Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Oatsenal ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 12:41:05

หัวข้อ: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Oatsenal ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 12:41:05
(http://3.bp.blogspot.com/-o81YHbgvNKA/TluVionTuRI/AAAAAAAAJZY/ad71DdR2OEw/s400/2012+Honda+Civic+Hybrid+VS+2011+Toyota+Prius+02.jpg)


เพราะตอนนี้ระบบไฮบริด Honda ก็ทำระบบfull hybrid ไปแล้วบ้างก็ว่าดีกว่า toyota อต่ผมก็ยังไม่เคยเห็น แต่ผมไม่เชื่อว่า เจ้าhybrid อย่างToyota จะอยู่นิ่งเฉยๆ น่าจะมีปล่อยหมัดเด็ดบ้าง เพราะสิทธิบัตรก็จะหมดลงแล้ว... และไม่คิดว่า toyota จะกลายเป็นผู้ตามจนได้ในตลาดhybridนะ
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ab4u ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 13:35:03

toyota น่าจะต่ออายุสิทธิบัตรครับ ;D ;D
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tae23 ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 13:37:36
สิทธิ์บัตร    มีหมดอายุ  ด้วยหรือครับ  ไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ  

ส่วนเรื่องไม้เด็ด มีแน่นอน ครับ  บริษัท ใหญ่ ขนาดนี้ อย่างน้อยๆ ต้องมีแผน ล่วงหน้า กัน 3 - 5 ปี  เลยครับ

ยกตัวอย่าง เหมือน วงการ คอมพิวเตอร์    Intel    VS   AMD     บี้ - บลัฟ เรื่อง CPU กัน มันส์หยดเลย

 
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nikle_pk ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 13:39:27
ระดับพี่โตนะครับท่าน เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Alcatraz ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 14:28:22
ถึงจะทำตามได้ก็ใช่ว่าจะทำตามได้ดี โตโยต้ามีทั้งประสบการณ์และ know how มาก่อนใช่ว่าใครจะตามง่ายๆ

อ่านหนังสือรายปักษ์ที่ทดสอบรถที่ผลิตจากจีน ที่เหมือนเอาภายนอกภายในหลายๆรุ่นมาใส่ทำให้ดูดีทันสมัย แต่พอไปขับเท่านั้นแหละ ยังตามหลังบริษัทใหญ่ๆนับ10ปี

ขึ้นชื่อโตโยต้า เป็นจอมกั๊กอยู่แล้ว คาดว่าหมกเม็ดอะไรไว้อยู่แน่ๆ ยังไงซะอนาคตของรถยังไงก็ต้องพึ่งไฮบริดอยู่ดี แต่ยังคงไม่เร็วๆนี้
ชะตากรรมเครื่องสันดาบคงเหมือนคาร์บูเรเตอร์

หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bobsan ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 15:06:37
สิทธิบัตรแทบทุกประเทศมีกำหนดแค่ 20 ปี
แต่ก็ต่อยอดพัฒนาเพิ่มเติมแล้วเอาที่ต่อยอดได้ไปจดสิทธิบัตรต่อได้

ส่วนตัวคิดว่าพี่โตน่าจะมีของดีรอปล่อยอยู่ครับ ;)
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Iwata Kana Σ4 ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 15:23:54
มีแน่นอนครับ คาดว่ามาพร้อม Prius ตัวใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ab4u ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 17:47:19

เออ ว่าแต่ทำไมไม่มีใครทำเครื่องโรตารี่แข่ง MAZDA มั่ง :D
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Oatsenal ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 20:33:21

เออ ว่าแต่ทำไมไม่มีใครทำเครื่องโรตารี่แข่ง MAZDA มั่ง :D


Mazda ยังไม่อยากทำต่อเลยครับ 55
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: BG ที่ กรกฎาคม 21, 2013, 23:15:45
สิทธิ์บัตร    มีหมดอายุ  ด้วยหรือครับ  ไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ  

ส่วนเรื่องไม้เด็ด มีแน่นอน ครับ  บริษัท ใหญ่ ขนาดนี้ อย่างน้อยๆ ต้องมีแผน ล่วงหน้า กัน 3 - 5 ปี  เลยครับ

ยกตัวอย่าง เหมือน วงการ คอมพิวเตอร์    Intel    VS   AMD     บี้ - บลัฟ เรื่อง CPU กัน มันส์หยดเลย

 

ทรัพย์สินทางปัญญา (ip)  ตัวหลักๆ มี 3 ประเภทครับ คือ

1. สิทธิบัตร อายุสูงสุด 20 ปี (เท่าที่ทราบ เหมือนกันทุกประเทศ)
2. ลิขสิทธิ์ อายุ 50 ปี
3. เครื่องหมายการค้า ไม่จำกัดอายุ หากยังคงต่ออายุอยู่

IP  แต่ละประเภท ให้อายุแตกต่างกัน เพราะมันมีเหตุผลในตัวเองครับ
สิทธิบัตรให้อายุน้อยที่สุด เพราะมันเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อผู้คนมากครับ ถ้าให้ใครสักคนผูกขาดเทคนิค หรือองค์ความรู้บางอย่างนานเกินไป จะทำให้ของแพง คนทั่วไปจะเข้าถึงได้ยาก  คุณภาพชีวิตคนจะไม่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น

จริงๆแล้ว กลไกสิทธิบัตร เป็นสิ่งที่มีเพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงองค์ความรู้มากกว่า เพราะเงื่อนไขสำคัญที่จะให้สิทธิ์ได้ คือการต้องเปิดเผยรายละเอียดการประดิษฐ์ "โดยละเอียด" แล้วก็ตอบแทนผู้เปิดเผยด้วยการให้สิทธิ์แต่ผู้เดียวไป 10-20 ปี


toyota น่าจะต่ออายุสิทธิบัตรครับ ;D ;D

ต่อไม่ได้ครับ หมดแล้วหมดเลย
แต่ในทางปฏิบัติ บริษัทใหญ่ๆ เค้าจะมีเทคนิคในการทำให้มันอยู่นานขึ้นครับ เช่นแยกส่วนสิทธิบัตรเป็นหลายๆใบ แล้วทยอยจดไปหลายๆปี แต่มีน้อยรายมากที่จะใช้ประโยช์ได้ยาวนาน 20 ปีเต็ม เพราะเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้มันไปไวครับ ไม่ต้องรอสิทธิบัตรหมดอายุ คนก็เลิกใช้ไปก่อนละ
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ab4u ที่ กรกฎาคม 22, 2013, 07:41:08

โอ้ ขอบคุณ คุณBG ความรู้เต็มๆเลย ;D ;D
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gurupc ที่ กรกฎาคม 22, 2013, 19:19:22
ในแง่สิทธิบัตรนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น จอ LCD ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้แหล่ะครับ สิทธิ์บัตรมันเพิ่งหมดอายุไปเมื่อ 5-6 ปีแล้วเองครับ
ซึ่งสังเกตุจากจอ LCD เมื่อก่อนนี้มันแพงมาก และผู้ผลิตต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรด้วยครับ ซึ่งเจ้าของสิทธิบัตรคือ Hitachi ครับ น่าจะเป็นตัวเงินที่สูงพอสมควรครับ
แต่พอหลังจากสิทธิบัตรหมดอายุลง ผลดีตกสู่ผู้ผลิตและผู้บริโภคครับ ทำให้เกิดผู้ผลิตรายใหม่ทำให้ไม่ต้องลงทุนสูง ต้นทุนลด ราคาขายถูกลง ผู้บริโภคมีของใช้ที่ดีขึ้นในราคาที่ถูกลงมากครับ

การจดและหมดอายุของสิทธิบัตรยังมีอีกเยอะครับ อย่างที่ google ยอมควักเงินซื้อ motorola ครับ ทาง moto เค้าถือว่าเป็นบริษัทที่มีจำนวนสิทธิบัตรเยอะเป็นอันดับต้นๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ กรกฎาคม 23, 2013, 15:21:16
ความรู้เพียบ ขอบคุณทุกท่านด้วยครับ

หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: fairlady ที่ พฤษภาคม 26, 2015, 09:10:28
ขอเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ

ในบางกรณีที่บริษัทไม่ต้องการให้ความลับรั่วไหลเลย ก็จะไม่จดสิทธิบัตรเลยครับ

เช่น สูตรน้ำ Coca Cola 7X อะไรเนี่ย

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทจะรักษาความลับดีขนาดไหน ถ้าดีมากก็จะไม่มีใครรู้ตลอดไป

ปล.ผิดถูกขออภัย
หัวข้อ: Re: คิดว่าหลังจากToyotaหมดสิทธิบัตรHybridแล้ว คิดว่า จะมีไม้เด็ดอะไรอีกมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ พฤษภาคม 26, 2015, 09:34:41
พี่โตเค้าเจ๋งครับ บางตัวที่หมดก็หมดไปตัวที่ยังไม่หมดบางตัวก็ปล่อยให้ใช้ฟรีๆเลยเพื่อให้มีการวิจัยต่อยอดไปเยอะๆตัวเองจะได้ประหยัดเวลาและต้นทุนการวิจัยไปในตัวและให้องค์ความรู้นี้กระจายไปเยอะๆด้วย สุดท้ายพี่เค้าก้เป็นผู้มีศักยภาพในการทำออกมาขายอยู่แล้ว