Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MoO Cnoe ที่ พฤษภาคม 07, 2014, 06:36:16
-
J!MMY said :
Mazda CX-5 2.5 Skyactiv-G 6AT 2WD
(http://upic.me/i/h5/jcx25.jpg) (http://upic.me/show/50902164)
อัตราเร่ง 0-100 km/h
#1 8.57 sec
#2 8.55 sec
#3 8.40 sec
#4 8.57 sec
อัตราเร่ง 0-100 km/h ทำได้เฉลี่ย 8.52 วินาที
-------------------------------------------------------------------------
อัตราเร่ง 80-120 km/h
#1 6.86 sec
#2 6.78 sec
#3 6.87 sec
#4 6.87 sec
อัตราเร่ง 80-120 km/h ทำได้เฉลี่ย 6.84 วินาที
-------------------------------------------------------------------------
Top Speed / Gear
1 55 @ 6,250
2 95 @ 6,250
3 135 @ 6,250
4 200 @ 6,250
5 200 @ 4,500
Top Speed LOCK at 4th gear
200 Km./h. @ 6,250 rpm.
เร็วกว่า Lexus IS250 F Sport !!!!
0 - 100 เร็วกว่า 320d !!!
-------------------------------------------------------------------------
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Fuel Consumption
ระยะทาง บน Trip meter A 92.4 km.
เติมกลับ เบนซิน 95 Techron ไม่เขย่ารถ 6.53 Litres
Fuel consumption @ 110 Km./h. เปิดแอร์ นั่ง 2 คน
เปิด Cruise control
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 14.15 km/l
-------------------------------------------------------------------------
ตารางเปรียบเทียบกับกลุ่ม CompactSUV พื้นฐานเก๋ง
(http://upic.me/i/ey/compactsuv.jpg) (http://upic.me/show/50902732)
ขอย้ำอีกที
SKYACTIV ไม่ใช่แค่คำโฆษณา หรือว่านิทานหลอกเด็ก
แต่มันคือ ของจริง เรื่องจริง!!
THE TRUTH FROM HIROSHIMA
ตอนนี้ ขอเปลี่ยนเป็น
SHOCK CINEMA FROM HIROSHIMAAAAAAAAA!!!!!!!!!
แต่บอกก่อนว่า
ส่วนตัว ผมไม่เชื่อว่า 2.2 Skyactiv-D จะทำตัวเลขได้ดีขนาดนี้
มันมี AWD ด้วย และผมเผื่อใจไว้แล้ว
-------------------------------------------------------------------------
edit : เผื่อใครนึกภาพไม่ออกว่าตัวเลขระดับนี้ อยู่ในคันไหนบ้าง
เลยลองเทียบตัวเลขข้าม Segment มาให้ดูกันครับ เชิญรับชม....
(http://upic.me/i/74/specialcompare.jpg) (http://upic.me/show/50903036)
-
OH MY GOD!!!!!!!
ด้วยทุกอย่างที่มันมี ถือว่าโดนสุดๆ :o
-
ขอบคุณครับ ;D ;D ;D
-
โหดเกิ้นนน :)
-
8.5 วิ :D
-
กะแล้วต้องเลข8
ส่วนดีเซลน่าจะ 9.6 เพราะ AWD
สู้ๆครับพี่จิมมี่ ดูแลสุขภาพด้วยละครับ
งานนี้สงสัยพี่แพนน่าจะติดใจ2.5แน่นอน รึไม่งั้นก็ดีเซล ;D
-
จะโหดไปไหน
-
สมคำล่ำลือ เยี่ยมทั้ง5 ดีทั้ง3 สุดยอดเลย mazda
-
แรงจริง ตัวจริงครับ
-
สุดยอดเลย รถคันอ้วนๆทำได้ขนาดนี้ ขอบคุณครับ
-
อัตราสิ้นเปลืองทายว่าพอๆกันอยู่แล้ว
แต่อัตราเร่ง เห็นตัวเลขแทบช็อก
-
โหดสลัดเลยคับ :o :o :o
-
พูดได้คำเดียวเลย สุดยอด
-
พูดได้คำเดียวเลย สุดยอด
2.2D อาจทำเวลาได้ไม่ดีเท่า 2.5 แต่น่าจะประหยัดกว่าพอควร
-
เถื่อนมากครับ ดรงแบบน่าตกใจ
-
เยี่ยมครับ :o
-
mazda น่าจะทำแบบสปอร์ตเต็มๆ
แบบ ให้มี Mazda 3 2.5 Skyactiv มันน่าจะไล่ Premium compact ได้
-
อั๊ยหยะ ไม่ได้โม้ ;D
-
SUV วิ่งได้ 8.5 !! โหดดดมากกก :o
-
มีคนสงสัยว่า ไมล์อ่อนหรือป่าว
-
mazda น่าจะทำแบบสปอร์ตเต็มๆ
แบบ ให้มี Mazda 3 2.5 Skyactiv มันน่าจะไล่ Premium compact ได้
Spec Australia ครับ
ยังคิดอยู่ว่ามันจะวิ่งขนาดไหน เครื่อง 2.5 ใน M3 เติมน้ำมัน 98 อากาศดีๆ
สวดยอดมากครับ
-
ตอนนั้นลองแต่ ดีเซล มองข้ามันไปได้ยังไง :'(
-
เงียบไปซะ Camry Hybrid!!
-
มองจากกระจกหลังจะรู้ได้งัยว่าเป็นตัว 2.5 ครับ จะได้ถอย.....
ปล. ผมเข้าเวปมาสด้าไปดูราคากับโปรโมชันเจ้านี้แล้วครับตอนนี้
1,440,000 Baht
-
อยากขายปาเจโร่ v6 ไปสู่ขอเจ้าจิงๆ :o :o เเคมรี่ไฮบริดผมเงียบเลยจริงๆ หึหึ เป็นรถ suv ที่ออกตัวเเล้ว toyota86 ขุ่นพระเถอะ!!!
-
เคยลองขับรุ่นนี้ครับ ผมก็จับความรู้สึกได้ว่าอัตราเร่งโหดสลัดจริงๆ
เซลล์ยังงงๆเลยว่า หลายคนมาซื้อก็ไม่ได้กะใข้ระบบขับ 4 อยู่แล้ว
ทำไมต้องแห่ไปซื้อ 2.2D และยอมรอกันนานแสนนาน
ทั้งที่ 2.5S ตัวนี้แรงไม่แพ้กัน ส่วนต่างราคาเอาไปเติมน้ำมันได้อีกยาว
-
ล้อ 19 กับ SUV แต่0-100 ทำได้ 8.5 วิ บ้าไปแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
-
เห็นตารางแล้วมาสด้า6มาไวไวเถอะ :o
-
มีคนสงสัยว่า ไมล์อ่อนหรือป่าว
ถ้าวัดกับ GPS ผมก็สงสัยว่าอ่อนกว่าสักกี่ %
ที่ทราบๆ มาก็พอได้ยินมาบ้างว่า MAZDA เป็นค่ายญี่ปุ่นที่เพียนน้อยกว่าค่ายเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน
-
สุดยอดครับ
Ford น่าจะเอา Escape 2.0 Ecoboost มาทำตลาดแข่งกับเจ้านี่ด้วยนะ ถ้ามาจริงคงเป็นคู่กัดตัวแรงประจำปีทีเดียว (อุตส่าห์รอ)
-
ถ้าเติม E85 ได้ก็เยี่ยมสุด ๆ เลย รอ minor อาจจะเติมได้น่ะ
-
บ้าไปแล้ว !!! :o :o :o
อยากเห็นตัวดีเซลด้วย
-
ของเค้าโหดจริง
-
แรงขนาดนี้ น่าจะรีบๆบอกนะครับ ความแรงขนาดนี้ในราคา1.4ล้าน คนซื้อรุ่นอื่นเสียใจหมดแล้ว :o
-
ติดสตั๊นไป3วิ
-
บอกได้คำเดียว "โหดสัส"!!! :o :o :o
ขนาดอยู่ในตัวถัง SUV อย่าง CX-5 ยังทำได้เท่านี้ แล้วเครื่องตัวนี้ที่อยู่ใน Mazda 6 กับ 3 เสป็คนอกจะแรงขนาดไหนเนี่ย :D
-
อัตราเร่งโหดร้ายมาก
-
อัตราเร่งก้าวกระโดดไปเกินคาดจริงๆๆๆๆ :-X mx5 รุ่นถัดไปในอนาคตจะเป็นยังไงบ้างนะ :)
-
Subaruพ่วงโบยังสู้ไม่ได้อะไรกันนี่ :o
-
โอ้ว ไอ้สลัดผัก ว่าแล้วว่าเอ็งต้องแรงเยี่ยงนี้ ;D
ไม่ผิดหวังครับ ลองแล้วติดใจมากมาย มันเป็นคอมแพคเอสยูวีที่ขับสนุกมากจริงๆ 8)
-
โหดจิงคับ
-
mazda น่าจะทำแบบสปอร์ตเต็มๆ
แบบ ให้มี Mazda 3 2.5 Skyactiv มันน่าจะไล่ Premium compact ได้
Spec Australia ครับ
ยังคิดอยู่ว่ามันจะวิ่งขนาดไหน เครื่อง 2.5 ใน M3 เติมน้ำมัน 98 อากาศดีๆ
สวดยอดมากครับ
แถมให้ว่ามีเกียร์กระปุก 6 สปีด ให้สับกันสะเด่าทีนด้วย พร้อมออปชั่นแบบโหดสลัดผักเช่นกัน เอาเป็นว่าแอคคอร์ด กับเทียน่าตัวท้อปในไทยมีค้อนแน่นอน ;D
-
เรืี่องที่ว่าไมล์อ่อนน่าจะลองเอามาำณวนกันดูนะครับว่าถ้าอ่อน5%หรือ10%จะได้ตัวเลขออกมาเท่าไหร่ เผื่อเวลาไว้ก็ดี คราวนี้ไม่มีข้อกังขาเรืี่องมวลอากาศเย็นแบบตอนปลายปีที่แล้วละ ยกเว้นว่าจะลองเมืีอคืนนี้ที่ทั่วกรุงเทพฝนตกอากาศเย็นกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็ไม่เท่าหน้าหนาวทึ่แล้วอยู่ดี
-
โอ่ววววว เบนซิยังแซ่บขนาดนี้
ทีนี้รอตัวดีเซลอย่างเดียวละ
-
อัตราเร่ง 0-100 เมื่อเจอ CX-5 รถในกลุ่ม D-Seg คงต้องหลบให้ถึงขนาด 320d ยังต้องหลบจะมียกเว้นก็แค่ Camry Hybrid 2.5 CVT และ 320i ที่ตัวเลขบี้กันสุดๆ
อัตราแร่ง 80-120 CX-5 แต่ดูจะเบาลงหน่อยเพราะตัวเลขสู้ Camry Hybrid 2.5 CVT กับ 320d และ 320i ไม่ได้แต่เพราะเป็น SUV เลยต้านลมมากกว่าแน่แท้
เห็นตัวเลขแล้วถ้า Mazda6 มาพร้อมเครื่องตัวนี้ Camy Hybrid คงตกจากบัลลังค์ 0-100 และ 80-120 ในกลุ่มรถ D-Seg แน่ๆ เลยครับอยากเห็นจริงๆ ครับ และหากนำเครื่องรุ่นนี้มาใส่ใน Mazda3 คงไม่ต้องพูดเลยว่ารถอย่าง 320i และ 320d คงต้องหลบจะเหลือก็แต่ 328i ที่น่าจะขับเคี่ยวกันอย่างสูสีครับ
สรุปแล้ว Sky Active มีดีจริงๆ ครับ หาก Madza ยังจัดหนักอย่างงี้ไปเรื่อยๆ สงสัย T กับ H คงต้องทำอะไรซักอย่างแล้วครับ
-
ตัวเลขสวยเกินคาดมากครับ. :o :o 8)
ตอนเทส ผมยังรู้สึกได้เลยว่า 2.5 แรงมาก ไหลกว่า ดีเซล 2.2D ซะอีก เพียงแต่ดีเซลมีแรงดึงมาไวกว่าในรอบต้นๆ
// ส่วน 2.5 เบนซิน ยิ่งกดยิ่งไหล ลากรอบซักนิด แรงไหลมาเป็นน้ำ แบบนุ่มนวลกว่าดีเซล
skyactiv. ทำได้จริงไม่ใช่แรงโม้
..... แต่เมืองไทยยังมีพวกใจแคบอีกเยอะ อวยจิ๊บๆ หรือ v-control. ที่มีแต่ชื่อ ออกแนวโม้มากกว่า ดันเชื่อกัน เหอะๆๆๆ :-[ ;D
-
ยกนิ้วให้เลยครับ นิ้วหัวแม่มือล้วนๆ นิ้วอื่นไม่เกี่ยว ;D
-
เห็นตัวแลขแล้วแทบช็อค
ตอนแรกกะว่า 9.5 วิ ก็เจ๋งแล้ว
นี่มันแรงกว่า BMW X3 หรือ 320d ซะอีก
ตอนแรกเคยคิดเล่นๆว่า ถ้าจะออก CX-5 จะเอา 2.5 เบนซิล หรือ 2.2D ดี
ส่วนต่างตั้ง 230,000 บาท
เห็นตัวเลขอัตราเร่งแบบนี้ แถมอัตราสิ้นเปลืองระดับ 14 กิโล/ลิตร
เลือก 2.5 แบบไม่ต้องลังเลเลย
-
แจ๋ว
ถ้าเติม E85 ได้ จะดีมากครับ
;)
-
โห อัตราเร่งและความประหยัดสุดยอด ถึงอึ้งเลยครับ mazda
-
แรงและประหยัดเกินคาดมากๆ
และไมล์ก็น่าจะแก่ ตามแบบมาสด้ารุ่นก่อนๆ
ถ้าทดสอบตอนที่อากาศเย็นๆเหมือนตอนทดสอบ ยาริส ตัวเลขคงสวยขึ้นอีก ;D
-
ปะ ปะ แปดวิ!? ประหยัดน้อยกว่าตัว 2.0 ลิตรแค่ .02 km/l ...
ถ้า M6 มาไทยจริง นึกไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าจะแรงขนาดไหน = = (เบากว่า ต้านอากาศน้อยกว่า)
-
ดีเกินคาด..
รู้สึกว่าเครื่อง Mazda และ Ford จะเกินเครื่องรถยี่ห้อตลาดไปอีกช่วงตัวล่ะ
ทั้ง Sky Active และ Ecoboost
-
ไม่ได้ใช้ตัวเบนซิน แต่ใช้ตัวดีเซลอยู่ มันแรงดีจริงๆครับ ขับแล้วนิสัยเสียจะแซงท่าเดียว กดแล้วมันมาขับสนุกครับ ประหยัดด้วยเทียบกับคันเดิมที่ใช้ CRV G3คนล่ะเรื่องเลย
-
เครื่องเกียร์แรง+ช่วงล่างแบบ MAZDA
มันช่างเป็นรถที่น่าขับที่สุดครับ
ปล.
นี่หรือคือรถบ้าน...ขอไหว้ที :)
-
เอ่ออออ.....
เห็นแล้ว ไม่อยากจะคิดถึงตัวเลขของ Mazda 6 ทั้ง 2.0 และ 2.5 เลย :o
-
ว่าที่ 1 ใน 5 Best Drive ของเวปแหงๆ ;D
-
เครื่อง DI ยุคใหม่ โหดจริงๆครับ ทั้งฟอร์ดทั้งมาสด้า (แอบเห็นในตาราง โฟกัส กิน 15.17 กิโล/ลิตร o_O!!)
0-100 เร็วมาก แต่ทำไม 80-120 ดูช้าหว่า หรือเพราะทดต้นมาจัดรึเปล่าครับ
-
ว่าที่ 1 ใน 5 Best Drive ของเวปแหงๆ ;D
+1 ครับ
-
best drive ปีนี้ จัดไปทั้ง 3 และ 5
-
ผมออก 2.0 ก็รู้สึกเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว เท่าที่สังเกตหลังผ่าน 2 พัน กม. ดูเหมือนว่าอัตราเร่งราบเรียบขึ้น ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าครับ ผมขับกินลมชมวิวเยี่ยมแปลงเกษตรกร เพราะทำงานลงสนามแก้ไขความยากจนให้ชุมชน ถ้าชานเมืองกินน้ำมัน 15 กม./ลิตร หากขับช้าๆไป ตจว.สำรวจชุมชนตาม อบต. อปท. ออกจากชานเมืองไปความเร็ว 60-85 กม./ชม. ชิวๆ ผมวัดอัตราสิ้นเปลืองได้อยู่ในช่วง 17-20 กม./ลิตร เติม E20 จากปั๊มเดียวกัน การเดินทางเหล่านี้จะอยู่ในช่วง 100-250 กม. สังเกตมา 3 เดือนแล้วครับ ขอบคุณครับผม สำหรับข้อมูล ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำ ผมซื้อ CX-5 เพราะคุณจิมมี่ ไปเทสต์ที่นิวซีแลนด์ ลองขับก็เอาเลย วันที่ออกผมมีเงินพอซื้อแบบไม่มีหนี้ได้ แต่เลือกผ่อนเอา สำรองไว้ทำอย่างอื่น ท้ายนี้ขอให้กำลังใจทีมงานทำงานต่อไป ขอบคุณมากครับผม :D
-
แรงมากๆเลยครับ ถ้าเจอกันทางไม่ยาวจริงๆ ที่จะวิ่งเกิน 200 นี่ล้มยากจริงๆ
-
แรงแซง MX5 ได้ ตามโฆษณาทีวีจริงๆ :o
-
ขอบคุณครับ แรงแบบโหดๆจริงๆครับ
-
นี่มันรถสปอร์ตในร่างเอสยูวีสินะ สุดยอดจริงๆ
-
ทั้งรุ่น 2.0 และ 2.5 S
วิ่ง 110 บนมาตรวัด GPS จะขึ้นที่ 107 ครับ
ไมล์อ่อนนิดเดียว เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่เขามักจะอ่อนกันแถวๆ 105 - 106
SKYACTIV ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น.....ไม่ได้เป็นแค่คำโฆษณา ทว่า นี่แหละ เรื่องจริง!!!
-
ทั้งรุ่น 2.0 และ 2.5 S
วิ่ง 110 บนมาตรวัด GPS จะขึ้นที่ 107 ครับ
ไมล์อ่อนนิดเดียว เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่เขามักจะอ่อนกันแถวๆ 105 - 106
SKYACTIV ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น.....ไม่ได้เป็นแค่คำโฆษณา ทว่า นี่แหละ เรื่องจริง!!!
ขนาดไมล์เพี้ยนน้อยยังเร็วได้ขนาดนี้ แถมช่วงนี้อากาศก็ร้อนด้วย
ชาบู การคิดใหม่ทำใหม่ในชื่อ SKYACTIV จริงๆ
-
ทั้งรุ่น 2.0 และ 2.5 S
วิ่ง 110 บนมาตรวัด GPS จะขึ้นที่ 107 ครับ
ไมล์อ่อนนิดเดียว เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่เขามักจะอ่อนกันแถวๆ 105 - 106
SKYACTIV ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น.....ไม่ได้เป็นแค่คำโฆษณา ทว่า นี่แหละ เรื่องจริง!!!
พอๆ กับ Mazda 3 ใหม่เลยครับ ตัว 2.0S ล้อ 18นิ้ว ไมล์อ่อนประมาณนี้เช่นกันครับ
-
ปลดล็อคทอปสปีด น่าจะทะลุ230km+ และอัตราเร่งเร็วกว่า250cgi อีก ปล. 2.2ดีเซล ต้องเอาไปพ่วงกล่อง ดันราง แต่งต่อครับ เห็นตัวแข่ง2.2ดีเซล โม400แรงม้า เครื่องเดิม
ปล.2 ถามพี่จิมมี่ การเก็บเสียงเป็นอย่างไรบ้างครับ
-
Skyactive โหดสลัด วันก่อนไปลอง Test Mazda 3 ตัวท๊อป 5 ประตูมา อัตราเร่งอย่างโหด ช่วงล่างหนึบแต่ไม่แข็ง เบรกดี โอยย สุด ๆ
-
Holy shit!!!
-
ประทับใจมาก ต้องซื้อซะแล้วสิคร้าบบบบ ;D ;D ;D
-
รอ ดีเซล 2.2 ครับ
-
ขอบคุณสำหรับบทความดีดี เช่นเคยครับ
SkyActive แรงจริงงงงงงง :o
เจอCX5 ตบไฟ ด้านหลังแปล๊ปๆ บนถนน รีบหลบซ้าย ให้ไปก่อน แล้วแอบแซงซ้ายคืนอีกที เล่นกันยาวๆ ขำขำ ;D
แบบนี้Mazda3 ก็คงจะแรง ไม่ต่างกัน รอขับของคนที่บ้าน
-
CX5 แรงกว่า 86......
เศร้าจิงๆ
ยิ่งหาเหตุผลซื้อ 86 ไม่ได้เลย
เข้าใจว่า handling คงเทียบกันแบบฟ้ากับเหว แต่ถ้าขับรถ "sport" แล้วเจอ cuv บ้านๆแซงก็ไม่ไหวนะ
ถอย CX5 มาลงแม็ก20หล่อๆดีกว่า น้ำท่วมก็ไม่กล้ว
-
ต้องแยกให้ออก ในเรื่องของความแรง กับสมถรรณะโดยรวมด้วยนะครับ
ก่อนที่จะเอาไปเทียบกับ lexus is 320d หรือ 86
พี่จิมมี่เขาเทียบแค่ส่วนของการออกตัวและวิ่งทางตรง
เขาไม่ได้เทียบเวลารถวิ่งลอยตัว สัก 170-180 แล้วสมถรรนะรถเป็นยังไง มันเอามาเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมไม่ได้ เหมือนนั่ง lexus is ความเร็ว 180 รถมันยังเงียบและนิ่งกว่า cx5 หลายช่วงตัว
ถ้าเราจะเอาแค่แรง ใช้เงินสองแสน ซื้อ ae100 ลงเครื่อง 3s beam setbo ก็แรงกว่าเห็นๆแล้ว รถราคา ล้านสี่ โดนรถราคา 2 แสน ฉีกไม่เห็นฝุ่น ถ้าเราเทียบแค่ความแรงนะ
สรุปแล้ว อย่าเอารถคนละคลาสมาเทียบแค่ความแรงเลยครับ มันเทียบกันไม่ได้ cx-5 วิ่ง 140 เสียงลมก็ดังแล้ว ยิ่งเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมอย่าง lexus is 320d หรือ 86 ยิ่งไม่ควรเทียบ
สมถรรนะรถมันต่างกัน
-
Skyactive ของเขาดีจริงๆ 8)
-
ต้องแยกให้ออก ในเรื่องของความแรง กับสมถรรณะโดยรวมด้วยนะครับ
ก่อนที่จะเอาไปเทียบกับ lexus is 320d หรือ 86
พี่จิมมี่เขาเทียบแค่ส่วนของการออกตัวและวิ่งทางตรง
เขาไม่ได้เทียบเวลารถวิ่งลอยตัว สัก 170-180 แล้วสมถรรนะรถเป็นยังไง มันเอามาเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมไม่ได้ เหมือนนั่ง lexus is ความเร็ว 180 รถมันยังเงียบและนิ่งกว่า cx5 หลายช่วงตัว
ถ้าเราจะเอาแค่แรง ใช้เงินสองแสน ซื้อ ae100 ลงเครื่อง 3s beam setbo ก็แรงกว่าเห็นๆแล้ว รถราคา ล้านสี่ โดนรถราคา 2 แสน ฉีกไม่เห็นฝุ่น ถ้าเราเทียบแค่ความแรงนะ
สรุปแล้ว อย่าเอารถคนละคลาสมาเทียบแค่ความแรงเลยครับ มันเทียบกันไม่ได้ cx-5 วิ่ง 140 เสียงลมก็ดังแล้ว ยิ่งเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมอย่าง lexus is 320d หรือ 86 ยิ่งไม่ควรเทียบ
สมถรรนะรถมันต่างกัน
เขาก็ไม่ได้เทียบจริงจังหรอกครับ เพียงแต่ตัวเลขมันดีจนน่าแปลกใจ ก็เลยเอาไปเทียบกันเท่านั้นเอง เวลาซื้อจริงๆ คงไม่มีใครดูแค่ตัวเลขพวกนี้หรอกครับ
-
ต้องแยกให้ออก ในเรื่องของความแรง กับสมถรรณะโดยรวมด้วยนะครับ
ก่อนที่จะเอาไปเทียบกับ lexus is 320d หรือ 86
พี่จิมมี่เขาเทียบแค่ส่วนของการออกตัวและวิ่งทางตรง
เขาไม่ได้เทียบเวลารถวิ่งลอยตัว สัก 170-180 แล้วสมถรรนะรถเป็นยังไง มันเอามาเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมไม่ได้ เหมือนนั่ง lexus is ความเร็ว 180 รถมันยังเงียบและนิ่งกว่า cx5 หลายช่วงตัว
ถ้าเราจะเอาแค่แรง ใช้เงินสองแสน ซื้อ ae100 ลงเครื่อง 3s beam setbo ก็แรงกว่าเห็นๆแล้ว รถราคา ล้านสี่ โดนรถราคา 2 แสน ฉีกไม่เห็นฝุ่น ถ้าเราเทียบแค่ความแรงนะ
สรุปแล้ว อย่าเอารถคนละคลาสมาเทียบแค่ความแรงเลยครับ มันเทียบกันไม่ได้ cx-5 วิ่ง 140 เสียงลมก็ดังแล้ว ยิ่งเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมอย่าง lexus is 320d หรือ 86 ยิ่งไม่ควรเทียบ
สมถรรนะรถมันต่างกัน
กระทู้ Preview มีตัวเลขแค่ 2 อย่างครับ คืออัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลือง
ก็เลยต้องพูดกันถึงเรื่องความแรงทางตรง กับการจิบน้ำมันบนทางไฮเวย์เป็นหลักนะครับ
ส่วนตัวแล้ว ถ้าผมขับรถสปอร์ต หรือซีดานที่สร้างภาพลักษณ์เรื่อง Performance
คงจะรู้สึกตะหงิดใจไม่น้อย ถ้ารู้ว่ารถตัวเองจะโดน SUV หรือแม้แต่กระบะจิกท้ายแบบกัดไม่ปล่อย
ไม่ต้องอะไรหรอกครับ MX-5 ของค่ายเดียวกันก็เสียวสันหลังวาบเอยู่หมือนกัน
แต่ผมก็ไม่ได้บอกนะครับ ว่าในสนามแล้ว CX-5 จะยังกัดไม่ปล่อยหรือขับได้ชิลเท่ากับรถอย่าง IS250 F หรือ 86
ยกเว้นว่ามันจิกได้จริงจริงนั่นแหละ คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีก
-
สมมติขับอยู่ 160 ทางโล่งๆ ถ้าเห็น cx5 ในกระจกหลังกำลังจี้เข้ามา คงต้องหลบให้แล้วครับแบบนี้ เครื่องแรงจริงอะไรจริง :o
แต่บางทีการซื้อรถคันนึงก็มีองค์ประกอบหลายๆอย่าง ซึ่งความแรงการตอบสนองของเครื่องยนต์ก็เป็น 1 ในนั้น
...ผมเชื่อว่าหลายคน ปิ๊งรูปลักษณ์คนจากภายนอกก่อนอันดับแรก ไม่ว่า ช ญ หรือ ก และค่อยศึกษาดูใจกันภายหลัง ถ้า OK ก็ไปด้วยกันได้ดี
รถก็เหมือนกัน... สำหรับผม ถ้าปิ๊งที่รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ได้ใจไปก่อนเลย 50% อีก 50% ก็คงเป็นนิสัยของรถคันนั้นว่า OK ไหม
แต่บางที คนที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน(ไม่ได้สนรูปลักษณ์) แล้วเข้ากันได้ดีก็อาจมีโอกาศพัฒนาต่อไปเป็นคนรัก เปรียบกับรถ ถ้ามีข้อมูลส่วนที่ดีมากพอ แล้วมามองรูปลักษณ์ภายหลังว่ายอมรับได้ ก็คงตกลงปลงใจได้เหมือนกัน
ปล.ใน list ยังแอบมี G9 2.4 มารั้งท้ายไว้ด้วยแหนะ หึหึ
-
ต้องแยกให้ออก ในเรื่องของความแรง กับสมถรรณะโดยรวมด้วยนะครับ
ก่อนที่จะเอาไปเทียบกับ lexus is 320d หรือ 86
พี่จิมมี่เขาเทียบแค่ส่วนของการออกตัวและวิ่งทางตรง
เขาไม่ได้เทียบเวลารถวิ่งลอยตัว สัก 170-180 แล้วสมถรรนะรถเป็นยังไง มันเอามาเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมไม่ได้ เหมือนนั่ง lexus is ความเร็ว 180 รถมันยังเงียบและนิ่งกว่า cx5 หลายช่วงตัว
ถ้าเราจะเอาแค่แรง ใช้เงินสองแสน ซื้อ ae100 ลงเครื่อง 3s beam setbo ก็แรงกว่าเห็นๆแล้ว รถราคา ล้านสี่ โดนรถราคา 2 แสน ฉีกไม่เห็นฝุ่น ถ้าเราเทียบแค่ความแรงนะ
สรุปแล้ว อย่าเอารถคนละคลาสมาเทียบแค่ความแรงเลยครับ มันเทียบกันไม่ได้ cx-5 วิ่ง 140 เสียงลมก็ดังแล้ว ยิ่งเทียบกับรถเกรดพรีเมี่ยมอย่าง lexus is 320d หรือ 86 ยิ่งไม่ควรเทียบ
สมถรรนะรถมันต่างกัน
จริงๆ เค้าตั้งใจเทียบแค่ใน SUV น่ะครับ แต่บังเอิญ ตัวเลขมันออกมาดีจนแปลกใจ เค้าเลยลองเทียบๆ กับพวกรถพรีเมี่ยมให้ดูว่าตัวเลขขนาดนี้ จะแร่งประมาณไหนครับ เผื่อให้คนดูแล้วนึกภาพออก
-
ด้วยโครงsuv ถือว่าเร็วมาก แต่วัดจริงๆ อันดับในเว็บนี้ น่าจะอยู่ที่6-7 เพราะแพ้ 320I แคมรี่ไฮบริด เล็กซัสis300 ในช่วงเร่งแซง 80-120 เวลารวมๆ0-120 สูสี is250 520D 320D แต่ชนะ C E 250 แต่เพียงเท่านี้ ถ้าไม่คำนึงถึงแบรน หรือรูปทรง มองแค่อัตราเร่ง จิ้ม CX-5 ตัวเลือกแรกๆแน่ๆ แถมได้ราคาที่ประหยัดกว่าด้วย ขาดแค่มองแล้วไม่หรูเท่าแค่นั้นเอง
-
โดนทั้ง 0-100 , 80-120 เลยตรู :'(
suv อะไรนี่ อัตราเร่งดีจัง ;D
-
2.5 แรงดีใช้ได้ ที่นี่ก็ออก MC ซะที ไฟหน้าหล่อกว่านี้ ไฟท้ายเอาแบบ LED มา E85 ใส่มาดีไหม
สีดำ หรือ แดง ก็เอามาขายซะทีนะ
เคยไปลองดีเซล มันขึ้นไวกว่า Fortunner อีกครับ
ส่วน 2.5 ผิดคลาดๆจริงๆ นึกว่าจะไวกว่า 2.4 CRV แค่เล็กน้อยๆ :o น้ำหนักตัวก็ไม่ใช่ย่อยๆ
-
อ่านมาจากหนังสือรถเล่มนึง ทดสอบด้วยเครื่องมือ
ตัว 2.2 ดีเซล
0-100km/hr 8 วินาที ปลายๆ
0-402m 16.3 วินาที
แรงจริงๆ
-
;D ;D ;D ;D
เร็วกว่าผมจับเวลาเองอีก
-
ในบรรดา CX-5 ที่ขายในบ้านเราทุกรุ่น
ผมแอบคิดในใจว่าตัว 2.5 นี่ต้องไม่ธรรมดา
แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
อย่างงี้เครื่อง 2.5 ลิตร เกียร์ 6 สปีด ของ Camry ก็ต้องยอมถอยสินะ
-
Perfect car was born in Thailand !!!
แม่เจ้า ตัวก็ใหญ่ ยังเร็วกว่า 320d ที่เป็นเก๋ง เยี่ยมยอด
1,440,000 THB is the most reasonable
-
เครีอง2.5ประหยัดแบบนี้เทพไปแล้วครับอิอิกินพอๆกับรถชีดานทีไม่เกิน1.8ลิตรครับ
-
ผมรอ Gen 2 ละกันไม่ชอบภายในเท่าไร ไม่สมราคา ;D
-
คนที่เคยเหน็บแนมสกายแอคทีปจะทำหน้ายังไงหล่ะทีนี้ ???
นี้แหละครับ ฉายา บีเอ็มญี่ปุ่น << มันไม่ใช่แค่ดีไซน์ หรือการประกอบ แต่สมรรถนะ และ โดยรวม มันไต่ขึ้นไปแล้วจริงๆครับ
-
ผิดหวังกับความประหยัีดในเครื่อง 2.0 ไปเลย แม่เจ้า 2.5 โหดจริง จับยัดแก๊สฉีดตรงเลย555
-
ผมแปลกใจเหมือนกัน ที่ส่วนใหญ่ ให้ความตื่นเต้นกะ 0-100 มากเลย โอเคมันอาจจะดูตื่นตาตื่นใจ แต่เวลาขับกันจริงๆเนื่ย ที่ใช้ๆกันส่วนใหญ่ 60-140 นะครับ เพราะฉะนั้นเวลาดูอัตราเร่ง ผมจะดูแค่ 80-120 เพราะบางที 0-100 มันบอกอะไรน้อยมาก สังเกตุ 0-100 320d 9.2วิก็จริง แต่พอมาเป็น 80-120 กลับทำได้ 6.13 วิ ซึ่งเร็วพอสมควร เพราะฉะนั้น เวลาวิ่งจริงบนนถนนหลวง จริงๆ ยังไง 320d ก็ไปกันคนละเรื่องอยู่แล้ว แค่หลัง 120 ไป นี่ก็ ทิ้งขาดละครับ เหมือนๆกันกะ 328i ที่0-100 7.5วิมั้งถ้าจำไม่ผิด แต่พอเร่งแซง กลับมาไวกว่า GTI ซะอีก เพราะฉะนั้นในชีวิตจิงคงไม่มีใครบ้า กด 0-100 แข่งกันออกไฟแดง ทุกแยกหรอกครับ ส่วนใหญ่ผมเห็นแต่เต่าคลานออกไฟแดงกัน
ปล.แล้วยิ่งเป็น is300 นี่ 0-100 8.5 วิจริง แต่ 80-120 5.77 งี๊ มาวิ่งใส่กันจริงๆ ผมว่าตัวเลขในกระดาษ ขยำทิ้งไปได้เลย
-
เอาน่า ของเขาดีจริงในราคานี้ ก็ต้องยอมๆกันไปบ้าง
-
เอาน่า ของเขาดีจริงในราคานี้ ก็ต้องยอมๆกันไปบ้าง
อ่าของเขาดีจริงครับ ผมก็เทสมาแล้ว ก็พอรู้อยู่แล้วว่า อัตราเร่งราวๆ นี้ ช่วงล่างก็โอเคสำหรับ SUV แต่ผมว่าพวงมาลัยอยากจะได้หนืดกว่านี้หน่อย กับเบาะที่กระชับขึ้น แต่ลองสังเกตุรถ พรีเมี่ยมหลังๆดูนะครับ ถ้าฝั่งยุโรป 0-100 ที่อยู่ในโปรชัวร์ส่วนใหญ่ จะเทสโดยการทำ lunch control ซึ่ง bmw ก็มีวิธีทำ แต่ไม่รู้ว่ารถที่เข้าไทย ล้อคไว้รึเปล่า แล้วพอมาเทสออกตัว แบบปกติ กลายเป็นว่า ตอบสนองตอนต้นช้ามากพอสมควร อาจจะเนื่องจากแรงบิดเยอะเลยต้องปรับให้ช้าไว้หน่อยหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คันเร่ง BMW กะ benz ค่อนข้างตอบสนองช้า ถ้าอยู่ในโหมด D ครับ ตอบสนองช้าและต้องลงคนเร่งหนักพอสมควร อันนี้ผมเทียบน้ำหนักคันเร่งระกว่าง GTi กะx6 แล้วก็ 5 series ที่บ้านนะครับ บอกตามตรง คันเร่ง คาราเวล ยังให้ความรู้สึกว่าตอบสนองไวกว่า x6กะseries 5 ซะอีก ติดแค่ที่ว่า คาราเวล จะอืดกว่าเยอะเลย ครับ
-
เข้ามา กรี๊ดดดดดดดด ด้วยคนคับ
-
อ่านคอมเม้นไปๆมาๆ เริ่มมันส์ ;D
-
โอ้ว ผิดคาดแฮะ
ตอนไปลอง2.5คิดว่ามันแรงสัก9วิ
ที่แปลกใจคือตอนลองเทียบกับForester Xtผมกับแฟนรู้สึกว่าforesterแรงกว่าทั้ง2.5ทั้งดีเซล2.2
แต่ตัวเลขวัดออกมาตรงกันข้าม
น่าชื่นชมมาสด้าครับ
ผมนึกว่าจะทำSkyactiveเน้นแรงกับการตอบสนอง ส่วนเรื่องปรัหยัดขอแค่เท่าเจ้าตลาดก็ไม่น่าเกลียดถ้าแรงกว่า
นี่เล่นประหยัดจน ยุโรปดีเซลมีค้อน ขอยกนิ้วให้มาสด้าครับ
ขอศูนย์บริการดีๆ งานประกอบดีๆ อีกสักห้าปี มีโปรดักดีๆต่อเนื่อง
ถ้าเอา6มา ต่อด้วยเปิดตัว2ตัวใหม่โดนๆmx5ใหม่NDเบาหวิวเครื่องเล็กแต่แรงกว่า86 มาสด้าคงได้ผงาดมาเป็น ซามูไรตัวแสบในตลาดโลกได้ซะที
เป็นกำลังใจให้ครับ เด๋วขอเมียซื้อคันนึงเลยไม่3ก็Cx5
-
สะ....สุดยอด ตัวเลขที่ได้โหดมากๆ
-
มารอเชียร์2.2ดีเซลต่อ
เท่าที่ลองผมว่า0-100อาจดีกว่าแต่ไม่ถึงเลข7วิไดสัก8ต้นๆ
แต่80-120นี่ต้องดีกว่าสักวิ นึง
เพราะแรงบิดมันมาดีต่อเนื่องมากๆ.
ฟิลลิ่งดีเซลขับสบายกว่าเบนซินมากกดนิดเดียวมาไหลๆเลย
ส่วนเรื่องประหยัดให้ดีกว่าสัก0.5โล/ลิตร
รอลุ้นต่อครับ
-
ถ้าเครื่อง 2.5 ใน CX5 มาอยู่ใน Mazda3 คงจะมันส์น่าดู
-
คงต้องย้ำเตือนกันว่า CX-5 2.5 Skyactiv-G ราคา 1.44 ล้าน
แต่ทำผลงานได้ดีขนาดนี้ พื้นฐานเป็น SUV ตัวถังต้านลมกว่า Saloon/Hot Hatch
ที่เอาตัวเลขเทียบข้าม Segment มาให้ดู สำหรับคนนึกภาพไม่ออก จะได้มองชัดขึ้น
ว่าตัวเลขนี้ใกล้เคียงคันไหนบ้าง ผมก็เขียนไว้ชัดเจน แต่หลายๆท่านกลับออกนอกประเด็นไปไกล
คราวหลังผมคงจะทำมาให้ดูเท่าที่มันควรจะเป็นดีกว่า ไม่อยากอ่านดราม่า
-
ยังไงมันก็เป็นรถญี่ปุ่นธรรมดาน่ะครับ จะเอาไปเทียบกับญี่ปุ่นพรีเมียมหรือยุโรบมันก็ไม่ได้หรอก ยังไงมันก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ถ้ามองในภาพรวมของคนทั่วไปจะมีสักกี่คนครับที่สามารถซื้อรถพวกนั้นได้
มีเงินดาวน์นิดหน่อยผ่อนนิดๆก็สามารถมีรถ SUV โรงงานตลาดๆแรงๆได้ แต่ถึงจะแรงยังไงถ้าเห็นรถยุโรบขับตามหลังมาผมก็ไม่สู้อยู่แล้วครับ
แต่ถ้าเห็นรถทั่วๆไปที่มีโอกาสพบเจอมากกว่ามากๆนั้น มันเป็นอีกความรู้สึกน่ะครับว่ามันไม่น้อยหน้าใคร
เอาอัตราเร่งกับท็อปสปีด Mazda6 2.5AT มาให้ชมครับ อากาศค่อนข้างเย็น
Mazda 6 2013 2.5 AT top speed and acceleration (http://www.youtube.com/watch?v=faHmSyUb9h8#ws)
-
โหดโดยไม่ง้อ CVT
ขอคำนับครับ ชาว Hiroshima ทั้งหลาย
-
แล้วเจ้า Mazda3 2.5 SP จะไม่โหดกว่านี้เรอะ โหยๆแรงพอๆกับรถยุโรปเลย
-
0-100 & 80-120 ของ CX-5 ตัวเลขแทบจะเท่ากัน และประหยัดน้ำมันกว่า 1 km/L เมื่อเทียบกับ BENZ E250 CGI coupe & C250 CGI เลยทีเดียว
แต่ !!!! อย่าลืมว่า CX-5 เป็น SUV ที่ตัวถัง + รูปทรง เป็นอุปสรรคกว่า BENZ E250 CGI coupe & C250 CGI ที่เป็น Sedan & Coupe ที่ต้านลมน้อยกว่า
-
ผมลอง 2.2D กับ2.5G ยอมรับเลยว่า 2.5G ขับได้ไหลลื่นเป็นธรรมชาติกว่า
แต่ผมจอง2.2D นะ อยากได้ดีเซล อยากได้AWD
-
สุดยอดดดดด หลังจากบททดสอบนี้เผยแพร่ออกไป ผมว่ายอดจองรุ่น 2.5 อาจจะมากขึ้น และ 2.2 อาจจะน้อยลง
ออกความเห็นเรื่อง อัตราเร่ง ช่วง 80 - 120 นิดนึงครับ cx5 เป็น SUV ช่วงความเร็วดังกล่าว แรงต้านอากาศต้องมีมากกว่ารถเก๋งปกติอยู่แล้ว ดังนั้นตัวเลขอัตราเร่งจะด้อยกว่าก็ไม่แปลก ถึงแม้ว่าช่วง 0-100 จะทำได้ดีกว่าก็ตาม แต่ยังไงก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วละครับ
-
ความแรงเกินราคารถ อยากได้จังเลย
-
บ้ามากๆ นี่เอ็งเป็น SUV นะเว่ยยยยย
ps.
ทีมงานครับอดคิดไม่ได้จิงๆ พอจะมีคันอื่นลองเอามาจับเวลาดูมั้ยครับ
SUV คันใหญ่ ล้อ 19 นิ้ว เครื่อง NA 190ps torque 200กลางๆ nm (จำตัวเลขไม่ได้)
น้ำหนักตันครึ่งตามโบรชัวร์ แต่เอาเข้าจริงคงเกือบสองตัน เกียร์ 6สปีดรีวิวต่างประเทศก็มักจะคอมเม้นว่าไม่ฉลาด
ไฉนเลยจับตัวเลขแล้วมันดีถึงเพียงนี้ ตะลึงจริงๆ
-
เห็นตัวเลขแล้วถ้าใครบอกว่าอืดคงต้องไปซื้อเฟอร์รารี่ล่ะครับ 555555
-
ผมใช้ตัวดีเซลอยู่..ชอบการดึงของมันมากๆ ชอบมากกว่า 2.5 เบนซินอีก เพราะขับดีเซลแล้วรู้สึกว่ามันแน่นกว่าอะครับ (อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักของตัวรถที่มี AWD)
CX-5 เครื่องยนต์ดี เกียร์ดี แต่งานประกอบยังแย่อยู่นะครับ ซื้อกันเยอะก็คงมีปัญหาตามมาเยอะแน่ๆ ตามไปอ่านในคลับได้ครับ
ของผมเจอเองวันนี้ล้างรถ..ตอนเช็ดแห้ง..เห็นมีน้ำในช่องไฟถอย สูงราวๆ 1 cm..พอเปิดประตูหลังขึ้นมันก็หยดลงระบายออกมากลายเป็นปกติ
อีกเรื่องนึง การเก็บเสียง เก็บมันทุกเสียงเข้ามาในรถหมดเลย แย่สุดคือเสียงฝนตกใส่หลังคา มันดัง แบบแสบมากๆครับ เปรี๊ยะๆๆ ดังจนผมต้องไปเสียเงินแดมป์เก็บเสียง..ตอนนี้ตกมาเถอะหนักแค่ไหนก็ไม่รู้สึก : )
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/t1.0-9/1517637_10152034239357073_6983488516547149866_n.jpg)
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/t1.0-9/10306563_10152034239527073_562896163248274077_n.jpg)
-
2.2 คงไม่ต่าง อาจจะด้อยกว่าด้วยซ้ำ
แต่ตัวเลขประหยัดน้ำมัน เห็นผลแน่นอน
-
ผมใช้ตัวดีเซลอยู่..ชอบการดึงของมันมากๆ ชอบมากกว่า 2.5 เบนซินอีก เพราะขับดีเซลแล้วรู้สึกว่ามันแน่นกว่าอะครับ (อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักของตัวรถที่มี AWD)
CX-5 เครื่องยนต์ดี เกียร์ดี แต่งานประกอบยังแย่อยู่นะครับ ซื้อกันเยอะก็คงมีปัญหาตามมาเยอะแน่ๆ ตามไปอ่านในคลับได้ครับ
ของผมเจอเองวันนี้ล้างรถ..ตอนเช็ดแห้ง..เห็นมีน้ำในช่องไฟถอย สูงราวๆ 1 cm..พอเปิดประตูหลังขึ้นมันก็หยดลงระบายออกมากลายเป็นปกติ
อีกเรื่องนึง การเก็บเสียง เก็บมันทุกเสียงเข้ามาในรถหมดเลย แย่สุดคือเสียงฝนตกใส่หลังคา มันดัง แบบแสบมากๆครับ เปรี๊ยะๆๆ ดังจนผมต้องไปเสียเงินแดมป์เก็บเสียง..ตอนนี้ตกมาเถอะหนักแค่ไหนก็ไม่รู้สึก : )
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/t1.0-9/1517637_10152034239357073_6983488516547149866_n.jpg)
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/t1.0-9/10306563_10152034239527073_562896163248274077_n.jpg)
โหหห..จัดเต็มเลยครับ มันดังขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่น่าเชื่อจะมาตกม้าตายเรื่องการเก็บเสียงขนาดนี
2.2D 0-100 เดายากหละว่าจะเร็วหรือช้ากว่า 2.5 มันมาทำตัวเลขซะแบบนี้
แต่อัตราสิ้นเปลือง 2.2D น่าจะอยู่ระดับ 17.5-18 กม./ลิตร
-
ผมได้ลอง 2.5 และ 2.2D ขออนุญาติแชร์ "ความรู้สึก" ที่ได้จากการเปรียบเทียบ
ต้องบอกว่า ตัวเลขอัตราเร่ง ไม่ได้แปรผันตรงกับความสนุกเสมอไป
2.5 อาจจะ "เร็วกว่า" ในแง่ของตัวเลข แต่เวลาขับ เราไม่ได้เอานาฬิกาไปจับเวลาทุกครั้งที่ขับ ตรงกันข้าม...เราไม่สามารถหนีความรู้สึกต่างๆที่เราได้รับจากตัวรถที่เรากำลังขับอยู่ได้
2.2D อัตราเร่ง 0-100 , 80-120 เร็ว หรือ ช้ากว่า ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าพอผมกดคันเร่งแล้วแรงบิดมันล้นทะลักออกมา รถมันดึงหนักและพุ่งดีดตัวออกไป มันให้ความรู้สึกฮึกเหิมและมีอำนาจมากกว่า 2.5 อยู่พอควร ในขณะที่ตัว 2.5 ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและต่อเนื่องกว่าเพราะมันไม่มีเทอร์โบ ไม่มี Lag ของคันเร่ง กดปุ้บมาปั้บ ดึงเบาๆ ยาวๆ ลื่นๆ แต่มันขาดความเร้าใจที่ได้จากแรงบิด....นี่แหละที่เบนซิน N/A ให้ไม่ได้
แค่ความรู้สึกที่ได้รับตรงนั้นแค่อย่างเดียวก็อาจทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนไปได้--อารมณ์มันเข้าชนะเหตุผลหรือตัวเลข
เช่นเดียวกัน....คนขับ CX-5 อาจจะแซงคนขับ 86 แบบไม่เห็นฝุ่น เค้าก็เลยมองไม่เห็นว่าคนขับ 86 กำลังยิ้มกว้างกว่า เพราะกำลังสนุกกับการบาลานซ์ 86 อยู่ในโค้งซึ่งรถ FR ดีๆเท่านั้นที่จะให้ความรู้สึกดีๆแบบนั้นได้....โดยไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วๆ
-
เอาน่า ของเขาดีจริงในราคานี้ ก็ต้องยอมๆกันไปบ้าง
อ่าของเขาดีจริงครับ ผมก็เทสมาแล้ว ก็พอรู้อยู่แล้วว่า อัตราเร่งราวๆ นี้ ช่วงล่างก็โอเคสำหรับ SUV แต่ผมว่าพวงมาลัยอยากจะได้หนืดกว่านี้หน่อย กับเบาะที่กระชับขึ้น แต่ลองสังเกตุรถ พรีเมี่ยมหลังๆดูนะครับ ถ้าฝั่งยุโรป 0-100 ที่อยู่ในโปรชัวร์ส่วนใหญ่ จะเทสโดยการทำ lunch control ซึ่ง bmw ก็มีวิธีทำ แต่ไม่รู้ว่ารถที่เข้าไทย ล้อคไว้รึเปล่า แล้วพอมาเทสออกตัว แบบปกติ กลายเป็นว่า ตอบสนองตอนต้นช้ามากพอสมควร อาจจะเนื่องจากแรงบิดเยอะเลยต้องปรับให้ช้าไว้หน่อยหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คันเร่ง BMW กะ benz ค่อนข้างตอบสนองช้า ถ้าอยู่ในโหมด D ครับ ตอบสนองช้าและต้องลงคนเร่งหนักพอสมควร อันนี้ผมเทียบน้ำหนักคันเร่งระกว่าง GTi กะx6 แล้วก็ 5 series ที่บ้านนะครับ บอกตามตรง คันเร่ง คาราเวล ยังให้ความรู้สึกว่าตอบสนองไวกว่า x6กะseries 5 ซะอีก ติดแค่ที่ว่า คาราเวล จะอืดกว่าเยอะเลย ครับ
ถ้าจะพูดเรื่องชีวิตจริง ตัวเลขอัตราเร่งย่านไหนก็ขยำกระดาษทิ้งไปได้ครับ เพราะไม่มีใครกดคันเร่งมิดเท้าทุกครั้งอยู่แล้ว
ตัวเลขการทดสอบพวกนี้เอาไว้ให้พออ้างอิงได้ว่าอัตราเร่งในช่วงเดียวกัน ตัวแปรคล้ายคลึงกัน รถคันไหนไปได้ไวกว่าก็พอครับ
และที่มันมี 0-100 และ 80-120 ก็มีเหตุผลของมัน
เพราะ 80-120 เป็นช่วงที่ใช้ส่วนใหญ่บนไฮเวย์ครับ คือความเร็วที่ตอนที่ตามหลังรถช้าแล้วกระชากแซงหน้าขึ้นไป
แต่สำหรับคนใช้งานในเมือง 0-100 คือจุดที่ใช้บ่อยกว่า เพราะมันคืออัตราเร่งตอนออกตัว ตอนมุดไปมุดมาในเมือง
และคงไม่มีใครกดเข้า Launch Control เพื่อออกตัวจากแยกไฟแดงทุกครั้งจริงมั้ยครับ
ส่วนโหมดควบคุมอาหารกลางวัน อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นสำหรับคนหรือรถ ;D
-
ผมเสียดายที่มันไม่ใช่ 7 ที่นั่ง
อื่นๆ ดีแล้ว พอแล้ว อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง เท่านี้รับได้ครับ
-
ผมได้ลอง 2.5 และ 2.2D ขออนุญาติแชร์ "ความรู้สึก" ที่ได้จากการเปรียบเทียบ
ต้องบอกว่า ตัวเลขอัตราเร่ง ไม่ได้แปรผันตรงกับความสนุกเสมอไป
2.5 อาจจะ "เร็วกว่า" ในแง่ของตัวเลข แต่เวลาขับ เราไม่ได้เอานาฬิกาไปจับเวลาทุกครั้งที่ขับ ตรงกันข้าม...เราไม่สามารถหนีความรู้สึกต่างๆที่เราได้รับจากตัวรถที่เรากำลังขับอยู่ได้
2.2D อัตราเร่ง 0-100 , 80-120 เร็ว หรือ ช้ากว่า ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าพอผมกดคันเร่งแล้วแรงบิดมันล้นทะลักออกมา รถมันดึงหนักและพุ่งดีดตัวออกไป มันให้ความรู้สึกฮึกเหิมและมีอำนาจมากกว่า 2.5 อยู่พอควร ในขณะที่ตัว 2.5 ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและต่อเนื่องกว่าเพราะมันไม่มีเทอร์โบ ไม่มี Lag ของคันเร่ง กดปุ้บมาปั้บ ดึงเบาๆ ยาวๆ ลื่นๆ แต่มันขาดความเร้าใจที่ได้จากแรงบิด....นี่แหละที่เบนซิน N/A ให้ไม่ได้
แค่ความรู้สึกที่ได้รับตรงนั้นแค่อย่างเดียวก็อาจทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนไปได้--อารมณ์มันเข้าชนะเหตุผลหรือตัวเลข
เช่นเดียวกัน....คนขับ CX-5 อาจจะแซงคนขับ 86 แบบไม่เห็นฝุ่น เค้าก็เลยมองไม่เห็นว่าคนขับ 86 กำลังยิ้มกว้างกว่า เพราะกำลังสนุกกับการบาลานซ์ 86 อยู่ในโค้งซึ่งรถ FR ดีๆเท่านั้นที่จะให้ความรู้สึกดีๆแบบนั้นได้....โดยไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วๆ
ใช่เลยครับ ตามนั้นจริงๆ
-
ผมได้ลอง 2.5 และ 2.2D ขออนุญาติแชร์ "ความรู้สึก" ที่ได้จากการเปรียบเทียบ
ต้องบอกว่า ตัวเลขอัตราเร่ง ไม่ได้แปรผันตรงกับความสนุกเสมอไป
2.5 อาจจะ "เร็วกว่า" ในแง่ของตัวเลข แต่เวลาขับ เราไม่ได้เอานาฬิกาไปจับเวลาทุกครั้งที่ขับ ตรงกันข้าม...เราไม่สามารถหนีความรู้สึกต่างๆที่เราได้รับจากตัวรถที่เรากำลังขับอยู่ได้
2.2D อัตราเร่ง 0-100 , 80-120 เร็ว หรือ ช้ากว่า ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าพอผมกดคันเร่งแล้วแรงบิดมันล้นทะลักออกมา รถมันดึงหนักและพุ่งดีดตัวออกไป มันให้ความรู้สึกฮึกเหิมและมีอำนาจมากกว่า 2.5 อยู่พอควร ในขณะที่ตัว 2.5 ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและต่อเนื่องกว่าเพราะมันไม่มีเทอร์โบ ไม่มี Lag ของคันเร่ง กดปุ้บมาปั้บ ดึงเบาๆ ยาวๆ ลื่นๆ แต่มันขาดความเร้าใจที่ได้จากแรงบิด....นี่แหละที่เบนซิน N/A ให้ไม่ได้
แค่ความรู้สึกที่ได้รับตรงนั้นแค่อย่างเดียวก็อาจทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนไปได้--อารมณ์มันเข้าชนะเหตุผลหรือตัวเลข
เช่นเดียวกัน....คนขับ CX-5 อาจจะแซงคนขับ 86 แบบไม่เห็นฝุ่น เค้าก็เลยมองไม่เห็นว่าคนขับ 86 กำลังยิ้มกว้างกว่า เพราะกำลังสนุกกับการบาลานซ์ 86 อยู่ในโค้งซึ่งรถ FR ดีๆเท่านั้นที่จะให้ความรู้สึกดีๆแบบนั้นได้....โดยไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วๆ
เมื่อคืนนี้เล่นเกมGT5เพิ่งผ่านความรู้สึกนี้มาเองครับ สนาม super car ผมใช้ aventador SV ทางตรงยาวๆโดนคันอื่นแซงขาดกระจุยเพราะความเร็วสู้เค้าไม่ได้ แต่เข้าโค้งเมื่อไหร่ฮ่าๆๆๆๆๆหลบไปๆเบบี๋ทั้งหลาย มัวชักช้าเกะกะอะไรในโค้ง? super veloce มาแล้วววววว ยิ่งโค้งต่อเนื่องยิ่งมันส์พะยะค่ะ ;D
-
เข้ามารอ 2.2 ต่อเป็นกระทู้ที่ 2
-
ตัวเลขออกมาเบบนี้โหดมากครับ
-
^^ ตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกซื้อ CX5 2.5 ครับ
แต่เรียนตามตรง ก่อนจะซื้อ 2.5 ได้ลองแต่ 2.2D / 2.0 ผมก็รู้สึกว่าตัว 2.2 แรงกว่า (ตามความรู้สึกนะครับ) มันแรงจริงๆครับ แป๊บเดียวถึง 160 เลย แต่รถรอนานไม่มีกำหนดเลย เสร็จเจ้า 2.5 ตัวนี้ไปแทน
อัตราเร่ง 2.5 พอเพียงต่อการใช้งานแบบเหลือๆครับ ขับใช้งานทั่วๆไปก็ประหยัดใช้ได้ครับ 10-13 กิโลลิตร E20 ล้วนๆ
สรุป เป็น mazda คันแรกที่ได้ใช้ แต่ประทับใจมากครับ เรื่อง defect ต่างๆ คงมีบ้างตามปกติ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เกินรับได้ครับ
-
ผมชอบ 2.5 มากกว่า 2.2D ตอนลองรู้เลยว่ามันแรงแทบไม่ต่างกัน แต่ 2.5 ลากได้อารมณ์ ส่วน 2.2D ขับเรื่อยๆสนุกกว่าแตะเบาๆดึงอย่างโหด
แต่ 2.0 โหดกว่าตรงที่วิ่งชิลๆตจว. ได้ 17-20 โลลิตร โดยไม่ต้องใช้ CVT ให้เสียอารมณ์
สำหรับคนงบน้อยอย่างผมถ้าจะออกคงไป 2.0 ขอเก็บเงินไว้เติมน้ำมันละกันครับ
-
ปรบมือให้มาสด้ารัวๆๆๆๆ
-
ผมแปลกใจเหมือนกัน ที่ส่วนใหญ่ ให้ความตื่นเต้นกะ 0-100 มากเลย โอเคมันอาจจะดูตื่นตาตื่นใจ แต่เวลาขับกันจริงๆเนื่ย ที่ใช้ๆกันส่วนใหญ่ 60-140 นะครับ เพราะฉะนั้นเวลาดูอัตราเร่ง ผมจะดูแค่ 80-120 เพราะบางที 0-100 มันบอกอะไรน้อยมาก สังเกตุ 0-100 320d 9.2วิก็จริง แต่พอมาเป็น 80-120 กลับทำได้ 6.13 วิ ซึ่งเร็วพอสมควร เพราะฉะนั้น เวลาวิ่งจริงบนนถนนหลวง จริงๆ ยังไง 320d ก็ไปกันคนละเรื่องอยู่แล้ว แค่หลัง 120 ไป นี่ก็ ทิ้งขาดละครับ เหมือนๆกันกะ 328i ที่0-100 7.5วิมั้งถ้าจำไม่ผิด แต่พอเร่งแซง กลับมาไวกว่า GTI ซะอีก เพราะฉะนั้นในชีวิตจิงคงไม่มีใครบ้า กด 0-100 แข่งกันออกไฟแดง ทุกแยกหรอกครับ ส่วนใหญ่ผมเห็นแต่เต่าคลานออกไฟแดงกัน
ปล.แล้วยิ่งเป็น is300 นี่ 0-100 8.5 วิจริง แต่ 80-120 5.77 งี๊ มาวิ่งใส่กันจริงๆ ผมว่าตัวเลขในกระดาษ ขยำทิ้งไปได้เลย
ผมก็คงเป็นคนส่วนใหญ่ละมั้ง
ซื้อรถก็จะดู 0-100 มากกว่า 80-100
เพราะจากบ้าน ไปที่ทำงานแทบขับไม่เกิน 100 เดี๋ยวนี้รถมันเยอะเหลือเกิน :-\ คลานไป คลานไป
-
ตอนแรกดูออปชั่น 2.0s กับ 2.5 ต่างกันแค่เครื่องกับแม็ก
ตอนนี้รู้ละว่าแค่เครื่องก็ชวนให้ลังเลจริงๆ 8.5 วิ ใน compact SUV มันช่างน่าลิ้มลอง
-
เท่าที่เคยลอง 2.5 กับ 2.2
2.5 จะแรงแบบสมูท
2.2 จะแรงแบบดึงเป็นบางช่วง
แต่ส่วนตัวชอบความแรงแบบ 2.5 มากว่า
-
เออ... นี่เรากำลังพูดถึง SUV กันอยู่ใช่มั้ยครับ?
แล้วแรงขนาดนี้ เป็นผม ผมก็อยากได้ เผื่อเอาไว้กดคันเร่งสนุกๆ
จะมาบอกว่าแค่ตัวเลข มันเอาไปวัดในชีวิตจริงไม่ได้หรอก ... แหม่
นี่ SUV ครับ ... เข้าใจตรงกันนะ
-
(http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php?action=dlattach;topic=38260.0;attach=39253;image)
ดูแรงม้าแล้วไม่แปลกใจเลย ทำไมมันถึงได้แรงทะลุไป 8 วิแบบนั้นครับ
พอๆ กับเครื่อง V6 3.0 สมัยก่อนเลยครับ
ผมว่าเครื่องตัวนี้ไปอยู่ใน มาสด้า 3 จะเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ;D
-
ผมแปลกใจเหมือนกัน ที่ส่วนใหญ่ ให้ความตื่นเต้นกะ 0-100 มากเลย โอเคมันอาจจะดูตื่นตาตื่นใจ แต่เวลาขับกันจริงๆเนื่ย ที่ใช้ๆกันส่วนใหญ่ 60-140 นะครับ เพราะฉะนั้นเวลาดูอัตราเร่ง ผมจะดูแค่ 80-120 เพราะบางที 0-100 มันบอกอะไรน้อยมาก สังเกตุ 0-100 320d 9.2วิก็จริง แต่พอมาเป็น 80-120 กลับทำได้ 6.13 วิ ซึ่งเร็วพอสมควร เพราะฉะนั้น เวลาวิ่งจริงบนนถนนหลวง จริงๆ ยังไง 320d ก็ไปกันคนละเรื่องอยู่แล้ว แค่หลัง 120 ไป นี่ก็ ทิ้งขาดละครับ เหมือนๆกันกะ 328i ที่0-100 7.5วิมั้งถ้าจำไม่ผิด แต่พอเร่งแซง กลับมาไวกว่า GTI ซะอีก เพราะฉะนั้นในชีวิตจิงคงไม่มีใครบ้า กด 0-100 แข่งกันออกไฟแดง ทุกแยกหรอกครับ ส่วนใหญ่ผมเห็นแต่เต่าคลานออกไฟแดงกัน
ปล.แล้วยิ่งเป็น is300 นี่ 0-100 8.5 วิจริง แต่ 80-120 5.77 งี๊ มาวิ่งใส่กันจริงๆ ผมว่าตัวเลขในกระดาษ ขยำทิ้งไปได้เลย
ผมก็คงเป็นคนส่วนใหญ่ละมั้ง
ซื้อรถก็จะดู 0-100 มากกว่า 80-100
เพราะจากบ้าน ไปที่ทำงานแทบขับไม่เกิน 100 เดี๋ยวนี้รถมันเยอะเหลือเกิน :-\ คลานไป คลานไป
เหมือนกันเลยครับ ความเร็วเกิน 100 นี่ นานๆได้ใช้ที ตอนขึ้นพวกทางด่วนดอนเมือง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเร่งอะไรแรงอยู่แล้ว ค่อยๆเร่งก็ได้
แต่ช่วงในเมือง แถวๆ 40 - 80 ใช้ตลอดเลยครับ (เลยติดใจกับมาสด้า 2 ต้นมันจี๊ดดี และไม่ชอบเกียร์ Dual Clutch ไปซะงั้น เพราะออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง อืดมาก) >_<