Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HOMY_DEMIO ที่ สิงหาคม 05, 2013, 14:36:12
-
ผมรวบรวมข่าว อีโคคาร์เฟส 2 ที่จะต้องมีความจุเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร
ราคาคันละ 4-4.5 แสนบาท จากสิทธิ์ภาษี 14%
-----------------------------
5 ค่ายรถเกาะติดอีโคคาร์ 2 คาดดันเครื่องยนต์ 1000 ซีซีราคา 4.5 แสนบูมตลาด
ผู้ผลิตอีโคคาร์เกาะติดนโยบาย ก.อุตฯ ดัน อีโคคาร์ 2 บูมตลาดรถใหม่ เคาะเงื่อนไขลงทุนเร็วๆ นี้ คาดเป็นรถเล็กเครื่องยนต์ 1000ซีซีแนวโน้มราคา 4-4.5 แสนบาทต่อคันเท่ารถคันแรก ส.อ.ท.ออกโรงเตือนรัฐรอบคอบควรให้เวลา 5 รายเก่า 8 ปี ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ บุกพบ รมว.อุตฯ วันนี้ช่วยดูแลเอสเอ็มอีและชัดเจนอีโคคาร์ 2
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังศึกษาที่จะเปิดเป็นระยะที่ 2 ภายใน 1 เดือนนี้ว่า ขณะนี้ค่ายรถยนต์กำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ารถยนต์ที่เหมาะสมจะทำอีโคคาร์ 2 จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1000 ซีซีที่ต่ำกว่าอีโคคาร์แรกที่มีขนาดไม่เกิน 1200 ซีซี ซึ่งจะทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร และจะสอดรับกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่คาดว่าจะอยู่ระดับประมาณ 14% ดังนั้นภาพรวมราคารถรุ่นนี้หากออกมาใหม่ราคาเฉลี่ยจะคล้ายกับรถยนต์คันแรกคือประมาณคันละ 4-4.5 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวหลักการนั้นถือเป็นนโยบายที่ดีแต่อยากให้ดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ ให้เวลาผู้ผลิต 5 รายเดิมที่ได้เข้ามาลงทุนผลิตรถอีโคคาร์อยู่แล้วก่อน 8 ปีหรืออีโคคาร์ 2 ควรเกิดในปี 2561 เนื่องจากการลงทุนระยะแรกได้กำหนดให้มีการผลิตอีโคคาร์ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป แต่ละรายต้องมีการผลิตไม่ต่ำกว่า 1 แสนคันต่อปี
ค่ายรถ 5 รายที่ลงทุนอีโคคาร์เฟสแรกได้มีการเปิดขายรายแรกเมื่อ 3 ปีก่อนซึ่งก็เท่ากับเพิ่งเริ่มไป 3 ปีเอง และโตโยต้าจะเปิดในสิ้นปีนี้ ดังนั้นเมื่อมีการเปิดปีที่ 5 การผลิตก็จะต้องเป็นแสนคันต่อปี แต่ละรายก็ลงทุนสูงควรจะให้เวลาก่อนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและให้ความเป็นธรรมแก่นักลงทุน นายศุภรัตน์กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ค่ายรถยนต์ 5 ค่าย ได้แก่ โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ และซูซูกิ ซึ่งได้รับส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ลอตแรกไปแล้วนั้นไม่เห็นด้วยที่จะประกาศส่งเสริมปีนี้และสามารถขยายการลงทุนได้ทันทีปี 2557 เพราะกลัวเกรงว่าเงื่อนไขจะออกมาทำให้เกิดการเสียเปรียบโดยเฉพาะค่ายโตโยต้าที่เปิดตัวช้าสุด ขณะอีโคคาร์ 2 จะเอื้อให้ค่ายอื่นๆ เช่น ฟอร์ด มาสด้า ฯลฯ ลงมาเล่นตลาดรถเล็กได้มากขึ้น
แหล่งข่าวจาก ส.อ.ท.กล่าวว่า วันนี้ (5 ส.ค.) สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยและกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ส.อ.ท.จะเข้าพบกับนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เพื่อสอบถามถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตามยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะต้องการให้บีโอไอดูแลผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยที่ขณะนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากและยังได้รับการส่งเสริมฯ จากบีโอไอทำให้อนาคตชิ้นส่วนของไทยจะอยู่ลำบาก จึงเห็นว่าการส่งเสริมฯ ควรจะพิจารณาเฉพาะกับชิ้นส่วนที่ไม่มีคนไทยผลิตเท่านั้น ขณะเดียวกันจะสอบถามถึงนโยบายอีโคคาร์ 2 ด้วย ซึ่งควรจะให้ความสำคัญต่อผู้ประกอบการไทยที่เป็นเอสเอ็มอีให้มากขึ้น
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000096284 (http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000096284)
-
เร่งสรุปเงื่อนไขลงทุนอีโคคาร์เฟส2
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางอรรชกา สีบุญเรือง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณารายละเอียดการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) ระยะที่ 2 ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ซึ่งจะพิจารณาเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน คาดว่า ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน และจะเร่งประกาศนโยบาย เพื่อให้ผู้ประอบการตัดสินใจลงทุน
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า หลังจากคณะทำงานพิจารณารายละเอียดส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ระยะที่ 2 ได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์ คาดว่า จะประกาศนโยบายส่งเสริมการลงทุนได้ภายในปี 56 และผู้ประกอบการสามารถขยายการลงทุนได้ในปี 57
สำหรับการกำหนดสิทธิประโยชน์อีโคคาร์ระยะที่ 2 ในส่วนของภาษีสรรพสามิตจะพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังที่ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ จากระยะที่ 1 อยู่ที่ 17 % ซึ่งโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ของกระทรวงการคลังเป็นกรอบใหญ่ที่ใช้กับรถยนต์ทุกประเภท แต่สิทธิประโยชน์ของอีโคคาร์ จะแยกออกมา เพราะภาครัฐต้องการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประเภทนี้ให้เป็นโปรดักแชมเปี้ยน จึงต้องมีสิทธิประโยชน์อื่นเพิ่ม โดยมาตรการส่งเสริมการลงทุนนี้ จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากขึ้น และช่วยสนับสนุนให้การผลิตรถยนต์เป็นไปตามเป้าหมาย 3 ล้านคัน ภายในปี 60
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เงื่อนไขการขอรับส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ระยะที่ 1 กำหนดให้บริษัทรถยนต์ต้องมีการผลิตจริง 100,000 คัน ภายใน 5 ปี โดยอัตราการใช้น้ำมันต้องไม่เกิน 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร การปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม ต่อ กิโลเมตร รวมทั้งผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 หรือสูงกว่า และความปลอดภัยไม่น้อยกว่ามาตรฐานบังคับในยุโรป และต้องมีการผลิตเครื่องยนต์ การผลิตระบบส่งกำลัง การผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย
http://www.dailynews.co.th/businesss/222156 (http://www.dailynews.co.th/businesss/222156)
-
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล หรือ อีโคคาร์ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังศึกษาเพื่อที่จะเปิดเป็นระยะ (เฟส) ที่ 2 ภายใน 1 เดือนนี้ ว่า ขณะนี้ค่ายรถยนต์ต่างๆกำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาล ในเบื้องต้นคาดว่ารถยนต์ที่เหมาะสมจะทำอีโคคาร์ 2 จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี ซึ่งต่ำกว่าอีโคคาร์เฟสแรก ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,200 ซีซี
ทั้งนี้ จะทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร (กม.) และจะสอดรับกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 14% ดังนั้นภาพรวมราคาของรถรุ่นนี้หากออกมาใหม่ ราคาเฉลี่ยจะคล้ายกับรถยนต์คันแรก คือประมาณคันละ 4-4.5 แสนบาท
สำหรับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ในหลักการแล้ว ส.อ.ท.มองว่าถือเป็นนโยบายที่ดี แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ ให้เวลากับผู้ผลิต 5 รายเดิม ที่ได้เข้ามาลงทุนผลิตรถอีโคคาร์อยู่แล้วก่อน 8 ปี หรืออีโคคาร์ 2 ควรเกิดในปี 2561 เนื่องจากการลงทุนระยะแรกได้กำหนดให้มีการผลิตอีโคคาร์ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป แต่ละรายต้องมีการผลิตไม่ต่ำกว่า 1 แสนคันต่อปี
ค่ายรถ 5 ราย ที่ลงทุนผลิคอีโคคาร์ในเฟสแรก ได้มีการเปิดขายรายแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งก็เท่ากับเพิ่งเริ่มไป 3 ปีเอง และโตโยต้าจะเปิดในสิ้นปี 2556 นี้ ดังนั้นเมื่อมีการเปิดปีที่ 5 การผลิตก็จะต้องเป็นหลักแสนคันต่อปี แต่ละรายจะต้องลงทุนสูง ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมควรจะให้เวลากับค่ายรถก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเป็นธรรมต่อนักลงทุนนายศุภรัตน์กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า ค่ายรถยนต์ 5 ค่าย ได้แก่ โตโยต้า ,ฮอนด้า ,นิสสัน ,มิตซูบิชิ และซูซูกิ ซึ่งได้รับส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ในเฟสแรกไปแล้วนั้น ไม่เห็นด้วยที่จะประกาศส่งเสริมใหม่ในปี 2556 นี้ และสามารถขยายการลงทุนได้ทันทีปี 2557 เพราะเกรงว่าเงื่อนไขที่จะออกมาจะทำให้เกิดการเสียเปรียบ โดยเฉพาะค่ายโตโยต้าที่เปิดตัวอีโคคาร์ช้ากว่าค่ายรถยนต์อื่นๆ ขณะอีโคคาร์ 2 จะเอื้อให้ค่ายรถยนต์อื่นๆ เช่น ฟอร์ด และมาสด้า เป็นต้น เข้ามาลงทุนในตลาดรถเล็กได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 สิงหาคม 2556 นี้ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ส.อ.ท. จะเข้าพบนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เพื่อสอบถามถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุน ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตามยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะต้องการให้ทางบีโอไอดูแลผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยมากขึ้น
โดยขณะนี้มีผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอด้วย ทำให้อนาคตผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยจะอยู่อย่างลำบาก ดังนั้นการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ จึงควรจะพิจารณาเฉพาะกับชิ้นส่วนที่ไม่มีคนไทยผลิตเท่านั้น ขณะเดียวกันจะสอบถามถึงนโยบายอีโคคาร์ 2 ด้วย ซึ่งควรจะให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการไทยที่เป็นเอสเอ็มอีให้มากขึ้น
http://www.naewna.com/business/62909 (http://www.naewna.com/business/62909)
-
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2511999)
ใช้ E85 ได้เหลือ 12% เองนะครับ ;)
-
...4-4.5 แสนบาท... แสดงว่า เกียร์ธรรมดา 4 แสน เกียร์ออโต้ 4.5 แสน
ผมว่ามันก็ยังไม่ถูกนะ จะดีกว่าถ้าอยู่ที่ 3 - 3.5 แสน คือ เอาแบบให้มันเป็น E-CO Car คันเล็กๆให้ใช้ในเมืองจริงๆ ไปเลย
-
ผมรวบรวมข่าว อีโคคาร์เฟส 2 ที่จะต้องมีความจุเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร
ราคาคันละ 4-4.5 แสนบาท จากสิทธิ์ภาษี 14%
-----------------------------
5 ค่ายรถเกาะติดอีโคคาร์ 2 คาดดันเครื่องยนต์ 1000 ซีซีราคา 4.5 แสนบูมตลาด
ผู้ผลิตอีโคคาร์เกาะติดนโยบาย ก.อุตฯ ดัน “อีโคคาร์ 2” บูมตลาดรถใหม่ เคาะเงื่อนไขลงทุนเร็วๆ นี้ คาดเป็นรถเล็กเครื่องยนต์ 1000ซีซีแนวโน้มราคา 4-4.5 แสนบาทต่อคันเท่ารถคันแรก ส.อ.ท.ออกโรงเตือนรัฐรอบคอบควรให้เวลา 5 รายเก่า 8 ปี ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ บุกพบ รมว.อุตฯ วันนี้ช่วยดูแลเอสเอ็มอีและชัดเจนอีโคคาร์ 2
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังศึกษาที่จะเปิดเป็นระยะที่ 2 ภายใน 1 เดือนนี้ว่า ขณะนี้ค่ายรถยนต์กำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ารถยนต์ที่เหมาะสมจะทำอีโคคาร์ 2 จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1000 ซีซีที่ต่ำกว่าอีโคคาร์แรกที่มีขนาดไม่เกิน 1200 ซีซี ซึ่งจะทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร และจะสอดรับกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่คาดว่าจะอยู่ระดับประมาณ 14% ดังนั้นภาพรวมราคารถรุ่นนี้หากออกมาใหม่ราคาเฉลี่ยจะคล้ายกับรถยนต์คันแรกคือประมาณคันละ 4-4.5 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวหลักการนั้นถือเป็นนโยบายที่ดีแต่อยากให้ดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ ให้เวลาผู้ผลิต 5 รายเดิมที่ได้เข้ามาลงทุนผลิตรถอีโคคาร์อยู่แล้วก่อน 8 ปีหรืออีโคคาร์ 2 ควรเกิดในปี 2561 เนื่องจากการลงทุนระยะแรกได้กำหนดให้มีการผลิตอีโคคาร์ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป แต่ละรายต้องมีการผลิตไม่ต่ำกว่า 1 แสนคันต่อปี
“ค่ายรถ 5 รายที่ลงทุนอีโคคาร์เฟสแรกได้มีการเปิดขายรายแรกเมื่อ 3 ปีก่อนซึ่งก็เท่ากับเพิ่งเริ่มไป 3 ปีเอง และโตโยต้าจะเปิดในสิ้นปีนี้ ดังนั้นเมื่อมีการเปิดปีที่ 5 การผลิตก็จะต้องเป็นแสนคันต่อปี แต่ละรายก็ลงทุนสูงควรจะให้เวลาก่อนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและให้ความเป็นธรรมแก่นักลงทุน” นายศุภรัตน์กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ค่ายรถยนต์ 5 ค่าย ได้แก่ โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ และซูซูกิ ซึ่งได้รับส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ลอตแรกไปแล้วนั้นไม่เห็นด้วยที่จะประกาศส่งเสริมปีนี้และสามารถขยายการลงทุนได้ทันทีปี 2557 เพราะกลัวเกรงว่าเงื่อนไขจะออกมาทำให้เกิดการเสียเปรียบโดยเฉพาะค่ายโตโยต้าที่เปิดตัวช้าสุด ขณะอีโคคาร์ 2 จะเอื้อให้ค่ายอื่นๆ เช่น ฟอร์ด มาสด้า ฯลฯ ลงมาเล่นตลาดรถเล็กได้มากขึ้น
แหล่งข่าวจาก ส.อ.ท.กล่าวว่า วันนี้ (5 ส.ค.) สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยและกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ส.อ.ท.จะเข้าพบกับนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เพื่อสอบถามถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตามยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะต้องการให้บีโอไอดูแลผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยที่ขณะนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากและยังได้รับการส่งเสริมฯ จากบีโอไอทำให้อนาคตชิ้นส่วนของไทยจะอยู่ลำบาก จึงเห็นว่าการส่งเสริมฯ ควรจะพิจารณาเฉพาะกับชิ้นส่วนที่ไม่มีคนไทยผลิตเท่านั้น ขณะเดียวกันจะสอบถามถึงนโยบายอีโคคาร์ 2 ด้วย ซึ่งควรจะให้ความสำคัญต่อผู้ประกอบการไทยที่เป็นเอสเอ็มอีให้มากขึ้น
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000096284 (http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000096284)
กราบขอบคุณสำหรับข่าวสารนะครับท่าน
อ่านแล้วยังงงครับ ตกลงรถอีโคคาร์เฟส 2 เครื่อง 1000 cc ราคา คันละ 4 - 4.5 แสนบาท
ทางนั้นเค้าเขียนข่าวผิดหรือเปล่าครับ เพราะราคาต่อคันมันน่าจะอยู่ที่ 1 - 1.5 แสนบาท สูงสุดน่าจะอยู่ที่ 2 แสนบาท หรือไม่งั้นรุ่นท็อปสุดสำหรับเครื่องแบบ 1000 cc ก็ควรจะอยู่ที่ 3 แสนปลายๆ
ถ้าราคาต่อคัน ตั้ง 4 - 4.5 แสนบาทจริง เป็นผม รถมันประหยัดนํ้ามันแค่ไหนก็ไม่ซื้อครับ ราคาระดับ 4 แสนกว่าๆแบบนี้ไปซื้อรถอีโคคาร์เครื่อง 1200 cc รุ่นกลางๆ ค่อนท็อปได้เลย แถมดีกว่าด้วย เรื่องประหยัดแน่นอน ว่ามันคงสู้แบบพวกเครื่อง 1000cc ไม่ได้ แต่สำหรับคนที่ต้องการรถที่สามารถใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันทั่วๆไปได้ ในงบที่จำกัด ถ้าซื้อก็ต้องซื้อให้มันคุ้มค่าไปเลย ใช้ยาว ( ยกเว้นว่าบ้านรวย หรือ มีพื้นที่จอดรถเยอะ สามารถหาซื้อรถได้หลากหลายแบบมาใช้งาน อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง )
-
เฟสนี้ ผมว่าขอเป็นรถคันที่สอง ใช้ขับเข้าเมือง จะเวิร์คมากเลยครับ ราคาเกียร์อัตโนมัติ 299,000 ไหวไหมครับ
เครื่อง 800 - 1000
3 ประตู และปัดหลัง (เข้าใจว่ารถ 3 ประตูขายยาก และต้นทุนสูง T .T)
เกียร์ CVT
ABS และถุงลมฝั่งคนขับ และโครงสร้างนิรภัย
กุญแจ Immo (ใส่รีโมทให้ตัวท๊อป)
กระจกไฟฟ้าแค่คู่หน้า (สวิตช์เอาไว้ตรงคันเกียร์ก็ได้ จะได้ไม่ต้องทำเยอะ)
คู่หลังมือหมุน หรือ ฝากระดกไปเลย
วิทยุ FM และ USB ลำโพง 2 ตัว
ประหยัดน้ำมันในเมือง เฉลี่ยเกิน 16 กม.ลิตร
นอกเมือง เอาซัก 30 ไปโลด
Flex Fuel
ไฟหน้า ฮาโลเจน ไฟท้ายหลอดไส้ธรรมดา
ล้อกระทะสีเงินเงา และดุมโครเมี่ยม
กระจกมองข้างสีดำ แต่มือจับทำสี
กระจกมองข้างปรับมือ (เอาก้านในรถนะ ขี้เกียจเปิดกระจก)
ห้ามถามว่า รถสมัยนี้ยังมีออพชั่นแค่นี้หรอ แหงล่ะ ก็ที่มันแพงไม่ใช่เพราะออพชั่นหรอ?
แฮปปี้ละ
-
ถ้ามาจริงน่าจะเป็น Suzuki Alto, Nissan Pixo
ECO car แท้ๆๆ ไม่มี B-car ตีตั๋วเด็ก
น่าใช้ดีครับ
-
ถ้ามาจริงน่าจะเป็น Suzuki Alto, Nissan Pixo
ECO car แท้ๆๆ ไม่มี B-car ตีตั๋วเด็ก
น่าใช้ดีครับ
Pixo จะหยุดผลิตที่อินเดียแล้วนะครับ
เพราะหมดสัญญากับซูซูกิ
และไม่แน่ใจว่านิสสันจะทำ A-car (ไม่ใช่ดัทสัน) เองหรือเปล่า
แต่กรณีของ suzuki ที่มาโวย ผมว่า alto 2014 คงใส่เครื่อง 1.2 แน่ ๆ
พอมีแผนนี้ออกมาเลยไม่พอใจ
-
สอบถามนะครับ โครงการ K-Car ในบ้านเรา มีสิทธิ์เป็นไปได้สูงไหมครับ
เห็นว่าญี่ปุ่นกำลังขยายตลาดออกนอกประเทศอยู่
-
สอบถามนะครับ โครงการ K-Car ในบ้านเรา มีสิทธิ์เป็นไปได้สูงไหมครับ
เห็นว่าญี่ปุ่นกำลังขยายตลาดออกนอกประเทศอยู่
ต้องตามต่อไปเรื่อย ๆ
เพราะนโยบาย เคคาร์โกอินเตอร์ กับ อีโคคาร์ 1.0 ลิตร
เป็นจิ๊กซอว์ที่เพิ่งเริ่มครับ
-
4แสน เครื่อง 1000 เจริญเถอะ แพงเว่อร์มาก
เริ่มต้นสัก 3แสนต้นกำลังสวยเลย
สำหรับคนที่เงินเดือนไม่เยอะแต่จำเป็นต้องใช้รถ
-
อยากให้เป็น A-segment ขยายร่าง หลังคาสูง ฐานล้อสัก 2350-2400 ต้นๆ ยาวสัก 3.6-3.7 ม. ถ้ามีเก๋งด้วยจะดีมากครับ
ราคา ตัว top ไม่เกิน 4.5 แสนตัวล่างๆ 2 ปลายถึง 3 ต้นๆ
-
ถ้าเครื่อง 1ลิตร สี่แสนกว่า
ผมก็ยังคงเลือก มาสด้า2 ตัวล่างสุด 5แสนแปด อยู่ดี -.-
-
ส่วนตัวผมว่าน่าจะพอก่อนนะครับ สำหรับโครงการสนับสนุนให้ซื้อรถ น่าจะเอางบมาขยายโครงการขนส่งสาธารณะต่างๆ ดีกว่า เพราะแค่โครงการแรกนี่ก็เห็นผล ทำให้รถติด และปัญหาหนี้เน่า มลพิษ ตามมาเป็นพรวนเลย :'(
-
ผมเชื่อว่ามันมาดึงยอดขายอีโค่ารได้เยอะเลยดูแล้วราคานี้
และราคารถมือสองก็จะตกต่ำลงอีก
ว่าไปแล้วฟอร์ดเข้าทางเลยนะมีเครื่องยนต1.0 turbro ที่มีสมรรถนะดี
-
อยากได้ N one
-
ถ้า Ford อารมณ์ขึ้น เอา Ka รุ่นถัดไป วาง 1.0EcoBoost มาจะเกิดอะไรขึ้น?
ผล: ไม่เกิดอะไร เพราะเป็นไปไม่ได้(หรือยาก) :'(
ถ้ามีจริงๆมันก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้ประหยัดๆกันอีก คราวนี้ขอ 23-25 กม/ลิตร กับไอเสียต่ำกว่า 100 g/km ไหวมั้ยเนี่ย
แต่ถ้าให้ดี ดูแลรถเก่าหน่อยเถอะ ออกกฏหมายว่าติดแก๊สรัฐจ่ายครึ่งหนึ่ง หรือไม่ก็จูนติด E85 รัฐแจก 5 พันก็ว่าไป ทำไงก็ได้ให้ปล่อยไอเสียน้อยลง
ผมว่าเป็นทางออกที่ดีไม่แพ้กันเลย สำหรับคนที่งบไม่พอเปลี่ยนรถ
-
ถ้า Ford อารมณ์ขึ้น เอา Ka รุ่นถัดไป วาง 1.0EcoBoost มาจะเกิดอะไรขึ้น?
ผล: ไม่เกิดอะไร เพราะเป็นไปไม่ได้(หรือยาก) :'(
ถ้ามีจริงๆมันก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้ประหยัดๆกันอีก คราวนี้ขอ 23-25 กม/ลิตร กับไอเสียต่ำกว่า 100 g/km ไหวมั้ยเนี่ย
แต่ถ้าให้ดี ดูแลรถเก่าหน่อยเถอะ ออกกฏหมายว่าติดแก๊สรัฐจ่ายครึ่งหนึ่ง หรือไม่ก็จูนติด E85 รัฐแจก 5 พันก็ว่าไป ทำไงก็ได้ให้ปล่อยไอเสียน้อยลง
ผมว่าเป็นทางออกที่ดีไม่แพ้กันเลย สำหรับคนที่งบไม่พอเปลี่ยนรถ
แผนของ Ford Value-B คือตัดเทอร์โบทิ้งนะ เน้นฉีดตรง (แค่นี้หรูมากแล้วสำหรับตลาดเกิดใหม่)
-
ถ้า Ford อารมณ์ขึ้น เอา Ka รุ่นถัดไป วาง 1.0EcoBoost มาจะเกิดอะไรขึ้น?
ผล: ไม่เกิดอะไร เพราะเป็นไปไม่ได้(หรือยาก) :'(
ถ้ามีจริงๆมันก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้ประหยัดๆกันอีก คราวนี้ขอ 23-25 กม/ลิตร กับไอเสียต่ำกว่า 100 g/km ไหวมั้ยเนี่ย
แต่ถ้าให้ดี ดูแลรถเก่าหน่อยเถอะ ออกกฏหมายว่าติดแก๊สรัฐจ่ายครึ่งหนึ่ง หรือไม่ก็จูนติด E85 รัฐแจก 5 พันก็ว่าไป ทำไงก็ได้ให้ปล่อยไอเสียน้อยลง
ผมว่าเป็นทางออกที่ดีไม่แพ้กันเลย สำหรับคนที่งบไม่พอเปลี่ยนรถ
แผนของ Ford Value-B คือตัดเทอร์โบทิ้งนะ เน้นฉีดตรง (แค่นี้หรูมากแล้วสำหรับตลาดเกิดใหม่)
ฉีดตรงจะเหมาะกับบ้านเราไหมนะครับ เพราะว่าบ้านเรา ต้องเติม E85 ได้ด้วยนะครับ
น่าเป็นห่วงจัง
แต่ผมขอฉีดคู่พอครับ แบบนิสสัน
-
แต่ก่อนคงได้แต่ขำกับโครงการนี้ จะไหวเหรอ เครื่องแค่นั้น จะวิ่งออกหรือ เอามาก็ขายไม่ได้...บลาๆๆๆ
แต่พอมองราคาน้ำมันในปัจจุบัน รถผม Fiesta เต็มถัง ในเมืองได้เฉลี่ย 350 โล
รถเพื่อเป็นนิสันมาชร์ ได้ เกือบ 500 โล
ทำไห้ต้องเปลี่ยนมุมมองต่อรถ Eco car ใหม่เลยครับ ประหยัดมาก ถึงแม้ว่าพวกอตราเร่งจะด้อยกว่า
แต่มันก็ชดเชยด้วยเงินในกระเป๋าที่จ่ายไปน้อยกว่าด้วยเช่นกัน
ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่มาก ยังไงพวกเขาก็คาดหวังกับความประหยัดน้ำมันเป็นหลักด้วย
อีกทั้งตลาดราคาที่ต่ำกว่า 4 แสน ก็ยังเปิดกว้าง
ค่ายไหนขยับตัวก่อนก็ได้เปรียบชิงยอดขายได้เยอะแน่ๆครับ
-
เตรียมพบกับ,,, เครื่อง 1.0 Ecoboost + เกียร์ธรรมดา (http://www.soccersuck.com/soccer/images/smiles/d5f02ecd.gif)
-
ใจจริงไม่อยากให้รัฐแทงแซงเรื่องตลาดรถยนต์เท่าไรอยากให้เป็นไปตามกลไกลตลาดมากกว่าที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่ายิ่งแทรกแซงผมกระทบยิ่งมากทั้งเรื่อง
รถติด มลพิษ กระทบยอดตก Fake Demand หนี้เน่า
เอาเงินไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพและไม่คอรับชั่นดีกว่าครับ
-
เอา Focus 1.0 Ecoboost มาตีตั๋วเด็กเลย เอิ้กๆ
หรือเอาโครงการ N-One (Premium K-Car) มาต่อยอดเป็น โครงการ Eco-Car เฟส 2 ในไทยไปเลย หุหุ (อย่าทำดูถูกแบบ Brio อีกนะเฟ้ย >:( )
-
อยากได้ N one
N one เหมือนกัน
ถ้าได้มาจะแฮปปี้มาก ;D ;D
-
อัตราสิ้นเปลืองไม่ต่ำกว่า 20 - 25 กม./ล.
รองรับ E85
ปล่อยมลพิษต่ำกว่า 100 มก./กม.
ถ้ามาตามนี้อาจจะต้องออกกฎอะไรมาเพิ่มอีกซักข้อเพื่อสร้างแต้มต่อให้กับ 5ยี่ห้อที่ขอก่อนหน้านี้
อาจจะให้ใช้การวัดอัตราความสิ้นเปลืองโดยใช้น้ำมัน E20 - E85 แทนใช้ เบนซินทั่วไปก็ได้ แค่นั้นก็ต้องเซ็ทให้เครื่องประหยัดกว่าปกติ 7- 25% แล้วครับ
หลังจจากจบเรื่อง อีโค่คาร์เฟส2 แล้ว ยังมีเรื่องให้มันกันต่ออีกครับ
สเปครถกระบะใหม่บ้านเรา ที่ตอนนี้ติดเรื่องน้ำหนักรถที่ 1600 กก. ซึ่งตอนนี้ทุกยี่ห้อก็แทบจะหนักเกินกันอยู๋แล้ว
ยิ่งถ้าไฮลักซ์ตัวใหม่จะออก ยิ่งไม่น่ารอด
ตอนนี้เห็นว่าจะขอขยับไปเป็น 2.2 - 2.5 ตัน
เรื่องทุกอย่างทำมาหมดแล้ว เหลือแค่ว่าจะเข้า ครม. เมื่อไหร่เท่านั้นเอง