Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: almond1234 ที่ เมษายน 16, 2014, 21:46:08
-
ตามหัวข้อเลยครับ ผมลองอ่านดูใน google ก็งงๆครับ
จับใจความได้ประมาณต้องพิจารณา 1.ขนาดเครื่อง
2.วิ่งทางไกลหรือในเมือง 3.ขนาดรถ ...........
-
หมายถึงปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคน้ำมันรึเปล่าครับ ผมแยกเป็นอย่างๆให้
อย่างแรก ตัวรถ เครื่อง เกียร์ น้ำหนัก สัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน ยาง ลมยาง แรงเสียดทานในระบบ
อย่างที่สอง ปัจจัยภายนอก อุณหภูมิอากาศ กระแสลมที่ปะทะตัวรถ
อย่างสุดท้าย คนขับ
-
ขอขยายความคำถามนิดนึงครับ..
-
ขอขยายความคำถามนิดนึงครับ..
เช่น เซลล์บอกว่า ถ้าวิ่ง ตจว ใช้1.8ประหยัดกว่า
แต่ถ้าวิ่งในเมือง 1.6 ประหยัดกว่า
เป็นเพราะอะไรหรอครับ
-
ขอขยายความคำถามนิดนึงครับ..
เช่น เซลล์บอกว่า ถ้าวิ่ง ตจว ใช้1.8ประหยัดกว่า
แต่ถ้าวิ่งในเมือง 1.6 ประหยัดกว่า
เป็นเพราะอะไรหรอครับ
คงเพราะในเมือง idle มากกว่า ดังนั้น ต่อนาที 1.6l จะผลาญน้ำมันน้อยกว่านิดนึงจากส่วนต่าง
แต่ ตจว. ก็ต้องถามก่อน จว. ไหน ได้ข่าวว่าพัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ก็ติดโหดไม่แพ้เมืองหลวงครับ
-
ประเด็นคือ เครื่องยนต์แต่ละไซส์ มันจะแสดงประสิทธิภาพสูงสุดได้ที่รอบ และความเร็วต่างๆกันไปครับ (แรงบิด แรงม้าของเครื่องยนต์ ยังต่างกันไปตามรอบเครื่องเลยครับ)
เครื่องใหญ่มาก อยู่กับที่มันก็กินน้ำมันเยอะอยู่แล้ว แต่เวลาวิ่งเร็วๆ ไม่ต้องเค้นมาก
เครื่องเล็ก คลานๆในเมือง มันก็เสียน้ำมันน้อยกว่า (ไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมายอยู่แล้ว) แต่วิ่งเร็วๆ หรือวิ่งทางไกล ก็ต้องเค้นหน่อย มันก็เปลือง
พูดง่ายๆคือ ถ้าขับช้า หรือรถติด เครื่องใหญ่เสียเปรียบ เพราะมันเผาน้ำมันทิ้งเยอะ (เหมือนคนตัวใหญ่มากๆ ต่อให้นั่งอยู่กับที่ ก็กินเยอะกว่าคนตัวเล็ก)
แต่ถ้าสภาพที่ต้องการพลังงานมาก เช่น ใช้ความเร็วสูง หรือขึ้นเขา หรือน้ำหนักเยอะ ตัวเล็กมันต้องเค้นเยอะ (เหมือนคนตัวใหญ่ ออกแรงธรรมดา แบกของเดินได้ ตัวเล็กนี่ครางแทบเป็นลม เหนื่อยกว่าคนตัวใหญ่เยอะ)
1.8 บอกว่าประหยัดกว่า 1.6 ไม่ได้หรอกครับ มันแล้วแต่รุ่น ดู Sylphy 1.6 ประหยัดกว่า 1.8 ค่อนข้างชัดเลย ตามมาตรฐาน HLM ที่ความเร็ว 110 ทางราบ
ถ้าจะให้ซิลฟี่ 1.8 ประหยัดกว่า 1.6 คงต้องเค้นไปแถวๆ 150+ หรือขึ้นเขา ยาวๆเลยมั้งครับ เครื่อง 1.6 ถึงจะเริ่มเสียเปรียบ 1.8
แต่ อัลตัส 1.8 กินพอๆกับ 1.6 ขนาดขับที่ 110 ถ้าขับซัก 130ยาวๆ คิดว่า เครื่อง 1.8 คงประหยัดกว่าแน่ๆ
-
ปัจจัยแรกคือ cc
ปัจจัยสองคือ รอบเครื่อง ที่มาจากเกียร์
รถ cc น้อย เช่น 1500cc เซตเกียร์ ห่วย วิ่งช้าๆ รอบเครื่องสูงๆ วิ่งเร็วๆ รอบเครื่องสูงๆก็กินอยู่ดี
รถ cc เยอะๆ เช่น 3000cc ถ้าเซตเกียร์มาดี ฉลาด มีหลายเกียร์ วิ่งเปลี่ยนไม่เกิน 2000รอบ ก็ประหยัดได้เหมือนกัน
ในสภาพจริง ในเมืองรถเครือ่งเล็กย่อมได้เปรียบ เพราะ cc น้อยวิ่งขึ้นลง ก็ไม่กินเท่า เครื่องใหญ่ ที่ต้องสวิงเครื่องขึ้นลงบ่อยๆ
คนขับรถได้ประหยัดๆนอกจากรอบเครื่องต่ำๆแล้ว ก็ใช้รอบเครื่องนิ่งๆด้วย
-
ผมเข้าใจว่าคุณ almond1234 กำลังเลือกซื้อรถ 1.6 กับ 1.8 คิดในแง่การประหยัดน้ำมัน...
ขึ้นกับความเร็ว สภาพการจราจร และการขับขี่ เป็นหลัก
ความเร็วประมาณ 80-120 กม./ชม. อัตราการสิ้นเปลืองของรถ 2 คันนี้ใกล้เคียงกัน แต่ปัจจัยข้างบนมีผลมาก
อาจจะสรุปได้ว่ารถ 1.6 น้ำหนักรถน้อยกว่า และกินน้ำมันน้อยกว่า 1.8 แต่การเลือกซื้อต้องคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก เช่นจำนวนผู้โดยสาร ความสะดวกสบาย
หากต้องการประหยัดน้ำมัน อาจเลือกรถขนาด 1.6 ที่ใช้ E85
-
ถ้า จขกท หมายถึงขับแบบไหนประน้ำมันมากที่สุด
แนะนำให้ขับแบบโดยใช้ความเร็วคงที่ ให้อัตราเร่งเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด :D
-
กะจะมาตั้งคำถามคล้าย ๆ กันนานแล้ว
ขอถามเพิ่มเติมนะครับ
ถามว่า ความสัมพันธ์ของการเหยียบคันเร่ง กันการกินน้ำมัน เป็นอย่างไร
เพื่อจะได้ทราบแนวทางที่จำขับอย่างประหยัด
เช่น พอออกตัว ก็ลงน้ำหนักนิดหน่อย ค่อย ๆ กด ปล่อยให้ความเร็วไต่ระดับไปเองอย่างช้า ๆ
ผมทำแบบนี้ประจำ ถ้าไม่รีบ กว่าความเร็วจะถึง 100 ก็นานหน่อย