Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: !ceman ที่ ตุลาคม 19, 2013, 09:33:10
-
สอบถามเรื่องการ Run in รถใหม่ครับ
1.รถใหม่ๆสมัยนี้ออกมาแล้วจำเป็นต้องRun in อยู่ไหมครับ หรือทางโรงงานได้Run in มาแล้ว
2.การRun in มีวิธีการขับอย่างไรบ้างครับ แล้วต้องขับRun in เป็นระยะทางประมาณเท่าไรครับ
3.น้ำมันเครื่องจำเป็นต้องเปลี่ยนตอนRun in เสร็จไหมครับ แล้วถ้าเปลี่ยนก่อนระยะทางที่ศูนย์บริการกำหนดจะต้องออกค่าใช้จ่ายเองใช่ไหมครับ
มีอะไรเพิ่มเติมแนะนำได้ครับ
ขอบคุณครับ ;)
-
1. ยังต้อง run in อยู่แต่ไม่ ซีเีรยสมาก
2. ขับไม่ใช้รอบสูงเกิน 80% ของรอบที่มี ไม่ค้างที่ความเร็วคงที่นานๆ เปลี่ยนความเร็วเรื่อยๆ
3. เปลี่ยนตามระยะในคู่มือ
-
การRun in สำหรับคนทั่วไปมักนึกแต่เรื่อง เครื่องยนต์ แต่ต้อง รวมถึง ระบบช่วงล่าง เบรคและยางด้วย ที่ต้อง Run in
ดังนั้น ยังไงในแง่ผู้ใช้รถ ก็ต้องใช้แบบ Run in ไปก่อน อย่างน้อยๆซัก 1500 กม.แรก
วิธีRun in ที่เหมาะสมก็คือ
1อย่าใช้รถแบบโหดเกินไป เช่นทดลองความเร็วสูงสุด หรือ ลุยสภาพถนนขรุขระแบบไม่บันยะบันยัง เพราะต้องคิดว่า ยาง เบรคและช่วงล่าง มันยังไม่เข้าที่เข้าทาง จึงทำให้ประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป้นนั้นยังไม่เต็ม100%
2ใช้งานแบบคนปกติทั่วๆไปใช้งาน ใช้รอบเครื่องที่เหมาะสมกับความเร็วที่กฏหมายกำหนด ควรจะเปลี่ยนความเร็วและรอบเครื่องยนต์เป็นระยะ จะทำให้การRun in สมบูรณ์กว่าการแช่รอบเครื่องนานๆ และความเร็วคงที่ เลี่ยงความเร็วออกตัวแรงๆ หรือรอบเครื่องสูงปรี๊ดด เพราะ ต้องนึกว่า ลูกและเสื้อสูบมันยังฟิตอยู่
รวมความแล้ว Run in ก็คือ การปล่อยให้รถได้ปรับตัวเข้ากับสภาพการใช้งานก่อน และจับอาการที่ผิดสังเกตุ
ส่วนน้ำมันเครื่อง ก็แล้วแต่ความสบายใจ เพราะบางคนยินดีที่จะเปลี่ยนตอน 5 พันโลแรก เพราะคาดว่าจะต้องมีเศษโลหะปะปนมากับการเสียดสีในตอนแรกๆ
เห็นหลายๆคนชอบพูดถึงกันในทางประเด็นเดียว ก็คุณภาพการหล่อลื่น ซึ่งมันก็ถูกว่ามันยังไม่หมดอายุ
แต่ถ้าจะเปลี่ยนที่ ระยะ1หมื่นโลเลย ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสี่ยงหรือลุ้นแต่ประการใด โอกาสน้อยมาก ที่จะพบอาการดังกล่าวในระยะนั้น
-
ขอตอบจากประสบการณ์จากที่เคยใช้รถยุโรปญี่ปุ่น และอเมริกันนะครับ
1 รถใหม่แค่ไหนก็ควรรันอินครับ
2 จากคู่มือรถบอกไว้ว่า 1,500 km แรกนั้น ห้ามขับกระชากคันเร่งหรือห้ามเกิน redline เป็นอันขาด แต่ก็ไม่ควรขับด้วยความเร็วคงที่ตลอดเช่นกัน ทางที่ดีควรขับรถโดยใช้ความเร็วหลากหลายคือเร่งบ้างช้าบ้างครับเพราะประสิทธิภาพของเครื่องยนต์รวมถึงเกียร์และฟันเฟืองต่างๆจะทำงานได้เต็มที่ พอพ้นระยะ1500kmแรก ไปแล้วถึงจะค่อยๆเร่งและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพของรถได้เต็มที่
3ระยะการเปลี่ยนนำ้มันเครื่องให้ดูตามคู่มือของแต่ละรุ่นจะดีที่สุดครับ
-
ตอนผมได้มาใหม่ๆเนี่ยขับโครมคราม ยังมือใหม่เบรกหย่อนหลุมยังไม่ค่อยนิ่ม
-
ต่งจากเซลBMหาดใหญ่เลยครับ บอกว่าไม่ต้องกดโลด160+
-
วันที่รับรถ ขับรถออกจาก 0 ไม่เกิน 5 กิโล ก็เหยียบหมดเลยครับ...
จนถึงทุกวันนี้ครบ 1 ปี 1 เดือน ไม่เห็นเป็นไร....555
ปอลิง - Swift
-
1.แล้วแต่บุคคลครับ บางคนไม่รันอินก็ยังอยู่ดี ไม่มีปัญหาอะไร
2.ระยะประมาณ 1000 โลครับ พยายามเลี่ยงไม่ให้รอบเกิน 2500 - 3000
3.เอาตามคู่มือเลยครับดีสุด รถบางคัน บางค่ายกำหนดมาไม่เหมือนกัน
-
การรันอิน จริงๆเเล้วคือการหาข้อบกพรองของรถใหม่ในช่วงเริ่มต้น ทำไม่ถึงต้องให้ขับข้าๆ ไม่เร่งรอบจนเกินไปนัก
หลักๆคือให้ผู้ใช้รถได้ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆๆว่าใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ เพราะบางที่มันอาจจะเสียหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะหาก ไปวิ่งในความเร็วสูงเเต่เเรกเลยโอกาสเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ ซึ่งมันไม่คุ้มเลย สำหรับรถที่ไม่มีปัญหาอะไรก็ถือว่าผ่านในจุดนี้ถือว่าได้รถที่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพของทางโรงงาน
การรันอินหลักๆ จะมี 2 ส่วน คือ เครื่องยนต์ในคู่มือส่วนมากจะเขียนประมานว่า ไม่ควรใช้รอบเกินตามที่กำหนดร่าวๆ 500-1000 Km เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์สึกหรอ (เเต่ในโรงงานบ้างเครื่องก็มีการรันอินมาให้ส่วนนึ่งเเล้ว อีกทั้งการสึกหรือในช่วงเเรกจะสูงที่สุดของรถ ไม่ว่าจะขับเร็วหรือช้า ก็สึกหรออยู่ดี จนกว่าชิ้นส่วนต่างๆๆจะเข้าที่จนมีความเสียดสีน้อยลง เเต่การขับช้าๆ ก็ช่วยถนอมได้ระดับนึง ) อีกส่วนนึ่งคือระบบเบรค รถใหม่ผ้าเบรคกับจานยังสัมผัสกันไม่ค่อยเเนบสนิทเท่าไร ก็พยายามใช้เบรคบ่อยๆในช่วงเเรก เพื่อให้หน้าสัมผัสสนิทกับจานเบรค ที่เหลือคงไม่น่ามีอะไรเเล้วจะเป็นพวกอุปกรณ์ต่างๆ
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเปลียนได้ตามระยะที่คุ่มือรถบอกได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหลังรันอินเสร็จ เพราะเค้าคำนวนค่าความสึกหรอมาให้เรียบร้อยเเล้ว ว่าตั้งเเต่ 1-5000 km ความสึกหรอประมานเท่าไร เราไม่จำเป็นจะต้องเสียเงิน 2 ต่อเพราะต่อให้เปลี่ยนก็ไม่ต่างกัน (บางรุ่นจะมีการเปลี่ยนนำมันเครื่องที่ระยะมากกว่านี้ เเสดงว่าวิศวะกรคำนวนค่าความสึกหรอมาเป็นอย่างดี)
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งเเรกควรเปลี่ยนตามระยะ อย่างเคร่งครัดเพราะในช่วงเเรกเครื่องยนต์จะสึกหลอสูงที่สุด เศษเหล็กจะเยอะมากถ้ายังฝืนใช้มันก็จะไปเสียดสีกับขิ้นส่วนอื่นๆเป็น ตามด หรือทำให้สึกหรอเพิ่ม ข้อมูลเพิ่มเติมรอเพื่อนๆสมาชิกมาเเนะนำเพิ่มเติม
-
จำเป็นมากๆครับ ที่สำคัญที่สุดคือเบรกครับเพราะผ้าเบรกใหม่ผิวสัมผัสอาจจะไม่เรียบเสมอกันทั้งหมด ถ้าขับเร็วๆแล้วต้องเบรกอาจเกิดอุบัติเหตุได้ครับ และอีกข้อหนึ่งคือรถใหม่คนขับอาจจะยังไม่ชินกับรถที่รันอินก็เหมือนรันอินคนขับให้เข้ากับรถไปด้วยจะได้รู้ระยะเบรกสมรรถนะรถการเร่งแซง เพราะผมว่าคนที่เปลื่ยนรถขับใหม่ๆไม่มีทางขึ้นมาขับแล้วชินมือตัวเองเลยหรอกคับ
ยกเว้นพวกนักเทสรถเพราะพวกนี้เขาเปลื่ยนรถขับบ่อยค้บ
-
เพื่อความชัวร์รันอินสักหน่อยก็ดีครับ เพื่อให้ชิ้นส่วนต่างๆเข้าที่เข้าทางในแบบของมัน
-
ผมได้รถมานี้จัดหนักตลอดเลยครับ555
-
วันที่รับรถ ขับรถออกจาก 0 ไม่เกิน 5 กิโล ก็เหยียบหมดเลยครับ...
จนถึงทุกวันนี้ครบ 1 ปี 1 เดือน ไม่เห็นเป็นไร....555
ปอลิง - Swift
พูดโดยรวมนะครับ ได้รถมาใหม่ระบบต่างๆๆเรายังไม่ชิน ไม่เข้าที่ เหมือนข้างบนบอกไว้ ไม่ใช่แค่เครื่อง
ปลอดภัยไว้ก่อน ขับยังไงไม่ให้คนอื่นเดือดร้อนและเราปลอดภัย
คำพูดพ่อผมเวลาเจอพวกขับรถแบบไม่สนใจคนอิ่น ขับเปรตๆกรูก็ขับเป็นขับเปรตกว่ามึงอีก แต่กรูไม่ทำ 5555 ขำขำ
-
..Run in ตัวรถ คงไม่สำคัญเท่า Run in คนขับ.. ถ้ายังไม่คุ้นเคยกับรถ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก่อนก็ดีนะครับ
ก่อนขับ CR-V ผมขับ FD มาก่อน ถึงแม้ตัวรถจะมีพื้นฐานใกล้เคียงรถเก๋ง แต่มุมมอง เบรค ล้อ/ช่วงล่างๆเดิมๆ ก็ยังให้ความรู้สึกแตกต่างไปจาก FD ที่เคยใช้อยู่หลายอย่าง กว่าจะปรับตัวเข้ากับรถได้เนียนๆ ปาไปเกือบ 3 วันเลยครับ