิน 2.5
เพราะ (ตามราคาที่ประมาณไว้) ส่วนต่างตั้งประมาณ 2 แสน
กว่าดีเซลจะคืนทุนได้ต้องใช้ตั้งเกือบๆ 2 แสนกม.
อีกอย่างผมไม่ค่อยอยากได้ 4WD ด้วย เอามาก็ไม่ได้ใช้แน่ๆ
-
เลือกยากนะครับ
2.5G 0-100 ดีไม่ดีมีเลข 8 นำหน้า กินน้ำมันน้อยกว่า CRV 2.4 แน่นอน ดูจากรีวิวเมืองนอก
2.2D ได้ทั้งแรงทั้งประหยัด แต่แพงกว่า 2 แสน
ถ้าดีเซล ทำราคาได้ 1.55-1.6 จะน่าสนใจขึ้น แล้วจะเลือกดีเซลเลยครับ
-
ขึ้นอยู่กับเอาไปใช้งานแบบไหน
ขับแรง วิ่งทางไกลบ่อย ก็ เบนซิน 2.5 ขับเคลื่อน 2 ล้อ (13 กม./ลิตร) / ค่าน้ำมัน 2.7 บาท ต่อกิโลเมตร (เฉลี่ยราคาน้ำมันเบนซิน 35 บาท/ลิตร)
ขับเรื่อยๆ เน้นขับในเมือง ก็ เบนซิน 2.2 ขับเคลื่อน 2 ล้อ (15 กม./ลิตร) / ค่าน้ำมัน 2.3 บาท ต่อกิโลเมตร (เฉลี่ยราคาน้ำมันเบนซิน 35 บาท/ลิตร)
ลุยถนนห่วย บ่อยทุกสัปดาห์ ก็ ดีเซล 2.2 ขับเคลื่อน 4 ล้อ (17 กม./ลิตร) / ค่าน้ำมัน 1.7 บาท ต่อกิโลเมตร (เฉลี่ยราคาน้ำมันดีเซล 30 บาท/ลิตร)
สมมติให้ รถทั่วไปการใช้งานเฉลี่ย 150,000 กิโล ก่อนขายทอดตลาด
รถ G 2.5 วิ่ง 150,000 กิโล คิดเป็นค่าเชื้อเพลิง 405,000 บาท จ่ายมากกว่า G 2.0 = 60,000 บาท และ จ่ายมากกว่า D 2.2 = 150,000 บาท
รถ G 2.0 วิ่ง 150,000 กิโล คิดเป็นค่าเชื้อเพลิง 345,000 บาท จ่ายมากกว่า D 2.2 = 90,000 บาท
รถ D 2.2 วิ่ง 150,000 กิโล คิดเป็นค่าเชื้อเพลิง 255,000 บาท
ถ้าตรรก เป็นแบบนี้ รถ D2.2 คุ้มค่าที่สุด
เพราะ เครื่องยนต์ดีเซล + ช่วงล่างขับ AWD + เกียร์ขับ 4 ถ้าไปทำเอง ก็ต้องจ่ายมากกว่า 2 แสนแล้ว
ยังไม่รวม สรรถนะที่ได้มา ตลอดระยะเวลา ครอบครองรถ
ยกเว้น ถ้าเอาไปติดแก๊ส LPG รถ G2.5 คุ้มค่าที่สุด
เพราะ วิ่ง 150,000 กิโล คิดเป็นค่าเชื้อเพลิง 195,000 บาท (10 กม./ลิตร) ค่าติดแก๊ส 40,000 รวมเป็นค่าใช้จ่าย 235,000 บาท
(G2.0 อาจจะประหยัดที่สุด แต่ขาดรสชาด ของการขับขี่ ไม่สมกับ SUV แนวมันส์)
หมายเหตุ
นี่เป็นการประมาณการโดยเฉลี่ย ถ้าวิ่งน้อยกว่านี้ หรือวิ่งมากกว่านี้ ก็ปรับตัวเลขเองนะครับ
-
2.2 diesel คับ รุ้สึกคุ้มกว่าเวลาขับ
-
2.5 กับ 2.2 ถ้ารู้มาไม่ผิดเป็นตัว top ทั้งคู่ option เท่ากันหมด
ส่วนตัวถ้าต่างเกิน 1.5 แสนเอา 2.5 ถ้าน้อยกว่านั้นดีเซลดีกว่า
-
ขอบคุณทุกๆท่านมากครับ
เป็นการตัดสินใจระหว่าง อารมณ์ กับ เหตุผล จริงๆ
เหตุผล G2.5 : จะไปจ่ายแพงกว่าทำไม ในเมื่อสิ่งที่ได้ไม่ต่างกัน
อารมณ์ D2.2 : ขับ AWD แรงซะใจทนทานแบบ desel และTOP สุดในรุ่น
@นครอัญมณี : ตรรกะดีมากเลยครับ มองเป็นตัวเลขชัดเจน
สรุป
ผมขอเลือกตาม ท่านด้านบนนี้ครับ ถ้า option เท่าๆกัน ราคาต่างกัน 1.5 แสน เลือก ดีเซล (เพราะชุดขับ AWD + desel ราคาแพงกว่า 1.5 แสนแน่ๆ)
ผมเลือกตาม อารมณ์ ถ้าจ่ายเพิ่มอีกไม่มากเท่าไรใช่ไหมนี่ วันเปิดตัวผมจะไปทดลองขับ จะมาเล่าให้ฟังครับ โดยเปรียบเทียบกับ CRV ที่ใช้อยู่ ไม่รู้เป็นอะไรช่วงนี้ชอบรถแนว Suv
-
ผมเป็นหนึ่งคนที่มองเรื่องราคาเชื้อเพลิงเป็นปัจจัยในการตัดสินใจในลำดับต้นๆ
เช่น
1. เบนซิน 13 km/l Gasohol 95 ราคา 35 - 42 บาท/ลิตร ตกกิโลละ 2.7 - 3.2 บาท
2. ดีเซล 16 km/l Diesel ราคา 30 - 32 บาท/ลิตร ตกกิโลละ 1.9 - 2 บาท
คิดง่ายๆ เบนซินจะมีค่าน้ำมันแพงกว่าประมาณกิโลละบาท
คราวนี้คนปกติใช้งานส่วนใหญ่ปีละ 35,000 กิโล ทำให้ดีเซลจะจ่ายค่าน้ำมันถูกกว่า 35,000 บาท/ปี
สุดท้ายอยู่ที่ราคาส่วนต่างจะมากนอยแค่ไหน ถ้าประมาณ 1.5 แสนตามข่าว ผมเลือกดีเซลครับ
เหตุผล ถ้าคิดแค่ความคุ้มทุนของราคาดีเซลที่สูงกว่า ต้องใช้เกิน 4 ปีกว่า เป็นต้นไป แต่หลายท่านยังลืมการขายต่อนะครับ ยังไงระยะเวลาประมาณ 4-6 ปีข้างหน้า ราคาน้ำมันดีเซลไม่น่าจะปล่อยลอยตัวง่ายๆ จึงมีผลให้ราคาขายต่อของดีเซลจะยังสูงกว่าเบนซินอยู่บ้าง เมื่อนำมาหักลบกับราคาเชื้อเพลิง จุดคุ้มทุนของดีเซลอาจจะไม่ถึง 4 ปีด้วยซ้ำไป
รอดีเซล 2WD ครับ 555
-
ถ้ารถใหญ่ หรือ หนักกว่า C-Segment ขึ้นไป ผมเลือกดีเซล
เล็กกว่านั้นขอเบ็นซิน เวลากดรอบสูงๆ มันส์ดีครับ
รถใหญ่เครื่องเบนซิน มันมาช้าไปหน่อย เว้นแต่จะเป๋นพวก6สูบขึ้นไป :D
-
ถ้าราคาต่างกันตามที่คุณคาดเดา
ถ้าใช้รถน้อย ผมคงเลือก 2.5
ถ้าใช้รถมาก ผมเลือก 2.2
ถ้าราคาออกมาพอๆกัน( ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ ) ผมเลือก 2.2
-
ถ้าขับในเมืองผมเลือกเบนซินครับ ถ้าออกนอกเมืองบ่อยๆคงต้องพึ่งดีเซล
-
Diesel ขับ2 ครับ
-
รีวิวเมืองนอก รุ่นที่เข้าวิน เหนือกว่าคู่แข่ง คือ 2.2diesel ครับ
-
http://www.caranddriver.com/comparisons/2013-toyota-rav4-xle-awd-vs-2014-subaru-forester-25i-touring-2014-mazda-cx-5-grand-touring-awd-comparison-test (http://www.caranddriver.com/comparisons/2013-toyota-rav4-xle-awd-vs-2014-subaru-forester-25i-touring-2014-mazda-cx-5-grand-touring-awd-comparison-test)
http://news.drive.com.au/drive/new-car-comparison/suv-comparison-cx5-v-rav4-v-crv-v-forester-20130322-2gjbk.html (http://news.drive.com.au/drive/new-car-comparison/suv-comparison-cx5-v-rav4-v-crv-v-forester-20130322-2gjbk.html)
http://news.drive.com.au/drive/new-car-comparison/head-to-head-honda-crv-v-mazda-cx5-20130205-2dvyf.html (http://news.drive.com.au/drive/new-car-comparison/head-to-head-honda-crv-v-mazda-cx5-20130205-2dvyf.html)
-
:) ;) :D ;D appreciate to all, yes 2.2 deisel
-
Disel
- ถ้างบถึงหรีอผ่อนไหว
-ใช้ มากกว่าหรือเท่ากับ 5 ปี มีต้นทุนพอๆกันหรีอน้อยกว่าตาม
สมมุิติฐานของท่าน "นครอัญมณี"
- ราคาตั้งมากกว่า อาจได้ส่วนจูงใจมากกว่า
- ราคาขายต่อดีกว่าเชื่อว่าเกิน 100,000
- ซ่อมบํารุงน้อยกว่า
- ชอบเที่ยวต่างจังหวัด
- ขับรถมีเเรงบิดสูง รู้สึกมั่นใจ
นําเราออกจากสถานการณ์คับขันได้เร็ว
- ลุยนํ้าได้ดีกว่า ตอนนํ้าท่วมอยู่กับ fortuner ตลอดเลย
ช่วยคนอื่นได้ด้วย
(ยกเว้นใช้รถน้อยมากใช้ตัวเริ่มต้นครับ)
-
ขับ AWD แล้วยังประหยัดขนาดนี้ ก็ต้อง เอา AWD ครับ
กันรถลื่นปัดได้ดี ลุยได้ เครื่องยนด์ ดีเซล ถึกทนกว่าเบนซินเยอะ เสียเครื่อง ดีเซลรุ่นใหม่ๆก็ไม่ดังแล้ว
การซ่อมบำรุงง่ายและประหยัดกว่าไม่จุกจิก ราคาขายต่อ ตกน้อยกว่าเบนซินแน่นอน
น้ำท่วมก็ยังดัดแปลงให้ดำน้ำได้ด้วย ทั้งหมดทั้งมวล ขี้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ใช้ว่าจะนำรถไปใช้แบบไหนครับ