Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HOMY_DEMIO ที่ สิงหาคม 03, 2013, 13:41:25
-
"ทาทา มอเตอร์ส"ประกาศแผนธุรกิจยานยนต์ในไทย ไตรมาส 4ส่งเก๋งทาทานาโนโฉมใหม่ เบียดตลาดรถเล็ก-รถมอเตอร์ไซค์ เคาะราคาไม่ถึง 4 แสนบาท/คัน เครื่องยนต์ 624 ซีซี นำเข้าจากอินเดียนำร่อง 1,000 คัน ใช้เชื้อเพลิงอี 20ได้ เผย 4 ปี พอใจกับยอดขายรถกระบะในไทย ภายใน 3 ปีจะโตเท่าตัว
ซานเจย์ มิชราซานเจย์ มิชรา นายซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2556 (ต.ค.-ธ.ค) ทาทา มอเตอร์ส จะเปิดตัวรถใหม่อีก 2 ประเภทในประเทศไทย จะเป็นการบุกตลาดเชิงรุก โดยเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น จากที่ผ่านมาให้น้ำหนักในการเปิดตลาดรถกระบะไปแล้วและได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปลายปีนี้ พร้อมเปิดตัวรถเก๋งเล็ก นาโน โฉมใหม่ โดยปรับสเปกต่างจากโฉมเก่าที่เข้ามาเปิดตลาดเมื่อปี 2555 โดยรถทาทานาโน จะนำเข้ามาจากอินเดีย นำร่องก่อนจำนวน 1 พันคัน โดยสเปกของรถมีเครื่องยนต์ขนาด 624 ซีซี ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน อี 20 ได้ เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยไอเสีย ระดับ ยูโร 4 มีเครื่องปรับอากาศ ล้ออะลูมินัมอัลลอย (แมก) มี 4 ที่นั่ง กระจกไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมไฟตัดหมอกด้านหน้า และผ่านมาตรฐานยุโรปในการทดสอบความปลอดภัยจากการชน ด้านหน้า ไม่มีพวงมาลัยพาวเวอร์ และไม่มีวิทยุ ล่าสุดกำลังตั้งชื่อรุ่นและพร้อมจะเปิดเผยในวันเปิดตัว
อย่างไรก็ตาม รถเก๋งทาทานาโน จะสามารถแข่งขันกับรถจีนนำเข้าได้ โดยราคาปรับสูงขึ้นกว่าทาทานาโน ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ โดยมีราคาต่ำกว่า 4 แสนบาท/คัน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกำหนดราคาขั้นสุดท้าย โดยรถเก๋งนาโนจะเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาดรถเก๋งเล็ก และโดยเฉพาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์ เพราะจะมีความปลอดภัยสูงกว่า โดยจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อยแลกกับความปลอดภัยในชีวิต ในขณะที่รถมอเตอร์ไซค์สามารถใช้งานได้เฉพาะบางสภาพอากาศ คาดว่าจะเป็นรถยนต์เล็ก ที่สามารถดึงดูดคนที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วหันมาให้ความสนใจรถเก๋งทาทานาโนมากขึ้น และเหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อย หรือกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย
"ในช่วงที่ผ่านมารถเก๋งทาทานาโนมีการลงทุนในอินเดียสูงถึง 5 พันล้านบาท ก่อนหน้านี้เปิดตัวไปแล้วที่อินเดีย และศรีลังกา โดยได้รับการขานรับจากตลาดมาอย่างดี และในปลายปีนี้จะเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกมาพร้อมกับโฉมใหม่ในสเปกที่หลากหลายกว่า หลังจากนั้นจะไปเปิดตัวที่แอฟริกาใต้ เป็นลำดับต่อไป "
alt นอกจากนี้ บริษัทวางแผนทำตลาดรถบรรทุกหัวลาก ที่พร้อมจะเปิดตัวได้ในปลายปีนี้ด้วย โดยนำเข้ามาจากทาทา แดวู ประเทศเกาหลี ใช้เชื้อเพลิงเป็นน้ำมันดีเซล และซีเอ็นจี ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดราคาได้ เพราะรถดังกล่าวคาดว่าจะนำเข้ามาจากอินเดียด้วย และอยู่ระหว่างการกำหนดราคา ที่จะต้องเปรียบเทียบกับประโยชน์ใช้สอยที่ผู้บริโภคได้รับ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวอีกว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว กลุ่มทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย เข้ามาลงทุนและเปิดตลาดรถกระบะในประเทศไทย ได้รับการขานรับมาอย่างดี โดยเฉพาะรถกระบะ ซีนอน ขนาด 1 ตัน ทำให้บริษัทมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาตอบสนองลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิดตัว ไจแอนท์ เป็นรถเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน เครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร รถกระบะพื้นเรียบที่สามารถบรรทุกได้มากขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการใช้เชื้อเพลิงทั้งซีเอ็นจี และน้ำมันดีเซล และมีรถกระบะขนาดต่ำกว่า 1 ตัน ทาทา ซูเปอร์ เอซ ที่นำเข้ามาจากอินเดีย ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้โดย ปี 2555 ทาทา มอเตอร์ส สามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดได้ 20% ปีนี้จะเพิ่มเป็น 25% นำเข้ามาแล้ว 1,600 คัน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,000 คัน มีคู่แข่งคือซูซูกิ และรถนำเข้าจากจีน
"บริษัทมีผลวิจัยตัวสินค้าเพื่อสำรวจว่าลูกค้าพึงพอใจมากแค่ไหน ก็พบว่าได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นในแง่ของยอดขายรถกระบะทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจี พลัส ตัวใหม่ โดย 2 เดือนที่ผ่านมา ขายเกินกว่า 500 คันแล้ว ทำให้มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น"
อย่างไรก็ตามในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พอใจกับยอดขายรถกระบะในไทย โดยขายรถกระบะไปแล้วรวมทั้งสิ้นราว 20,000 คัน และตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจากนี้ไป จะขยายตัวได้อีกเท่าตัว เพราะมั่นใจว่าตลาดในประเทศไทยจะขยายตัวตามโครงการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เช่น การสร้างถนน ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ก็จะทำให้เอื้อต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่งที่ส่วนใหญ่ยังพึ่งพาการขนส่งทางบกมากกว่าขนส่งทางอื่น โดยทาทา มอเตอร์ส จะมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศราว 50 แห่ง โดยตัวแทนจำหน่ายจะขยายตัวตามจำนวนการขยายตัวของการขาย ซึ่งก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีดีลเลอร์รายใดถอนตัวออกไป มีแต่เพิ่มเข้ามาใหม่ หลังจากที่ตัวโปรดักต์ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น
นอกจากนี้ทาทา มอเตอร์ส ยังมีการเชื่อมโยงเครือข่ายทางการผลิตและการตลาดที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน ดังจะเห็นว่าทาทา มอเตอร์ส นอกจากมีตลาดในประเทศไทยและในอาเซียนแล้ว ยังมีการทำตลาดไปทั่วโลกอีก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปเทกโอเวอร์ จากัวร์-แลนด์โรเวอร์ และในส่วนที่เป็นทาทา แดวู ที่ทำรถหัวลากเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังก็มีตลาดรถบัสในสเปน และมีศูนย์ดีไซน์อยู่ในยุโรป โดยทาทา มอเตอร์ส มีฐานการผลิตรถกระจายอยู่ทั่วโลก ประกอบด้วย ที่อินเดีย ผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถกระบะ รวมถึงรถเก๋ง ทาทานาโน ส่วนที่เกาหลีผลิตรถหัวลาก และรถบรรทุกขนาดใหญ่ ส่วนในประเทศไทย จ้างบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ ประกอบรถกระบะ และปลายปีนี้จะมีการนำเข้ารถเก๋งทาทานาโน และรถหัวลากเข้ามาเปิดตลาด ส่วนที่ สเปน จะเป็นฐานการผลิตรถโดยสาร และที่แอฟริกาใต้ เป็นโรงงานประกอบรถบรรทุก และที่อังกฤษ จะเป็นฐานประกอบรถจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ โดยมีฐานลูกค้ากระจายอยู่กว่า 67 ประเทศทั่วโลก
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งบริษัท เมื่อปี 2551 และมีการส่งมอบรถในปี 2552 ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการลงทุนในไทยไปแล้วราว 2 พันล้านบาท โดยยอดขายของทาทา มอเตอร์ทั่วโลกในช่วงเดือนเมษายน 2555 -มีนาคม 2556 จะอยู่ที่ 1 ล้านคันต่อปี เปรียบเทียบกับการขายรถกระบะในประเทศไทย 4 ปี ขายได้ 20,000 คัน หรือเฉลี่ยต่อปีขายได้ 5,000 คัน ยังเป็นสัดส่วนที่น้อย
ปัจจุบัน โครงสร้างการถือหุ้นของ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด จะมีทาทา มอเตอร์ ประเทศอินเดีย ถือหุ้น 90% และบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ ถือหุ้น10% โดยบริษัทธนบุรีฯเป็นพาร์ตเนอร์ 3 รูปแบบคือ 1.เป็นคู่ร่วมทุน 2.เป็นผู้รับจ้างประกอบรถยนต์ให้กับทาทา มอเตอร์ 3.เป็น1 ในดีลเลอร์ หรือ ผู้แทนจำหน่ายด้วย
ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ตลาดอีโคคาร์มีการแข่งขันดุเดือดมาก ประมาณ เรด โอเชี่ยน การที่ทาทา มอเตอร์ส จะนำรถเก๋งเล็กอย่าง นาโน รุ่นใหม่มาเจาะตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย หากนำรุ่นที่มีออพชันแบบเดียวกับที่จำหน่ายในอินเดีย คนไทยคงรับไม่ได้ เพราะพฤติกรรมของคนไทยจะมองเรื่องภาพลักษณ์เป็นหลัก และใช้รถยนต์เป็นเครื่องบ่งบอกสถานะทางสังคม แม้ว่า จะพยายามใช้กลยุทธ์ด้านราคาก็คงไม่ได้ผล เหมือนอย่างที่รถจากจีนยังไม่สามารถเจาะตลาดรถของไทยได้แม้จะทำให้ราคาต่ำกว่าตลาดญี่ปุ่นก็ตาม ตัวอย่าง เช่น รถกระบะเล็กจากจีน พยายามทำราคาต่ำเพียง 3 แสนบาท แต่ไม่สามารถทำยอดขายแข่งขัน ซูซูกิ แครี่ ที่มีราคาเกือบ 4 แสนบาทได้
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=192681:-q4&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417 (http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=192681:-q4&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417)
-
ราคาไม่เกิน 400,000 ถ้าเปิดตัวมาจริงๆ ราคาก็คงใกล้ๆสี่แสนนี่แหล่ะ
ผมคิดว่า นิสสัน มาร์ช ตัว S/MT ราคา 388,000 น่าสนกว่าเยอะนะ
อ่านวรรคสุดท้ายนี่รู้เลยว่า ราคาจะไม่ต่ำแน่ๆ
-
เกิน 2.5 แสนเมื่อไหร่ ผมมองว่าแพง ทาทา นาโนเนี่ยนะ จะขายเกือบสี่แสน ..........
-
ฝันไปเถอะ ใครจะซื้อละถ้าราคาเท่าๆ กับ March S MT หรือ Mirage GL MT
>:( >:(
กลับอินเดียไปเถอะ ราคาเกิน 3 แสนก็แพงจะตายแล้ว สำหรับรถเกรดนี้
-
เกินแสนก้อแพงแล้ว
-
สายไปแล้วครับ TATA สำหรับเมืองไทย
-
เสียงเครื่องยนต์เหมือนเครื่องตัดหญ้าเลยครับ วัสดุ อุปกรณ์ ดีไซน์ มันเเย่มากๆ 2แสนยังคิดหนักเลยนะ
-
ว่ากันตามตรงนะครับ
รูปแบบการใช้ชีวิต ทัศนะคติ และความสามารถในการการใช้จ่าย
ของกลุ่มชนชั้นกลาง ระหว่างไทยกับอินเดียต่างกันมาก
หาก TATA ยังดื้อเอาของที่ไม่อยู่ในสเปค ของคนไทยมาขายอยู่อย่างนี้
ก็รอวันเจ๊งอย่างเดียวครับ
-
ว่ากันตามตรงนะครับ
รูปแบบการใช้ชีวิต ทัศนะคติ และความสามารถในการการใช้จ่าย
ของกลุ่มชนชั้นกลาง ระหว่างไทยกับอินเดียต่างกันมาก
หาก TATA ยังดื้อเอาของที่ไม่อยู่ในสเปค ของคนไทยมาขายอยู่อย่างนี้
ก็รอวันเจ๊งอย่างเดียวครับ
ผมมองว่า tata มาไม่ประกอบในนี้ ราคาแพงๆ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เลยจะขายได้
ใครจะโง่ซื้อรถแบบนี้
จ่ายไม่เกิน 3 แสนก็แพงตายแล้วครับ
สรุป >:( >:( >:(
-
รถอินเดีย ฟังชื่อก็ขำจะตกเก้าอี้แล้ว
อ่าว แล้วรถไทยละ
.......
-
ราคาต่ำ ก็โอเค
แต่สำหรับ ทาทา ต้องมีจุดแข็งอื่นด้วย เช่น "ความประหยัดน้ำมัน ถ้า 600cc ได้ 30 โล/ลิตร" ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะเปรี้ยง ก็ได้
ถ้าราคา ใกล้ 400000 แล้วอัตรากินน้ำมันได้แค่ 25 โล/ลิตร ที่ใกล้กับ มิราจ 22 โล/ลิตร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจคนให้มาใช้ ทาทา ได้ เพราะ Mitsu กับ Nissan มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า ทาทา มากๆ
ถ้าเป็นซูซูกิ ทำมา กดราคาไม่เกิน 4แสน น้ำมันกิน 25 โล/ลิตร ผมว่า Mitsu Nissan มีหนาวครับ เพราะภาพลักษณ์ของซูซูกิ ดีกว่า ในด้านรถเล็ก
ถ้า Alto มา มีลุ้นซื้อครับ หุหุหุ ขอเครื่อง 600cc กินน้ำมัน 30โล/ลิตรครับ ราคาไม่เกิน 400000 ABS Airbags พอคับ
-
ทีแน่ๆต้องแก้พวกศูนย์บริการก่อนครับอยากให้ผู้บริหารTataมาดูตลาดในเมีองไทยก่อนดิครับผมว่า
-
ตกใจตรงที่
ราคาไม่ถึง 4 แสนบาท/คัน เครื่องยนต์ 624 ซีซี
ไม่มีพวงมาลัยพาวเวอร์ และไม่มีวิทยุ
คือ ถ้าอยากแจ้งเกิดรถเล็กในไทยให้ได้ จะต้องเอาตัวเครื่องยนต์ดีเซลมาขาย เท่านั้น ครับ และถ้าทำได้ 30 - 40 กิโลเมตร ต่อ ลิตร จึงจะพอมีจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งทางค่ายญี่ปุ่นในตลาดได้
อีกอย่าง ถ้าจะไปเจาะกลุ่มคนใช้มอเตอร์ไซค์ให้มาใช้รถยนต์แทน อย่างที่ทำมาแล้วในอินเดีย มันทำได้เพราะราคามอเตอร์ไซค์มันคันละ 5 -6 หมื่นบาท แล้วรถทำมาในราคา แสนกว่า มันจึงมีความเป็นไปได้ แต่สำหรับประเทศไทย ที่แจ้งว่าไม่เกิน 4 แสน จะต้องตั้งราคาขายเท่าไหร จึงจะทำให้คนไทยที่ใช้รถมอไซค์มาซื้อได้ล่ะ
-
สายไปแล้วครับ TATA สำหรับเมืองไทย
คิดเหมือนผมเลยครับ
สมัยก่อนผมคลั่งรถทรงนี้มาก แต่ตอนนี้ผมชอบกว้างๆ ประหยัดๆ ศูนย์เยอะๆ ;D
-
อย่าว่าแต่สี่แสน ยี่ห้อนี้ ให้ฟรีผมยังไม่เอา ขี่จักรยานดีกว่า ราคาถูกจริง แต่คุณภาพ รวมถึงบริการหลังการขายแย่มาก ไม่เชื่อใครผ่านมาทางศูนย์บ้านบึง
ลองดู จอดทิ้งเพียบ แบบว่าเจ้าของไม่มาเอาคืน หญ้าท่วมรถเลย
-
ก่อนจะขายรถใหม่ พี่ดูแลรถกระบะที่ขายๆออกไปให้ดีก่อน ดีมั้ยครับ ท่านผู้บริหาร
เวลานี้คนใช้กระบะทาทา ส่ายหน้า ยี้ กันเป็นแถววววววว
-
ถ้า 3 แสนปลายๆ ละก็แพงมาก
-
รู้มั้ย ทำไมทาทาชอบตลาดไทย เพราะมันขายได้แพงกว่าในอินเดีย หักภาษีไทยออก กำไรบาน ทั้งที่ต้นทุนเท่ากัน
อยากรู้ว่า ได้กำไรเยอะมั้ย ลองไปอินเดียดู แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมอยากผลิต อยากขายในไทยนัก ทั้งๆที่ก็ขายไม่ได้เยอะ
-
บร๊ะเจ้า400,000...แพงไปป๊ะ...
-
ถ้ามาราคานี้ ออพชั่นแบบนี้ ไปเล่น Ford Fiesta Ecoboost ยังจะดีกว่าเลย
-
ที่อินเดีย.....
ต้นทุนหน้าโรงงาน 60000 ขายจริง 120000
ที่ไทย.....
ต้นทุนหน้าโรงงาน 60000
ภาษีนำเข้าและอื่นๆ เฉลี่ย 120000 (ไม่มีสนธิสัญญาลดหย่อนภาษีอะไรใช่ป่าวหว่า?)
รวม 180000
ค่าขนส่งเฉลี่ยคันละ 20000 แล้วกัน XD
รวมต้นทุนในไทยทั้งสิ้น 200000
เอากำไรซักแสนนึง (บริษัท+ดีลเลอ+ค่าดำเนินการ+ค่าการตลาดอื่นๆ) ก็รวมเป็น 300000
เออ...มันโหดตรงภาษีนี่เอง เหอๆ
-
เปิดราคามาแบบนี้ ถ้าจะขายยาก รสนิยมการซื้อรถของคนไทย ถึงแม้ว่าจะมีตลาดที่ต้องการรถราคาไม่แพง
แต่พวกเขาก็ยังถวิลหาความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไปนะครับ
-
ที่อินเดีย.....
ต้นทุนหน้าโรงงาน 60000 ขายจริง 120000
ที่ไทย.....
ต้นทุนหน้าโรงงาน 60000
ภาษีนำเข้าและอื่นๆ เฉลี่ย 120000 (ไม่มีสนธิสัญญาลดหย่อนภาษีอะไรใช่ป่าวหว่า?)
รวม 180000
ค่าขนส่งเฉลี่ยคันละ 20000 แล้วกัน XD
รวมต้นทุนในไทยทั้งสิ้น 200000
เอากำไรซักแสนนึง (บริษัท+ดีลเลอ+ค่าดำเนินการ+ค่าการตลาดอื่นๆ) ก็รวมเป็น 300000
เออ...มันโหดตรงภาษีนี่เอง เหอๆ
ตรงภาษีนี่ เห็นแล้วก็เซ็งนะครับ
รถบางประเทศที่ภาษีเต็ม ขาย 3 ล้านยังเงี้ย
ทุนมันสมมติ 1 ล้าน โดนภาษีมหาโหดไป เลยขาย 3 ล้าน
คนซื้อบางท่านอาจจะลืมคิด พอดูรถแล้ว อืมม ไม่สมราคารถ 3 ล้านเลย 3 ล้า่นเลยนะโว้ย..ได้แค่นี้ บลา ๆ
แต่จริง ๆ มันคือรถล้านเดียว เหมือนเราซื้อของ 1 ล้าน แต่จ่าย 3 ล้าน วัสดุ ออฟชั่นมันก็คือในวงเงิน ล้านเดียวอ่ะครับ
น่าเศร้ามาก
-
มาราคานี้เตรียมม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย มิราจ น่าสนกว่าเยอะ
-
ราคานี้ Brio ล๊อตแรกยังน่าใช่กว่าอีกจ้า........... ;D
-
เคยเจอตัวเก่า เครื่องวางหลัง เล็กมาก ล้อเท่า มอเตอร์ ไซด์คลิก มิล่ายังน่าใช้กว่าเลย
-
ซัก 180000 ยังพอไหว ล่อไป เกือบ 400000 เอาตัวล่าง eco car ยังดูดีกว่าซะอีก
-
ถ้าคิดจะเอามาแข่งกับมอเตอร์ไซด์ราคาควรไม่เกินแสนต้นๆถึงจะทำให้ค่าผ่อนต่อเดือนต่างกันนิดเดียว แต่นี่ราคาล่อไปเกือน 4 แสน บ่องตงถ้าอยากได้รถยนต์แล้วตังไม่ค่อยมีผมซื้อสามห่วงดีกว่า