Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MoJo-JoJo ที่ ธันวาคม 09, 2013, 14:34:48
-
ตอนนี้มีออกใหม่จะทาง ปตท. เคลมว่าเป็น ยูโร 5 เข้าแรกและเจ้าเดียว HYFORCE!
ก่อนหน้านี้ก็มี Esso หายากหน่อย แต่ก็ได้ยินว่าของดี
แล้วก็มาถึง V-power nitro diesel ยอกนิยมจากทาง Shell
สุดท้ายของดีราคาบ้านๆ ยูโร 4 อย่าง บางจาก
ทาง caltex กับ PT ผมไม่รู้รายละเอียดนะครับ แต่ได้ยินว่า เบนซินทั้ง 2 ที่ก็ถือเป็นของดี
อยากถามชาว HLM ว่าเจิมดีเซลที่ไหนดีครับ? ^^
ปล. ส่วนตัวรักรถยอมจ่ายแพง ใช้ V-power ของเชล์อยู่ เอาตรงๆว่ารู้สึกว่า เครื่องเบาและเรียบกว่า บางจากที่เคยเติมเพราะสะสมแต้มครับ
แต่ถามเพื่อนๆเผื่อคิดไปเอง หรือมีเจ้าอื่นที่ดีกว่าทางเชลล์ครับ ขอบุณล่วงหน้านะครับ ^^
-
ผมใช้ Focus TDCI
Piasini+inter replica code red (ได้ความอนุเคราะห์จากพี่ใหญ่แห่ง FFC)
อันดับ 1 ผมให้ petronas ใช้แล้วควันไม่ดำเลย
อันดับ 2 esso + additive 39 บาท ควันไม่ดำเช่นกัน (แต่ถ้าไม่เติม additive ดำนิดๆ)
อันดับ 3 shell v power ควันดำใกล้เคียงกับ esso ไม่เติม additive
ptt ผมใช้แล้วควันดำที่สุดในสามโลก ถึงแม้จะใส่ additive ใดๆ ก็ตาม
ที่เหลือไม่เคยเติมครับ
ปล* ประสบการณ์ส่วนตัว ไม่มีเจตนาว่าร้ายหรือส่งเสริมน้ำมันยี่ห้อใดๆ ทั้งสิ้น
-
ผมเติมอยู่ 3 ยี่ห้อครับ
เรื่องความแรง ความนิ่ง ผมไม่รู้สึกว่าต่างเท่าไหร่
อาจจะเพราะเครื่องผมวิ่งมาตั้งแต่ 8 km. -30,000 km.
แต่สิ่งที่วัดค่าได้ออกมาเป็นตัวเลข คืออัตราสิ้นเปลือง
โดยบันทึกเป็นเวลา 1 ปี วิ่งทั้งในเมืองและทางไกล
สลับการเติมน้ำมัน 4 แบบ แบบละหลายๆถัง
อัตราสิ้นเปลืองจากดีที่สุด ไป แย่ที่สุดครับ
ดีที่สุด Shell V-Power > Shell Fuel Save = Caltex > Bangchak แย่ที่สุด
-
แบบนี้ รถเกรย์ดีเซล ก็สบายล่ะสิ!!!!
-
ผมใช้ไฮฟรอทอยู่เร่งติดเท้ามากขึ้นครับเสียงเงียบกว่าเดิมเวลาเหยียบคันเร่ง
-
ผมใช้แต่ v-power ดีเซล ครับ :))) หัวฉีดสะอาดแน่นอนน บ้านผมเคยใช้ ptt ใช้ไปใช้มา รถหัวฉีดตัน เลยต้อเปลี่ยนครับ :)))
-
เติม ทั้ง v power แล้วก็ hyforce
พูดตามตรงผมจับความรู้สึกไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่าหรือแย่กว่า
ตอนนั้นเคยลองทดสอบ เติมธรรมดากับ v power แล้วให้เพื่อนนั่ง
บอกมันสลับกับที่เติม ปรากฏว่ามันบอกว่า v power แรงกว่ารู้สึกไก (ความจริงเติมธรรมดา)
ผลมันดีกว่าในตัวเลขนิดหน่อยครับ แต่มนุษย์เราจับไม่ได้หรอกครับ
ไม่เชื่อลองให้คนรู้จักเอารถเราไปเติมมาโดยไม่บอกเรา แล้วลอบขับ ถ้าท่านแยกได้ถูก แนะนำเขียนรีวิวรถเลยครับ
รุ่งแน่นอน
-
บอกตรงครับ ไม่กล้าเติม
-
ผมลองเติม Hyforce 1 ถัง รู้สึกว่าต้องกดคันเร่งเพิ่มจาก V power นิดนึงแบบรู้สึกได้
-
Hyforce ครับดีกว่า euro 5 เครื่องสะอาดกว่า
-
ดีเซล ผมเติมไม่ได้ครับ :D
แต่ถ้าเบนซินพอรู้มาบ้าง ว่าปตท. เชล์ คาร์เทค พีที บางจาก เอสโซ คืออันดับการจ่ายน้ำมันจากท่อครับ
ปตท กับเชลล์ ได้น้ำมันจากต้นๆเป็นเจ้าแรกๆ ส่วนเอส โซกับบางจากได้เป็นเจ้าท้ายสุด ส่วนแต่ล่ะเจ้าก็เอาไปผสมตามสูตรน้ำมันของตัวเอง
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของตัวเองครับ
ส่วนที่ขายตามปั้มกลายเป็น เชล์ คาร์เทค พีที เอสโซ บางจาก ตามนี้ครับ
-
คนนั่งอาจจะไม่ทราบแต่คนที่ขับรู้แน่นอน100% ยิ่งรถแรงๆยิ่งรู้สึกชัดเจนแต่ถ้ารถบ้านๆ 1.5-2.0 อาจจะจับความรู้สึกยาก แต่รถมีโบรถccเยอะๆ3.0ขึ้นไปเห็นแตกต่างแบบไม่ต้องนั่งจับผิด
-
คือต้องบอกงี้ครับ
ผมว่ามันชัดเจนมากนะครับเรื่องเสียง เรื่องการเร่ง V power 32.99 กับ บางจาก 29.99 นี่ผมขับแล้วรู้สึกได้จริงๆครับ
ทั้งๆที่ ยูโร 4 เหมือนกัน (ให้ตายสิ)
ที่มาถามเพราะ hyforce เป็น ยูโร 5 เลยอยากรู้ว่าดีกว่า shell มั้ยครับ?
และไหนๆ ถามแล้วก็เลยถามถึง ยี่ห้ออื่นทั้งแบบธรรมดาและ พรีเมี่ยมไปเลย
โดย เอสโซ่มีแบบพรีเมี่ยมเช่นกัน
แต่ยี่ห้ออื่นที่ได้ยินมาว่าน้ำมันเบนซินดีเช่น PT petronas นั้น ไม่มีแบบพรีเมี่ยมก็จริง แต่อาจจะดีก็เป็นได้ใครจะรู้
เลยมาถามดูครับ เพื่อให้ดีที่สุดกับรถ และกระเป๋าตังคนขับครับ ^^
-
ข้อแจ้งความจริงบ้างอย่างให้ทราบ
- Shell V-power เป็นเจ้าแรกที่ทำ diesel premium ขาย และขายมาหลายปีแล้ว
- Shell V-power มีการเปลี่ยนสูตรมา 2-3 versions แล้ว โดยมีสาเหตุเพื่อปรับตามข้อบังคับ (spec) ที่เปลี่ยนไปตามประกาศของกระทรวงพลังงาน เช่น อัตราส่วนผสมของ bio-fuel (น้ำมันปาล์ม) แต่ยังมีประสิทธิภาพ การทำความสะอาด และ การสันดาป ที่ดีกว่า
- ตอน PTT ประมูลหา additive supplier ที่จะจัดส่ง diesel additive เพื่อออก hyforce PTT ระบุ spec/requirement ว่าต้องการประสิทธิภาพเทียบเท่า V-power เรียกว่า บอกกันตรงตรง ว่าจะแข่งกับใคร ชัดเจนว่า ของใครดีที่สุด มีการทดสอบใน same controlled test lab ผลยังชัดเจนว่า V-power ยังเป็นตัวเทียบ benchmark ที่ยี่ห้ออื่นต้องการล้มแชมป์
- Euro 5 ต่างจาก Euro 4 แค่ ปริมาณอัตราส่วนกำมะถันที่มีปนอยู่ได้ในน้ำมัน น้ำมัน Euro 4 ของหลายเจ้าก็มีค่ากำมะถันใกล้เคียง Euro 5 แต่อาจไม่ได้ Euro 5 ทุก batch การผลิต (ซึ่งขื้นกับน้ำมันดิบ crude oil ที่หามากลั่นได้) จริงแล้ว กำมะถันมีผลดีต่อเครื่องยนต์ ช่วยหล่อลื่นผนังกระบอกสูบ กำมะถันต่ำทำให้ต้องเพิ่ม additive ช่วย ผลดีของ euro 5 คือช่วยสิ่งแวดล้อม น้ำมันเมืองไทย (euro 4/5) spec สูงกว่าเกือบทุกประเทศใน Asia
- เข้าใจว่า การปรับเปลี่ยน V-power ยังคงมีต่อไป เมื่อเริ่มมีคู่แข่งมากขึ้น
-
หลักๆเติมแต่ ดีเซลของเชลล์มาตลอด ตั้งแต่ปี 2003 เชลล์เพียวร่าดีเซล จนถึง วีเพาเวอร์ปัจจุบัน เรื่องเจ้าไหนแรงกว่า ผมแยกไม่ออก แต่เรื่องประหยัด v-power ประหยัดกว่า ทดลองเติมมา บางจาก ปตท (ดีเซลธรรมดา ตัวใหม่ยังไม่มีโอกาศได้ลอง) ขับเส้นทางคล้ายๆเดิม คนขับคนเดิม V-power ประหยัดกว่า 1 ถัง ขับได้มากกว่าเกือบร้อยโล V-power 1 ถังไม่ต่ำกว่า 800 โล ถ้าเป็น ปตท ได้ประมาณแค่ 700 โล
-
ข้อแจ้งความจริงบ้างอย่างให้ทราบ
- Shell V-power เป็นเจ้าแรกที่ทำ diesel premium ขาย และขายมาหลายปีแล้ว
- Shell V-power มีการเปลี่ยนสูตรมา 2-3 versions แล้ว โดยมีสาเหตุเพื่อปรับตามข้อบังคับ (spec) ที่เปลี่ยนไปตามประกาศของกระทรวงพลังงาน เช่น อัตราส่วนผสมของ bio-fuel (น้ำมันปาล์ม) แต่ยังมีประสิทธิภาพ การทำความสะอาด และ การสันดาป ที่ดีกว่า
- ตอน PTT ประมูลหา additive supplier ที่จะจัดส่ง diesel additive เพื่อออก hyforce PTT ระบุ spec/requirement ว่าต้องการประสิทธิภาพเทียบเท่า V-power เรียกว่า บอกกันตรงตรง ว่าจะแข่งกับใคร ชัดเจนว่า ของใครดีที่สุด มีการทดสอบใน same controlled test lab ผลยังชัดเจนว่า V-power ยังเป็นตัวเทียบ benchmark ที่ยี่ห้ออื่นต้องการล้มแชมป์
- Euro 5 ต่างจาก Euro 4 แค่ ปริมาณอัตราส่วนกำมะถันที่มีปนอยู่ได้ในน้ำมัน น้ำมัน Euro 4 ของหลายเจ้าก็มีค่ากำมะถันใกล้เคียง Euro 5 แต่อาจไม่ได้ Euro 5 ทุก batch การผลิต (ซึ่งขื้นกับน้ำมันดิบ crude oil ที่หามากลั่นได้) จริงแล้ว กำมะถันมีผลดีต่อเครื่องยนต์ ช่วยหล่อลื่นผนังกระบอกสูบ กำมะถันต่ำทำให้ต้องเพิ่ม additive ช่วย ผลดีของ euro 5 คือช่วยสิ่งแวดล้อม น้ำมันเมืองไทย (euro 4/5) spec สูงกว่าเกือบทุกประเทศใน Asia
- เข้าใจว่า การปรับเปลี่ยน V-power ยังคงมีต่อไป เมื่อเริ่มมีคู่แข่งมากขึ้น
ขอบคุณมากครับ...ความรู้ทั้งน้านนนนนนนนนนน!!! ^^
-
ผมเชลฟิวเซลมาตลอด นานๆทีก็คาลเท็ค ไม่เคยใส่ของแพงเลย
-
ไม่เคยจับเป็นตัวเลข ใช้ความรู้สึกเอาครับ
ลองเติม PTT ดีเซลพรีเมียม
ในทางด่วนบางนา มีทั้งขาเข้า ขาออก
ผมว่าโอเคนะ เวลาเร่ง เสียงเครื่องเงียบดี
ผมว่าพอๆ กับ V power นะ แยกไม่ออก
ส่วนของ esso ไม่ค่อยเจอ
แต่เติมดีเซลธรรมดาก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะครับ ใช้ได้หมด
-
ผม Shell V-Power ตลอดครับ ปั๊มอยู่หน้าหมู่บ้านครับ ง่ายดี ;D
-
;D ;D ;D........ใช้ shell v-power ประจำครับ เร่งเบาหวิว เงียบ หัวฉีดไม่เคยมีปัญหา ลอง esso plus ดู ก็เหมือน
v-power เคยเติม ptt ดู ไม่แน่ใจว่าตัวเองอุปทานไปหรือเปล่า เครื่องเร่งหนืด ดังจ้อกแจ้ก เข็นเทอร์โบลอยตัวช้าน่าดู แถมเปลืองผิดปกติครับ 8)
-
เติมดีเซลที่ปั้มในมาเลเซียในราคาลิตรละ 20 บาท(มีแบบเดียว ไม่มีให้เลือก) แรงเหมือนของไทยทุกอย่าง อาจะอืดหน่อยก็ตรงที่ไม่เติมเต็มถังทุกทีที่ข้ามไปเติม (ไม่กล้าเติมข้างถนนเพราะหัวฉีดคอมมอนเรลพัง) ผมว่าความแรงมันอยู่ที่ตีนบวกเครื่องยนต์มากกว่า
-
ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ของรถเราด้วยครับ ถ้าไม่มีตัวดักจับไอเสียและเป็นเครื่องมาตรฐานeuro5การเติมeuro5 อาจพูดได้เลยว่าไม่มีความต่าง
เช่นผมลองเติมทั้งแบบถูกแบบแพงในh-1 ไม่เห็นความต่างแบบรู้สึกได้ทันทีในทุกๆด้านครับ แต่ในf10เติมhyforceถังแรกรู้สึกได้ถึงความเรียบลื่นชัดเจนและลื่นกว่าvpowerด้วย ส่วนตัวคิดว่าด้วยความเป็นeuro5ที่สร้างความต่าง
ทุกวันนี้ถ้าf10เลยหันมาคบhyforceซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเข้าpttมาหลายปี ส่วนh-1เติมshell fuel saveเป็นหลักครับ
-
Hyforce !!!
-
ตอนที่เราใช้ดีเซลธรรมดาเป็นประจำ แล้วมาใช้พวกHyforce, V-Power, Diesel+ แค่ถังเดียวแล้วจับความรู้สึก
ผมว่ามันไม่ค่อยต่าง (คิดไปเองว่าadditiveยังไปทำความสะอาดไม่หมด)
โดยที่2ถังแรกผมมีโอกาสใช้ความเร็ว120-140ตลอด เพราะต้องไปชลบุรีสัปดาห์ละครั้ง แล้วค่อยจับความรู้สึกถังที่3
น้ำมันพวกนี้ทำให้ติดตีนมากครับ กดเป็นมา รอบกวาดเอาๆ (น้ำมันเครื่องใหม่ยิ่งลื่นครับ)
เครื่องรอบสูงขึ้นก็ใช้แรงดันฉีดน้ำมันและปริมาณเพิ่มขึ้น มันเห็นผลเร็วกว่าเและชัดเจนกว่าติมแล้วขับในเมืองครับ
ถ้าเติมแล้วไม่เห็นความต่าง ก็หาเรื่องวิ่งออกตจว.เลยครับ เติมเข้าไปอีกถังเห็นผลได้เลย
เรียนตามตรงว่าHyforceหาเติมยากมาก มีปั๊มให้เติมอยู่ทั้งสิ้น8ปั๊มทั่วกรุงเทพครับ ถ้าทำตลาดแบบนี้ ก็โค่นV-Powerไม่ลงหรอกครับ
Diesel+ของEssoยังหาเติมง่ายกว่ามาก