Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tew ที่ พฤศจิกายน 10, 2013, 14:18:15
-
ชอบเทียน่าตัวใหม่มากๆ แต่ผมมีกำไรต่อเดือนแค่เดือนละสามหมื่นถึงสี่หมื่น ถ้าจะซื้อก็คนเขาจะนินทาว่าไม่เจียม ไปเทียบ คนข้างบ้าน เมียเป็นหมอ ผัวเป็นผู้จัดการธนาคาร ยังขับ มาสด้า2กับวีออสตัวแรกเลย ตอนนี้ผมใช้ปิกอัพครับ เพื่อใช้ขนของด้วย
-
เอาสบายๆก็ 4-5 หมื่นนะผมว่า ถ้ามีครอบครัว + ลูกแล้ว เพราะไหนจะค่าผ่อน + ค่าน้ำมัน + ค่าดูแลลูก + ครอบครัวอีก
-
ทำไมต้องคิดว่าไม่เจียมล่ะครับ เงินก็เงินคุณ ถ้าพอใจก็ซื้อครับ ไม่ต้องไปสนหรอก
-
ผมไม่มีผ่อนบ้าน กับรถคันอื่น
เงินเหลือจากหัก คชจ ในครอบครัว ประมาณเดือนละ 9 หมื่น ถึง 1.1 แสน แบ่งมาผ่อนเดือนละ 2.4 หมื่นครับ
อยากได้ก็ซื้อเลยครับ ผมจบที่ Accord เนี่ยแหละครับ รวยกว่านี้ก็ไม่เอารถยุโรปครับ
-
เอาแบบ ผ่อนสบายๆ ไม่ลำบากผมว่า
รายได้ต้อง แสน อัพต่อเดือนครับ
แสน อัพนี่ หมายถึง ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในครอบครัวนะครับ
นั่นทำให้ ผมยังเอื้มไม่ถึง D- Segment ได้แต่มองครับ
เก็บตังรอมือสอง อีก สามปี
ซื้อรถ ที่ ซื้อแล้วเราไม่ลำบากเถอะครับ เอาให้เหมาะสม กับ ฐานะ เรา จะลบาย
ตอนนี้ ผมกับ แฟน รายได้รวมกันประมาณแสน
ยังได้แต่มองเลย ค่าใช้จ่าย ในครอบครัว กินไป หมด ทั้ง ลูก บ้าน ต้องเก็บเงินสำรอง ให้ลูกเรียนอีก
จริงๆ คนมีเงิน จริงๆ นะ เค้าไม่แคร์ ว่าจะขับรถอะไรหรอกครับ คุณว่าจริงไหม ? มีเงินซื้ออะไร ไม่ลำบากเค้าก็ซื้อ
สุดท้ายแนะนำ ให้ซื้อ รถที่ เราไม่ลำบาก
ภาพลักษณ์เอาไว้ทีหลังเถอะครับ
-
อยากจะบอกว่ารถมันเป็นแค่ของล่อตาล่อใจ แล้วteana ภาพลักษณ์ก็ไม่ได้เด่อะไร
เศรษฐีหลายคนขับรถกระบะ กันให้ว่อน
มีหมอท่านหนึงขับbmwเก่ามากๆเกิน 20ปี มีที่เป็น100ไร่ ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนรถ
มีรายได้ระดับไหนก็ซื้อ D seg ได้ครับ แต่คุณภาพชีวิตอาจจะไม่เหมือนกัน
เงินเดือน20000 ผ่อนรถ15000 เหลือกิน5000 แบบนี้ :D
แต่ด้วยความเคารพนะครับ มันเป็นกิเลส พอซื้อมาสักพักผมว่าฟินสักพักแล้วเดี๋ยวก็อยากได้อย่างอื่นต่อ
ยิ่งรถยนต์อีก5-6ปี ก็มาใหม่แล้ว
ปล. ภาพลักษณ์อยู่ที่ตัวเราไม่ใช่รถนะผมว่า
-
สำหรับผม ถ้าจะมีรถระดับคันละ 1.5ล้าน +
คงต้องหาเงินให้ได้มากกว่า 150K + / เดือนเป็นอย่างน้อย
เพราะมีภาระเรื่องอื่นที่สำคัญกว่ารถ
-
ตอบแบบกำปั้นทุบดินครับ
[กระแสเงินรับ - (รายจ่ายทั้งหมด+เงินเก็บ,ออม,ลงทุน)] - ค่ารถ
รายได้ไม่ใช่ทั้งหมดครับ สมมุติว่า
คุณมีรายได้เดือนละ 2 ล้าน รายจ่ายเดือนละ 2 ล้าน 5 Ecocarยังไงก็ผ่อนรถไม่สบายเลยครับ
ผมว่ามันอยู่ที่คนและวิจารณญาณ แต่อย่าลืมว่า รถ คือ ลด
-
ขึ้นอยู่กับว่า ดาวน์เท่าไรด้วยครับ
ถ้า teana 1.3 ล้าน ดาวน์เยอะๆ ผ่อนนานๆ ก็พอได้อยู่ ไม่เกินตัวครับ
แต่เอาสบายๆ คงต้องรายได้แสนอัพ
อย่างผม เมีย รวมกัน แสนสี่ แสนห้า ตัวผมเองขับ altis เมียขับ innova ส่งของ รับส่งลูกชิวๆ
ก็คิดว่า แค่เปลี่ยน innova เป็น SUV 1.2-1.3 ล้านบาท ครอบครัว นั่งทางไกลสบายขึ้น
ส่วนผมก็เพียงพอแล้ว คิดว่า D segment คันใหญ่ เปลี่ยนเลนไม่คล่อง เท่า C segment ด้วยซ้ำครับ
-
มันกำหนดตายตัวไม่ได้อ่ะ สมมติว่าอยู่บ้านกับพ่อแม่(เป็นโสด) ไม่มีภาระอะไร เงินเดือน 35000 ก็พอนะผ่อนซัก 20000 เหลือ 15000 ก็สบายๆครับเพราะไม่ต้องจ่ายค่าบ้านกินข้าวกับที่บ้านก็ประหยัดไป555
-
ผมจบมาได้ รายได้ 50000 ต่อเดือน
ค่ากิน 5000
ค่าโทรศัพท์ 1800
ใช้เน็ทที่ทำงาน
ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ทำงานออกให้
ซื้อของใช้ต่างๆ ไม่เกิน 3000
ส่งให้พ่อแม่ 10000
เก็บได้เดือนละ 3 หมื่นบาท
หลังทำงานหนึ่งปี เอาเงินไปดาวน์ City 2 แสน
ผ่อนเดือนละ 1 หมื่น
หลังจากต้องผ่อนรถ เงินเก็บเหลือเดือนละ สองหมื่น
ไม่เดือดร้อนเลยครับ
1. ไม่ต้องไปแคร์ข้างบ้านหรือใครเลยครับ
ที่ต้องแคร์ คือ ซื้อแล้วเราเดือดร้อนรึเปล่าต่างหาก
2. ดูรายได้อย่างเดียวไม่พอ ต้องดูค่าใช้จ่ายรายเดือน ความรับผิดชอบ
และเงินที่ตั้งใจเก็บไว้เพื่ออะไรซักอย่างในอนาคตด้วยครับ
-
คิดแบบง่ายๆก็ Total income ใน1ปีมีเท่าไร นั้นเป็นมูลค่าของรถที่คุณซื้อไปแล้วจะไม่มีปัญหาในระยะยาวครับ (ในกรณีที่รถนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้)
-
ถ้ายื่นไฟแนนช์ผ่านผมถือว่ารายได้เพียงพอครับ (เพียงพออาจเดือนชนเดือนก็ได้)และควรมีเงินเก็บอย่างน้อยหนึ่งในสี่ของรายได้สุทธิด้วยครับ แต่เอาเข้าจริงๆ รถยิ่งแพงยิ่งใช้ไม่คุ้มครับ ถ้าไม่ได้ใช้รถเพื่อภาพลักษณ์เพื่อการติดต่อธุรกิจ
ผมมองว่าถ้าจะซื้อรถสักคัน มันต้องช่วยสร้างรายได้ให้เราอย่างน้อย 5-10 เท่าของราคารถ ตลอดอายุการใช้งาน
และควรเผื่อรายจ่ายต่างๆที่จะตามมาด้วยครับเช่น
- ค่าเช็คระยะ
- ประกัน
- ภาษี
- ค่าทิบ ขับรถแพงขึ้นก็ต้องจ่ายแพงขึ้น
- ค่าล้างรถ
- เปลี่ยนยาง
- ค่าน้ำมัน ที่เพิ่มจากดีเซล
- ค่าติดแก๊ส
-
เอาแบบไม่มีผลกระทบกับชีวิตนะครับ ราคารถต้องไม่เกิน5%ของ ทรัพย์สินทั้งหมดที่เรามีอยู่ เช่นเทียนน่าราคา1.3ล้าน ทรัพย์สินต้องมี 1.3*20 = 26ล้าน
แต่ในความเป็นจริง กิเลสต่างหากที่กัดกร่อนเราทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ทำให้เราอยากได้รุ่นโน้น นี่ นั้น (มีมากมายหลายรุ่นเหลือเกิน)ไม่มีจบง่ายๆ
ตัวผมเองก็พยามทำใจให้ไม่อยากได้รถใหม่ๆเหมือนกัน ปุจจุบันขับ Focus 2012 2.0 ราคา1.06ล้าน ใจก็อยากได้รุ่นอื่นที่ดีกว่า เช่น Activehybrid3 หรือ SLK
แต่เมื่อมองรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายผมและภรรยารวมกัน(กระเป๋าเดียวกัน)ราวๆ2แสนบาท ทรัพย์สินรวมกันไม่น่าเกิน10ล้าน แค่Focusก็เกิน5%ของผมแล้วครับ(ใจนึงก็เสียดายตัง)
ตังนั้นต้องอดทนไปก่อนครับ เมื่อเรารวยพอจะซื้อกี่รุ่นกี่คันก็ไม่ใช่ปัญาหา ซื้อมาก็แค่นั้น ขับๆไป ไม่ได้หนีรถติดได้ ไม่มีใครมาน้ำลายหกตามว่ารถเราสุดยอด มีแต่เรานี่แหละครับ ที่ต้องรับภาระผ่อนเองทุกเดือนๆ 60 70 80 งวด
-
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ อาชีพผมมันไม่ต้องเสริมภาพลักษณ์อะไรเลยครับ ธุระกิจเล็กๆ ความเป็นจริงก็ขับรถคันปัจจุบันนี้ก็สบายที่สุดไม่มีงวด แต่เพื่อนๆมันส่งแรงยุ บอกให้ขับรถที่สมฐานะหน่อย ก็งงๆเหมือนกัน อะไรมันสมฐานะ พอเห็นนิวเทียน่าเลยเกิดกิเลสครับ (ถ้าซื้อเทียน่ามาลูกค้าอาจจะเข้าใจว่าเราเอากำไรมาก ลูกค้าอาจจะหายไปเลยก็ได้ มีหลายมุมมอง)
-
เอาแบบ ผ่อนสบายๆ ไม่ลำบากผมว่า
รายได้ต้อง แสน อัพต่อเดือนครับ
แสน อัพนี่ หมายถึง ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในครอบครัวนะครับ
นั่นทำให้ ผมยังเอื้มไม่ถึง D- Segment ได้แต่มองครับ
เก็บตังรอมือสอง อีก สามปี
ซื้อรถ ที่ ซื้อแล้วเราไม่ลำบากเถอะครับ เอาให้เหมาะสม กับ ฐานะ เรา จะลบาย
ตอนนี้ ผมกับ แฟน รายได้รวมกันประมาณแสน
ยังได้แต่มองเลย ค่าใช้จ่าย ในครอบครัว กินไป หมด ทั้ง ลูก บ้าน ต้องเก็บเงินสำรอง ให้ลูกเรียนอีก
จริงๆ คนมีเงิน จริงๆ นะ เค้าไม่แคร์ ว่าจะขับรถอะไรหรอกครับ คุณว่าจริงไหม ? มีเงินซื้ออะไร ไม่ลำบากเค้าก็ซื้อ
สุดท้ายแนะนำ ให้ซื้อ รถที่ เราไม่ลำบาก
ภาพลักษณ์เอาไว้ทีหลังเถอะครับ
เห็นด้วยมากที่สุด
ซื้อรถที่ส่งต่อเดือนแล้วไม่ลำบาก
ส่งแล้ว มีเงินเดือนเหลือประมาณ 1/3 ของค่าผ่อนต่างๆ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือน จะไม่เดือดร้อน
และอย่าลืม
มีลูก 1 คน จะมีค่าใช้จ่ายคิดแบบสังคมเมือง เฉลี่ยๆ ดังนี้
อายุ 1-5 ปี มีค่าใช้จ่ายประมาณ 10000 บาทต่อเดือน
อายุ 5-12 ปี "---" 7000 "---"
อายุ 13-18 ปี "---" 10000 "---"
อายุ 19-22 ปี "---" 15000 "---"
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยิ่งอายุเยอะ จะมากขึ้น
ประกันเรา แฟน พ่อ แม่ ลูก รถ (7 อย่าง) ประมาณปีละ 200000 แสน
ค่าน้ำมัน
งานแต่ง ลูกน้อง ลูกของลูกน้อง
งานขึ้นบ้านใหม่
ฯลฯ
-
ประมาน 35000 ครับ กำลังดี เพราะเผื่อฉุกเฉินก็ยังมีเงินเหลือตั้ง 20000 แต่
ส่วนมากแถวบ้านผมก้ออก D-sag แต่เงินไม่ถึง 30000 แต่ไปหนักตรงดาวน์ หน่ะครับอิอิ
และอยู่ที่ภาระของตัวเองด้วยนะ :o
-
3-40000 นี่ แค่ รถเล็ก อย่าง อัลติส ยังเหนื่อยเลยครับ
เคยอ่านเอกสารของโตโยต้า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของรถขนาดกลางอย่างแคมรี่
คือกลุ่มคนที่มีรายได้ 150000-200000 บาทต่อเดือนครับ
-
ผมมาสนับสนุนในส่วนของด้านกิเลสความอยาก ถ้าอยากแล้วจงไปให้สุด แล้วบทเรียนจะสอนเราเอง ถ้าไม่ได้เดือดร้อนอะไรก็ถือว่าให้รางวัลตัวเอง
-
มีผมแหละที่เวอร์สุด ส่งรถเดือนล่ะ14265บาท เงินเดือน15000 หักประกันสังคมเสร็จก็ส่งรถหมดพอดี555 เงินที่ใช้ต่อเดือนก็คือเบี้ยเลี้ยง+โอที4-5พันแต่ที่ผมทำแบบนี้ได้เพราะ
1.โสด
2.บ้านใกล้กับที่ทำงานมาก นั่งวินไป10บาท
3.บ้านไม่ต้องเช่าข้าวไม่ต้องซื้อ
ปล.บางเดือนไม่พอมีแม่ซัพพอต555
-
สำหรับผู้ที่รายได้ต่ำกว่า 20000 บาท ขอที่บ้านเอาคับ
สำหรับผู้ที่รายได้ 30000-40000 บาท ถ้าโสด และ ค่าใช้จ่ายรายเดือนไม่มาก ก็ผ่อนได้ครับ
ถ้า 70000 บาทขึ้นไป ชิลๆ ครับ
ถ้าไม่ทีรายได้พึ่งดวงให้เกิดมามีสมบัติเยอะๆ ครับขายที่ได้ 10ล้านก็ซื้อได้สบายๆ แล้วครับ
ปล.มันขึ้นอยุ่กะหลายปัจจัยครับ
-
ผมว่าเหมาะๆต้องมีกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย เกิน 6-7 หมื่นครับ
หรือมีรายได้ แปดหมื่นอัพ น่าจะพอนะครับ
แต่ถ้าดาวน์เยอะนี้ ก็อีกเรื่องนึง
ผมมองว่าคนรายได้เหลือประมาณ 5 หมื่น ขับ ซีวิคกะอัลติสก็เพียงพอแล้วครับ
ส่วนคนที่รายได้เยอะๆมากๆ เหลือเป็นแสนแต่ก็ยังขับรถ ญี่ปุ่นอยู่ รออีกสักพักค่อยซื้อ
ก็ระวังนะครับชีวิตคนเราไม่แน่ ไม่นอน ทำได้ไม่ลำบากก็ทำไปเลยครับ อย่ารอเลย บางที่ ถึงตอนนั้นอาจจะขับไม่ได้ก็ได้ครับ
เงินเอาติดตัวไปไม่ได้นะครับเวลาหมดอายุคนเราแล้วครับ
-
รายได้ ที่สามารถผ่อนได้ครับ ไม่ว่ารถจะราคาเท่าไหร่ ก็ผ่อนได้แบบสบายๆ
เทียน่าตัวที่แล้ว ราคา 1.55 ผม มีปัญญาผ่อนแค่ เดือนล่ะ 2 หมื่นกับแฟน
แต่ผมเก็บเงินดาว์มันได้ที่ 7 แสนกว่า เหลือจัด 9 แสน ผ่อน 4 ปี เดือนล่ะ 2 หมื่นนิดๆ ตามที่ตั้งใจ
เราก็ซื้อได้ แต่ต้องดูเหตุผลด้วยว่าซื้อมาใช้ทำอะไร เพราะที่ซื้อเพราะมีลูกคนแรก อยากได้รถใหญ่นั่งสบาย
ส่วนตอนนี้ผม อีก 2 เดือน จะเอา Odyssey 2.4JP ที่ค้างสต้อก จาก 2.5 น่าจะได้ที่ 1.9
โดยผมเอาJazz JP ขายแลก และเพิ่มเงินอีก 7 แสน น่าจะจัด ได้ซัก 7 แสน ผ่อน 4 ปี เดือนไม่ถึง 2 หมื่นครับ
ที่ซื้อรถแพงเพราะจำเป็นต้องใช้ ไม่ได้อยากสร้างภาพ ใช้วิ่งไกล ขนลูกและขนของ แต่ต้องขับสบาย เลยเลือกครับ
-
ชอบเทียน่าตัวใหม่มากๆ แต่ผมมีกำไรต่อเดือนแค่เดือนละสามหมื่นถึงสี่หมื่น ถ้าจะซื้อก็คนเขาจะนินทาว่าไม่เจียม ไปเทียบ คนข้างบ้าน เมียเป็นหมอ ผัวเป็นผู้จัดการธนาคาร ยังขับ มาสด้า2กับวีออสตัวแรกเลย ตอนนี้ผมใช้ปิกอัพครับ เพื่อใช้ขนของด้วย
อย่าไปแคร์คนอื่นเลย ถามตัวเองละกัน เรารู้ดี
-
คุณน่าจะรู้ตัวดีที่สุดนะครับ ไหวไหม เงินเดือน เงินในบัญชี ความมั่นคงของอาชีพที่ทำ และสมบัติที่มีแค่ไหน
แต่ให้เงินเดือนได้เกือบแสน แต่ถ้ามีเงินเก็บนิดเดียว ไม่มีสมบัติอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ก็ไม่ควรซื้อรถเกินล้าน ควรตั้งตัวให้ได้ก่อน
แต่ถ้ามั่นคงแล้ว มีเงินมีทองใช้สะบาย เงินเดือนซัก 4-5 หมื่นก็ได้แล้วครับ ผ่อนอย่าเกินเดือนละ 20000
รถเป็นสินค้าฟุ้มเฟือย แต่ก็เป็นสินค้าที่ใครก็อยากได้ แต่ความอยากแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ความชอบแต่ละคนไม่เท่ากัน
หากซื้อรถแบบหลวมๆ อย่าง Eco Car. แต่คุณยังต้องรู้สึกทุกวันว่ามันไม่ใช่ รู้สึกแปล๊บๆทุกครั้งที่เห็นรถที่อยากได้ ถ้าประเมิณตัวเองแล้วว่าไหว
บริหารความเสี่ยงได้ จัดเลยครับ
-
ผมว่า น่าจะ 50,000 ขึ้นนะครับ
ดาวมากหน่อย ได้ผ่อนน้อย
-
ถ้าไม่มีครอบครัว ค่ารถ +ค่าน้ำมันรวมค่าซ่อมไม่น่าเกิน 30%
ถ้ามีครอบครัวก็ไม่ควรเกิน 20%
ของรายได้หรือกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายครับ
-
น่าจะ 60,000 นะครับ แบบสบายๆ แต่ผมเคยเจอคนมีเงินหลายคนเขาไม่ค่อยสนใจรถกันนะครับ เคยเจอเจ้าของโรงแรมขับวีโก้ HRบริษัทข้ามชาติขับอัลติส GM ขับvios
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนในหุ้น มีพอร์ทลงทุนมูลค่ากว่า 2,500ล้านบาท ยังนั่งรถไฟฟ้า กินน้ำฟรี เลยครับ
หลังอ่านแนวคิดต่างๆของ ดร ท่าน ตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกตัวแล้วคิดได้ว่า รถยนต์เป็นแค่พาหนะที่นำเราจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเท่านั้น เป็นหนี้สินไม่ใช่ทรัพย์สิน เพราะมันเสื่อมค่าลงทุกวัน และมีค่าบำรุงรักษา ดังนั้นเราไม่ควรเอาเงินไปลงกับมันมากนัก ::) คิดแบบนี้แล้วสบายใจครับ (ออกแนวปลงนิดนะ ;D)
-
ผมเงินเดือน 3หมื่นกว่า กำลังผ่อน teana J32 อยู่ เดือนละ 17000 บาท แต่ไม่มีค่าบ้าน มีแต่ค่ากิน และค่าเลี้ยงแฟน เกือบหมดเหมือนกันต่อเดือน
-
ถ้าหากกำไร 3-4 หมื่นต่อเดือน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ก็ไม่น่าเป็นห่วงครับ อย่าลืมนะครับว่าผ่อนรถ อย่างน้อยๆก็ต้อง4-7ปี ไหนจะค่าผ่อนรถ ค่าดูแลครอบครัว เงินที่ต้องแบ่งไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน คุณบอกว่าใช้กระบะขนของอยู่แล้ว แสดงว่างานคุณต้องขนของใช่ไหมครับ โอกาสที่คุณจะได้ขับเทียน่าในชีวิตประจำวันก็จะมีน้อยลงไปอีก ลองเทียบความคุ้มค่าดูครับ ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อครับ อาจจะหันไปหา C-Segment แทนครับ
หากเดือนไหนที่กำไรลดน้อยลง จะลำบากเอานะครับ ;)
-
ถ้าธุรกิจอยู่ในช่วงตั้งตัวผมว่ายังไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง มันอาจจะไปตัดการลงทุนที่จะก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต และส่วนใหญ่ในแต่ละวันไม่มีเวลาได้ใช้รถนั่งสบายๆซักทีเลย
ผมว่ากำไรหลังหักค่าใช้จ่ายที่สำคัญๆแล้วเหลือซัก 50k+ กำลังดี
ปล.หากทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้า ที่่ลูกค้าส่วนใหญ่คือบุคคลธรรมดาทั่วไป การใช้รถพื้นๆจะได้ใจพวกเขามากกว่ารถแพงๆ (ในสายตาพวกเขานะ)
-
ถ้าโสด บ้านยังไมีต้องผ่อน รายได้ซัก 60,000 ก้อโอเคครับ
ผ่อนบ้านด้วย ขอซักแสนนึงครับ
เอาแบบสบายๆนะครับไม่ต้องมานั้งประหยัด คชจ. อย่างอื่น
ผมไม่ชอบคนที่เอาเงินมาลงกะรถหมดจนไม่เหลือไปทำอย่างอื่นเลยครับ มันดูไม่ฉลาด
-
ตอบยากครับ
แต่ถ้าอยาก และไม่ลำบากก็จัดไปครับ
ทำงานมาเหนื่อย ก็ให้รางวัลกับชีวิตบ้าง
รถเป็นของนอกกายครับ เต็มที่ก็ปล่อยออกครับ ที่ขาดทุนไปก็ชั่งมัน
แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับผม คือ จะทำอะไร หรือลงทุนอะไรก็แล้วแต่ คนที่อยู่ข้างหลังเรา ไม่ว่าจะ ลูก เมีย พ่อ แม่ ต้องไม่ลำบากครับ ;D
-
เมียเป็นหมอ ผัวเป็นผู้จัดการธนาคาร ความรู้การเงินล้ำเลิศ อาจจะดอยหุ้นอยู่ก็ได้นะครับ ช่วงนี้ หมอวิศวะ ธนาคาร ที่ว่าเก่งนักหนา ดอยหุ้นกันเป็นแถบๆ อิอิ ;D ;D
-
เมียเป็นหมอ ผัวเป็นผู้จัดการธนาคาร ความรู้การเงินล้ำเลิศ อาจจะดอยหุ้นอยู่ก็ได้นะครับ ช่วงนี้ หมอวิศวะ ธนาคาร ที่ว่าเก่งนักหนา ดอยหุ้นกันเป็นแถบๆ อิอิ ;D ;D
ผมหนึ่งในนั้น T^T
-
ถ้าไม่ติดว่าแฟนผมกลัวขับลำบาก คงไม่ได้ซื้อ CR-V เปลี่ยนเป็น D-Max X-Series กับล้อสวยๆซักชุด ใช้งานได้หลากหลาย ไปไหนมาไหนหายห่วง ภาพลักษณ์ก็ไม่ได้แย่อะไร คนมีเงินหลายๆคนที่รู้จักก็ใช้กัน ที่สำคัญน่าจะประหยัดไปได้เยอะเลยครับ
-
งั้นผมว่าเก็บเงินเอาไว้ดาวน์เยอะๆครับจะได้ผ่อนสบายๆและจะได้มีเป้าหมายไว้ขยันหาเงินด้วย ชีวิตที่ขาดเป้าหมายนี่มันดูเบื่อๆนะ
-
ถ้ามีใครเสนอให้ออกกม. ก่อนซื้อสินค้าคงทนทุกครั้ง ต้องให้สรรพกรรับรองที่มาของรายได้
ผมมั่นใจครับ ว่าจะแก้ปัญหาการซื้่อบ้าน ซื้อรถ เกินตัวได้ชะงัด
-
ถ้าธุรกิจอยู่ในช่วงตั้งตัวผมว่ายังไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง มันอาจจะไปตัดการลงทุนที่จะก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต และส่วนใหญ่ในแต่ละวันไม่มีเวลาได้ใช้รถนั่งสบายๆซักทีเลย
ผมว่ากำไรหลังหักค่าใช้จ่ายที่สำคัญๆแล้วเหลือซัก 50k+ กำลังดี
ปล.หากทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้า ที่่ลูกค้าส่วนใหญ่คือบุคคลธรรมดาทั่วไป การใช้รถพื้นๆจะได้ใจพวกเขามากกว่ารถแพงๆ (ในสายตาพวกเขานะ)
เรื่องจริงครับ วันๆอยู่หลังพวงมาลัยรถปิกอัพตลอด ซื้อมาคงได้จอดอยู่ในโรงรถนานทีได้ใช้
-
รถบ้านๆทั่วๆไป จะให้ใหม่แค่ไหน ขึ้นปีที่สองหรือปลายปีที่สอง จะเริ่มไม่อยากมองหน้ามันแล้ว คราวนั้นถึงเวลาจะเทรดออกก็อยู่ที่ว่าก่อนซื้อคุณเลือกดีแค่ไหน เลือกจากอะไร
-
เงินเดือน 3-4 หมื่น ผมว่าพอไหวอยู่นะถ้าวินัยทางการเงินคุณดี และสามารถคุมรายจ่ายได้
เก็บเงินดาวเยอะๆให้ผ่อนได้สบายๆ(สบาย สำหรับแต่ละคนมันไม่เท่ากัน) จะ 4หรือ5 ปีก็แล้วแต่
แต่ผมอยากจะแนะนำว่า ผ่อนไม่ควรเกิน 30-40% ของเงินเดือนคุณ เพราะว่าต้องเผื่อไว้
เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการไว้ก่อนด้วยนะครับ ยกเว้นว่าคุณมีรายได้เสริมจากทางอื่นอีกก็
เป็นอีกเรื่องนึง จัดสรรดีๆ และซื้อในจังหว่ะที่พร้อมจริงๆโดยคุณไม่เดือดร้อน ใจเย็นๆนะครับดีไม่ดีคุณ
อาจจะดีใจก็ได้ถ้าหากเก็บเงินเพื่อดาวเยอะๆไปอีก 2 ปี ค่อยซื้อ ถึงตอนนั้นเค้าอัด option ใหม่ + ของแถมเพียบ
ใครจะไปรู้ 5555
ไม่ต้องไปสนครับว่าข้างบ้านจะขับรถอะไร ช่างหัวเค้าครับ เค้าไม่ได้ซื้อให้เราขับ
-
เงินเดือนตอบไม่ได้เลยครับ เพราะแต่ละคน มีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป
ถ้าหักค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้วยกเว้นเงินผ่อนรถ ต่ำๆก็ต้อง 60,000/เดือน เผื่อเหลือเผื่อขาด
ปล.ในเคสคุณพี่ ผมว่าบีบมากๆเลยครับ
-
เมียเป็นหมอ ผัวเป็นผู้จัดการธนาคาร ความรู้การเงินล้ำเลิศ อาจจะดอยหุ้นอยู่ก็ได้นะครับ ช่วงนี้ หมอวิศวะ ธนาคาร ที่ว่าเก่งนักหนา ดอยหุ้นกันเป็นแถบๆ อิอิ ;D ;D
ผมหนึ่งในนั้น T^T
ผมก็ติดดอยครับ ดอยสูงด้วยคับ :'(
-
ตอนซื้อ D segment คันแรกก็เคยคุยๆกับน้องชายครับ...
ว่ารายได้กับราคารถควรจะสมดุลอยู่ที่ขนาดไหน...
สรุปกันได้ง่ายๆว่าหากมีรายได้สุทธิ(หลังหักค่าใช้จ่าย เงินผ่อน เงินออม แล้ว)ปีละเท่าไร...
ก็ประมาณนั้นครับ... ;D
-
เก็บเงินไว้เยอะๆ แล้วซื้อสดครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าจะต้องมีรายได้เท่าไหร่
กว่าจะเก็บเงินได้รถมันก็เปลี่ยนไปหลายรุ่นละ ตอนนั้นก็จะต้องดีกว่าตอนนี้แน่นอน แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือราคา ยังไงรถรุ่นนี้มันก็จะราคาอยู่ประมาณนี้แหละครับ เป็นไปตามกลไกตลาด
สำหรับผม อายุ 32 พึ่งจะซื้อรถคันแรก เล็ง C-Segment ทั้งหลายที่ไม่เกิน 1.5 ล้าน ก่อนนี้(ถึงตอนนี้)ขับมอไซด์มาตลอด ซื้อสดครับ เงินเก็บล้วนๆ
การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ เชื่อผม ;D :D
-
ซื้อได้ครับ แต่กลับไปดูเงินเก็บครับ ใช้สูตร
เงินเดือนเเรกที่ทำงาน บวก เงินเดือนสุดท้ายที่รับอยู่ หารสอง แล้วเอามาคูณ อายุงานที่ทำมาครับ
ถ้ามีเงินเก็บมากกว่าที่คำนวนซื้อเลยครับ
-
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวคุณครับ ไม่มีใครรู้อะไรดีเท่าตัวคุณเอง
เพราะว่าถ้าคุณซื้อแล้วเกิดปัญหาขึ้นมาคุณนั้นละที่เดือดร้อนครับ
แต่ถ่าซื้อแลัวไม่มีปัญหา ก็ตัวคุณนั้นละที่มีความสุข ฉะนั้นคนที่ต้องแคร์
มากสุดก็คือตัวคุณเองครับ อย่าได้ไปแคร์ความรู้สึกของคนอื่น
ตอนผมจะซือรถผมจะเอา TEANA คนรอบข้างไม่มีใครเห็นด้วย
ค้านกันหมดยกเว้นภรรยา แต่ผมตัดสินใจเอา TEANA ครับ
เวลาขับมันมีความสุขมากครับเพราะว่าเราขับรถที่เราเลื่อกเอง
ตอนนั้นถ้าเชื่อคนรอบข้างเวลาขับรถคงเซ็งน่าดูยิ่งเวลาขับ
ไปเจอแล้วเจอ TEANA มันจะยิ่งเซ็งมากครับ
เลือกในสิ่งที่เราชอบครับ (เหมือนเลื่อกเมียครับ...5555)
-
รายได้ ที่สามารถผ่อนได้ครับ ไม่ว่ารถจะราคาเท่าไหร่ ก็ผ่อนได้แบบสบายๆ
เทียน่าตัวที่แล้ว ราคา 1.55 ผม มีปัญญาผ่อนแค่ เดือนล่ะ 2 หมื่นกับแฟน
แต่ผมเก็บเงินดาว์มันได้ที่ 7 แสนกว่า เหลือจัด 9 แสน ผ่อน 4 ปี เดือนล่ะ 2 หมื่นนิดๆ ตามที่ตั้งใจ
เราก็ซื้อได้ แต่ต้องดูเหตุผลด้วยว่าซื้อมาใช้ทำอะไร เพราะที่ซื้อเพราะมีลูกคนแรก อยากได้รถใหญ่นั่งสบาย
ส่วนตอนนี้ผม อีก 2 เดือน จะเอา Odyssey 2.4JP ที่ค้างสต้อก จาก 2.5 น่าจะได้ที่ 1.9
โดยผมเอาJazz JP ขายแลก และเพิ่มเงินอีก 7 แสน น่าจะจัด ได้ซัก 7 แสน ผ่อน 4 ปี เดือนไม่ถึง 2 หมื่นครับ
ที่ซื้อรถแพงเพราะจำเป็นต้องใช้ ไม่ได้อยากสร้างภาพ ใช้วิ่งไกล ขนลูกและขนของ แต่ต้องขับสบาย เลยเลือกครับ
อ้าว จะขายJazz JP แล้วหรอครับ เหมือนคุ้นๆว่าเพิ่งซื้อมาแล้วมารีวิวในเวปนี้ไม่ถึงสองปีเลยมั้งครับ น่าเสียดาย ขายได้ราคาป่าวคับรถเล็กตอนนี้