Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: heinkelt14 ที่ มกราคม 29, 2014, 17:29:41
-
ตอนนั้น บริษัทอ่อนแอขนาดต้องโดนบริษัทอื่นซื้อไปขนาดนั้นเลย
หรือมีเหตุผลใดๆอื่นๆอีกไหมครับ
-
รอฟังครับ
-
เท่าที่รู้อาจจะเป็นเรื่องยอดผลิตยอดขายที่ไม่ได้สูงมาก และกำไรต่อคันที่ไม่ได้สูงนัก
รถที่เข้าข่ายประเภทนี้มักมีฝีมือการวิจัยพัฒนาดีแต่รายได้จากการขายน้อย (เช่น Saab)
ในช่วงนั้นตลาดยุโรป Volvo ขายได้โอเค แต่ตลาดอเมริกันโดน Lexus กับ Acura กระหน่ำ
จนย่ำแย่ ประจวบเหมาะกับช่วงปลายทศวรรษ Ford เองกำลังตั้ง "ก๊กรถหรู" Premier Automotive Group
ก็ไปกว้านเอา Jaguar Land Rover อะไรพวกนี้มา พอเจอ Volvo ก็บอกว่าเอ๊ย เอาดิ
อยากได้เทคโนโลยีความปลอดภัยของ Volvo มาใช้ และก็จะแลกกับเงินทุนวิจัยกับการช่วย
พัฒนาบางส่วนที่จะลดต้นทุนการผลิตให้ Volvo ได้ (เช่นแชร์เครื่อง แชร์เกียร์ แชร์แพลทฟอร์ม..
เครื่อง Focus RS/ST ตัวเก่า ก็คือ 5 สูบของวอลโว่ และเกียร์ของ S60/V60 ก็มาจากฟอร์ด)
มันคือสิ่งที่ทั้ง Ford กับ Volvo มองว่า win-win ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในยุคนั้น
-
ถ้าผมจำไม่ผิดช่วงนั้น ในวงการเศรษกิจยานยนต์ มีการควบรวม หลายเจ้า (Merge & Acquisition)
Chysler-Daimler-Benz,GM- Saab เป็นต้น
ในขณะที่ Volvo เองมีโรงงานประกอบรถทั่วโลกที่มากเกินไปในขณนั้นทำให้ส่งผลถึงพนักงานและ สภาพคล่อง (เท่าที่ผมจำได้นะ)
ยอดเงินอยู่ราวๆ 6.5 พันล้านเหรียญ usd ในตอนนั้น ยังไงรอท่านที่รุ้มายันอีกทีครับ
volvo เอง เคยเกือบแย่มาครั้งหนึง แต่รอบนั้น ตระกูล 700 series ช่วยรักษาไว้ได้
-
ข้อมูลลึก ๆ ผมเองก็ไม่รู้ แต่จากที่เคยสัมผัสมาหลายคัน เพราะที่บ้านใช้ Volvo มาตลอดหลายคันตั้งแต่รุ่น 244GLT (ตอนนี้คันนี้ก็ยังอยู่) และปัจจุบันก็ยังมี Volvo ใช้อยู่ ยอมรับว่าทุกคันที่เคยสัมผัสมานั้น นอกจากด้านความปลอดภัยแล้ว Volvo แทบไม่มีจุดขายอะไรอื่นเลย เหมือนว่าออกแบบรถมาแบบกลาง ๆ เรียบ ๆ ไม่หวือหวา ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่เด่น
เมื่อประกอบกับการออกแบบรถที่ทื่อ ๆ เหลี่ยม ๆ ด้วยแล้ว น่าจะทำให้ไม่ค่อยโดนใจผู้ใช้เท่าไหร่ ทำให้ขายได้ยากมากขึ้น และเมื่อแบรนด์อื่น พัฒนาความปลอดภัยของรถมาได้เทียบเท่า หรือใกล้เคียง ผสมกับการเริ่มตีตลาดจากรถญี่ปุนเกรดพรีเมี่ยมอย่าง Lexus ด้วยแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจที่ Volvo จะต้านทานกระแส
ไม่ไหว เลยต้องพับกระเป๋าไป แล้วให้ Ford เข้าไปดูแลต่อ