Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Tig ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2014, 07:52:13
-
ผมว่าถ้างบถึงส่วนที่จ่ายแพงขึ้นเพื่อขยับจาก altis ไป camry ตัวเริ่มต้น มันคุ้มมากๆ เพราะเสียเงินแต่งเพิ่มไม่ว่าช่วงล่าง ตัวรถ เครื่อง ตลอดจนเบาะไฟฟ้าหรือภายในอย่างอื่น ผมว่าขับcamry คุ้มกว่าครับหากมีงบ แล้วอย่างนี้พวกที่มอง f30 แล้วขยับไป f10 แค่520d เพื่อนๆว่าคุ้มกว่าไหม ไม่ว่า การขับขี่ ความสบาย เพราะกรณียุโรปต้องเพิ่มหลายแสนอยู่ครับ
-
ผมว่ามันอยู่ที่เงินในกระเป๋าอ่ะคับ
อย่างผมนี่ ผมมีปัญญา ณ ตอนนี้ซื้อได้เต็มที่ คือ f30 ราคา 2.7ล้าน
ถ้าให้ผมเพิ่มเป็น4ล้าน เพื่อ f10
ผมเอาเงินล้านกว่าที่ต้องเพิ่มไปซื้อแคมรี่อีกคันดีกว่า ได้รถ2คัน
-
เงินไม่ใช่ปัจัยเดียวในการ เลือก size รถ
ความชอบ การนั่งกี่คน อัตราการกินน้ำมัน การซ่อมบำรุง และอีกหลายๆอย่าง
เงินเท่ากันไม่จำเป็นต้องซื้อรถเหมือนกัน ความคุ้มค่าของแต่ละคนต่างกัน
-
เชื่อไหม เดิมผมคิดว่ารถ c-segment ไม่มีทางสู้ D-segment ได้เลยในรถญี่ปุ่นผมก็ว่ามันจริง
แต่หลังจากได้ลองรถยุโรประหว่าง C-Class เทียบกับ E-class ความคิดผมก็เปลี่ยนไป
C-เป็นรถที่ขับสนุกมากช่วงล่างหนึบแน่น E-เป็นรถที่นิ่งนั่งสบายไปเรื่อยๆแบบแรงสั่งได้
สรุปผมว่าอยู่ที่ความต้องการใช้งานครับ ผมไม่ฟันธงว่า D-Segment ดีกว่า C-segment
เพราะมันตอบโจทย์กันคนละด้านเลย มีดีในแบบที่มันเป็น อยู่ที่ว่าเราชอบแบบไหนและพร้อมกับรุ่นไหนน่ะครับ
-
D-Segment มีดีกว่า 3 ข้อ
1. ภายในกว้างกว่า
2. ช่วงล่างดีกว่า
3. ปลอดภัยกว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุเพราะตัวถังใหญ่กว่า
ข้อเสีย
1.C-Segment เป็นรุ่น Top ออปชั่นเต็ม แต่ D เป็นรุ่นเริ่มต้น
2. ส่วนใหญ่เครื่องจะขนาดเดียวกัน อัตราเร่ง C ดีกว่าแน่นอน
3. ความประหยัด C ดีกว่า
แต่สุดท้ายก็ต้องดูว่าใช้งานแบบไหน เดินทางไกลบ่อยไป D เลย ในเมืองไป C
-
อยากได้ใหญ่ๆ แต่ไม่แน่ว่าจะขับดีกว่าC แถมราคาที่จ่ายเพิ่มก็อีกหลายแสน
แต่ถ้างบถึง1ล้านกว่าๆแล้ว การขยับไปเล่นDก็เหมาะสม
แต่สิ่งที่ได้จากDจะเป็นภาพลักษ์และความสบาย ไม่ใช่สมรรถนะ
ส่วนใหญ่คนที่ซื้อDให้ความสำคัญกับภาพลักษ์มาก่อนจริงๆ
-
ผมไม่ค่อยห่วงภาพลักษณ์ระหว่างรถ2ระดับนี้เท่าไหร่
มันต่างกันแค่นิดเดียว ถ้าเอาไปเทียบกับรถพรีเมี่ยมสิ ถึงจะเห็นชัดว่าภาพลักษณ์มันต่างกันเยอะ
ถ้าเลือก นอกจากงบที่มีแล้ว ผมมองแค่นี้
ใช้ในเมืองเป็นหลักเลือก c-seg เหมาะกว่า เพราะ d-seg เกะกะเทอะทะมากๆครับ
ส่วนเอามาเดินทางไกล d-seg จะหนักแน่นและขับยาวๆได้สบายกว่า
-
อยู่ที่ ความคุ้มค่า นั้นคิดด้านไหน
ถ้าด้านตัวเงิน ผมว่าไม่คุ้มเท่าไหร่ ตอนซื้อจ่ายแพงกว่าแต่พอขายมือสอง ตกเยอะกว่า
-
หลักๆ อยู่ที่ ผดส. ครับ
ถ้าคุณมี ผดส ที่คุณรักมากก ต้องการให้เค้านั่งสบาย. ยังไง d secment ก็คุ้มกว่า
แต่ถ้าไม่ค่อยมีคนนั่งด้วย c คุ้มกว่าคับ
-
อยู่ที่เงินเลยครับ กับบางคนชอบแต่รถใหญ่ๆเพราะนั่งสบายก็เป็นอีกเหตุผลนึง
-
.
.
.
ผมว่าแล้วแต่คนเลยครับ อย่างผมขับรถเล็กๆมาตลอดชีวิต
มีเงินเยอะขึ้นก็ขยับแบรนด์แทน แต่ไม่ขยับขนาด
เพราะไม่ชอบขับรถใหญ่ๆเลย ไม่ถนัด มันดูเกะกะบนถนน
ไม่คล่องตัว หาที่จอดก็ยาก และเชื่อเลยว่าไม่เกี่ยวว่า
D ต้องขับดีกว่า C เสมอไป
-
แล้วแต่เหตุผลแต่ละคนอีกหนึ่งเสียง ข้อเปรียบเทียบ ท่านสมาชิก ได้โพสกันเยอะแล้ว
ตัวอย่าง น้องชายผม ใช้vios อยู่ แม่ให้เปลี่ยนรถ ก็บอกว่า ปีหน้า รอครบ 7 ปีก่อน แล้วเปลี่ยน
แม่บอกให้ใช้ Altis ก็ไม่เอา ผมยก J32 ให้ใช้ บอกเอาไปติดแก๊สก็ไม่เอา
น้องบอกผมว่า ยังไงก็จะเป็น vios เพราะจะติดแก๊ส แล้วจะเอาแค่รถเล็ก ใหญ่ๆมันเทอะทะ -_-"
ถ้าอุปกรณ์ความปลอดภัยให้เท่ากับ City ผมจะสนับสนุนให้ซื้อทันทีเลย เฮ้อออออ
-
ความคุ้มค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
สำหรับผมชอบ D เพราะกว้าง นั่งสบาย ขับแล้วรู้สึกสดชื่นบอกไม่ถูก
-
ผมชอบ C มากกว่า
มันมีความสมดุลในตัวมันเอง ขับดี คล่องตัว นั่งสบาย
ไม่ถึงกับที่สุดในแต่ล่ะด้าน แต่ผมว่ามันบาลานซ์กันดี
บริษัทที่ผมทำงาน ซอยบ้านแฟน มหาลัย ที่จอดรถแคบมากๆ
เคยขับแคมรี่ไป บอกเลยว่าไม่มีความสุข จะเลี้ยวก็กลัวหน้ารถไปเกี่ยวเค้า
จะถอยจอดก็ต้องตีวงกว้างๆ เทอะทะไปหมด
ยอมรับว่า D-Segment มันยาวกว่า C-Segment แค่ไม่ถึงฟุตหรอก แต่แค่ฟุตเดียว วัดเลยว่าพ้นไม่พ้น
เอาเข้าจริง ลองเอา C & D มาจอดข้างๆกันดูครับ
เทียบแค่"ห้องโดยสาร" จะพบว่า ความยาว ความกว้าง แทบไม่ต่างกันเลย
แต่ความสบาย ภาพลักษณ์ ความนุ่มนวล D-Segment สบายกว่าจริงๆ
ถ้าขับวันนึงไม่ถึง 100 โล อยู่บนรถไม่ถึงชั่วโมง C-Segment ก็พอครับ
หลายๆคนบอกว่ารถเล็ก สะเทือน เหนื่อย นั่งไม่สบาย
ถ้าขับ C-Segment แล้วเหนื่อย+ล้า จนต้องข้ามไป D-Segment เพียงเพราะเหตุผลนี้
ออกกำลังกาย กินอาหารดีๆ แล้วนอนเยอะๆครับ พ่อผมอายุ 62 แล้ว ขับวีออสไปชุมพรยังบอกว่าชิลๆ
สิ่งหนึ่งที่ D-Segment ชนะแบบขาดลอย คือความปลอดภัยและโครงสร้างที่ปลอดภัยกว่า
อันนี้ ถ้าเงินเหลือๆ อยากได้ตรงจุดนี้ D-Segment ให้คุณได้แน่นอน
-
วิธีที่ผมมองความคุ้มค่า
1. สนองความต้องการของเราได้
2. รับข้อเสียของมันได้
3. เราสามารถจ่ายได้อย่างสบายๆ
ถ้าผ่าน 3 ข้อนี้ สำหรับผมถือว่าคุ้มครับ
-
ถ้าราคาเท่ากัน แล้ว แรงน้อยกว่า กินน้ำมันมากกว่า และอาจจะปลอดภัยน้อยกว่า(ถึงแม้จะคันใหญ่กว่าแต่เป็นรุ่นเริ่มต้น ถุงลมอาจะแค่คู่หน้า) แต่นั่งสบายกว่า(แน่นอนว่าคันใหญ่กว่า) ช่วงล่างนุ่มกว่า(เพราะรถหนักกว่าและฐานล้อใหญ่กว่า) ค่าบำรุงรักษาแพงกว่า .... สรุปว่าอะไรคุ้มกว่ากันดี...แล้วแต่ความคุ้มแต่ละคนเนอะ... ถ้าเน้นใหญ่ ใหญ่ก็คุ้ม ถ้าเน้นอย่างอื่น เล็กคุ้ม
-
ตอนนี้ผมใช้ c-segment อยู่
ถ้าเป็นการเปลี่ยนคัน ส่วนตัวผมก็ยังคงเลือก c-segment อยู่ครับ
ถ้าเป็นการซื้อเพิ่มก็อยากได้ d-segment กรณีที่มีงบเหลือแล้วนะครับ
-
ผมคิดว่า ปัจจัยเรื่องจำนวนคนนั่ง กับระยะทางที่ขับขี่ในแต่ละวัน สำคัญกว่าครับ
ถ้าคนนั่งเยอะ หรือขับทางไกลบ่อย รถใหญ่ย่อมสมเหตุสมผล แม้จะขับแค่คนเดียว
แต่ถ้าใช้ชีวิตในเมือง ขับคนเดียว ใช้รถใหญ่ก็สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ยกเว้นว่าจำเป็นต่อหน้าที่การงาน เช่น ขับรถใหญ่เพื่อให้ดูดี อย่างพวกนักธุรกิจ หรือพวกขายตรง เป็นต้นครับ
-
อยู่ที่ เงินในกระเป๋า และ ลักษณะการใช้รถครับ
ถ้าใช้รถในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ผมว่า C segment ก็พอครับ เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นลงทุนให้งอกเงยดีกว่าครับ
แต่ถ้าขับทางไกลบ่อยๆ และ งบเหลือเฟือ D segment คุ้มกว่าแน่นอน เพราะได้ใช้ประโยชน์จากความแรงของเครื่อง และห้องโดยสารที่นั่งสบายกว่า
ปล. เรื่องความคุ้มค่า มันอยู่ที่ความคิดแต่ละคน ถ้าคิดแบบนักบัญชี ยังไง D segment รายจ่ายย่อมแพงกว่าแน่นอน
ถึงผมเป็นนักบัญชี แต่เรื่องนี้ขอไม่คิดแบบนักบัญชี ถ้างบถึง แล้ว ชอบ ก็จัดเลย เพราะความสุขในการขับรถที่ตัวเองอยากได้มานาน
มันตีเป็นเงินไม่ได้จริงๆ ;D ;D ;D ;D
-
ความคุ้มค่าไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่ในความรู้สึกเรา แต่การขยายมาเป็น D ก็อาจจะแสดงให้เห็นว่าเรามั่นคงขึ้นทางด้านการเงิน แต่ถ้าพวกสมรรถนะ รถหลายรุ่น ที่เป็น C ก็มีสมรรถนะดีๆก็มีเยอะอย่าง Altis พวกล่วงล่าง ก็จัดว่าหนึบนะ แต่ภายใน d ดีกว่าอยู่แล้ว
-
คุ้มไม่คุ้มอยู่ที่เอาไปใช้งานครับ และความเหมาะสมที่จะต้องใช้ ว่าต้องสอนงกับความต้องการเราได้มากหน่อยแค่ไหน