Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kunki ที่ กันยายน 03, 2013, 01:18:45
-
สอบถามเรื่องน้ำมันเครื่อง w 20 VS w30 หน่อยครับ
รถผม civic 1.8 2012 ศูนย์แนะนำน้ำมันเครื่อง w 20 ตอนเปลี่ยน ที่ 10000 Km
แต่เห็นหลายความเห็น บ้างก็ w 20 ดีตามศูนย์แนะนำเพราะเครื่องมีเครียร์เล้นที่ต่ำและประหยัดน้ำมัน แต่ก็เครื่องรุ่นเดียวกับ FD ที่่ใช้ w 30
บ้างก็ w 30 เพราะการใช้รอบสูงจะได้ไม่เสื่อมเร็ว
ขอคำแนะนำจากพี่พี่หน่อยครับ
1 เห็นในคู่มือแนะนำ w 30 แต่ศูนย์แนะนำ w20 ตกลงอันไหนดีกว่าครับ
2 น้ำมันเครื่องที่ติดรถมาตั้งแต่ออกจากศูนย์ ใช้อะไรครับ w 20 หรือ w 30 กันแน่ครับ
-
0 W 20 ตอนนี้กำลังเป็นโรคระบาท ลามไปทุกศูนย์บริการแล้วครับ เอะอะ อะไรก็จะจับยัด เบอร์นี้ให้ลูกค้าตลอด ซึ่งคนแนะนำลูกค้าก็หาสารพัดเหตุผลมาบอกว่ามันดีอย่างนี้อย่างนั้น
จริงๆแล้วเบร์ 20 มันก็ดีนะครับ ลื่นดี ประหยัดด้วย แต่มันไม่เหมาะกับพฤติกรรมการขับขี่บางคนเท่านั้นเอง ถ้าขับคลานอยู่ในเมืองมันก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี แต่ถ้าพาขึ้นทางด่วนหรือว่าวิ่งทางไกลความเร็ว 100 KM/h ขึ้นไปมันจะออกอาการ มากกว่าเบอร์ 30 ชัดเจนครับ
*Range ดัชนีน้ำมันเครื่องที่ Honda ระบุให้ใช้อยู่ในช่วง 0w20 - 5w30 โดยประมาณแล้วแต่รุ่นรถนะครับ
**น้ำมันเครื่องติดรถ Honda ที่ขาย ณ วันนี้น่าจะเป็น เบอร์ 20 100% ออกมาจากโรงงานเลยครับ ACC G9 เค้าก็ใส่มาให้เลย แต่พ้นรันอินผมถ่ายออกแล้วใส่ 5W40 ของ HELIX ULTRA แทน ขับในเมืองไม่ลื่นเท่าเบอรฺ์ 20 แต่ซัดทางไกลยาวๆกดหนักๆ เสถียรกว่าเบอร์ 20 แบบชัดเจนครับ
-
0 W 20 ตอนนี้กำลังเป็นโรคระบาท ลามไปทุกศูนย์บริการแล้วครับ เอะอะ อะไรก็จะจับยัด เบอร์นี้ให้ลูกค้าตลอด ซึ่งคนแนะนำลูกค้าก็หาสารพัดเหตุผลมาบอกว่ามันดีอย่างนี้อย่างนั้น
จริงๆแล้วเบร์ 20 มันก็ดีนะครับ ลื่นดี ประหยัดด้วย แต่มันไม่เหมาะกับพฤติกรรมการขับขี่บางคนเท่านั้นเอง ถ้าขับคลานอยู่ในเมืองมันก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี แต่ถ้าพาขึ้นทางด่วนหรือว่าวิ่งทางไกลความเร็ว 100 KM/h ขึ้นไปมันจะออกอาการ มากกว่าเบอร์ 30 ชัดเจนครับ
*Range ดัชนีน้ำมันเครื่องที่ Honda ระบุให้ใช้อยู่ในช่วง 0w20 - 5w30 โดยประมาณแล้วแต่รุ่นรถนะครับ
**น้ำมันเครื่องติดรถ Honda ที่ขาย ณ วันนี้น่าจะเป็น เบอร์ 20 100% ออกมาจากโรงงานเลยครับ ACC G9 เค้าก็ใส่มาให้เลย แต่พ้นรันอินผมถ่ายออกแล้วใส่ 5W40 ของ HELIX ULTRA แทน ขับในเมืองไม่ลื่นเท่าเบอรฺ์ 20 แต่ซัดทางไกลยาวๆกดหนักๆ เสถียรกว่าเบอร์ 20 แบบชัดเจนครับ
ตามนี้ครับ
แต่ผมใช้ 0w-40 ครับ
-
ฮอนด้าตอนนี้ ยัดเยียดเบอร์ 20 มากๆครับ
ส่วนตัวผมชอบเบอร์ 30 มากกว่า
-
0W20 ของ Honda มาแทน 0W30 ตัวก่อนครับ ตอนนี้ไม่มีเบอร์นี้ในศูนย์แล้วมั้ง ทั้งคู่เป็นกึ่งสังเคราะห์
อีกตัวเป็นแบบสังเคราะห์ 0W40 ของศูนย์ราคาแพงเหมือนกันประมาณ 1800 บาทได้
0W20 เหมาะกับคนเมืองใช้รอบต่ำ ออกตัวดีครับไม่กินกำลังเครื่องประหยัดน้ำมัน แต่วิ่งไกลๆ ความเร็วสูงผมว่าไม่ค่อยเหมาะ
ถ้าจะใช้ 0W30 หรือ 5W30 ต้องซื้อข้องนอกแล้วหาศูนย์ที่รับเปลี่ยนให้ครับ วิ่งไกลๆ รอบสูงๆ ดีกว่า มีให้เลือกหลายยี่ห้อลองค้นในอากู๋ดูครับ :D
-
อันนี้ข้อมูลของจริงนะ
เคยใช้ 0W-20 กับซีวิค1.8
น้ำมันเครื่องไม่พร่องนะ
รอบต้นมาไวขึ้นครับ
-
civic fd ผมลองหมดแล้ว
20 30 40
40000 แรก 20 ไม่เป็นไรหรอก
วิ่งเกินนั้น 30 ขึ้นครับ
-
รถแฟนผม city 2011
ผมลองเทียบกับ ตอนแรก ใช้ Eneos 0W40 (ถ่ายตอน 4000 ก.ม.) แฟนผมก็บอกว่าเฉยๆนะ ถ้าเทียบกับน้ำมันเครื่องที่มากับรถ (เบอร์ 0W20)
ถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งถัดมา เลยบอกว่างั้นลองกลับไปใช้เบอร์ 20 ของศูนย์ครึ้งนึง ตอนวิ่งได้ 8,000 ก.ม.(ถึงกำหนดเช็ค 12 เดือน) ได้ข้อสรุปเหมือนกันระหว่างผมกับแฟนคือเบอร์ 0W20 รู้สึกอืดกว่านิดหน่อย
ถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งที่ 3 จับ Mobil1 5W30 รู้สึกได้เลยว่า รถพุ่งกว่ากันเห็นๆ
ส่วนนึงอาจจะเป็นเพระาผมใช้รถต่างจังหวัดด้วย ก็เลยรู้สึกว่า เบอร์ 30 มันน่าจะเหมาะกว่าครับ
-
เบอร์ SAE 0w-20 5W-30 0W-30 เขาคงทดสอบแล้วครับว่าวิ่งพ้นระยะประกันได้โดยไม่มีปัญหา
ลองตีความดูครับว่ามันมา 20 ได้อย่างไร และควรใ้ช้ หรือไม่ควร
http://www.tytlabs.com/english/review/rev324epdf/e324ab_tohyama.html (http://www.tytlabs.com/english/review/rev324epdf/e324ab_tohyama.html)
Toyota R&D
ส่วนเรื่องแรงเสียดทาน กับค่าความหนืด การปกป้อง
คุณต้องไปอาน Kinematic viscosity , High Shear viscosity , oil filmครับ Text book มีให้อ่านเยอะครับ เีขียนเหมือนกันหมดทุกเล่ม ไม่ต้องไปคิดค้นใหม่
20 30 ที่เห็นนั้นเป้น Kinemetic Viscosity rating ที่จัดทำโดย SAE ครับ
ศึกษาเยอะ ๆ ครับ จะได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุดที่คุณพิสูจน์ได้เอง
....
กลัวจะหาไม่เจอ เอามาแปะให้แล้วกัน ในเน็ทก็มี
http://books.google.co.th/books?id=XjTaOqEgHeEC&pg=PA3&dq=hths+viscosity&hl=en&ei=eyrDTvjsO6OGiQK6n4jECw&sa=X&oi=book_result&ct=result&redir_esc=y#v=onepage&q&f=false (http://books.google.co.th/books?id=XjTaOqEgHeEC&pg=PA3&dq=hths+viscosity&hl=en&ei=eyrDTvjsO6OGiQK6n4jECw&sa=X&oi=book_result&ct=result&redir_esc=y#v=onepage&q&f=false)
http://www.api.org/certifications/engineoil/new/upload/2_Global_Perspective_on_Base_Oil_Quality_How_it_Affects_Lube_Specs_JRosenbaum_Chevron_DAP_Forum_April_20_2010.pdf (http://www.api.org/certifications/engineoil/new/upload/2_Global_Perspective_on_Base_Oil_Quality_How_it_Affects_Lube_Specs_JRosenbaum_Chevron_DAP_Forum_April_20_2010.pdf)
ถ้าอ่านไม่ไหว สรุปให้คร่าว ๆ
เมืองไทย มันร้อนครับ น้ำมันเครื่องบนผนังสูบ ร้อนเกิน 150 องศาที่เขาใช้วัด HTHS เสียอีก จุดนี้ล่ะครับวัดการสึกหรอ มองหา HTHS ที่สูงไว้ก่อน เกรดน้ำมันดี จะรักษา HTHS ไว้ให้มีอายุนานที่สุด น้ำมันเกรดต่ำ ๆ HTHS สูงก็จริง แต่พอใช้ไปไม่กี่พันโลมันก็ตก เรียกว่าเสื่อมนั่นแหละครับ
ตัวไหนดีไม่ดี ดูในเอกสาร Chevron ได้ครับ มีอธิบายครับ
-
เบอร์ SAE 0w-20 5W-30 0W-30 เขาคงทดสอบแล้วครับว่าวิ่งพ้นระยะประกันได้โดยไม่มีปัญหา
ลองตีความดูครับว่ามันมา 20 ได้อย่างไร และควรใ้ช้ หรือไม่ควร
http://www.tytlabs.com/english/review/rev324epdf/e324ab_tohyama.html (http://www.tytlabs.com/english/review/rev324epdf/e324ab_tohyama.html)
Toyota R&D
ส่วนเรื่องแรงเสียดทาน กับค่าความหนืด การปกป้อง
คุณต้องไปอาน Kinematic viscosity , High Shear viscosity , oil filmครับ Text book มีให้อ่านเยอะครับ เีขียนเหมือนกันหมดทุกเล่ม ไม่ต้องไปคิดค้นใหม่
20 30 ที่เห็นนั้นเป้น Kinemetic Viscosity rating ที่จัดทำโดย SAE ครับ
ศึกษาเยอะ ๆ ครับ จะได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุดที่คุณพิสูจน์ได้เอง
....
กลัวจะหาไม่เจอ เอามาแปะให้แล้วกัน ในเน็ทก็มี
http://books.google.co.th/books?id=XjTaOqEgHeEC&pg=PA3&dq=hths+viscosity&hl=en&ei=eyrDTvjsO6OGiQK6n4jECw&sa=X&oi=book_result&ct=result&redir_esc=y#v=onepage&q&f=false (http://books.google.co.th/books?id=XjTaOqEgHeEC&pg=PA3&dq=hths+viscosity&hl=en&ei=eyrDTvjsO6OGiQK6n4jECw&sa=X&oi=book_result&ct=result&redir_esc=y#v=onepage&q&f=false)
http://www.api.org/certifications/engineoil/new/upload/2_Global_Perspective_on_Base_Oil_Quality_How_it_Affects_Lube_Specs_JRosenbaum_Chevron_DAP_Forum_April_20_2010.pdf (http://www.api.org/certifications/engineoil/new/upload/2_Global_Perspective_on_Base_Oil_Quality_How_it_Affects_Lube_Specs_JRosenbaum_Chevron_DAP_Forum_April_20_2010.pdf)
ถ้าอ่านไม่ไหว สรุปให้คร่าว ๆ
เมืองไทย มันร้อนครับ น้ำมันเครื่องบนผนังสูบ ร้อนเกิน 150 องศาที่เขาใช้วัด HTHS เสียอีก จุดนี้ล่ะครับวัดการสึกหรอ มองหา HTHS ที่สูงไว้ก่อน เกรดน้ำมันดี จะรักษา HTHS ไว้ให้มีอายุนานที่สุด น้ำมันเกรดต่ำ ๆ HTHS สูงก็จริง แต่พอใช้ไปไม่กี่พันโลมันก็ตก เรียกว่าเสื่อมนั่นแหละครับ
ตัวไหนดีไม่ดี ดูในเอกสาร Chevron ได้ครับ มีอธิบายครับ
ข้อมูลแน่นครับ แต่ผมอ่านไม่เข้าใจอ่ะ พี่ช่วยสรุปแบบง่ายๆให้เพื่อนๆและผมเข้าใจได้มั้ยครับว่า เบอร์ 20 เนี่ยมันเหมาะกับการขับขี่และลักษณะภูมิประเทศยังไง ขอบคุณมากๆๆค้าบบ
-
...
ข้อมูลแน่นครับ แต่ผมอ่านไม่เข้าใจอ่ะ พี่ช่วยสรุปแบบง่ายๆให้เพื่อนๆและผมเข้าใจได้มั้ยครับว่า เบอร์ 20 เนี่ยมันเหมาะกับการขับขี่และลักษณะภูมิประเทศยังไง ขอบคุณมากๆๆค้าบบ
555 สรุปให้ก็ได้ครับ แต่ผมสรุปแล้ว ก็ไปอ่านด้วยนะครับ อยากให้อ่านมาก ๆ ค่อยๆ อ่านครับเดี๋ยวหมดมีให้ต่ออีกหลายเล่ม
เบอร์ 20 บางไปครับ ไม่เหมาะกับรถยนต์ในเมืองไทยโดยเฉพาะเวลาอากาศร้อน (ซึ่งก็ร้อนแทบทุกวัน) ใครขับเกิน 90-100 km/hr บ่อย ๆแกะสูบออกมาดูได้ครับ เอาแว่นขยายส่อง เห็นปลอกลายพร้อยแน่ ๆ
ญี่ปุ่น อากาศโดยรวม เย็นกว่าบ้านเรา ยุโรป หลายประเทศก็เย็นกว่าบ้านเรา อเมริกา โดยรวม ๆ ก็เย็นกว่าบ้านเรา แต่คนที่อยู่ UTAH, NEVADA, ARIZONA เขาก็ไม่ใช่เบอร์ 20 กันเพราะมันไม่ไหว
แต่เชื่อเถอะครับเบอร์ 20 ใช้ เกินระยะประกันแน่นอน เครื่องไม่พังให้เห็น แต่รอยในผนังสูบ ไม่มีใครไปส่องดู ถึงส่องดุเห็น รถยังวิ่งได้ ไม่มีปัญหา ศูนย์ก็ไม่เคลมให้
-
ขอบคุณครับ
-
ชัดเจนมากครับ