Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TheBestOrNothing ที่ ธันวาคม 13, 2013, 00:54:49
-
พอดีพี่สาวเพิ่งจอง 420d M sport จาก BMWTH ไปครับ
ปกติที่บ้านผม ไม่เคยใช้รถสีขาวเลยครับ เลยตอบปัญหาให้พี่ไม่ได้เลย ว่าต้องรักษาอย่างไรดี
เซลล์บอกว่าสีของ BMW ไม่มีทางเหลืองแน่นอนเพราะเคลือบไว้ดีกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไป
(คหสต. คือผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเซลล์เลย?)
ปกติแล้วพี่ๆจะเลือกเป็นแบบไหนดีครับ
เคลือบแก้ว vs ขัดเคลือบปกติ
ตามที่เคยได้ยินมาว่าสีขาวsolidนี่จะเหลืองค่อนข้างเร็ว ใช่หรือป่าวครับ ถ้าเทียบกับ Metallic สีขาว
พี่สาวผมปกติก็จะให้คนขับรถล้างอย่างเดียวเลยครับ ไม่ได้ใช้ตัวเคลือบอะไรเลย
ผมเกรงว่ารถมันจะเหลืองก่อนเวลาอันควร
รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
ขอบคุณครับ
-
แอบเหลืองเล็กน้อยนะคับขนาดว่าเคลือบแก้ว CTS ภายใน เดือนแรกที่ออกรถเลยคับ รถ 1 ปี 8 เดือน ;)
แต่ขาวมุก Metallic ของ Honda G8 โคตรเหลืองเลย :P
-
เหลืองแน่ๆครับน้องโบ๊ท W212สีขาวไม่มุกของน้องสาวพี่ยังเหลืองนิดๆขนาดเคลือบแก้วครับ
-
นิดหน่อยครับอย่าไปซีเรียสถ้าสะดวกเคลือบแก้วไปเลยครับแต่ดูดีๆนะมีหลายราคาและหลายเจ้าย้ำว่าแพงกว่าไม่ได้ดีกว่าเสมอไปสำหรับเคลือบแก้วนะครับ
-
เหลืองครับ เคลือบอะไรยังไงก็เหลือง หากโดนแดดนานๆ สีจะเหลือง หรือคล้ำลง แต่มันเป็นเรื่องปรกติของมันครับ ไม่ต้องกังวล
ส่วนจะเคลือบแก้ว หรีอ เคลือบปรกติ
หากเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจในการรักษารถ เคลือบแก้วอาจจะดีกว่า
แต่ถ้าล้างและเคลือบด้วยน้ำยา Glaze Sealant + waxที่เกรดดีๆเช่น Swiss Wax, Pinnalcle, P21S ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอ (ประมาณปีละ 2-4 ครั้งก็พอ) จะให้การป้องกันผิวสีและเคลียร์โค้ทได้ดีกว่าเคลือบแก้วครั้งเดียวแล้วไม่ทำอะไรอีกเลย
หากกลัวเหลืองต้องเลี่ยงแดดให้มากที่สุดครับ
-
เคลือบแก้วไม่ได้ช่วยให้รถไม่เหลืองนะครับ
เคลือบแก้วแล้วโดนขี้นก ยางไม้ ฝนกรด มันก็เข้าเหมือนเดิม
เคลือบแก้วเวลาเข้าไปเช็คตามระยะประกัน เค้าก็ลง cleaner wax + sealant ให้เหมือนการเคลือบสีปกติ
มันเป็นความเชื่อเท่านั้นครับว่าเคลือบแก้วแล้วดี
-
ล้างแล้วใช้น้ำยาเคลือบสีทุกครั้งดีกว่าครับ
ประหยัดและเงาไม่แพ้เคลือบแก้วหรอกครับ
เคลือบแก้วเปลืองโดยใช่เหตุ
ส่วนเหลืองมั้ยผมเดาว่าเหลืองแน่ แต่ก็อยู่ที่การรักษาครับ
ป.ล.สำหรับผมที่มีทั้ง 2 สีขาว/ดำ (ไม่ใช่ BMW) สีขาวดูแลยากกว่าสีดำเยอะ
-
ล้างรถแล้วเคลือบสีปกตินี่แหละครับ
สีขาวของ BMW ก็เหลืองเหมือนกับรถญี่ปุ่นนั่นแหละครับ
แต่ถ้าไม่สังเกตุดีๆ ก็ไม่ค่อยรู้นะครับ ยกเว้นจะไปจอดเทียบรถใหม่
-
จะบอกว่าสีขาว Solid ของพวกรถยุโรป มันก็คือสีขาวแบบเดียวกับของรถบรรทุกหรือรถกระบะรุ่นถูกสุดน่ะครับ เอาไปจอดเทียบกันเนี่ยโทนเดียวกันชัดๆเลย แต่แปลกอย่างนึงคือสีขาว solid ของรถยุโรปในบ้านเราดันขายราคาเท่ากับสีอื่นๆที่เป็น metalic ทั้งที่ในประเทศอื่นๆอย่างยุโรปหรือเมการถสีขาว solid ราคาจะถูกกว่าสีอื่นๆทั้งนั้น
-
ล้างรถแล้วเคลือบสีปกตินี่แหละครับ
สีขาวของ BMW ก็เหลืองเหมือนกับรถญี่ปุ่นนั่นแหละครับ
แต่ถ้าไม่สังเกตุดีๆ ก็ไม่ค่อยรู้นะครับ ยกเว้นจะไปจอดเทียบรถใหม่
สีรถ BMW พ่นมากกว่ารถญี่ปุ่น 2 ชั้นครับ พอช่วยยื่ดการเหลืองได้นิดนึง แต่ไงมันก็เหลืองนวลสวยดี
-
จะบอกว่าสีขาว Solid ของพวกรถยุโรป มันก็คือสีขาวแบบเดียวกับของรถบรรทุกหรือรถกระบะรุ่นถูกสุดน่ะครับ เอาไปจอดเทียบกันเนี่ยโทนเดียวกันชัดๆเลย แต่แปลกอย่างนึงคือสีขาว solid ของรถยุโรปในบ้านเราดันขายราคาเท่ากับสีอื่นๆที่เป็น metalic ทั้งที่ในประเทศอื่นๆอย่างยุโรปหรือเมการถสีขาว solid ราคาจะถูกกว่าสีอื่นๆทั้งนั้น
มันเป็นความเชื่อเก่าๆ ครับจริงๆ ความจริงที่รถสีขาวเมื่อก่อนไม่มีชั้นแล๊กเกอร์ (clear coat) แต่นั่นคือเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วครับ ทำให้เหลืองง่าย กระเทาะง่าย
ตอนนี้ รถสีขาวรุ่นใหม่ๆ 90% มีชั้นแลกเกอร์หมดแล้วครับ เอาไปเทียบกับรถบรรทุก รถกระบะสีขาวที่เค้าทำสี solid แบบพ่นทีเดียว ไม่ได้เหมือนเคยแล้วครับ
ตอบ จขกท ผมว่าทุกวันนี้ คนรถขาว ชอบเอาไปเทียบกับรุ่นอื่น ซึ่งมันจะเป็นขาวคนละโทนกัน แล้วก็คิดว่ารถตัวเองเหลือง
ถ้าแบบไม่ได้จอดตากแดดทุกวัน มันไม่ได้เหลืองกันง่ายๆ หรอกครับ ส่วนถ้าเจ้าของเป็นพี่สาว ไม่ได้มีเวลาดูแลรถ พอมีงบ ก็เคลือบแก้วเลยครับ เค้ามีโปรแกรมให้เข้าไป maintain ดูแลสีให้อยู่แล้ว เข้าไปครบๆ สีรถสดใสแน่นอนครับ
-
จะบอกว่าสีขาว Solid ของพวกรถยุโรป มันก็คือสีขาวแบบเดียวกับของรถบรรทุกหรือรถกระบะรุ่นถูกสุดน่ะครับ เอาไปจอดเทียบกันเนี่ยโทนเดียวกันชัดๆเลย แต่แปลกอย่างนึงคือสีขาว solid ของรถยุโรปในบ้านเราดันขายราคาเท่ากับสีอื่นๆที่เป็น metalic ทั้งที่ในประเทศอื่นๆอย่างยุโรปหรือเมการถสีขาว solid ราคาจะถูกกว่าสีอื่นๆทั้งนั้น
มันเป็นความเชื่อเก่าๆ ครับจริงๆ ความจริงที่รถสีขาวเมื่อก่อนไม่มีชั้นแล๊กเกอร์ (clear coat) แต่นั่นคือเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วครับ ทำให้เหลืองง่าย กระเทาะง่าย
ตอนนี้ รถสีขาวรุ่นใหม่ๆ 90% มีชั้นแลกเกอร์หมดแล้วครับ เอาไปเทียบกับรถบรรทุก รถกระบะสีขาวที่เค้าทำสี solid แบบพ่นทีเดียว ไม่ได้เหมือนเคยแล้วครับ
ตอบ จขกท ผมว่าทุกวันนี้ คนรถขาว ชอบเอาไปเทียบกับรุ่นอื่น ซึ่งมันจะเป็นขาวคนละโทนกัน แล้วก็คิดว่ารถตัวเองเหลือง
ถ้าแบบไม่ได้จอดตากแดดทุกวัน มันไม่ได้เหลืองกันง่ายๆ หรอกครับ ส่วนถ้าเจ้าของเป็นพี่สาว ไม่ได้มีเวลาดูแลรถ พอมีงบ ก็เคลือบแก้วเลยครับ เค้ามีโปรแกรมให้เข้าไป maintain ดูแลสีให้อยู่แล้ว เข้าไปครบๆ สีรถสดใสแน่นอนครับ
สีขาวของรถทั่วไป,รถสิบล้อสมัยนี้ก็เคลือบแล็กเกอร์ให้ครับ รถสิบล้อบางคัน10แล้วยังไม่ค่อยเหลืองเลย ประเด็นคือทำไมสีขาวธรรมดาของรถยุโรปในบ้านเราถึงขายราคาเท่ากับสี Metalic ทั้งที่ต้นทุนถูกกว่าและเมืองนอกรถสีขาวธรรมดา (Solid) ก็ขายราคาต่ำกว่ารถสี Metalic ส่วนสีที่แพงที่สุดคือพวกประกายมุก Pearl Effect อันนี้ปกติ แต่รถยุโรปที่ประกอบบ้านเรารู้สึกจะไม่มีสีตระกูล Pearl Effect ให้เลือกเลย
-
รถสีขาวผม ออกมาเกือบเดือนก็ยังลังเล ยึกๆ ยักๆ
จะเคลือบแก้วก้ไม่ได้ทำซักที
ยิ่งอ่านเยอะจะยิ่งลังเลครับ ว่ามันดี คุ้ม แค่ไหน มีหลายกระแส
สรุป สุดท้ายก้คงเคลือบแก้วครับ ด้วยหวังว่าจะช่วยไม่ให้เหลืองได้บ้าง ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้ทำ
ผมเล็งไว้แบบ ประกัน 3 ปี ราคาหลังส่วนลดประมาณ 25-30 k
-
ลง cleanser หลังลูบดิบน้ำมันครับ ช่วยป้องกันการเหลืองได้ (เห็นเพื่อนที่ชอบล้างรถเคยเล่าให้ฟัง) :) :) :)
-
ไม่เหลืองง่ายๆหรอกครับ รถยุคใหม่ๆ
แต่สีขาวมันมีหลายโทน
ดูขาว Cayenne สิ ไม่เห็นมีใครว่าว่ามันเหลืองเลย ผิดกับ CR-V G3 Accord G8
-
ขอบคุณพี่ๆน้าๆทุกๆท่านเลยครับ
ได้ไอเดียมาเยอะเลยครับ ผมก็คิดว่าจะให้พี่สาวเอาเข้าไปขัดเคลือบตามปกติดีกว่า
แต่อาจจะต้องบ่อยหน่อย เช่น 3-4เดือนครั้ง
ที่พี่นนท์แจ้งมาว่า ราคาสีขาวsolidในบ้านเราควรจะถูกกว่า สี Metallic ผมก็เคยถามทั้ง BMW/BENZ แล้วเหมือนกันครับ
เค้าบอกว่าส่วนต่างมันก็คละๆกันไป ไม่ได้ต่างกันมาก -_-"
แต่ผมเคยเข้าไป Configuration ดูเอา เป็นเงินไทยหลังภาษีก็หลายๆหมื่นเหมือนกันครับ?
-
สีขาวสำคัญที่ Cleanner ต้องลูบดินน้ำมัน+Cleaner บ่อยๆหน่อยครับ
โดยเฉพาะหน้าฝน ฝนตกทีไรตูดดำทุกที ทิ้งนานหน่อยก็ฝังแน่น เหลืองเอาหล่ะครับ
โฟกัสขาวโอโม่ ตูดแอบเหลืองนิดๆแล้วเหมือนกัน
-
แหม่ ให้ Asian เป็นแพะอีกแล้ว
แต่ว่าขาวใส่จริงๆนั่นแหละครับ