Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Phongrapee ที่ สิงหาคม 13, 2013, 20:53:21
-
เอาตรงๆเลยนะครับ ผมมีความรู้สึกว่าไฟตัดหมอกหลังมันไม่มีความจำเป็นใดๆเลยในการเอามาติดตั้งบนรถ เมื่อวานขับรถกลับบ้านในขณะที่ฝนตกหนัก ผมตามหลังรถคันนึงซึ่งเปิดไฟตัดหมอกหลัง ซึ่งในสภาพอากาศปกติมันก็แยงตามากพอดู และพอฝนตก กระจกหน้ารถเปียกน้ำ แสงไฟที่มันพุ่งผ่านน้ำมันเกิดการหักเหหรือไม่อย่างไรผมก็ไม่ทราบได้ มันยิ่งทำให้ภาพข้างหน้ายิ่งเบลอหนักเข้าไปอีก ผมรู้สึกว่าแค่ไฟท้ายรถมันก็สว่างมากพอที่จะทำให้เราเห็นรถคันหน้าได้อย่างชัดเจนแล้วล่ะ ยิ่งรถรุ่นใหม่ๆที่เป็นไฟ LED หรืออะไรเนี่ย ไม่ว่าจะในสภาวะฝนตกหรือมีหมอกควัน เพราะเคยขับรถในสภาพอากาศที่มีหมอก ก็พบว่าผมสามารถมองเห็นไฟท้ายรถคันหน้าและขับอย่างระมัดระวังได้ แล้วก็ไม่มีการจับกุมอย่างจริงจังตามที่ประกาศไว้ เท่านี้แหละครับ
ป.ล. ความเห็นส่วนตัวครับ
-
จริงๆผมว่า ขอร้องให้คุณตำรวจ ตั้งด่านดีกว่าครับ
เพราะต่อให้รถยนต์รุ่นต่อไปเลิกใส่ไฟตัดหมอก มันก็ยังมีรุ่นเก่าๆอยู่ดี , พวกมันก็ไปติดกันเองได้อยู่ดี
-
ไฟตัดหมอกยังไม่เท่าไหร่
ลองเจอกระบะเก่าๆ ไฟท้าย+ไฟเบรคไม่ติด ซิครับ สยองกว่าเยอะ เกือบชนท้ายไม่รู้ตัว
ให้เจ้าหน้าที่คุมเรื่องนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปเข้มกับไฟตัดหมอกดีกว่าครับ
-
บางครั้งผมก็เปิดนะครับเวาลาขึ้นเหนือหมอกมันลงกลัวโดนชน ฝนตกหนักมากผมก็ใช้
มุมมองผมมีมันมีก็ดีแต่ใช้ให้เป็นดีกว่าจำเป็นต้องใช้แล้วไม่มี
คหสต นะครับ
-
อยู่ที่คนใช้ครับ ว่าเข้าใจมันรึเปล่า
ไม่ใช่บริษัทผู้ผลิต มีน่ะดีแล้ว แต่ต้องใช้ให้เป็น
-
อยู่ที่คนไม่ใช่ที่รถ ฝนตกหนักๆนั่นแหละที่เปิดได้ตำรวจยังว่าไม่เป็นไรเลย ดีกว่าไปเปิดไฟฉุกเฉินวิ่ง ส่วนเปิดตอนสภาพอากาศดีๆนั่นไม่สมควรเปิด
-
ในมุมมองของผม เวลาวิ่งต่างจังหวัดแล้วฝนตกหนัก มันทำให้ผมมองเห็นคันหน้าได้ชัดเจนขึ้นอย่างมาก
โดยเฉพาะในสถานการ์ที่ฝนตกหนักจนขาวไปหมด ลำพังไฟท้ายของรถทั่วไปที่เป็นหลอดไส้ แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เหมือนไฟตัดหมอกหน้า รถยนต์ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้ว ไฟจะกระจายออกข้างและกดลงต่ำ ช่วยให้เห็นพื้นถนนชัดเจนขึ้น
พวกที่เป็นปัญหาคือไปติดกันเองโดยไม่ได้มาตรฐาน มากกว่าครับ
มันเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ดีและควรมี หากแต่ผู้ใช้ต้องศึกษาการใช้งานและเคารพสิทธิ์ของผู้ร่วมใช้ถนนเท่านั้นเอง
-
ถ้าใช้ถูกจังหวะมันก็ดีไป ถ้าเจอแล้วไม่ชอบก็ให้คันอื่นแซงไป หรือเปลี่ยนเลนไปแ่ค่นั้นก็จบละครับ จะวิ่งตามเค้าไปเรื่อยๆทำไม
-
ถ้าเราเห็นแล้วแยงตา แสดงว่าผู้ใช้ก็ยังใช้ไม่ถูกเวลาครับ
แต่ก็ยังนับว่าดีกว่าพวกที่เปิดเอาเท่ห์ทุกเวลาที่สภาพอากาศโปร่งใส
มีดีกว่าไม่มี เพราะเดี๋ยวนี้ฝนตกในเมืองไทย หมอกในเมืองไทย ไม่ได้หยิมๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ตอนลงหนักจริงจริง ไฟท้ายเดิมแทบไม่มีทางเห็น แม้กระทั่งจะห่างกันระดับไม่ถึง 20 เมตรก็ตาม
ปัญหาที่สำคัญกว่าคือ เมื่ออุปกรณ์ในรถยนต์ก้าวหน้าไป แล้วคนที่ขับรถก้าวหน้าตามไปด้วยหรือเปล่า
มันควรจะมารณรงค์ให้ศึกษากันอย่างถูกต้อง ผู้ผลิตควรให้คำแนะนำโดยละเอียดกับลูกค้าก่อนออกรถ
ลองดูสิครับ ทุกวันนี้รถมี airbag มากี่ปีแล้ว พวงมาลัยแบบก้านยุบตัวอัตโนมัติมีมากี่สิบปี
แต่มีกี่คนที่นั่งถูกตำแหน่ง ที่เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้ว Airbag และพวงมาลัยจะช่วยรักษาชีวิตมากกว่าที่จะทำร้ายให้เจ็บหนักกว่าเดิม
ผมยังเห็นคนขับที่กอดพวงมาลัยเต็มท้องถนนไปหมด ไม่แปลกใจว่าทำไมไฟตัดหมอกถึงใช้ผิดๆ ถูกๆ ครับ
-
เคยขับตอนฝนตกหนักแล้วเห็นคนเปิด ส่วนตัวยืนยันว่ามันก็ใช้ดีในสถานการณ์นั้นครับ
เห็นชัดกว่าเปิดไฟเฉยๆ และดีกว่าเปิดไฟฉุกเฉินที่อันตรายมากกว่า
อยู่ที่คนใช้ครับ ของเค้าทำมาสมเหตุสมผลอยู่แล้ว
-
กรณีฝนตกหนัก หรือรถวิ่งด้วยความเร็วสูงจนน้ำฟุ้งเป็นละอองควรเปิดครับ แต่ถ้าฝนตกแต่ทัศนวิสัยไม่เลวร้ายไม่ควรเปิดครับ ส่วนจะให้ผู้ผลิตเอาออกผมเฉยๆ ทางแก้ที่ถูกคืออบรมสั่งสอนคนที่ใช้รถให้เปิดเมื่อมีความเหมาะสมมากกว่าครับ
แต่ผมว่าคราวหน้าจขกท.ก็ขับให้ห่างขึ้นสิครับไม่ก็ให้คันอื่นแซงไปบังเราไงครับ ผมว่ามันง่ายมากๆเลยนะครับ : )
-
ไม่เกี่ยวกับอุปกรณ์เลยครับ คนล้วนๆ
-
มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ที่เปิดไฟตัดหมอกหลัง เพราะคำว่า "มันสวยดี" (ไม่นับผู้ที่เปิด เพราะสมควรเปิดจริงๆ เช่นฝนตกหนัก หมอกลง เป็นต้น) ได้ยินมาหลายคนละที่เปิด ที่พูดแบบนี้ ฟังละเพลีย
ถ้าลองคิดซักนิด มันจะสวยได้ไง ในเมื่อคุณอยู่ในรถ เวลาเราขับผ่าน รถที่ไฟสวยๆ เช่น CLS เป็นต้น คุณจะเห็นความสวยของมัน เมื่อคุณมองไปที่รถ
แต่ถ้าคุณอยู่ในรถเอง คุณจะเห็นความสวยเมื่อคุณในรถได้ไง แสดงว่า คุณกำลังคิดว่า คนที่เห็นไฟตัดหมอกหลังคุณ เค้าเหล่านั้นคงคิดว่ามันสวย
แต่คุณหารู้ไม่ว่า เค้ากำลังด่าคุณ ด่าบุพการีคุณ อย่างน้อยๆต้องมีแหละ เช่นคำว่า แม่งเอ้ย.... และสารพัดคำด่าต่างๆนาๆ ยังไม่รู้ตัวอีก
คนพวกนี้ก็แปลกนะ ชอบให้คนเค้าด่า เหมือนไปติดซีน่อนจีน แยงตาไปทั้งถนน นั่นก็ชอบให้เค้าด่าเหมือนกัน คนเราก็แปลกๆ
-
เห็นด้วยครับเจอบ่อยมากโดยเฉพาะเวลาต้องไปติดไฟแดงหลังรถพวกนี้ กว่าจะไปเขียวตาพร่าพอดี ถ้าเป็นไฟตัดหมอกแต่งนี่เล่นซะตาเกือบบอด = =
พูดถึงกรณีไฟท้ายดับ ไม่นานมานี้ตอนฝนตกผมเกือบขับทิ่มตรูด รถที่ไปรมดำไฟท้ายรมซะมองแทบไม่เห็นไฟเบรค.. :'(
-
บริษัทรถยนต์ น่าจะเปิดอบรมการใช้อุปกรณ์และมารยาทการขับรถมากกว่าพาไปออกทริปท่องเที่ยวนะ หรือสอดแทรกไว้ในทริปก็ได้ เพราะมันอยู่ที่คนขับรถใช้งานไม่ได้เกี่ยวกับผู้ผลิตเลย
-
ของดี ที่เอามาใช้กันผิดวิธี
-
ขอบพระคุณสำหรับทุกๆความเห็นครับ
-
ตร.น่าจะเริ่มกวดขัน การติดตั้งไฟที่ผิดกฏหมาย หรือใช้ไฟตัดหมอกไม่ถูกเหล่านี้
โดยใช้ประโยชน์ กล้องที่ตรวจจับตาม4แยกไฟแดงทั้งหลาย ได้แล้วนะครับ
น่าจะได้ผลกว่าการตั้งด่านตรวจด้วยซ้ำ
ส่วนด่านตรวจฯ ผมยังOK อยู่นะ
ถ้าเน้นการตรวจค้นสารเสพติด อาวุธ หรือเมาสุราขณะขับขี่ มากกว่าเรื่อง ตั้งด่านเพื่อจับผิดเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้การจราจรติด
-
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ไฟตัดหมอก ไม่ได้มีผลในช่วงเวลาฟ้าดำ (จะฝนตกหรืออะไรก็ช่าง)
แต่มีผล เวลาที่ฟ้าเป็นสีเทา "เวลากลางวัน หรือเย็นๆ แล้วฝนตกหนักมาก"
เห็นชัดเลยครับ ว่าไฟท้ายธรรมดา เอาไม่อยู่
ยิ่งถ้าขึ้นเหนือ หรือบางอำเภอที่หมอกลงจัดช่วงเช้าๆ (ฟ้าสลัวๆ เทาๆ)
เนี่ยน่ากลัว ไฟตัดหมอกช่วยได้เยอะครับ
ผมว่า มีไว้ น่ะดีแล้ว แต่ควรใช้ให้ถูกเวลาครับ
-
ก้อไหนว่าผิดกฎหมายแล้วทำมัยตำรวจไม่จับเนี่ย
-
ข้อดีก็มี ข้อเสียก็มี ใช้ให้ถูกวิธีถูกเวลา น่าจะเหมาะ
ถ้าเจอแล้วรับได้ผมก็ขับตามไปครับ ถ้ารับไม่ได้ก็หลบให้ เค้าไป ไกลๆก่อน
-
แสบตาก็แซง ถ้าแซงไม่ได้ก็ให้รถอีกคันบังให้ ถ้าไม่รู้จะเอาไงก็ แวะปั๊มให้เขาไปไกลๆ ก่อน ทำไงได้อ่ะครับ
ในความคิดผมมีไฟสิดี เวลาฝนตกหนักๆ หรือทัศนวิสัยไม่ดี จำเป็นนะครับ แต่คนเราใช้ผิดประเภท
รถผมมีไฟติดหมอกหน้า เดือนนึงเปิดไม่ถึงห้าครั้ง ช่วงนี้ฝนตกก็เปิดบ่อยหน่อย แต่ต้องฝนตกหนักจริงๆ นะถึงเปิด
-
กระทู้นี้เป็นเรื่องของคุณภาพคนขับรถล้วนๆครับ คนขับรถบ้านเราคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมีมากจริงๆ
-
ไฟตัดหมอกหลังมีประโยชน์มากนะครับ แต่
ผู้บริโภค = ใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ถูกกับสภาพอากาศ
ผู้ผลิต = ออกแบบแย่ แทนที่จะส่องลงเห็นเป็นแสงไฟบนถนนระยะไกล กลายเป็นส่องตาคนที่ขับตามมา