Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: FlyMe ที่ พฤศจิกายน 19, 2013, 10:29:18
-
ลมยางไนโตรเจนจำเป็นไหม ถ้าดีทำไมรถใหม่จึงไม่เติมมาจากโรงงาน แฟนผมชอบอะไรก็ตามที่มีชื่อวิทยศาสตร์เคมี เช่น ไทเทเนี่ยม แพตตินัม (เหมือนบัยรเครดิต) พยายามที่จะให้ผมเอารถใหม่ที่เธอขับไม่เคยเกิน 120 ไปเติมไนโตเจน (ฟังดูดีกว่าเติมลมอากาศธรรมดา) ผมบอกว่ารถใหม่ 2 ล้านกว่า ยาง run flat ดีอยู่แล้ว เขาเติมลมธรรมดามาก็น่าจะเหมาะสม จะไม่เสียเวลาเปลี่ยนทำไม ก็หาว่าเราขี้เหนียวเงินแค่ 200 บาทต่อ 4 เส้น
ตกลง ไนโตรเจนมันดีจริงหรือ เมืองนอกเขาไม่เห็นใช้กัน
-
ถ้าถามว่าดีกว่าไหม มันดีกว่าจริงๆแหละครับ แต่เนื่องด้วยจากที่บริการเติมไนโตจเจ้นไม่ได้มีตามปั๊มทั่วไป มันเลยดูยุ่งยากเพราะถ้าต้องเติมลมระหว่างทางจะหาไนโตรเจ้นยาก แต่ยังไงเราก็สามารถเติมลมธรรมดาเข้าไปได้แทนอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเวลากลับไปเติมไนโตรเจ้น จะต้องเอาลมเดิมออกก่อนไปให้หมด แล้วค่อยเติมไนโตรเจ้นลงไปแทน เท่าที่ผมใช้มานุ่มขึ้นนิดนึง นิดเดียวครับแต่เวลาวิ่งเร็วๆลมปกติจะรู้สึกแข็งขึ้น แต่ไนโตรเจ้นแทบจะไม่รู้สึก เพราะมวลอากาศไม่ขยายตัว ประมาณนั้นมั้งครับ ยางก็ไม่ค่อยร้อนด้วย ข้อดีก็ราวๆนี้ รั่วซึมช้ากว่า เหมาะสำหรับรถจอดนานๆ
-
ตามที่พี่ข้างบนบอกเลยครับ ผมชอบมากเดินทางไกลยางไม่ร้อน แถมนานมากๆถึงจะเติมที่ เพราะลมไม่ออกเลย เท่าเดิมเป็นเดือนไม่ลด
-
ในฐานะนักศึกษาวิศวเคมีนะครับ
ไอ้ที่นุ่มๆน่ะมันอุปทานไปเองทั้งนั้น
ไนโตรเจนมันดีว่าอย่างเดียวคือ ขยายตัวน้อยกว่าอากาศทำให้เวลาวิ่งทางไกล ยางร้อนๆแล้วไม่แข็งขึ้นเท่าไหร่
แต่อากาศธรรมดาก็พอแล้วจริงๆครับ
แล้วถ้าเติมไนโตรเจน เราเติมลมธรรมดาเพิ่มไม่ได้นะครับ
ไม่งั้นมันก็ผสมกับลมที่เติมกลายเป็นอากาศธรรมดา
อากาศก็มีไนโตรเจนปาเข้าไป 79% แล้วครับ ออกซิเจนอีก 21%
เพราะฉะนั้นขับในเมืองไม่มีความแตกต่างที่สังเกตได้แน่นอน
ปล. อาจารย์ผมนั่งด่าพวกที่เติมไนโตรเจนเลยเถอะ ;D
-
ยืนยันตามคุณ Parinceo ครับ
แต่จะเพิ่มเติมว่า ความจริงแล้วที่เติมไนโตรเจนแล้วดูยางร้อนน้อย
เหตุผลหลักคือเพราะการทำลมไนโตรเจน จะพิถีพิถันมากกว่าการบรรจุลมแบบธรรมดา
ดังนั้น "ความชื้น" ในก๊าซจึงน้อยกว่า อากาศจึงไม่ค่อยขยายตัวและร้อนเท่าไหร่ครับ
แต่จะว่าไปไนโตรเจนที่เติมกันผมว่ามันมีปริมาณไนโตรเจนไม่ถึง 100% หรอกครับ
เติมที่น่าจะ 90 กว่า% ดังนั้นมันไม่ได้ต่างจากอากาศทั่วไปเท่าไหร่อย่างที่คุณ Parinceo ว่านั่นแหละครับ
-
Fifth Gear on Nitrogen Tires (http://www.youtube.com/watch?v=knHeUF9JLzg#ws)
ลองดูที่ทดสอบในรายการ fifth gear ก็ได้ครับ
-
ผมรู้แค่ว่าเข้า B-Quick แล้วเขาเติมให้ถ้าเราเปลี่ยนยางกับเขา และต่อไปเขาก็เติมให้ฟรีตลอด จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมไปหาเติมลมธรรมดาให้ยุ่งยากเพิ่มขึ้นไปอีก ;D
-
เติมแล้วมั่นใจ เติมแล้วสบายใจก็เติมเถอะครับ อย่างขัดศรัทธา
เอาเป็นว่าถ้าไม่เคยให้ลองดูซักครั้งครับ ส่วนตัวเคยขับรถรุ่นเดียวกันยางขนาดเดียวกันไปกับเพื่อนเส้นแม่ฮ่องสอนปางอุ๋ง แล้วจอดเทียบกัน เอามือจับยางดู คันนึงเติม คันนึงไม่เติม คันเติมเอามือจับยางก็ร้อนนะ หันไปจับรถเพื่อนข้างๆ จับไม่ได้(คือจับไม่ไหวร้อนกว่ามาก) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะเป็นวิธีการขับที่แตกต่างกันก็ได้
ขนาดในวีดีโอทดสอบยังเอายางไนโตรเจนออกจากห้องมาวัดทีหลังเลย ชิมิ
ถ้าเงิน 200 ไม่ใช่ปัญหาก็จัดไปอย่าได้ช้า
-
ผมก็เติมครับ
แค่ไม่ต้องลงไปเติมเองก็สบายใจแล้ว
;D ;D ;D
-
ตกลงว่าแค่ร้อนกว่านิดเดียว ผมเอาลมธรรมดาดีกว่าครับ ตามปั้มเติมฟรีเลย
-
อยากเติมฟรีมาปั้ม ปตท. สำนักงานใหญ่ครับ มีให้เติมฟรี
-
อยากเติมฟรีมาปั้ม ปตท. สำนักงานใหญ่ครับ มีให้เติมฟรี
หมายถึงไนโตรเจนหรือครับ ;D
-
อยากเติมฟรีมาปั้ม ปตท. สำนักงานใหญ่ครับ มีให้เติมฟรี
หมายถึงไนโตรเจนหรือครับ ;D
ใช่แล้วครับ มีปั้มลมอยู่ 2 ตัว ;D
-
ในฐานะนักศึกษาวิศวเคมีนะครับ
ไอ้ที่นุ่มๆน่ะมันอุปทานไปเองทั้งนั้น
ไนโตรเจนมันดีว่าอย่างเดียวคือ ขยายตัวน้อยกว่าอากาศทำให้เวลาวิ่งทางไกล ยางร้อนๆแล้วไม่แข็งขึ้นเท่าไหร่
แต่อากาศธรรมดาก็พอแล้วจริงๆครับ
แล้วถ้าเติมไนโตรเจน เราเติมลมธรรมดาเพิ่มไม่ได้นะครับ
ไม่งั้นมันก็ผสมกับลมที่เติมกลายเป็นอากาศธรรมดา
อากาศก็มีไนโตรเจนปาเข้าไป 79% แล้วครับ ออกซิเจนอีก 21%
เพราะฉะนั้นขับในเมืองไม่มีความแตกต่างที่สังเกตได้แน่นอน
ปล. อาจารย์ผมนั่งด่าพวกที่เติมไนโตรเจนเลยเถอะ ;D
ฝากบอกอาจารย์ด้วยนะครับว่า อย่าด่าผม ผมฟังเค้ามา ฮิฮิ :D
-
เติมแล้วขับนิ่มขึ้นจริงครับ ไม่มากก็น้อย
แต่สัมผัสได้
อีกอย่างเติมบีควิก ได้จุกยางเหลืองด้วย
ดูเป็นเอกลักษณ์ดี 555 ประมาณกรูมีตังเติมลมไฮโซนะเฟร้ยย
ปล. ไร้สาระ 555
-
รถผมไม่เติม แต่รถภรรยาเติม ผมว่ารู้สึกดี ไม่รู้ว่าทฤษฎีจะดีหรือไม่ด แต่คิดว่าน่าจะดีกว่า ถ้าอุณหภุมิมันน้อยกว่า มันย่อมดีกว่า ในระยะยาวครับ มีโอกาสเติมก็เติมไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้าสะดวกเติม เงินก็เงินเรา อย่าคิดมากครับ ถ้าไม่ดีเขาคงไม่ทำมาหรอกครับ :)
-
ในฐานะนักศึกษาวิศวเคมีนะครับ
ไอ้ที่นุ่มๆน่ะมันอุปทานไปเองทั้งนั้น
ไนโตรเจนมันดีว่าอย่างเดียวคือ ขยายตัวน้อยกว่าอากาศทำให้เวลาวิ่งทางไกล ยางร้อนๆแล้วไม่แข็งขึ้นเท่าไหร่
แต่อากาศธรรมดาก็พอแล้วจริงๆครับ
แล้วถ้าเติมไนโตรเจน เราเติมลมธรรมดาเพิ่มไม่ได้นะครับ
ไม่งั้นมันก็ผสมกับลมที่เติมกลายเป็นอากาศธรรมดา
อากาศก็มีไนโตรเจนปาเข้าไป 79% แล้วครับ ออกซิเจนอีก 21%
เพราะฉะนั้นขับในเมืองไม่มีความแตกต่างที่สังเกตได้แน่นอน
ปล. อาจารย์ผมนั่งด่าพวกที่เติมไนโตรเจนเลยเถอะ ;D
มันเป็นจริงตามนี้คือมันดีกว่าเดิมแค่20%แทบจะไม่มีผลอะไรเลย แล้วที่ไปเติมเครื่องมันแยกได้100%หรือเปล่าก็ไม่รู้ เครื่องพวกนี้จะใช้filterดักo2ออกมาให้เหลือแต่n2 แต่มันก็มีอื่นๆอีก1%ด้วยคือได้แค่99%
คนไม่รู้ก็เข้าใจไว้ ไนโตรเจนกับอากาศไม่เหมือนกันเลย 100% ผมว่ามันตลกจริงๆนะ
-
เอาเป็นว่าแค่หาเครื่องที่มันเป็นไนโตรจริงได้ยังเอ่ย รู้แค่ว่าไนโตรเจนจริง แรงอัดสูงมากพี่ผมเคยเอาถังที่เหลือจากอุตสาหกรรมมาเติมยางแบนๆแบบยวบๆเลยไม่ถึง5วิเปล่งเลย เราจะหาไนโตรเจนแท้ๆได้หรอค้าบนี้ละปัญหา ;D
-
ไม่ต่างมากครับสำหรับใช้ทั่วไป แต่ถ้าฟรีก็เติมครับ
-
สมัยก่อนเติมล้อละ 100-200 ก็น่าด่าล่ะครับ แพงเกิน
แต่สมัยนี้ อย่าง ร้านชื่อดัง สีเขียว สีเหลือง สีแดง
จ่ายครั้งแรก 200 เติมฟรีตลอดชีพ มันก็โอเคพอรับได้ครับ
-
ลมยางไนโตรเจนจำเป็นไหม ถ้าดีทำไมรถใหม่จึงไม่เติมมาจากโรงงาน แฟนผมชอบอะไรก็ตามที่มีชื่อวิทยศาสตร์เคมี เช่น ไทเทเนี่ยม แพตตินัม (เหมือนบัยรเครดิต) พยายามที่จะให้ผมเอารถใหม่ที่เธอขับไม่เคยเกิน 120 ไปเติมไนโตเจน (ฟังดูดีกว่าเติมลมอากาศธรรมดา) ผมบอกว่ารถใหม่ 2 ล้านกว่า ยาง run flat ดีอยู่แล้ว เขาเติมลมธรรมดามาก็น่าจะเหมาะสม จะไม่เสียเวลาเปลี่ยนทำไม ก็หาว่าเราขี้เหนียวเงินแค่ 200 บาทต่อ 4 เส้น
ตกลง ไนโตรเจนมันดีจริงหรือ เมืองนอกเขาไม่เห็นใช้กัน
เอารถไปแข่งไปซิ่งหรือเปล่า? วิ้งทางไกลหรือเปล่า? บรรทุกหนักหรือเปล่า? หากสามปัจจัยนี้ไม่ใช่ตัวคุณ แค่คุณใช้รถประจำวัน เช้าขับไปส่งลูก สายขับไปทำงาน กลางวันออกไปกินข้าวแกงร้านป้าอ้อยข้างออฟฟิต เย็นกลับไปรับเมีย-รับลูกกลับบ้าน นานๆทีวิ่งออกไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัดตามเทศกาล ถ้าคุณใช้รถประมาณนี้ ส่วนตัวผมไม่เห็นถึงความจำเป็นของลมยางไนโตรเจนครับ เพียงแค่ต่อคิวเช็คลมยาง2-3อาทิดครั้งพอแล้ว...