Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sakolsakman ที่ สิงหาคม 16, 2013, 09:32:06
-
เรียนถามพี่ๆครับ ผมยังไม่เคยลองไปเปลี่ยนครับ แต่รุ่นน้องผมไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องครบ15000กิโล เลยลองถามศูณย์ว่าน้ำมันเกียร์ถ่ายกี่กิโล
ทางศูณย์ตอบว่าไม่ต้องเปลี่ยนเลยตลอดอายุการใช้งาน ถ้าเป็นจริงจะไม่มีผลกระทบกับเกียร์หรือครับ พี่ที่มีประสบการณ์ ช่วยตอบให้กระจ่างทีครับ
ขอขอบคุณอย่างสูง
-
อ้อลืมบอกพี่ๆไปครับว่ารุ่น F30ครับ
-
ไม่ใช่ไม่สามารถครับ พอดีเพิ่งถกกันที่นี่
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,33097.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,33097.0.html)
คือตอนนี้ BMW เขามองว่าน้ำมันเกียร์เขาเป็น lifetime ไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุการใช้งาน แต่เราใช้ในเมือง กับเป็นเมืองร้อน ผมว่าน้ำมันมันจะเสื่อมเอา ที่เขาแนะนำกัน ในคลับด้วย คือเปลี่ยนทุก 7-80000 โล ไม่ต้องไปสนใจ BSI เพราะไม่รวม ไปเปลี่ยนอู่นอกก็ได้ครับ เกียร์ที่มันพังกันบ่อยๆ ผมว่าก็เพราะอันนี้แหละ
ขนาดน้ำมันเครื่องให้เปลี่ยน 15000 ผมยังคิดเลย ว่าจะไปเปลี่ยนตอน 7500 เองดีไหม แต่ก็อีกนะ BMW น่าจะคำนวนให้แล้ว แล้วเดี๋ยวนี้น้ำมันเครื่องดีๆ ก็อยู่ได้เกินหมื่นสบายๆ
-
ผมไม่รู้ชัดๆ นะครับว่า F30 ต้องทำอย่างไร
แต่กับ E90 ที่ผมใช้อยู่ ก็ทำตามที่ 0 แนะนำมาตลอดว่า ไม่ต้องเปลี่ยนเติมอย่างเดียว (ตอนอยู่ใน BSI)
แต่พอรถวิ่งมาซัก 5 ปี หรือแสนกิโลโดยประมาณ แทบจะทุกคันจะมีปัญหาเรื่องนี้ รถผมก็เป็น เกียร์กระตุกตอนรถใกล้จอดสนิท เหมือนโดนชนท้าย แก้ด้วยการจูนกล่องใหม่ และก็มีปัญหาจุกจิกมาตลอด
มาทำอู่นอกที่นึง เค้าจับเปลียนน้ำมันเกียร์ กรองเกียร์ ใหม่หมด ถอดออยล์เกียร์มา แทบจะตัน มีเศษผ้าคลัชท์ไปกองอยู่ในออยล์เกียร์เยอะมาก รีเซทกล่องเกียร์ใหม่ ก็จบ
ช่างที่อู่นี้เค้าบอกผมว่า (ใช้วิจารณญานกันด้วยนะครับ) นี่มันเป็นเพราะไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์มาเป็นแสนโลนั่นแหละ
ต่อจากนี้เปลี่ยนทุก 40000 กม. (เต็มที่แล้ว) ดีกว่าครับ
ผมก็คิดแบบเดาเองว่า 0 ไม่เปลี่ยน สั่งเปลี่ยนเองดูก็ได้ครับ ทำใน 0 อาจจะแพงหน่อย เพราะราคาน้ำมันแพง + ค่าแรง
สบายใจกว่าแน่
ผมเชื่ออย่างนั้นนะ เพราะถ้าเป็นผมตอนนั้น รู้ ผมก็ทำ เสียเงินก็ช่างมัน
ลองชั่งน้ำหนักดูครับ
-
ไม่แปลกหรอกครับ ... เกียร์ยุคใหม่
ขนาดรถกระบะ อย่าง BT50 น้ำมันเกียร์ AT ยังเปลี่ยนที่ 250,000 โล หรือ 10 ปีครับ ....
BMW ไม่เปลี่ยน ก็ไม่แปลกครับ ....
-
ที่ระบุว่าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ มันมีตั้งแต่รุ่น E46 แล้ว
สมัยก่อนเพื่อนผมไม่เชื่อ วิ่งผ่านไป 80,000km. เลยไปถ่ายออกมาดู สีดูไม่ได้เลยครับ
ก็ลองคิดดูละกันว่าควรเปลี่ยนไหม ..
-
.
ออดี้A4 b5 ของเืพื่อนผมก็บอกไว้ว่าไม่ต้องเปลี่ยนครับ
แล้วเกียร์ก็เอ๋อไปตามระเบียบ.......... :P
-
ไม่แปลกหรอกครับ ... เกียร์ยุคใหม่
ขนาดรถกระบะ อย่าง BT50 น้ำมันเกียร์ AT ยังเปลี่ยนที่ 250,000 โล หรือ 10 ปีครับ ....
BMW ไม่เปลี่ยน ก็ไม่แปลกครับ ....
มันไม่แปลกหรอกครับ ระบุได้ แต่ความจริงคือ มันพังไปเยอะมากครับ แล้วพังที มัน แสนสองแสนนะครับ จะเสี่ยงดีไหมเอ่ย ::)
-
0พูดแบบนี้ตลอดหละครับ ตั้งแต่สมัยเปลี่ยน นมค 25000โล มีe90หลายคันอยู่ที่นมคเป็นโคลนต้องถอดล้างกันตั้งแต่ใหม่ๆเลยปัจจุบันปรับลดเหลือ15000โล แต่รถผมเปลี่ยนเอง 10000โล น้ำมันเกียร์ผมเปลี่ยนเองตอน80000โล น้ำมันเฟืองท้ายตอนแสนโลก่อนขายยังใสอยู่ไม่ได้เปลี่ยน ไม่เคยกิน นมค ไม่เคยมีเกียร์กระตุกเหมือนหลายๆคันครับ รถผมปี 2005 ล็อตแรก
-
โอโห้ BSI ของ BMW ให้ถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 15000 กับน้ำมันเกียร์ Life Time ผมว่านะอย่าแถมเลยดีกว่านะ พวกของเหลว
อากาศเมืองไทยกับสภาพการจราจรเรามันไม่เหมือนเมืองนอกนะสิ ถ้าจะยืดอายุเกียร์ผมว่า 5-6 หมื่นโลก็ต้องถ่ายแล้วล่ะครับพี่น้อง :o
-
น่ากลัวจัง
แล้ว BENZ เป็นแบบนี้ไหมครับ
ผมว่าอยากได้ 5 speed แบบสมัยก่อนดีกว่า ไม่ต้องมากลับเรื่องพวกนี้
-
โอโห้ BSI ของ BMW ให้ถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 15000 กับน้ำมันเกียร์ Life Time ผมว่านะอย่าแถมเลยดีกว่านะ พวกของเหลว
อากาศเมืองไทยกับสภาพการจราจรเรามันไม่เหมือนเมืองนอกนะสิ ถ้าจะยืดอายุเกียร์ผมว่า 5-6 หมื่นโลก็ต้องถ่ายแล้วล่ะครับพี่น้อง :o
น้ำมันเครื่อง BMW ถ่ายที่ 15,000 โลไม่น่ามีปัญหาครับ เพราะเป็นสังเคราะห์แท้ ผมลองเอา castral edge 5w-30 ใส่กับรถกระบะเครื่องคอมมอนเรลของผม อยู่ได้ถึง20,000โล น้ำมันเครื่องดำจริงแต่ไม่หนืด ช่างที่ศูนย์ยังแปลกใจเลยว่าตั้งแต่ถ่ายน้ำมันเครื่องมามีรถผมเนี่ยแหละน้ำมันเครื่องดำเมี่ยมแต่ไม่หนืดเป็นโคลน ของ BMW จะเป็น 0w-30 เกรดดีกว่าอีก
-
น่ากลัวจัง
แล้ว BENZ เป็นแบบนี้ไหมครับ
ผมว่าอยากได้ 5 speed แบบสมัยก่อนดีกว่า ไม่ต้องมากลับเรื่องพวกนี้
Benz ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000km หรือ 1 ปีครับ (ครบปุ๊บข้อความ Service เด้งเลย) ส่วนน้ำมันเกียร์ก็ต้องเปลี่ยนครับ ทุก 50,000 มั้งครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ก็แพงเอาเรื่องเหมือนกันครับ
-
อะไรก็ตามที่ผ่านการใช้งาน ย่อมสึกหรอ เปลี่ยนสภาพ
จะให้เหมือนใหม่ตลอด เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ
ยังงัยก็ควรจะเปลี่ยนตามช่วงเวลาที่เหมาะสม
-
ผมไม่รู้ชัดๆ นะครับว่า F30 ต้องทำอย่างไร
แต่กับ E90 ที่ผมใช้อยู่ ก็ทำตามที่ 0 แนะนำมาตลอดว่า ไม่ต้องเปลี่ยนเติมอย่างเดียว (ตอนอยู่ใน BSI)
แต่พอรถวิ่งมาซัก 5 ปี หรือแสนกิโลโดยประมาณ แทบจะทุกคันจะมีปัญหาเรื่องนี้ รถผมก็เป็น เกียร์กระตุกตอนรถใกล้จอดสนิท เหมือนโดนชนท้าย แก้ด้วยการจูนกล่องใหม่ และก็มีปัญหาจุกจิกมาตลอด
มาทำอู่นอกที่นึง เค้าจับเปลียนน้ำมันเกียร์ กรองเกียร์ ใหม่หมด ถอดออยล์เกียร์มา แทบจะตัน มีเศษผ้าคลัชท์ไปกองอยู่ในออยล์เกียร์เยอะมาก รีเซทกล่องเกียร์ใหม่ ก็จบ
ช่างที่อู่นี้เค้าบอกผมว่า (ใช้วิจารณญานกันด้วยนะครับ) นี่มันเป็นเพราะไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์มาเป็นแสนโลนั่นแหละ
ต่อจากนี้เปลี่ยนทุก 40000 กม. (เต็มที่แล้ว) ดีกว่าครับ
ผมก็คิดแบบเดาเองว่า 0 ไม่เปลี่ยน สั่งเปลี่ยนเองดูก็ได้ครับ ทำใน 0 อาจจะแพงหน่อย เพราะราคาน้ำมันแพง + ค่าแรง
สบายใจกว่าแน่
ผมเชื่ออย่างนั้นนะ เพราะถ้าเป็นผมตอนนั้น รู้ ผมก็ทำ เสียเงินก็ช่างมัน
ลองชั่งน้ำหนักดูครับ
รบกวนถามเรื่องอุ่หน่อยครับ ใช้ E 90 มา 6 ปีกว่า ประมาณ40,XXX กม เริ่มมีอาการกระตุกเวลาจอดแบบที่เล่ามาเลยครับ
อยากได้อู่นอกที่ทำให้แบบ ที่เล่าให้ฟังครับ รีเซทกล่องเกียร์ได้
-
วิศวกร เขาคงคำณวนแล้วว่า ไม่ต้องเปลี่ยนก็อยู่ทนเป็นแสนกิโล คุ้มค่าเกียร์แล้ว เสียยกชุดทั้งลูกเลยดีกว่า ผมว่าวิศวกร เขาคงมีแนวคิดอะไรสักอย่างของเขา ซึ้งผมก็งง ส่วนมากค่ายยุโรป ของแบบนี้มันต้องมีการทดลองทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมั่นใจถึงกล้า อบรมช่างศูยน์ ให้บอกแบบนั้นไอ้ครั้นช่างศูนย์จะไปเปลี่ยนถ่าให้ พัง มาซวยอีก วิศวกรไม่ได้บอกให้เปลี่ยนถ่าย หรือเทคโนโลยีมันไปไกลแต่เราัคิดไม่เท่าทัน งงนะนี้
-
ถ้ามีงบ
น้ำมันเครื่อง เกียร์
เปลี่ยนบ่อยหน่อยยังไงก็ดีกว่าครับ ยังไงก็ไม่มีผลเสียนอกจากจ่ายเยอะหน่อย
ที่เค้าคำนวนคือทดสอบแล้วอยู่ไ่ด้ แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วดีกว่ามั้ย ยังไงก็ต้องดีกว่าอะครับ
-
วิศวกร เขาคงคำณวนแล้วว่า ไม่ต้องเปลี่ยนก็อยู่ทนเป็นแสนกิโล คุ้มค่าเกียร์แล้ว เสียยกชุดทั้งลูกเลยดีกว่า ผมว่าวิศวกร เขาคงมีแนวคิดอะไรสักอย่างของเขา ซึ้งผมก็งง ส่วนมากค่ายยุโรป ของแบบนี้มันต้องมีการทดลองทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมั่นใจถึงกล้า อบรมช่างศูยน์ ให้บอกแบบนั้นไอ้ครั้นช่างศูนย์จะไปเปลี่ยนถ่าให้ พัง มาซวยอีก วิศวกรไม่ได้บอกให้เปลี่ยนถ่าย หรือเทคโนโลยีมันไปไกลแต่เราัคิดไม่เท่าทัน งงนะนี้
ใช่ๆ ผมก็คิดแบบนี้ครับเพราะเมืองนอกใช้รถไม่นานแบบบ้านเรา และเขาเอารถไปทำลายด้วยมั้ง พอเก่านะครับ
-
วิศวกรคำนวณแล้วว่า เกียร์จะไม่พังในช่วง BSI...
-
วิศวกร เขาคงคำณวนแล้วว่า ไม่ต้องเปลี่ยนก็อยู่ทนเป็นแสนกิโล คุ้มค่าเกียร์แล้ว เสียยกชุดทั้งลูกเลยดีกว่า ผมว่าวิศวกร เขาคงมีแนวคิดอะไรสักอย่างของเขา ซึ้งผมก็งง ส่วนมากค่ายยุโรป ของแบบนี้มันต้องมีการทดลองทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมั่นใจถึงกล้า อบรมช่างศูยน์ ให้บอกแบบนั้นไอ้ครั้นช่างศูนย์จะไปเปลี่ยนถ่าให้ พัง มาซวยอีก วิศวกรไม่ได้บอกให้เปลี่ยนถ่าย หรือเทคโนโลยีมันไปไกลแต่เราัคิดไม่เท่าทัน งงนะนี้
ใช่ๆ ผมก็คิดแบบนี้ครับเพราะเมืองนอกใช้รถไม่นานแบบบ้านเรา และเขาเอารถไปทำลายด้วยมั้ง พอเก่านะครับ
ที่ยุโรปน้ำมันเครื่องเค้า 40,000 โลถึงจะถ่ายครั้งนึง แต่อย่างว่าอากาศบ้านเค้าเย็นกว่าบ้านเราด้วย แต่อย่างที่ผมลองมาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ยี่ห้อดีๆลากได้ 20,000 โลแน่นอน ส่วนน้ำมันเกียร์พวกรถยุโรปจะใช้น้ำมันเกียร์แบบสังเคราะห์เหมือนกัน เท่าที่เคยถามมาเค้าบอกเอาความสบายใจ 60,000 - 80,000 โลถ่ายครั้งนึงก็ดี
-
จริงๆก็อาจจะถูกของเค้า
ไม่ต้องเปลี่ยน มันใช้ได้ Life time ก็คือใช้ไปเรื่อยจนมันพังนั่นแหละ (แต่เค้าไม่ได้บอกว่าถ้าเปลี่ยนมันจะช่วยยืดระยะเวลาพัง)
พอพังก็ซ๋อมเกียเปลียนเกียก็วิ่งเป็นแสนๆโลแล้วคุ้มแล้ว เปลี่ยนไปพร้อมกับเกียเลย ฮาๆ
อีกอย่างราคาอะไหล่ ราคารถเมืองนอกก็ถูกมาก เค้าคงไม่มาคิดถึงบ้านเราที่ราคารถแบบนี้
อีกประการคือสถาพอากาศบ้านเรา ฝุ่นควัน รถติดมากๆ
-
รบกวนถามเรื่องอุ่หน่อยครับ ใช้ E 90 มา 6 ปีกว่า ประมาณ40,XXX กม เริ่มมีอาการกระตุกเวลาจอดแบบที่เล่ามาเลยครับ
อยากได้อู่นอกที่ทำให้แบบ ที่เล่าให้ฟังครับ รีเซทกล่องเกียร์ได้
ผมอยู่ฝั่งธนฯ นะครับ อู่อยู่แถวนครชัยศรี ถ้าสะดวก หลังไมค์มาเดี๋ยวชี้เป้าให้ครับ
-
สรุป 80000 โลจับเปลี่ยนอู่นอกดีกว่านะครับ
-
น้ำมันเกียร์ต้องเปลี่ยนครับ ไม่มีน้ำมันอะไรในโลกที่ lifetime จริงๆหรอกครับ ไม่เปลี่ยนพังแน่นอน
และที่สำคัญที่จะทำให้พังเร็วกว่าไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์คือเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ผิดสเปค พังทันทีครับ
ฉะนั้นจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็ดูสเปคดีๆครับ ไม่ชัวร์เข้าศูนย์ก็ได้ยอมเสียแพงหน่อย ศูนย์ที่แนะนำที่ชื่อดีๆก็ยูโรป้าจรัญ
กับเยอรมันออโต้บางนา
ถ้าอู่นอกแถวฝั่งธนก็พี่จเด็จ บีเอ็มราชพฤกษ์ครับ
-
วิศวกรคำนวณแล้วว่า เกียร์จะไม่พังในช่วง BSI...
555 น่าจะใช่ครับ BSi แค่แสนโล แต่เกียไม่เปลี่ยนน้ำมัน พังที่แสนโลอัพ
-
ผมคิดว่า E46 ของผมที่ขับไปแสนโลนิดๆแล้วมีอาการกินน้ำมันเครื่อง ควันขาว เหมือนเครื่อองหลวม
ก็มาจากนโยบายการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 25000 โล
อ่อ ตอนขายทิ้ง เกียร์ก็กระตุกรถดับ ขับได้อีกทีแบบได้แต่เกียร์ 1 เหมือน save mode
อ่อ กล่อง abs ก็เสียด้วย 55
-
วิศวกรคำนวณแล้วว่า เกียร์จะไม่พังในช่วง BSI...
ตลกดีนะครับ 555+
แต่ก็ไม่แน่ อาจจะใช่ก็ได้ ฮิๆ
-
ถ่ายออกมี 2 แบบ
1 น็อตถ่าย
2 ฝา
กรณี จขกท คงจะต้องถอดทั้งฝา(เปิดห้องเกียร์) ขันน็อตออกหลายตัว ต้องซีลขอบฝาใหม่ จะยุ่งยากกว่านิดหน่อย ค่าใช้จ่าย(ค่าอะไหล่ ค่าซีลยาง ค่าแผ่นกรอง ค่าแรง)สูงกว่า
แต่มันจะมีแผ่นแม่เหล็กไว้ดูดเศษเหล็ก และมีแผ่นกรอง
ส่วน น็อตถ่าย แค่ถอดน็อค น้ำมันเกียร์ก็ไหลออกมา จบ
---------------
น้ำมันเครื่องต้องถ่ายบ่อยเพราะ
มีอากาศถ่ายเท ผสมฝุ่งละออง ความชื้น
รับการเผาไหม้โดยตรง คราบเขม่า
ความร้อน
เสียดสีโดยตรง
--------------
น้ำมันเกียร์ กรณี จขกท
รองรับความร้อน
เสียดสี
แต่อากาศ ความชื้น มีน้อยมาก เพราะระบบปิด
คราบเขม่าจากการเผาไหม้ ไม่มี
เช่นนี้ คุณสมบัติของน้ำมันเกียร์จะเสื่อมไปเพราะความร้อนและการเสียดสี ทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมช้า ระยะเปลี่ยนถ่ายนานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40000 โล กรณีถ่ายด้วยน็อต
ส่วน จขกท ควรถ่ายทุก 60000กรณีใช้งานปกติ หรือ 80000 โลกรณีใช้ทางไกลบ่อย + เปลี่ยนแผ่นกรอง และเอาเศษเหล็กที่ติดแม่เหล็กออก
ถ้าใช้รถปกติทั่วไป ไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ กว่าเกียร์จะพังก็เป็นสิบปีได้ หรือพอสมควรเปลี่ยนรถใหม่แล้ว
ถ้าแต่ใช้รถรุนแรง ขับเป็นเหยียบสิงนักแข็ง หรือรักรถมาก ก็ควรเปลี่ยนตามระยะข้างบน เพื่อยืดอายุการใช้งาน
ไม่เปลี่ยนจนเกียร์พัง
คำถามคือ พังเพราะอายุการใช้งานสั้นลง หรืออายุการใช้งานปกติ ก็เลือกเอา
-
ถ่ายออกมี 2 แบบ
1 น็อตถ่าย
2 ฝา
กรณี จขกท คงจะต้องถอดทั้งฝา(เปิดห้องเกียร์) ขันน็อตออกหลายตัว ต้องซีลขอบฝาใหม่ จะยุ่งยากกว่านิดหน่อย ค่าใช้จ่าย(ค่าอะไหล่ ค่าซีลยาง ค่าแผ่นกรอง ค่าแรง)สูงกว่า
แต่มันจะมีแผ่นแม่เหล็กไว้ดูดเศษเหล็ก และมีแผ่นกรอง
ส่วน น็อตถ่าย แค่ถอดน็อค น้ำมันเกียร์ก็ไหลออกมา จบ
---------------
น้ำมันเครื่องต้องถ่ายบ่อยเพราะ
มีอากาศถ่ายเท ผสมฝุ่งละออง ความชื้น
รับการเผาไหม้โดยตรง คราบเขม่า
ความร้อน
เสียดสีโดยตรง
--------------
น้ำมันเกียร์ กรณี จขกท
รองรับความร้อน
เสียดสี
แต่อากาศ ความชื้น มีน้อยมาก เพราะระบบปิด
คราบเขม่าจากการเผาไหม้ ไม่มี
เช่นนี้ คุณสมบัติของน้ำมันเกียร์จะเสื่อมไปเพราะความร้อนและการเสียดสี ทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมช้า ระยะเปลี่ยนถ่ายนานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40000 โล กรณีถ่ายด้วยน็อต
ส่วน จขกท ควรถ่ายทุก 60000กรณีใช้งานปกติ หรือ 80000 โลกรณีใช้ทางไกลบ่อย + เปลี่ยนแผ่นกรอง และเอาเศษเหล็กที่ติดแม่เหล็กออก
ถ้าใช้รถปกติทั่วไป ไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ กว่าเกียร์จะพังก็เป็นสิบปีได้ หรือพอสมควรเปลี่ยนรถใหม่แล้ว
ถ้าแต่ใช้รถรุนแรง ขับเป็นเหยียบสิงนักแข็ง หรือรักรถมาก ก็ควรเปลี่ยนตามระยะข้างบน เพื่อยืดอายุการใช้งาน
ไม่เปลี่ยนจนเกียร์พัง
คำถามคือ พังเพราะอายุการใช้งานสั้นลง หรืออายุการใช้งานปกติ ก็เลือกเอา
แบบขันน๊อตถ่ายก็มีแม่เหล็กกับไส้กรองน้ำมันเกียร์ได้เหมือนกันถ้าเค้าคิดจะใส่มานะ รถกระบะผมใช้น๊อตถ่ายก็มึแม่เหล็กดูดแต่ต้องถอดอ่างออกมาถึงจะเห็น
-
วิศวกร เขาคงคำณวนแล้วว่า ไม่ต้องเปลี่ยนก็อยู่ทนเป็นแสนกิโล คุ้มค่าเกียร์แล้ว เสียยกชุดทั้งลูกเลยดีกว่า ผมว่าวิศวกร เขาคงมีแนวคิดอะไรสักอย่างของเขา ซึ้งผมก็งง ส่วนมากค่ายยุโรป ของแบบนี้มันต้องมีการทดลองทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมั่นใจถึงกล้า อบรมช่างศูยน์ ให้บอกแบบนั้นไอ้ครั้นช่างศูนย์จะไปเปลี่ยนถ่าให้ พัง มาซวยอีก วิศวกรไม่ได้บอกให้เปลี่ยนถ่าย หรือเทคโนโลยีมันไปไกลแต่เราัคิดไม่เท่าทัน งงนะนี้
ใช่ๆ ผมก็คิดแบบนี้ครับเพราะเมืองนอกใช้รถไม่นานแบบบ้านเรา และเขาเอารถไปทำลายด้วยมั้ง พอเก่านะครับ
ที่ยุโรปน้ำมันเครื่องเค้า 40,000 โลถึงจะถ่ายครั้งนึง แต่อย่างว่าอากาศบ้านเค้าเย็นกว่าบ้านเราด้วย แต่อย่างที่ผมลองมาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ยี่ห้อดีๆลากได้ 20,000 โลแน่นอน ส่วนน้ำมันเกียร์พวกรถยุโรปจะใช้น้ำมันเกียร์แบบสังเคราะห์เหมือนกัน เท่าที่เคยถามมาเค้าบอกเอาความสบายใจ 60,000 - 80,000 โลถ่ายครั้งนึงก็ดี
ลากนานสุดๆ เลยครับไม่ไหวแน่ๆ บ้านเรา
-
ถ้าคิดง่ายตามหลักนะ ช่างบอกไม่ต้องถ่ายน้ำมันเกียร์แต่ ยุโรปอากาศอยู่ช่วงไหน 0-20 องศา บ้านเราล่ะ 30-42
ความแตกต่างของอากาศผิดกันเยอะ ยุโรปรถติดบ้าง บางจุด บ้านเราเช้า เย็น มืด ทั้งวัน
ในยุโรป ฝุ่นก็ไม่เยอะเท่าบ้านเรา เท่าที่ผมคิดเอง ผมมองว่าที่ไม่รวมการเปลี่ยน้ำมันเกียร์ไปด้วยเพราะต้องการลดต้นทุนมากกว่า
เหมือนตอน e90 น้ำมันเป็นโคลน
-
รถยี่ปุ่นทั่วๆไปผมถ่าย 3-4 หมื่นโลต่อรอบ หรือ 1.5-2ปี
พวกบีเอ็มผมถ่าย2-3ปีครั้ง หรือ 6-8หมื่นโล------ถึงแสน สำหรับรอบแรก และรอบหลังจากนั้นทุก5หมื่นกิโล
เกียร์บีเอ็มถ่ายน้ำมันเกียร์ดีกว่าซ่อม ศูนย์ไม่เปลี่ยนก็สั่งไปว่าจะเปลี่ยนเองจ่ายเองคับ เพราะตามตาราง service มันเปลี่ยนตอนแสนสอง ซึ่งหมด BSI ไปแล้วก็ต้องจ้ายเองอยู่ดี >:(
-
ในคู่มือของ TOYOTA ก็บอกไม่ต้องเปลี่ยน แม้กระทั่งเขียนไว้บนหัวก้านวัดน้ำมันเกียร์ของ TOYOTA แทบทุกรุ่นในไทย
แต่ศูนย์เปลี่ยนให้นะครับ ได้เงินนีทำไมจะไม่เปลี่ยนละครับ
ของ BMW ที่บอกว่าไม่เปลี่ยนเพราะเมืองนอกอากาศมันเย็น น้ำมันเกียร์แทบไม่เสื่อมตลอดอายุการใช้งาน(2 แสนโล) แต่บ้านเรา 5 หมื่นกิโลแรกเศษคลัทช์ก็น่าจะเต็มไปหมดแล้ว
เมืองนอกที่ร้อน ๆ เขามีปัญหาเหมือนเรา คือเกียร์พังก่อนวัยอันควรเพราะไม่ถ่ายน้ำมันเกียร์
เลือกเอาว่าจะเชื่อศูนย์หรือเปล่าครับ
-
รถโตโยต้ารุ่นใหม่ๆ อย่างวีออส อัลติส ในคู่มือก็ไม่ได้ระบุให้เปลื่ยนถ่ายครับ
เพราะน้ำมันเกียร์เค้าแจ้งว่าเป็นแบบ Life-Time หรือ ไม่ต้องเปลื่ยนตลอดอายุการใช้งาน โดยอิงจากการใช้งานในเมืองนอก
แต่บ้านเราก็รู้ๆอยู่ การจราจรที่ติดขัด อากาศร้อนจัด แถมเจอฝน + น้ำท่วมขังอีก น้ำมันเกียร์ย่อมเสื่อมสภาพเร็วกว่าอันควรอยู่แล้ว
เปลื่ยนถ่ายก่อนระยะ หรือ ถ้าไม่ระบุระยะทางก็นับเวลาเอาว่าปีนึงเปลื่ยนหนนึง ย่อมดีต่อสุขภาพเกียร์ครับ
ค่าน้ำมันเกียร์ ถูกกว่าค่าซ่อมเกียร์เป็นสามสิบเท่าครับ
-
ผมเปลี่ยนไปแล้วตอน 43000 โล ที่ศูนย์ จ่ายเอง รวมค่าแรง 12000 บาท ดีกว่ารอให้เกียร์พัง
-
ขนาด e34 เเละ e60 ของญาติผมศูนย์เค้ายังบอกว่า longlife เหมือนกัน