Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: joeman911 ที่ มีนาคม 18, 2014, 13:44:37
-
ทีมนิสสันจะกลับไปทำราคามาใหม่ หรือจะไม่สู้ครับนี่
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก
-
อย่าเอาแค่แรงม้ามาเป็นตัวชี้วัดราคาเลยครับ รถคันนึงไม่ได้ตีมูลค่าแค่จำนวนแรงม้าครับ คงต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นอีกมากมายด้วย
ถ้าวัดกันแค่แรงม้า งั้น chevrolet colorado คงราคาเท่า camry hybrid แล้วล่ะครับ
-
ผมว่ามาสด้าออกราคามาขนาดนี้กับเครื่องสองพันซีซีก็น่าจะกระทบหมดทุกยี่ห้อแหละ แต่ถ้าเปรียบกับพัลซาร์เทอร์โบก็ต้องเอารุ่นทอปเทียบเพราะตัวแปดแสนสามเทียบได้อย่างเดียวแค่เครื่องออฟชันภายในก็คงต่างกัน ถ้าคิดถึงความคุ้มค่ามาสด้าสามคุ้มกว่าแน่นอนแต่ถ้าในแง่ของอารมณ์คนที่ซื้อพัลซาร์เทอร์โบกก็ต้องเป็นแฟนนิสสันเท้าหนักขาซิ่งถ้าไม่รักนิสสันจริงคงไม่ซื้อ ราคาของพัลซาร์เทอร์โบคงไม่เกินล้านหนึ่งแสนอ่ะครับไม่งั้นขายยาก
-
เห็นมาสด้าเปิดราคามาแล้ว ผมกลัวเหลือเกิน ที่ชะตากรรมของ เจ้าพัลซ่าพ่วงหอย จะคล้ายกับออสโบ เมื่อหลายปีก่อน
-
มันไม่น่าจะเอามาเทียบกันได้นะครับ limited edition กับขายเรื่อยๆ สุดท้าย LEมันจะขลังกว่ารถบ้านๆในบ้านเรา รอดูมือสองได้เลย ราคาลงไม่มากแน่ๆสำรับน้องหอย
-
รถมีไว้ขับ ไม่ได้เอาไว้แข่ง เรื่องแรงม้าแค่นี้ก็พอเพียงต่อการใช้งานแล้วครับ
-
ผมว่าถ้าเกินเก้าแสนห้า ก็ไม่อยากซื้อแล้วครับพัลซ่ารูปทรงไม่ค่อยโดนครับ แถมดันมาเปิดช่วงกระแสมาสด้าสามแบบนี้ แต่อย่างว่า ทางนิสสันคงไม่ได้หวังอะไรกับรุ่นนี้หรอกครับ คงเอาเข้ามาขายประมาณสร้างภาพลักษณ์ว่าเฮ้ยกรุก็ทำเป็นนะรถแรงขับสนุกอ่ะ ไม่ใช่เน้นหรูหราอย่างเดียว
-
ทุกอย่างที่อยู่ในรถคือองค์ประกอบที่นำมาซึ่งต้นทุน Mazda 3 ที่ราคา 8.33 แสนนั้นอุปกรณ์ไม่ได้เยอะ
และเครื่องยนต์เทอร์โบ ต้นทุนไม่ได้ถูกกว่า NA โดยเฉพาะถ้าไม่มีอะไรให้แชร์กันใช้กับเครื่องแบบอื่นๆมากนัก
เครื่อง MR16 ชิ้นส่วนก็ไม่ได้ใช้กับ MRA,MR18 ได้ทุกชิ้น ตัวเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ และท่อทางเดินอากาศ
ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็คือต้นทุนที่เพิ่มเข้ามาทั้งสิ้น
มีวิธีทำเครื่องเทอร์โบให้ถูกเหมือนกัน (อันนี้นอกเรื่องนะ) คือสั่งชิ้นส่วนในปริมาณมากๆจาก supplier แล้วนำเครื่องนั้น
ไปใช้ในรถหลายๆรุ่นโดยมาเล่นความต่างกันเอากับการจูนพวกอิเล็กทรอนิกส์หรือชิ้นส่วนปลีกย่อย เช่นเครื่อง 4 สูบเทอร์โบ
ของ VW Group, เครื่อง Modular Turbo 3 สูบ 1.5L, 4 สูบ 2.0L และ 6 สูบ 3.0Lของ BMW/Mini เป็นต้น
ส่วน Pulsar นั้นไม่ต้องหวังกำไร ขายแบบเอาขำขำว่า Nissan ทำเครื่องแรงๆเป็น ดังนั้นไม่ต้องคิดมากเรื่องยอดขาย
เพราะจะขายในไทยไม่กี่ร้อยคัน ไม่ต้องห่วงเรื่องราคาและความคุ้มค่าในสายตาคนส่วนใหญ่ เพราะคนที่ซื้อมีจุดหมายเดียวคือ
เอาความแรง
-
อย่าเอาแค่แรงม้ามาเป็นตัวชี้วัดราคาเลยครับ รถคันนึงไม่ได้ตีมูลค่าแค่จำนวนแรงม้าครับ คงต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นอีกมากมายด้วย
ถ้าวัดกันแค่แรงม้า งั้น chevrolet colorado คงราคาเท่า camry hybrid แล้วล่ะครับ
เห็นด้วยครับ วัสดุ คุณภาพอะไรต่างๆต้องดูด้วย ลองเข้าไปนั่ง volvo 180 แรงม้าส สักคันสัมผัสแล้วดู detail ต่างๆ แล้วลุกไปนั่ง trail ดู สังเกตดีๆเหมือนกัน จะรู้สึกได้ถึง.....
-
ผมว่า pulsar turbo ขายความเป็น limited edition
ขายความรู้สึกพิเศษ มากกว่า
ฉะนั้นนอกจาก spec เครื่องยนต์ ความแรง แล้ว ก็น่าจะมี aesthetic อื่นๆ ที่ทำให้ความพิเศษของ pulsar turbo ตรงนี้โดดเด่นขึ้นมาด้วย
-
พัลซ่าร์เทอร์โบไม่เน้นยอดมาร์จิ้นครับ ดูจากจำนวนที่ผลิตแค่ 350 คัน ก็ทราบแล้วล่ะครับว่าจุดประสงค์เค้าเพื่อสร้าง brand image ด้านความแรง ทั้งกับตัวพัลซ่าร์เองและนิสสัน
ราคาจะแรงไม่แรง ออปชั่นจะเยอะจะน้อย ต้องวัดกับสเปคออสเตรเลีย เพราะเราผลิตส่งออกเจ้านี่เป็นหลัก เค้าก็คงบวกมาร์จิ้นตามสมควรล่ะครับ ออปชั่นก็ตามสเปคออส ที่ไม่มีมูนรูฟ แต่อย่างอื่นครบครัน
ถ้าจะเทียบคู่แข่งจริงๆ ราคาเจ้าสามตัวล่าง คงเทียบเคียงกับ 1.8 เจ้าอื่นครับ เพราะราคาใกล้เคียงกัน เด่นที่เครื่องเหนือกว่า ออปชั่นพอตัว ช่วงล่าง รูปทรง อันนี้ต้องวัดกันไปเป็นเรื่องๆ แต่ผมว่าสามไม่เป็นรองคู่แข่ง ;)
-
ทุกอย่างที่อยู่ในรถคือองค์ประกอบที่นำมาซึ่งต้นทุน Mazda 3 ที่ราคา 8.33 แสนนั้นอุปกรณ์ไม่ได้เยอะ
และเครื่องยนต์เทอร์โบ ต้นทุนไม่ได้ถูกกว่า NA โดยเฉพาะถ้าไม่มีอะไรให้แชร์กันใช้กับเครื่องแบบอื่นๆมากนัก
เครื่อง MR16 ชิ้นส่วนก็ไม่ได้ใช้กับ MRA,MR18 ได้ทุกชิ้น ตัวเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ และท่อทางเดินอากาศ
ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็คือต้นทุนที่เพิ่มเข้ามาทั้งสิ้น
มีวิธีทำเครื่องเทอร์โบให้ถูกเหมือนกัน (อันนี้นอกเรื่องนะ) คือสั่งชิ้นส่วนในปริมาณมากๆจาก supplier แล้วนำเครื่องนั้น
ไปใช้ในรถหลายๆรุ่นโดยมาเล่นความต่างกันเอากับการจูนพวกอิเล็กทรอนิกส์หรือชิ้นส่วนปลีกย่อย เช่นเครื่อง 4 สูบเทอร์โบ
ของ VW Group, เครื่อง Modular Turbo 3 สูบ 1.5L, 4 สูบ 2.0L และ 6 สูบ 3.0Lของ BMW/Mini เป็นต้น
ส่วน Pulsar นั้นไม่ต้องหวังกำไร ขายแบบเอาขำขำว่า Nissan ทำเครื่องแรงๆเป็น ดังนั้นไม่ต้องคิดมากเรื่องยอดขาย
เพราะจะขายในไทยไม่กี่ร้อยคัน ไม่ต้องห่วงเรื่องราคาและความคุ้มค่าในสายตาคนส่วนใหญ่ เพราะคนที่ซื้อมีจุดหมายเดียวคือ
เอาความแรง
อ่านวรรคที่3แล้วทำไมผมนึกถึง pulsar gti-r ตงิดๆไม่รู้
-
ถ้าพรรษาผูกโบราคาไม่เกิน 1.1 ล้าน ผมซื้อ
ราคาแค่นี้ผมถามว่ามีรุ่นไหน? ยี่ห้อไหน? ที่ให้สมรรถนะขนาดนี้
มันเหมาะกับพ่อบ้านลูก2 ตีนหนัก ที่คิดว่า altis 1.8 cvt อืด
-
ถ้าไม่นับเรื่องหน้าตากับความประหยัด ผมว่าที่เหลือ pulsar turbo ดูดีกว่าหมดนะครับ (รวมถึงช่วงล่าง pulsar turbo ก็น่าจะเซ็ตมาดีไม่แพ้ 3)
-
Pulsar SSS Turbo แว่วราคามาว่าประมาณ Prius ตัวกลางครับ
ถ้างบถึงผมเชียร์ Pulsar มากกว่านะ
ด้วยความพิเศษของตัวรถที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ
กับรถที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจคนตีนหนักโดยเฉพาะ
อีกอย่างผมว่าพื้นที่ขับ+นั่งหลังมันน่าจะโปร่งกว่า 3