Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HOMY_DEMIO ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2014, 00:03:23
-
สมภพ ปฏิภานธาดา "ฮอนด้าตีโจทย์แตกทุกข้อ"
หอการค้าไทยญี่ปุ่นหรือเจซีซีรายงานยอดขายรถยนต์เดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมาว่า เหลือเพียง 6 หมื่นกว่าคัน ถือว่าหดตัวลงอย่างรุนแรงจากปกติที่มียอดเฉลี่ยต่อเดือนระดับแสนคัน
สถานการณ์ดังกล่าว "นายสมภพ ปฏิภานธาดา" ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่าตลาดรถยนต์ปีนี้หลายคนมองว่าการแข่งขันในตลาดจะเปลี่ยนรูปแบบจากปีที่แล้ว ซึ่งเล่นกันที่การถล่มแคมเปญมาเป็นอย่างอื่นแทน เพราะแต่ละค่ายเคลียร์ปัญหาสต๊อกกันลงตัวจะยังคงมีต่อไป และมองว่าตลาดรถยนต์ปีนี้จะเป็นปีของการทำแคมเปญเพื่อกระตุ้นการขาย
นายสมภพมองว่าโจทย์ของการตลาดและขายในแต่ละปีไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะจากปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม เช่น น้ำท่วม โครงการรถยนต์คันแรก เพราะฉะนั้นโจทย์ที่แตกต่างและท้าทาย เราต้องตีให้แตก
วันนี้ไปติดตามกันว่าฮอนด้ามองโจทย์ของปีนี้ไว้อย่างไร รวมถึงวิธีการขับเคลื่อนเพื่อไปสู่เป้าหมาย
- กระเเสตอบรับฮอนด้า ซิตี้
หลังจากเปิดตัวฮอนด้า ซิตี้ใหม่ไปได้แค่ 3 สัปดาห์ เรามียอดจองเข้ามากว่า 4,000-5,000 คันไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการตอบรับที่ดีมาก ๆ จากเป้าหมาย 1 ปีที่กำหนดไว้ 60,000 คัน รถรุ่นนี้เราเน้นเจาะลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน หรือกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ ๆ
- ประเมินตลาดรวม
หากจะดูจากยอดขายรถยนต์ในช่วงเดือนแรกของปีที่ผ่านมา เห็นว่ายอดขายมีประมาณกว่า 6 หมื่นคัน ตัวเลขนี้ฮอนด้ายังมองว่าปกตินะ เดือนมกราคมเทียบกับเดือนธันวาคม ยอดขายรถยนต์จะลดลง ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติ บังเอิญมีการนำไปเทียบมกราคม
ปี 2556 ซึ่งก็ต้องเห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน เนื่องจากเดือนมกราคมของปีก่อนมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการรถยนต์คันแรก ขณะที่ปีนี้ไม่มีแรงสนับสนุน ถ้าจะเทียบยอดขายที่ใกล้เคียงความเป็นจริง ควรจะต้องย้อนกลับไปเทียบกับเดือนมกราคม ปี 2554
ทั้งนี้หากประเมินยอดขายของเดือนธันวาคม ปี 2556 กับเดือนมกราคม ปี 2557 จะเห็นว่ามีปัจจัยหลาย ๆ ด้านที่ส่งผลกระทบกับยอดขายโดยรวม ทั้งภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง โดยส่วนตัวแล้วมองว่าปัจจัยเหล่านี้ทำให้ยอดขายระหว่าง 2 เดือนนี้ตกลงไปมากกว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 15%
- ต้องปรับเป้าหมายหรือไม่
สถานการณ์ที่ผ่านมาในเเดือนแรกนี้ ยังไม่ได้ส่งผลให้ฮอนด้าต้องตัดสินใจปรับเป้าหมายยอดขายแต่อย่างใด ตอนนี้เรายังมองยอดขายรถยนต์โดยรวมของปีนี้อยู่ที่ 1.3 ล้านคัน โดยฮอนด้าจะมียอดขายที่ 1.8 แสนคัน เป้าหมายดังกล่าวเป็นการประเมินตลาดบนพื้นฐานความเป็นจริง และมองถึงช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แต่หากสถานการณ์ของตลาดมีการเปลี่ยนแปลง ฮอนด้าได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที จากนี้ไปฮอนด้าเราต้องประเมินและมองสถานการณ์ของตลาดแบบ "เดือนต่อเดือน" แต่ขณะนี้แผนดำเนินธุรกิจทุกอย่างยังอยู่ในแผนงานปกติที่วางไวั
- มองเทรนด์การแข่งขัน
ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตลาดมีการเล่นแคมเปญส่งเสริมการขายค่อนข้างมาก แต่เมื่อค่ายรถยนต์สามารถปรับสมดุลสต๊อกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เชื่อว่าสภาพของการใช้แคมเปญส่งเสริมการขายจะลดลง แต่ขณะนี้สภาพเศรษฐกิจและการเมืองอาจจะส่งผลให้ค่ายรถบางค่ายต้องเลือกใช้แคมเปญส่งเสริมการขายต่อไปอีก เพื่อกระตุ้นมู้ดการจับจ่ายของลูกค้า เพราะปัจจุบันนี้ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้ลูกค้าที่มีเงินและต้องการใช้รถชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป หลายคนรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นค่ายรถยนต์จัดแคมเปญเพื่อระบายสต๊อก ส่วนปีนี้จะเป็นการใช้แคมเปญเพื่อกระตุ้นการขาย
- จะรุนแรงแค่ไหน
สำหรับตลาดรวมที่เราประเมินไว้ที่ 1.3 ล้านคันนั้น ฮอนด้าเชื่อว่าสัดส่วนยอดขาย 50/50 เป็นรถยนต์นั่ง และรถปิกอัพขนาด 1 ตัน
ในส่วนของรถยนต์นั่งกับตลาดอีโคคาร์และบี-คาร์ สัดส่วนการขายอาจจะลดลงไปจาก 1-2 ปีก่อน และตลาดรถยนต์ในกลุ่มซี-คาร์จะกลับมามีส่วนแบ่งที่เพิ่มและดุเดือดมากขึ้น ขณะที่รถปิกอัพก็จะแข่งขันรุนแรงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีรถรุ่นใหม่ของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เตรียมแนะนำออกสู่ตลาด
แต่สำหรับฮอนด้าเอง สัดส่วนการขายของเรายังคงเป็น 50/50 ระหว่างตลาดในกรุงเทพฯกับต่างจังหวัด
- รักษาแชมป์รถนั่งปีนี้
สำหรับฮอนด้าปีนี้ เราก็ต้องเดินหน้าทำให้ดีที่สุด ภายใต้แผนงานที่วางไว้ ซึ่งเราเองก็เตรียมแผนงานดี ๆ ไว้ต่อเนื่อง ประเดิมด้วยการส่งซิตี้ใหม่ออกสู่ตลาด ก็ถือว่าเป็นการบอกอะไรที่สำคัญออกมาแล้ว
- ยอดทิ้งรถคันแรก
ไม่เยอะสำหรับลูกค้าที่จองรถจากโครงการรถยนต์คันแรกแล้วยกเลิกมีประมาณ 20% เนื่องจากลูกค้าของฮอนด้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีคุณภาพระดับหนึ่ง
- แผนกระตุ้นตลาดอีโคคาร์
สำหรับตลาดอีโคคาร์ ฮอนด้าเราเตรียมแผนกระตุ้นตลาดครั้งใหญ่ ที่ผ่านมาลูกค้าที่ซื้อรถบริโอ้ และบริโอ้ อเมซ ของเราจะเป็นกลุ่มฐานลูกค้าเดิมที่เข้ามาซื้อ เพราะความเชื่อมั่นแบรนด์และศูนย์บริการของฮอนด้า ซึ่งการแข่งขันของอีโคคาร์มีความรุนแรงและเข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฮอนด้าจำเป็นต้องมีการปรับแผนการตลาดและตัวสินค้า
สุดท้ายเมื่อถามถึงความพิเศษและทิศทางการขับเคลื่อนนโยยาบของฮอนด้าในประเทศไทย ในวาระฉลอง 50 ปี ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย "สมภพ" ยืนยันชัดเจนว่า เตรียมพบกับแคมเปญฉลอง 50 ปี ของฮอนด้าได้ในเร็ว ๆ นี้ ไม่อยากให้กะพริบตา
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392707821 (http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392707821)
-
บ ริโอ ลด 1 แสนเลยครับ
-
บ ริโอ ลด 1 แสนเลยครับ
ต้องลดสักแสนห้าขึ้นไป น่าจะจูงใจมากขึ้นไปอีก ;D
-
เอาส่วนลดไปปรับปรุงรถให้ออกมาดูดี สมราคา มันก็จะขายได้ในตัวมันเอง
-
เอาส่วนลดไปปรับปรุงรถให้ออกมาดูดี สมราคา มันก็จะขายได้ในตัวมันเอง
เห็นด้วยครับ
ผมว่า Swift และ Yaris เป็นตัวอย่างของรถที่ขายตัวมันเองได้เลย
คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆ
-
เอาส่วนลดไปปรับปรุงรถให้ออกมาดูดี สมราคา มันก็จะขายได้ในตัวมันเอง
เห็นด้วยครับ
ผมว่า Swift และ Yaris เป็นตัวอย่างของรถที่ขายตัวมันเองได้เลย
คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆ
ผมด้วยคน ยืดท้ายออกไปซักคืบ ใส่ประตูท้ายเป็นเหล็ก,ทำไฟท้ายใหม่ น่าจะโอแล้วนะ ;D
-
อยากฝากคำถามไปถามหน่อยครับว่า ทำยังไงถึงอัดออพชั่นได้ล้นทะลักมาแบบนี้
โดย ราคาไม่ได้แพงขึ้นมาก แล้วจะมีกำไรเหลือเหรอครับ
-
สิ่งที่ Honda ต้องทำกับ Brio คือ
สับครึ่งคันหลังทิ้ง แล้ว Re-Design ใหม่ ให้ถูกใจคนใช้มากขึ้น
-
เห็นแล้วป้ายแดงไม่ค่อยสวย สู้ในรูปก่อนเปิดตัวไม่ได้ ท้ายดูลีบ หรือรีบทำ555
-
Brio และ Amaze
ครึ่งหน้า สวยน่ารัก ใช้ได้
แค่ครึ่งหลัง ไปออกแบบมาใหม่เถอะ ยืดให้ยาวขึ้น สมส่วนขึ้นหน่อย
-
ผมว่า Brio เลิกผลิตเถอะ แล้วเอา Jazz มาแทนใส่เครื่อง 1.2
-
ผมว่า Brio เลิกผลิตเถอะ แล้วเอา Jazz มาแทนใส่เครื่อง 1.2
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ 1.3 ก็ได้ครับ แพงกว่า yaris ต่อรุ่น ไม่เกิน 5 หมื่น รับรอง อันดับ 1 eco แน่นอน
-
ทำแบบนั้น "ไม่ได้ครับ"
ข้อกำหนด รถที่จะเข้าโครงการ ECO Car ล็อตแรก
ต้องเป็นรถที่ยังไม่เคยมีการผลิตในประเทศไทยมาก่อน
ต่อให้ใช้ชื่อรุ่นเดียวกัน แต่ตัวถังต้องไม่เคยผลิตมาก่อน
Jazz ออกแบบมาให้ใส่เครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,300 ซีซี 100 แรงม้า ขึ้นไป
การใส่เครื่องยนต์เล็กกว่านี้ ลากน้ำหนักตัวเท่าเดิม
จะกินน้ำมันเพิ่มขึ้น และอัตราเร่งก็แย่ลง ค่าไอเสีย ก็อาจไม่ได้เข้ามาตรฐาน ECO Car อยู่ดี