Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bleem ที่ มิถุนายน 28, 2013, 14:29:22
-
ปัจจุบัน หนังสือรถ ก็มีอยู่มากมายตามแผง แต่ที่เป็นชั้นนำ ไม่นับรวมพวกรถแต่ง รถซิ่ง พวกนั้นตาลาย เต็มแผงไปหมด ก็มี CAR GM ...... พี่ๆ น้องๆ คิดว่ายังไงบ้าง
มันน่าสนใจใช่ไหมละ อ่านคอลัม พี่แพนแกเพลิน ดีจริง แต่กว่าจะออกมาซักตอน นี่ เป็นหลายเดือน ตัวอย่างตอนไปที่ญี่ปุ่น ผมอ่านได้ตอนแรก ตอน 2 มันหายไปไหน
แล้วละครับ .......... หน้าจะเป็นหนังสือทางเลือกที่หน้าสนใจ เพราะ หน้าจะไปในสไตล์ FHM ช่วงคอลัม วิจารณ์รถ มันฮ่า ดี ขออวยพร ให้เว็ป มีรายได้เพิ่มขึ้น ละกัน
ครับ เพราะ ต้องหาเลี้ยงชีวิตกันต่อไป 555++ ติดตามผลงานอยู่ห่างๆครับ ...............
แต่ช่วงนี้ รู้สึกว่า กระทู้ใหม่ คิดก่อนตั้งกันนะ ครับ เพราะ มันน้อยลง นะผมว่า แสดงว่าเริ่มตระหนักกัน บ้างแล้ว ว่าข้อความมันจะล่น หายไปเรื่อยๆ
เวลาเราท่องเที่ยว เดินทาง รอรถ รอขึ้นเครื่อง หนังสือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราว่าง ...... ในการรอ ซึ่งคงหนีไม่พ้น นิตยสาร ปลุกใจ ฮ่าๆๆๆ + หนังสือพิมพ์ และ
แมกกาซีนรถ อีกซักเล่ม จบครับ ผมสมัครราย ปีเลยนะนั่น 555+++
-
หน้าจะเป็นหนังสือทางเลือกที่หน้าสนใจ เพราะ หน้าจะไปในสไตล์ FHM ช่วงคอลัม วิจารณ์รถ [/color]
คงพิมพ์ผิดใช่มั้ยครับ
"น่าจะ" ครับ ไม่ใช่ "หน้าจะ"
"น่าจะเป็นหนังสือทางเลือกที่หน้าสนใจ เพราะ น่าจะไปในสไตล์ FHM ช่วงคอลัม วิจารณ์รถ"
-
ผมอยากให้ทำเป็นรายการ Headlight Mag ON TV ลงในเคเบิ้ลช่องที่เกี่ยวกับยานยนต์เลยอ่ะครับ....
จะได้ดูการ Review หรือการ Test Drive ของรถแต่ละรุ่นอย่างสะใจไปเลยครับ... ;)
-
หน้าจะเป็นหนังสือทางเลือกที่หน้าสนใจ เพราะ หน้าจะไปในสไตล์ FHM ช่วงคอลัม วิจารณ์รถ [/color]
คงพิมพ์ผิดใช่มั้ยครับ
"น่าจะ" ครับ ไม่ใช่ "หน้าจะ"
"น่าจะเป็นหนังสือทางเลือกที่หน้าสนใจ เพราะ น่าจะไปในสไตล์ FHM ช่วงคอลัม วิจารณ์รถ"
พิมพ์ผิดครับ ++++ น่าจะ ++++ ภาษาไทย น้อมรับครับ ช่วง คอลัม ท้ายเล่มครับ ของหนังสือ จะเป็น แนว พูดเกี่ยว กับรถ ยนต์ ทั่วไป แนว ขำๆ แซวๆ
กัดหยอก รถ บ้างครับ ซึ่งคล้ายๆ สไตล์คุณ แพน นะครับ เอาเป็นว่าคล้าย พี่แก ทั้งเล่ม เลยดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆ ผมทวง ภาค 2 แกด้วยนะครับ .........หลายเดือนแล้ว
หรือ ผมพลาดไปเองรึเปล่า หาไม่เจอครับ--------
-
น่าคิดแฮะ ผมจะลองเขียนบทความแนว "อ่านเอาฮา" ลงเวบนี้เหมือนกัน แต่ถนัดรถกระบะมากกว่า
-
ผมอยากให้ทำเป็นรายการ Headlight Mag ON TV ลงในเคเบิ้ลช่องที่เกี่ยวกับยานยนต์เลยอ่ะครับ....
จะได้ดูการ Review หรือการ Test Drive ของรถแต่ละรุ่นอย่างสะใจไปเลยครับ... ;)
อยากให้มีเหมือนกันครับ แต่คงต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
-
อยากให้ออกรายการทางทีวีมากกว่าครับ หมุนเวียนกันไปในทีมงานทั้งรีวิว ทดสอบอัตราสิ้นเปลือง แนะวิธีขับรถที่ถูกต้อง แต่งรถ บำรุงรักษารถ งานเปิดตัวรถ มอเตอร์โชว์ มีผู้ร่วมรายการทางบ้านมาแจมบ้างโดยรายการเน้นแบบฮาๆ ส่วนหนังสือก็น่าสนใจครับโดยเฉพาะรวบรวมรีวิวกับรถใหม่ในแต่ละปี
-
ออก สื่อ เคเบิ้ล ทีวี นี่ คุณ ลีน่าจัง ยังออกได้ ค่าใช้จ่ายน่าจะสูง หนังสือ นี่เป็นก้าวแรก และสามารถทำได้เลย นะ ผมว่า โดยการให้สมาชิก ลงทะเบียน สั่งจองกัน
ก่อน แล้วนำงบ ที่ได้ไปจัดทำ แบบนี้น่าจะโอเคกว่า ผลิต ตามออเดอร์ และค่อยๆเพิ่ม ในวาระต่อๆ ไป การทำเคเบิ้ล มันเป็นระบบ ที่ยุ่งยาก ซับซ้อน เนื่องจาก ต้องไป
เกี่ยวกับอีก หลายองค์กร ครับ ค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อดูจากการทำ งาน ของ THE COUP CHANELL HD นี่ ผมว่าโอเคเลย เหลือแต่ หา ช่อง หาโฆษณา และทีมงาน
ที่ต้องทำงานทั้งวัน หมายความว่าเป็นลูกจ้าง เต็มตัว การถ่ายทำ ก็ต้อง รันถ่ายทุกวัน ....แค่คิดก็ยากแล้วคร๊าบๆๆๆ แต่ทำได้ ขอเชียร์ละกันครับ......
-
เอกลักษณ์และจุดยืนที่แข็งแกร่งสไตล์ HEADLIGHT MAG
ผมว่าเจ๋งสุดๆครับ
-
โหวต e-book ครับ เป็นไปได้มาก บวกกับคลิปรวมอยู่ในเล่มเลย
สองเดือนครั้งยังรอเลยครับ ;D
-
แต่หนังสือนี่คู่แข่งบานตะเกียงเลยนะครับ แต่ส่วนตัวแล้วสิ่งที่เจอจากหนังสือทุกเล่มคือ รีวิวแบบกล้าๆกลัวๆ ไม่กล้าพูดถึงจุดด้อยของรถคันนั้นแบบจริงๆจังๆ เอาแต่อวยข้อดีของรถคันนั้น ผมจำได้แม่นเลย มีอยู่เล่มนึง คนไทยเขียนให้honda citycng ได้คะแนน 8 แต่ฝรั่งในเล่มเดียวกันรีวิวให้AUDI SQ5 กับ Mercedes GL350 ให้แค่ 6 คะแนน กับ mercedes e250 cdi คนไทยให้คะแนนรีวิว 8 เท่ากับ Chev sonic ในเล่มเดียวกันซะงั้น ยิ่งบางเล่มยนี่ซื้อมาเสียดายตังโครตๆ อย่างกับซื้อหนังสือโฆษณามานั่งอ่าน โฆษณาทั้งเล่ม รีวิวรถก็อย่างกับเอาโบรชัวร์รถมาให้อ่าน ไม่มีบอกข้อเสียอะไรเลย บอกแต่ออพชั่นมีอะไรบ้างแค่นั้นเอง คันไหนอัตราสิ้นเปลืองแย่ๆ หรืออัตราเร่งแย่ๆ พี่แกก็ตัดปัญหาไม่บอกเลยซะงั้น
ตอนหลังๆผมเลยเสพแต่หนังสือเฟรนชายของต่างประเทศ เช่น EVO Topgear อะไรพวกนั้น ในคอลั่มที่คนไทยเขียนก็ยังมีลักษณะอย่างข้างบนโผล่มาให้เห็นอยู่เหมือนกัน แต่คอลั่มส่วนใหญ่ที่แปลมาจากของฝรั่งเขียนก็ด่าได้แสบสันตรงประเด็น น่าอ่านอยู่
ถ้าหากมีนิตยสารของไทยฉบับไหนที่กล้าพูดถึงจุดด้อยของรถแบบตรงๆเหมือนของฝรั่งเขียนรีวิว ก็น่าซื้อมาอ่านอยู่นะครับ
-
ทำหนังสือ ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยทีเเดียว
ทำรายการ หนักขึ้นไปอีก
ทั้งหมดต้องจัดเตรียมทีมงานให้ดี หาสปอนเซอร์ ประเด็นอยู่ตรงนี้ หากโจมตีสปอนเซอร์มากไปก็ขาดรายได้ หากเชียร์ก็ดูไม่เป็นกลาง ผมว่าพี่จิมกับพี่แพนก็คงคิดอยากทำอยู่เหมือนกัน แต่จรรยาบรรณ์นี่สิ จะทำให้ลำบากใจ อีกอย่าง ผมว่าพี่ทั้งสองชอบขับรถ เทสรถแล้วส่งข้อเท็จจริงให้เพื่อนๆอ่านให้รู้ทันรถ มากกว่าต้องมานั่งบริหารงานนะ แล้วปล่อยยให้ทีมงานลงไปลุยกันเอง เพราะงานนบริหารมันปวดกะบาล(ขออภัยใช้คำไม่สุภาพครับ)มากกว่า ผมคิดยังงี้นะ
-
ตอนที่คุณจิมมี่เคยบอกไว้ในเวปนู้นว่าจะออกมาทำ ผมยังคิดว่าเป็นหนังสือ เลย
ในวันที่ประกาศเปิดตัวผมยังเดินไปหาหนังสือที่ร้านหนังสืออยู่เลย กลับมาอ่านดูหงายเงิบอ้าว เป็นเวปไซต์นี่หว่า - -"
-
โหวต e-book ครับ เป็นไปได้มาก บวกกับคลิปรวมอยู่ในเล่มเลย
สองเดือนครั้งยังรอเลยครับ ;D
ผมเห็นด้วยนะถ้าเป็น E-book จะได้ไม่มีปัญหากับโรงพิมพ์เรื่องยอดขั้นต่ำ
แต่ส่วนตัวผมว่าพี่จิมเค้าเอาข้อมูลมาอัดแน่นให้ในเวปอยู่แล้ว
คงไม่คิดจะเอาข้อมูลบางส่วนไปทำเป็นหนังสือขายแยกเหรอกครับ ;D
-
เฮ้อ....
1. ผมงงกับสิ่งที่คุณ bleem พยายามสื่อสารมาทั้งหมด
ต้องแยกออกทีละเรื่องๆๆ จากัน จึงจะเข้าใจ เขียนหนังสือให้คนอ่านได้ "งงมาก!"
ใจเย็นๆ และค่อยๆ เรียบเรียงประโยคที่เราคิด ให้ดีๆ ก่อนก็ได้ครับ ไม่ต้องรีบร้อน
เขียนหรือพูดในสิ่งที่คิดออกมาเลย ไม่ได้เป็นผลดี ต่การสื่อสารกับคนรอบตัวเสมอไปครับ
2. ผมจะไม่ทำ Headlightmag.com ในเวอร์ชันหนังสือ เด็ดขาด
เหตุผล ดังนี้
2.1 ต้นทุนสูง เปิดหัวหนังสือเล่มใหม่ ต้องใช้เงิน หลายล้านบาทนะครับ ผมไม่รวยขนาดนั้น
2.2 ต่อเนื่องจาก 2.1 การหาแหล่งเงิน ก็ต้องมาจากโฆษณา ทีนี้ กลายเป็นว่า เพื่อความอยู่รอด
ก็ต้องรับแม้แต่ สิ่งที่ผมเกลียดที่สุด อย่าง Advertorial คราวนี้แหละ ความตั้งใจดั้งเดิม และ
จรรยาบรรณ ที่เรามี จะเสียหรือเปล่า? เราจะมั่นคงเพียงพอ กับแรงยั่วยุจากกิเลสรอบข้าง
ได้มากน้อยแค่ไหน กลายเป็นว่า เราต้องเกงใจ เจ้าของสินค้าที่มาลงโฆษณากับเราซะงั้น?
มันใช่คำตอบแล้วเหรอ?
2.3 ในเมื่อ โพสตืลงบนเว็บ ให้คุณอ่านกันฟรีๆ แล้ว นั่นก็น่าจะเพียงพอต่อการติดตามอ่าน
ได้ทุกวันอยู่แล้วครับ
2.4 ประเด็นสำคัญ คือ คนซื้อ "นิตยสาร" อ่านกันน้อยลงแล้ว แม้ยังมีซื้อกันอยู่
แต่น้อยลงไปมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ทำออกมาแล้วเจ๊ง คุณ จะรับอาสา ไปพับถุงกล้วยแขกขายแทนผมไหมครับ?
ถ้าจะมี ก็อาจจะเป็น Pocket Book.....maybe someday.
-
ผมเห็นด้วยกับคุณจิมมี่นะครับ
1. ผม 1 คนหล่ะ ที่ไม่ซื้อหนังสือรถยนต์แล้วครับ เพราะมันอวยกันเกินเหตุ ข่าวสังคมโฆษณา ก็มากเหลือเกิน ผมไม่ซื้อแน่นอน
2. ทีม หาโฆษณาคงได้วิ่งตาเหลือก ไม่หมูแน่งานนี้
3. ทำหนังสือปีละครั้งน่าจะคุ้มกว่า เช่น รวมรีวิวรถ ปี 2556 เป็นต้น หรือไม่ก็ทำช่องทางเคเบิ้ลทีวีก็ได้ แต่จะเหนื่อยแล้วคงจะทดสอบรถได้น้อยลง
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
-
ผมเห็นหนังสือรถ มีแต่หน้าโฆษณา *#*# โหลดคลิปโคโยตี้ทั้งนั้นเลย ;D
-
Ohh Pocket book หวังว่าคงได้อ่านซักวันนะครับ May be someday ;D
-
จากที่เคยทราบมา พวกหนังสือ magazine ในไทย เอาแค่ราคาขายหนังสือ บางเล่มยังไม่พอต้นทุนกระดาษ และค่าโรงพิมพ์ + distribute เลยครับ
ส่วนใหญ่รายได้จะต้องมาจาก โฆษณา ในเล่มอย่างที่คุณจิมมี่บอก เราก็เลยจะเห็นว่า แทบจะทุกเล่มแม่มมีแต่โฆษณา
ผมอนาจหนังสือรถในไทยมากเลย เมื่อก่อนก็ยังพอมีสาระบ้าง เดี๋ยวนี้ ไปยืนเปิดอ่านที่แผง ยังไม่คุ้มค่าเวลาที่ที่เสียในการเปิดเลย ที่มาทดสอบกันจริงๆ แทบจะไม่มี แล้วยิ่งปักษ์นอก ที่ oem มา เปิดอ่านของเมืองนอกเขียนมันก็ช้าาไปบานตะไท เพราะอินเทอเนตเข้าถึงเร็วกว่าและข้ามโลกกันอยู่แล้ว แล้วก็เห็นที่คนไทยเขียนนี่มันโบรชัวร์ชัดๆ เอาง่ายๆ มันคือ advertorial ที่บริษัทรถให้เอเจนซี่เขียนแล้วส่งให้หนังสือเลยด้วยซ้ำ
ความคิดผมว่า HLM มาถูกทางแล้วนะ แต่ถ้ามีเวลาอยากให้จริงจัง กับ youtube ขึ้นครับ อย่างเช่น จากแค่ทำ review ที่ทำอยู่ ซึ่งผมชอบมากก อยากให้มีเอารถมาจอดตอนกลางวันนี่หล่ะ คุณแพน คุณจิมมี่ วิจารณ์ รายละเอียด หรือถ่ายง่ายๆ ในห้อง นั่งคุยกันกับทีม อย่างตอนทำ clip car of the year อะไรประมาณนั้น พูดถึงทีมงาน พูดถึงเทรนด์ ผมว่าน่าจะ work กว่าไปลง offline หรือ cable อีกครับ ;D ไม่ได้ request แต่ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นนะครับ ;D
-
เหมือนก่อนผมก็ซื้อครับ ซื้อจาก 3 จ้่าว ใหญ่ 4ล้อลุยๆ, รถแต่ง อีก 2 จ้าว
แต่ทุกวันนี้เนื้อหามันน้อยลง ความรู้ก็หาจากในเว็บซะมากกว่า ยิ่งพวก DIY ไม่ต้องพูดถึง
พวก Q:A แทบจะไม่มีแล้ว หารีวิวรถ วิเคราะห์ในหนังสือพวกนี้ยังยาก เลยครับ มีแต่ชมๆ แล้วก็ ชง
ทั้งที่เรารู้ข้อเสียมัน แต่ก็ยังแถไป ข่าวทริปต่างๆ เดียวนี้ก็หายหมด มีแต่พวกกับค่ายใหญ่ๆ
ที่เห็นจะเยอะก็คือ โฆษณา โดยเฉพาะล้อแม็ก ดึงกระดาษออกมาก็เกินครึ่งเล่มแล้ว เล่มหนึ่งก็เกิน 80+ บาท Up
-
งั้นหนุน Pocket book ครับ แต่ใจจริงแล้วอยากอ่านงานเขียนของคุณจิมมี่ในหนังสือรายสัปดาห์อะไรพวกนี้ด้วยอะครับ คนที่เข้าไม่ถึงเน็ตจะได้อ่านด้วย เคยพริ้นบทความของปาเจโร่สปอตไปให้อ่าน แกตัดสินใจเปลี่ยนจากฟอร์มาซื้อปาเลย....แล้วชอบด้วย คหสต ครับ :o
-
ผมเองก็อยากให้มีครับ ผมชอบจับหนังสือเป็นเล่มๆมากกว่าจับipad
แต่เรื่องต้นทุนนั้นก็หนีไม่รอดที่จะต้องหาโฆษณาจริงๆ
แต่ถ้าเน้นไปทางโฆษณาของแต่งก็อาจจะพอได้ (ของพรรค์นี้ไม่น่าจะต้องเขียนอวย)
หรือทำเป็นกึ่ง lifestyle แล้วหาตลาดที่กว้างขึ้นก็ได้ ลองจับแนวแปลกๆดู (garage life ออกมาผมคิดว่าจะเจ๊ง ก็เห็นยังอยู่รอดดี)
อีกอย่างผมยังเชื่อว่าความเป็นกลางย่อมขายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความไม่เป็นกลาง
ผมเคยได้ยินว่าเซียนไวน์นายโรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ (ดังมาก) เริ่มต้นทำนิตยสารของเขาด้วยความที่อยากออกหนังสือวิจารณ์ไวน์ที่เป็นกลาง
ทำแรกๆเป็นเมลลิ่งลิสต์ ทำไปทำมาใหญ่โต คนชอบ และเชื่อถือ กลายเป็นกูรูไวน์ที่ดังคับโลก (ตอนนี้มีเสียงลือว่าขายวิญญาณไปบ้างแล้ว)
ผมไม่รู้รายละเอียดลึกๆเพราะไม่ใช่เซียนไวน์ ไปฟังเขามาอีกทีครับ แต่เอามาเล่าให้ฟังเพื่อจะบอกว่า ทำนิตยสารโดยไม่ต้องขายวิญญาณก็น่าจะทำได้
โอเค หนังสือรถมันคงไม่ง่ายอย่างไวน์ เพราะฝรั่งเค้าซื้อกินกันทุกวัน รถนี่บางคนซื้อแล้วก็เลิกตาม มาตามอีกทีตอนจะซื้อคันใหม่
แต่ลองคิๆฝันๆดูก็คงไม่ผิดครับ ถ้าผมเป็นนักเขียนผมคงอยากมีนิตยสารของผมเอง นี่ขนาดผมเป็นนักอ่าน ผมยังอยากให้คุณ JIMMY ทำออกมาเลย
เพราะอ่านแล้วชอบ อยากให้มีหนังสืออย่างนี้
แต่ pocket book ก็น่าสนใจนะครับ สนับสนุนครับ ถ้าตอนนี้คิดว่าทำตรงนี้ได้ก็ทำเลยครับ ผมเชียร์ครับ และสัญญาว่าจะอุดหนุนด้วย
-
จากที่เคยทราบมา พวกหนังสือ magazine ในไทย เอาแค่ราคาขายหนังสือ บางเล่มยังไม่พอต้นทุนกระดาษ และค่าโรงพิมพ์ + distribute เลยครับ
ส่วนใหญ่รายได้จะต้องมาจาก โฆษณา ในเล่มอย่างที่คุณจิมมี่บอก เราก็เลยจะเห็นว่า แทบจะทุกเล่มแม่มมีแต่โฆษณา
ผมอนาจหนังสือรถในไทยมากเลย เมื่อก่อนก็ยังพอมีสาระบ้าง เดี๋ยวนี้ ไปยืนเปิดอ่านที่แผง ยังไม่คุ้มค่าเวลาที่ที่เสียในการเปิดเลย ที่มาทดสอบกันจริงๆ แทบจะไม่มี แล้วยิ่งปักษ์นอก ที่ oem มา เปิดอ่านของเมืองนอกเขียนมันก็ช้าาไปบานตะไท เพราะอินเทอเนตเข้าถึงเร็วกว่าและข้ามโลกกันอยู่แล้ว แล้วก็เห็นที่คนไทยเขียนนี่มันโบรชัวร์ชัดๆ เอาง่ายๆ มันคือ advertorial ที่บริษัทรถให้เอเจนซี่เขียนแล้วส่งให้หนังสือเลยด้วยซ้ำ
ความคิดผมว่า HLM มาถูกทางแล้วนะ แต่ถ้ามีเวลาอยากให้จริงจัง กับ youtube ขึ้นครับ อย่างเช่น จากแค่ทำ review ที่ทำอยู่ ซึ่งผมชอบมากก อยากให้มีเอารถมาจอดตอนกลางวันนี่หล่ะ คุณแพน คุณจิมมี่ วิจารณ์ รายละเอียด หรือถ่ายง่ายๆ ในห้อง นั่งคุยกันกับทีม อย่างตอนทำ clip car of the year อะไรประมาณนั้น พูดถึงทีมงาน พูดถึงเทรนด์ ผมว่าน่าจะ work กว่าไปลง offline หรือ cable อีกครับ ;D ไม่ได้ request แต่ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นนะครับ ;D
สนับสนุน Youtube อีกเสียงครับ
เห็นคลิบของต่างประเทศมีรีวิวรถสั้นๆ ไม่เกิน 15 นาที โชว์ภายนอก, ภายใน คร่าวๆ ดูแล้วน่าจะเหมาะสำหรับ HLM นะครับ
จากนั้นก็คล่อยปล่อยคลิปยาวๆตามมาทีหลัง
-
จากที่เคยทราบมา พวกหนังสือ magazine ในไทย เอาแค่ราคาขายหนังสือ บางเล่มยังไม่พอต้นทุนกระดาษ และค่าโรงพิมพ์ + distribute เลยครับ
ส่วนใหญ่รายได้จะต้องมาจาก โฆษณา ในเล่มอย่างที่คุณจิมมี่บอก เราก็เลยจะเห็นว่า แทบจะทุกเล่มแม่มมีแต่โฆษณา
ผมอนาจหนังสือรถในไทยมากเลย เมื่อก่อนก็ยังพอมีสาระบ้าง เดี๋ยวนี้ ไปยืนเปิดอ่านที่แผง ยังไม่คุ้มค่าเวลาที่ที่เสียในการเปิดเลย ที่มาทดสอบกันจริงๆ แทบจะไม่มี แล้วยิ่งปักษ์นอก ที่ oem มา เปิดอ่านของเมืองนอกเขียนมันก็ช้าาไปบานตะไท เพราะอินเทอเนตเข้าถึงเร็วกว่าและข้ามโลกกันอยู่แล้ว แล้วก็เห็นที่คนไทยเขียนนี่มันโบรชัวร์ชัดๆ เอาง่ายๆ มันคือ advertorial ที่บริษัทรถให้เอเจนซี่เขียนแล้วส่งให้หนังสือเลยด้วยซ้ำ
ความคิดผมว่า HLM มาถูกทางแล้วนะ แต่ถ้ามีเวลาอยากให้จริงจัง กับ youtube ขึ้นครับ อย่างเช่น จากแค่ทำ review ที่ทำอยู่ ซึ่งผมชอบมากก อยากให้มีเอารถมาจอดตอนกลางวันนี่หล่ะ คุณแพน คุณจิมมี่ วิจารณ์ รายละเอียด หรือถ่ายง่ายๆ ในห้อง นั่งคุยกันกับทีม อย่างตอนทำ clip car of the year อะไรประมาณนั้น พูดถึงทีมงาน พูดถึงเทรนด์ ผมว่าน่าจะ work กว่าไปลง offline หรือ cable อีกครับ ;D ไม่ได้ request แต่ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นนะครับ ;D
สนับสนุน Youtube อีกเสียงครับ
เห็นคลิบของต่างประเทศมีรีวิวรถสั้นๆ ไม่เกิน 15 นาที โชว์ภายนอก, ภายใน คร่าวๆ ดูแล้วน่าจะเหมาะสำหรับ HLM นะครับ
จากนั้นก็คล่อยปล่อยคลิปยาวๆตามมาทีหลัง
ผมเห็นด้วยครับ แต่คิดว่า มันน่าจะเป็นที่เวลาหรือเปล่า อย่างผู้พันแพนแกก็มีงานประจำ
อยากให้เน้นไปยูธูปมากขึ้นครับ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทีมงาน HLM ทุกคนครับ