Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: VTEU ที่ พฤษภาคม 07, 2014, 16:45:24
-
Honda Jazz GE 2011 วิ่งมา 60,000 กม.
โดยทั่วไปแล้วใช้งาน จ-ศ วันละ 70-80 กม. อาจมีแว้ปไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อตอนเย็น หรือ ส-อ ใน ตัวเมือง บ้าง แต่ส่วนใหญ่ใช้งานในแถบปริมณฑล
ขับไม่เร็ว เท้าไม่หนัก ไม่ค่อยเค้นรถ เฉลี่ยที่ 90-100 กม/ชม สูงสุดที่เคยขับคันนี้ 140 กม/ชม แต่ไม่แน่อาจเท้าหนักขึ้นถ้าติดแก็ส เพราะใช้น้ำมันกลัวเปลือง ฮ่าๆ
ก่อนหน้านี้เคยคิดจะขาย เพื่อหารถมือสองที่ใหญ่ขึ้นมาติดแก็ส แต่สุดท้ายรับไม่ได้กับราคาขายต่อ กลัวปัญหามากมายจากรถมือสอง ไม่มีเวลาและกำลังพอที่จะซ่อม ก็เลยจบโครงการไป และยังรับได้กับค่าน้ำมัน รวมทั้งตัวรถเองก็ยังอยู่ในระยะรับประกันศูนย์ ก็เลยยังไม่ติด แต่ปัจจุบันระยะรับประกันหมดแล้ว
ได้ศึกษาเรื่องติดแก็สจากในคลัป Honda Jazz มาบ้าง เรื่องผลจากการติดตั้ง ค่าอะไหล่ ค่าบำรุงรักษา วิธีใช้งานที่ควร สถานที่และยี่ห้อ ไม่แน่ใจว่าโฆษณาแอบแฝงด้วยรึเปล่า แต่เท่าที่เห็นผลตอบรับหลังการติดตั้งของผู้ใช้ดีๆหน่อย ตัดเหลือ 2 ยี่ห้อ คือ AC Autogas กับ Energy Reform กะว่าใช้อีก 3-4 ปี แล้วค่อยขาย
ด้วยตอนแรกกำหนดงบเบ็ดเสร็จ ไม่เกิน 30,000 บาท มีบวก ลบ ดูเป็น LPG หัวฉีด ถังโดนัท ได้ความรู้เรื่องร้านจากในคลัป ที่ผลตอบรับดี ดูแลก่อน หลังติดตั้งดีและที่สำคัญใกล้บ้าน คือ ร้าน Thai___car ถนนปู่เจ้าสมิงพราย แต่ก็ยังอยากได้ความเห็นจากสมาชิกในเวปนี้ด้วยว่าร้านโอเคไหมครับ
ปัญหาที่ 2 ที่อยากให้ช่วยตัดสินใจคือ ด้วยตัวรถ รุ่น เครื่องยนต์ พฤติกรรมการใช้รถ แบบที่ได้ว่ามาข้างบน ควรจบและเหมาะที่จะติดตั้งแก๊ส ยี่ห้อ รุ่น ไหนครับ ที่มองๆไว้ราคาไล่เลี่ยกันคือ
1. AC Autogas Stag-300 ISA2 ราคารวม 31,500 บาท
2. AC Autogas Stag-300 4Qbox ราคารวม 29,500 บาท
3. AC Autogas Stag4Eco ราคารวม 27,500 บาท
4. Energy Reform Fast Tech Premium ราคารวม 30,500 บาท
5. Energy Reform Fast Tech Pro ราคารวม 27,500 บาท
หรือควรกระโดด เพิ่มงบไปเล่น OBD ของ Energy Reform ไปเลย ราคารวม 35,500 บาท ส่วนเงินที่เพิ่ม 4,000-8,000 บาท มีค่าสำหรับผมครับ หากมันเกินความจำเป็น แต่ถ้าเพิ่มแล้วคุ้มกับสิ่งที่ได้มา ทั้งระยะสั้น ระยะยาว ก็ยินดีเพิ่มได้ครับ
ช่วยแชร์ข้อมูล และจิ้มให้ทีครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
ผมกำลังเล็ง Europegas obd ครับ ถังโดนัทหัวฉีด hana 32000 บาท เท่าที่ถามช่างที่เป็นเพื่อนกัน บอกเน้นหัวฉีดที่จ่ายแม่น หม้อต้มที่แรวดันนิ่งๆครับ กับช่างที่จูนเก่ง
ผมเลยยังเลือกมะได้ซักที่กำลังเลือก ac ตัว 4eco ไม่ก็ ac 4 plus ครับแล้วอัพหัวฉีดเอา มันก็ประหยัดเงินไปอีกกับชุดของ Europegas ครับ
ส่วน energy ผมว่าราคาแรงไป
พี่ชายผมเอา crv2.4 ไปติดชุด Europegasมาก็แจ่มดีครับ แรงไม่ตก ประหยัดด้วย คุ้ม
เพราะชุดทั่วไป หัวฉีดสีแดง valtex..มันสู้ hana มะได้ครับ
-
ถ้าอีก 3-4 ปี จะขายต่อลองคำนวนดูว่ารถติดแก้ส กับไม่ติดแก้สราคาต่างกันมากไหมตอนขาย ถ้าไม่มากก็ติดเลยครับแนะนำ AC
-
เลือกข้อ 2 พอครับ อู่ใกล้บ้าน จูนเก่งก่อน หากมีสองตัว ไม่ต้องข้ามไปโอบีดีหรอก
หัวฉีด หากจัดเพิ่มได้ ก็เลือกของ ฮานา หรือบาราคูด้า(ของเอซีเอง) ผมใช้ตัวหลัง กับ saab 93 ss 2.3T ตอบสนองดีมาก...
-
ที่บ้านมีทั้ง2ยี่ห้อครับ. AcติดCamryโฉมปจบ. Energyติดcrv g3 เครื่อง2.0ทั้งคู่
AC ตั้งแต่ติดไม่เคยมีปัญหาครับ ติดตัวstag-300 ใช่วิ่งยาว900กม.บ่อย แม่ผมใช้เอง
Energy ตั้งจูนไม่นิ่งครับ ตอนนี้จูนรอบ3แล้ว เครื่องนิ่งแต่ไม่มีแรง ก่อนหน้าก็รอบสูงเกินเกียร์ไม่เปลี่ยน ติดตัวpremium น้องแฟนใช้
ส่วนตัวเชียร์ACตัวEcoครับ เพราะเหตุผลเรื่องการบำรุงรักษา ตั้งจูนง่าย อีกอย่างคือตัวแพงไม่ค่อยจำเป็นสำหรับเครื่องเล็กครับ ตัวแพงมักเน้นเรื่องแรงม้าเยอะๆ เช่น200+ แต่ถ้ารถเราไม่ถึงขนาดนั้นมองแทบไม่เห็นความต่างครับ
-
ac ระบบ software ดีสุดแล้ว
เจ้าของก่อนมาขาย ac ก็ขายมาหลายยี่ห้อ ก่อนมาจบที่ ac
software ทันสมัย จูนง่าย ฉลาด
มีปัญหามีช่างจาก ศูนย์ใหญ๋ มา service ให้เลย
-
ผมกำลังเล็ง Europegas obd ครับ ถังโดนัทหัวฉีด hana 32000 บาท เท่าที่ถามช่างที่เป็นเพื่อนกัน บอกเน้นหัวฉีดที่จ่ายแม่น หม้อต้มที่แรวดันนิ่งๆครับ กับช่างที่จูนเก่ง
ผมเลยยังเลือกมะได้ซักที่กำลังเลือก ac ตัว 4eco ไม่ก็ ac 4 plus ครับแล้วอัพหัวฉีดเอา มันก็ประหยัดเงินไปอีกกับชุดของ Europegas ครับ
ส่วน energy ผมว่าราคาแรงไป
พี่ชายผมเอา crv2.4 ไปติดชุด Europegasมาก็แจ่มดีครับ แรงไม่ตก ประหยัดด้วย คุ้ม
เพราะชุดทั่วไป หัวฉีดสีแดง valtex..มันสู้ hana มะได้ครับ
ผมใช้ europa obd อยู่ครับ แต่หัวฉีดเป็น kehin จบที่ 3.6 หมื่นบาท
ใช้แก๊สมาแสนกว่าโลแล้วถือว่าโอเคเลยครับ ระบบออโต้จูน ตั้งแต่ใช้มายังไม่เคยกลับเข้าไปให้อู่จูนซ้ำอีกเลย ตัวฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์เสถียรดีครับ ไม่พบปัญหาอะไร
ส่วนหัวฉีด kehin เสียงหัวฉีดมันจะดังหน่อย แต่ก็จ่ายเชื้อเพลิงได้แม่นยำดี
ถ้าจะติดของ Europa ผมเห็นร้าน j autogas เขาจัดชุดโปรโมชั่นอยู่นะครับ ราคาถูกกว่าของผมอีก
ส่วน จขกท. ผมว่าของ ac ก็เหมาะสุดแล้วครับ ส่วนถ้างบไม่พอเล่นรุ่น obd รุ่น eco ก็เพียงพอครับ เคยติดใน civic ตาเหยี่ยวก็ใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรครับ
-
ถ้าติดLPG แล้วจะวิ่งปีละ 4-60,000กม.ครับ ;D
ดูจากลักษณะการขับรถ เป็นแบบสามัญธรรมดา ไม่หวือหวา ไม่ซิ่ง
กับงบประมาณไม่เกิน3หมื่นบาท
หากไม่รังเกียจ ชุดแก๊ส สัญชาติแขกขาวตุรกี
แนะนำ Atiker
1)Safe Fast OBD2 โดนัท42ลิตร ราคา22,900
2)Nice Fast ISA โดนัท42ลิตร ราคา25,900
เพิ่มการจ่ายแก๊ส2ทาง ราคา1,500
หรือหากต้องการความแรงเพิ่ม ทำTAP (Timing Advance Processor) 3,500
ในราคา ไม่เกิน30,000บาท รองรับ ตอบสนองการใช้งานปกติของคุณได้ครับ
-
ผมเคยใช้แต่ AC กับ AG ครับ
ใช้งานง่ายและทนดีด้วยกันทั้งคู่
AC ติดกับตาเหยี่ยว ใช้ง่ายได้ดี จูนดีๆก็วิ่งแทบไม่รู้สึกความต่างกับใช้น้ำมันเลย แต่ใช้ไปไม่เยอะไม่เกิน7หมื่นโลก็ขายไปสะก่อน
AG ติดกับวีโก้ส่งของ2คัน กับ โซลูน่า1คัน ผมใช้คำว่าโครตทนไม่เคยเสียครับ ปัญหาจุกจิกไม่เคยมี มีแค่ตอนติดมาใหม่ๆหม้อต้มต้องเครมเพราะเสียมาแต่แรก 3คันนี้ใช้แก๊สมาเกิน 1xx,xxxกม. ทุกคัน
-
ตัวเลือกของคุณ เหมือนล๊อคยี่ห้อแล้วอะครับ
ส่วนตัวผม กำลังจะแนะนำ 2 ยี่ห้อนี้พอดี
บอกเลยว่า รุ่นไหนก็ได้ครับ
ถ้าขับช้า ไม่รุนแรง (เห็นขับไม่เกิน 140)
Stag4Eco ก็พอครับ
หลักๆคือ หาร้าน หาอู่แก๊สดีๆมากกว่า
ถ้าจูนแล้วจบ จูนไม่บางไป ดูแลดีๆ ยี่ห้อหรือรุ่นไม่สำคัญครับ
-
jazz ติดง่าย ยี่ห้อไหนก็ได้ เอาอู่ที่ใกล้บ้าน
ติดแก๊สต้องมีการดูแล เน้นการดูแลหลังการขายด้วย
ที่ไหนบอกติดแล้วไม่ต้องดูแล ให้ห่างไว้ครับ เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยต้องตรวจเช็ครอยรั่วทุกๆ 6เดือน
เหมือนการเช็คระยะรถ ก็ยังดี
;) ขอให้มีความสุขกับพลังงานที่ราคาถูกครับ
-
เข้ามาแนะนำ เนื่องจากเคยใช้ Jazz และก็ติดแก๊ส
ถ้าเน้นประหยัดไม่ต้องไปติดเลยคับ พวกตัว top เปลืองเปล่าๆ
เคยคุยกับช่างเก่งๆหลายคนบอกเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้ เทคโนโลยีทุกยี้ห้อ แทบไม่แตกต่าง
อยู่ที่ลูกเล่นและโฆษณาคับ ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ช่างติดตั้งและปรับจูน
ผมเท้าหนักกว่า จขกท. มาก ขับใกล้ Redline คลิกดาวน์หน้าหงาย กดสุดคันเร่งบ่อยๆ
ทนขับน้ำมันมา 3 ปี วิ่งไป 40000 โล
เปลี่ยนมาใช้แก๊ส ยี่ห้อแปลกๆ FOB.... ถังโดนัท 26000 บาท(ว่าแพงแล้วนะ)
เปลี่ยนใช้แก๊สปีเดียว วิ่งไป 50000 โล (ห้าหมื่นโล) เลยคับ วิ่งแค่ไม่กี่เดือนคืนทุนเลย
ไม่เคยงอแง ไม่เคยไปจูนเพิ่ม มีแค่เข้าไปเปลี่ยนกรองแก๊สมาครั้งเดียว
เออ แล้วก็ตอนวิ่งแก๊สไปครบ 40000 โลมีไปตั้ง Valve+ล้างลิ้น มาครั้งนึง(1200฿)
สุดท้ายขายไปตอนวิ่งได้ 90000 โล คนมาซื้อลองรถปุ๊บ จ่ายเงินปั๊บ เพราะทุกอย่างปกติ สวยๆเลย
ถ้าเน้นประหยัด อย่าไปติดของแพงคับ
ปล. ขอโทษ ถ้าตอบไม่ถูกใจ เป็นคหสต. คับผม
-
เลือกอู่ที่ดี เชื่อถือได้ เลยครับ อุปกรณ์ไม่ต่างกันขนาดนั้นครับ
งบเยอะก็เลือกรุ่นแพง งบจำกัด ก็รุ่นประหยัด
ใช้งานดีไม่ดี หลักๆ อยู่ที่การติดตั้งครับ
อุปกรณ์ยี่ห้อทั่วไปที่ได้รับการยอมรับในท้องตลาดไม่ต่างกันมากครับ
ผมใช้ Europe Gas OBD หัวฉีด Hana
ตอนจะติดก็หาข้อมูลเยอะ เน้นข้อมูลอู่ติดตั้ง พอได้ก็ลองสอบถาม และค่อยเลือกอุปกรณ์ตามงบครับ
สถานที่ถ้าใกล้หรือเดินทางสะดวกก็ดีครับ แต่อุปกรณ์เดี๋ยวนี้ถ้าติดตั้งดี ก็ไม่ต้องไปจูนกันบ่อยๆ เลือกอู่ที่น่าเชื่อถือดีกว่าครับ
ปล. ผมติดมา เกือบ 2 ปี วิ่ง เกือบ สี่หมื่นโล ยังไม่เคยกลับไปจูนเลยครับ จริงๆ ต้องเข้าไปเช็กาสามหมื่นโลแล้วล่ะครับ พอดียุ่ง 55
-
AC STAG 200 19500 บาท ครับ จบแน่ๆ แค่ JAZZ GE ไม่ต้องไปใช้กล่องเทพอะไรหรอกครับสิ้นเปลือง หาแถว ๆ รัตนาธิเบศ มาบางใหญ่ มีร้านรับติดตั้งกันเต็มไปหมด ติดในเมืองแพงกว่านี้ครับ
-
ผมใช้ AG compactอัพเกรดหม้อต้ม ติดมาจะปีแล้ว ใช้ดีไม่มีปัญหาครับ ไม่ถึงสามหมื่นบาท ใช้กับaccord g82.4
-
:D :D :D :D :D
จากที่ดูๆคอมเม้นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยแนะนำ Energy Reform เลย คงจะแพงเพราะค่าโฆษณาจริงๆ
ตอนนี้ได้รุ่นในใจละครับ คงจบที่ AC Stag4 Eco หัวฉีด Valtak (หัวฉีด HANA เพิ่ม 3,000บาท)+ ถังโดนัท 42L+ ท่อก๊าซ Parker + กระเป๋ายางอะไหล่ หรือ บริการช่วยเหลือ 24 ชม.
ได้ส่วนลดเหลือ 26,500 บาท
ส่วนอู่ติด คงจบร้านที่บอกไปครับ เพราะ ช่างคุ้นเคยกับเครื่อง L15A มีการรวมกลุ่ม Honda Jazz, City มาติดที่นี่เยอะอยู่ ดูแล้วบริการหลังติดตั้งดีใช้ได้ และที่ตั้งอู่อยู่ใกล้บ้าน
มีอย่างอื่นน่าแนะนำ เชิญได้เลยนะครับ จองคิวไว้เสาร์นี้
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนคนกำลังจะผ่าตัดหัวใจเลย ;D
ขอบคุณข้อมูลทุกท่านเลยครับ :-*
-
ตอบในฐานะผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้มาก แต่ประสบการณ์จริงเยอะนะครับ
รถที่ผมใช้มา
1. Jazz GE 2008 ติดแก๊ส EUROPEGAS (ไม่ใช่รุ่น OBD) ถังโดนัท 42 ลิตร ติดที่ประมาณ 70,000 กม. ใช้ไปจนถึง 125,000 กม. แล้วขาย
ตอนใช้งาน ขับโหดครับ ความเร็วปกติใช้อยู่ที่ 130-180 (ถึงท็อปสปีด) บางครั้งก็ขับชิลๆ 100-120 ความเร็วปลายไม่มีปัญหาอะไรครับ แรงดีไม่มีตก อัตราเร่งดีปกติเหมือนใช้น้ำมันทุกอย่าง แรกๆที่ติดตั้งมาเจอปัญหานิดหน่อย เวลาความเร็วต่ำ ช่วงเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส จะมึอาการกระตุกเล็กน้อย แต่เปลี่ยนจากน้ำมันไปเป็นแก๊สไม่กระตุก เลยเอาไปให้ช่างปรับจูนใหม่ก็หายปกิดีครับ ช่วงที่ผมใช้ไม่เคยเปลี่ยนกรองแก๊ส ไม่เคยเปลี่ยนอะไรเลยครับ แต่ดูแลเข้าศูนย์ถ่าย นมค. ตามปกติ รถไม่เคยมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเครื่องเลยครับ จนตอนขายแอบเสียดายมาก มันประหยัดสุดๆเลยครับ เติม 450-500 วิ่งได้ 300-400 กม.ตลอด ยิ่งถ้าขับชิลๆ 100-120 มี 1 บาท/กม. ให้เห็นได้เลยครับ
2. Toyota Wish MC ติดแก๊ส ENERGY OBD ท็อปสุด ถังโดนัท 52 ลิตร ติดตอนประมาณ 50,000 กม. จนตอนนี้ 120,000 กม. แล้วครับ
ความเร็วที่ใช้อยู่ช่วง 140-170 คันนี้จูนทีเดียวจบ ไม่เคยเจอปัญหาอะไรเหมือนกันครับ เร่งดีไม่สะดุด เปลี่ยนแก๊สไปน้ำมัน น้ำมันไปแก๊ส ไม่มีสะดุด ช่างร้านนี้คนละร้านกับที่ติดตั้ง Jazz จูนดีและจบครับ แต่ wish กินแก๊สโหดครับ ตก1.6-2.0/กม เลยทีเดียว (น้ำมันยิ่งโหดกว่า)
3.CRV 2.0 4WD ติดของ ENERGY OBD ติดตั้งแต่พันโลแรกเลยครับ เอาไปติดที่ ENERGY THAILND เลยครับ เป็นคันแรกของไทย ให้เขายืมไปโฆษณาทำคลิป 1 อาทิตย์เต็มๆ ได้ราคาติดตั้งพิเศษ จ่ายไปแค่ 14,000 ครับ คันนี้ก็ปกติกีครับ เติมทีนึง 800-900 ถังโดนัทใหญ่สุด วิ่งได้แค่ 500-600 กม. กินเหมือนกันครับเพราะเป็นขับสี่
4. Camry 2.5G 2013 ติด ENERGY OBD เหมือนกันครับ ร้านเดียวกับ Wish คันนี้ขับโหดๆเลยครับ กดไปถึงท็อปสปีดบ่อยๆ 215 ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่หลังๆมา ตอนคิ๊กดาวน์จากเกียร์ 6 ลงมาเกียร์ 3-4 จะมีอาการกระตุกเบาๆ เอาไปจูนใหม่ก็หายปกติครับ คันนี้เติม 500-530 วิ่งได้ 320-350 โล
5. Accord G9 2.4 ติดของ AC Stage4 Eco ราง Hana หมัอตัม Tomasetto คันนี้ล่าสุดเลยครับ แถมไม่ใช่ OBD อีกต่างหาก แต่อัพฮาร์ดแวร์เป็นเกรดดีหน่อย ยอมรับเลยว่าที่อยากลอง Ac เพราะสวิทช์แก๊สมันสวยครับ ฮ่าๆๆๆๆ ทีแรกร้านเชียร์ของ Prins ตอนนั้นนึกว่าเป็นสวิทช์รุ่นเก่า เลยไม่สนใจ (พอมาเจอรูปสวิทช์รุ่นใหม่เซ็งเลยครับ สวยมาก แถมปรับสีได้หลายสีอีก) แต่ก็ไม่เสียดายเท่าไร เพราะราคามันสูงมาก 46,xxx เลย
ตอนนี้ก็ใช้มาประมาณ 40,000 โลแล้วครับ แต่พึ่งใช้แก๊สมาประมาณ 4000 โล ปัญหาที่เจอ ตอนแก๊สหมดแล้วไปใช้น้ำมันอัตโนมัติ มีอาการกระตุกค่อนข้างแรง(ไม่แรงมาก) แค่คิกว่าจูนใหม่น่าจะหาย และตอนที่กดสุดคันเร่งจาก 0 ไปจนถึงประมาณ 180 มันจะตัดไปใช้น้ำมันเองเฉยเลย ไม่รู้ว่าร้านตั้งไว้หรือเปล่า(รอบแตะเรดไลน์มาก) จูนใหม่น่าจะปกติ แต่ถ้ากดไปใกล้ๆ 180 แล้วยกนิดนึง แล้วกดคันเร่งลงไปสักประมาณ 70% (ไม่กดสุด) ก็ไต่ไปถึง 210 ได้ปกติ ที่น่าประทับใจที่สุด คันนี้ประหยัดมากกกกกกครับ ไม่รู้ว่าเป็นกับอุปกรณ์ หรือรถ หรือการจูน (แต่เดาว่ารวมๆกัน) เติม 510-530 พอๆกับ Camry แต่ระยะทางที่ได้ จะอยู่ราวๆ 400-430 กม. ตลอดเลยครับ ความเร็วที่ใช้ก็ 140-170 โดยเฉลี่ย แต่ถ้าถังไหนชิลๆ วิ่งไม่เกิน 120 140 ถังนั้นจะได้ทะลุ 470 โลเลยครับ อึ้งมากๆ เคยมีอยู่ทริปนึงไปกาญ หารค่าแก๊สออกมา ตก กม.ละ 0.98 บาท ประหยัดกว่า Jazz เฉยเลย กับเครื่อง 2.4 น่าทึ่งมากๆ คันนี้ผมไปติดกับหงษ์ทองออโต้แกสครับ (พี่น่าจะรู้จัก) เห็นเค้าโฆษณาเยอะเลยไปลองดูสักหน่อย ขับรถไปติดตั้ง 500 กว่าโล จากพิษณุโลก ;D และก็น่าประทับใจดีครับ เขาทำงานกันเป็นระบบดี เวลาเอารถไปเช็คระยะ อารมณ์เดียวกับเอารถเข้าศูนย์บริการ honda เลยครับ คือมีคนรับรถ ประสานงาน เสร็จเร็ว ต่างกับที่ผมเคยเจอมาตามร้านทั่วไป เวลาจะเอารถไปเช็คที เฮ้ยต้องติดต่อใครเนี่ย คนนั้นก็ยุ่ง คนนี้ก็ไม่ว่าง แถมเวลาเข้าไปเคอะๆเขินๆเอ๋อๆ ทำไรไม่ถูกแลดูงงๆ ผมเลยเกิดความรู้สึกไม่ค่อยอยากเอารถไปเช็คแก๊ส เพราะร้านส่วนใหญ่เน้นติดตั้งใหม่ ไม่ค่อยสนใจลูกค้าเก่าๆ(ไม่ได้บอกว่าไม่สนใจเลย)เพียงแต่การทำงานที่ไม่เป็นระบบมันเลยเกิดความยุ่งยาก และไม่ราบลื่น ผมไม่ได้โฆษณาให้นะครับ เพียงแต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ
การที่จะติดตั้งแก๊สกับร้านไหน ผมอยากให้ใส่ใจกับบริการหลังการขายมากๆ ว่าเป็นอย่างไร เพราะว่าคำว่า "แก๊ส" มันคงไม่สนิทใจแบบน้ำมัน 100% เห็นข่าวระเบิดทีก็ผวาที ผมไม่อยากให้ยึกกับอุปกรณ์สักเท่าไร อะไรก็ได้สุดท้ายก็ขับได้ ขับดี ประหยัดเหมือนกันหมด จุดต่างมันอยู่ที่
- ความชำนาญของชั่ง
- การบริการหลังการขาย
ส่วนยี่ห้อและรุ่น ดูที่งบดีกว่าครับ รุ่นดีและแพง ช่างก็เหนื่อยน้อย รุ่นที่ประหยัดช่างก็ต้องชำนาญหน่อย(ถึงจะดี) เห็นเลยครับว่าไม่ค่อยมีผลกับคนใช้เท่าไรเลย ถ้าให้ผมฟันธงว่ารุ่นไหนดีสุด ณ ตอนนี้ผมตอบว่า Prins ครับ แต่ถามว่าผมทำไมไม่ติด เพราะผมถูกกำจัดงบ เอ้ย! จำกัดงบ ครับ ;D ;D
ปล.บ้านผมดมสารระเหยทุกคัน ยกเว้น....ดีเซล หึหึ
ปล.ตอบใน iPad ที่มันทรมานจริงๆ หัวคิดไปไวกว่านิ้ว พิมพ์ไม่ทัน วนไปวนมา ขออภัยนะครับ แค่อยากให้กำลังใจ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกลัวกังวล แก๊สไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมอยากเอา slk ไม่ก็ z4 ไปติดบ้าง ถ้ามีโอกาศ น่าจะได้ติดฟรี เพราะแอบเป็นพรีเซนเตอร์ 555
-
ที่ติดอยู่กับ City 2012 ก็ AC Stag4ECO หัวฉีดเดิมๆเลยครับ ใช้งานมา 30,000 โลแล้ว ใช้ดี ไม่เคยจูนซ้ำ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าได้หัวฉีด hana หัวเดี่ยวก็จะดีมาก Tap ไม่จำเป็นหรอกครับสำหรับรถ LPG มันไม่ได้แรงขึ้นแบบสัมผัสได้ เปลืองเงินป่าวๆ
-
ระบบ OBD คืออะไรอ่าครับ?? ขอความรู้หน่อยครับ :)
-
ตอบในฐานะผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้มาก แต่ประสบการณ์จริงเยอะนะครับ
รถที่ผมใช้มา
1. Jazz GE 2008 ติดแก๊ส EUROPEGAS (ไม่ใช่รุ่น OBD) ถังโดนัท 42 ลิตร ติดที่ประมาณ 70,000 กม. ใช้ไปจนถึง 125,000 กม. แล้วขาย
ตอนใช้งาน ขับโหดครับ ความเร็วปกติใช้อยู่ที่ 130-180 (ถึงท็อปสปีด) บางครั้งก็ขับชิลๆ 100-120 ความเร็วปลายไม่มีปัญหาอะไรครับ แรงดีไม่มีตก อัตราเร่งดีปกติเหมือนใช้น้ำมันทุกอย่าง แรกๆที่ติดตั้งมาเจอปัญหานิดหน่อย เวลาความเร็วต่ำ ช่วงเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส จะมึอาการกระตุกเล็กน้อย แต่เปลี่ยนจากน้ำมันไปเป็นแก๊สไม่กระตุก เลยเอาไปให้ช่างปรับจูนใหม่ก็หายปกิดีครับ ช่วงที่ผมใช้ไม่เคยเปลี่ยนกรองแก๊ส ไม่เคยเปลี่ยนอะไรเลยครับ แต่ดูแลเข้าศูนย์ถ่าย นมค. ตามปกติ รถไม่เคยมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเครื่องเลยครับ จนตอนขายแอบเสียดายมาก มันประหยัดสุดๆเลยครับ เติม 450-500 วิ่งได้ 300-400 กม.ตลอด ยิ่งถ้าขับชิลๆ 100-120 มี 1 บาท/กม. ให้เห็นได้เลยครับ
2. Toyota Wish MC ติดแก๊ส ENERGY OBD ท็อปสุด ถังโดนัท 52 ลิตร ติดตอนประมาณ 50,000 กม. จนตอนนี้ 120,000 กม. แล้วครับ
ความเร็วที่ใช้อยู่ช่วง 140-170 คันนี้จูนทีเดียวจบ ไม่เคยเจอปัญหาอะไรเหมือนกันครับ เร่งดีไม่สะดุด เปลี่ยนแก๊สไปน้ำมัน น้ำมันไปแก๊ส ไม่มีสะดุด ช่างร้านนี้คนละร้านกับที่ติดตั้ง Jazz จูนดีและจบครับ แต่ wish กินแก๊สโหดครับ ตก1.6-2.0/กม เลยทีเดียว (น้ำมันยิ่งโหดกว่า)
3.CRV 2.0 4WD ติดของ ENERGY OBD ติดตั้งแต่พันโลแรกเลยครับ เอาไปติดที่ ENERGY THAILND เลยครับ เป็นคันแรกของไทย ให้เขายืมไปโฆษณาทำคลิป 1 อาทิตย์เต็มๆ ได้ราคาติดตั้งพิเศษ จ่ายไปแค่ 14,000 ครับ คันนี้ก็ปกติกีครับ เติมทีนึง 800-900 ถังโดนัทใหญ่สุด วิ่งได้แค่ 500-600 กม. กินเหมือนกันครับเพราะเป็นขับสี่
4. Camry 2.5G 2013 ติด ENERGY OBD เหมือนกันครับ ร้านเดียวกับ Wish คันนี้ขับโหดๆเลยครับ กดไปถึงท็อปสปีดบ่อยๆ 215 ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่หลังๆมา ตอนคิ๊กดาวน์จากเกียร์ 6 ลงมาเกียร์ 3-4 จะมีอาการกระตุกเบาๆ เอาไปจูนใหม่ก็หายปกติครับ คันนี้เติม 500-530 วิ่งได้ 320-350 โล
5. Accord G9 2.4 ติดของ AC Stage4 Eco ราง Hana หมัอตัม Tomasetto คันนี้ล่าสุดเลยครับ แถมไม่ใช่ OBD อีกต่างหาก แต่อัพฮาร์ดแวร์เป็นเกรดดีหน่อย ยอมรับเลยว่าที่อยากลอง Ac เพราะสวิทช์แก๊สมันสวยครับ ฮ่าๆๆๆๆ ทีแรกร้านเชียร์ของ Prins ตอนนั้นนึกว่าเป็นสวิทช์รุ่นเก่า เลยไม่สนใจ (พอมาเจอรูปสวิทช์รุ่นใหม่เซ็งเลยครับ สวยมาก แถมปรับสีได้หลายสีอีก) แต่ก็ไม่เสียดายเท่าไร เพราะราคามันสูงมาก 46,xxx เลย
ตอนนี้ก็ใช้มาประมาณ 40,000 โลแล้วครับ แต่พึ่งใช้แก๊สมาประมาณ 4000 โล ปัญหาที่เจอ ตอนแก๊สหมดแล้วไปใช้น้ำมันอัตโนมัติ มีอาการกระตุกค่อนข้างแรง(ไม่แรงมาก) แค่คิกว่าจูนใหม่น่าจะหาย และตอนที่กดสุดคันเร่งจาก 0 ไปจนถึงประมาณ 180 มันจะตัดไปใช้น้ำมันเองเฉยเลย ไม่รู้ว่าร้านตั้งไว้หรือเปล่า(รอบแตะเรดไลน์มาก) จูนใหม่น่าจะปกติ แต่ถ้ากดไปใกล้ๆ 180 แล้วยกนิดนึง แล้วกดคันเร่งลงไปสักประมาณ 70% (ไม่กดสุด) ก็ไต่ไปถึง 210 ได้ปกติ ที่น่าประทับใจที่สุด คันนี้ประหยัดมากกกกกกครับ ไม่รู้ว่าเป็นกับอุปกรณ์ หรือรถ หรือการจูน (แต่เดาว่ารวมๆกัน) เติม 510-530 พอๆกับ Camry แต่ระยะทางที่ได้ จะอยู่ราวๆ 400-430 กม. ตลอดเลยครับ ความเร็วที่ใช้ก็ 140-170 โดยเฉลี่ย แต่ถ้าถังไหนชิลๆ วิ่งไม่เกิน 120 140 ถังนั้นจะได้ทะลุ 470 โลเลยครับ อึ้งมากๆ เคยมีอยู่ทริปนึงไปกาญ หารค่าแก๊สออกมา ตก กม.ละ 0.98 บาท ประหยัดกว่า Jazz เฉยเลย กับเครื่อง 2.4 น่าทึ่งมากๆ คันนี้ผมไปติดกับหงษ์ทองออโต้แกสครับ (พี่น่าจะรู้จัก) เห็นเค้าโฆษณาเยอะเลยไปลองดูสักหน่อย ขับรถไปติดตั้ง 500 กว่าโล จากพิษณุโลก ;D และก็น่าประทับใจดีครับ เขาทำงานกันเป็นระบบดี เวลาเอารถไปเช็คระยะ อารมณ์เดียวกับเอารถเข้าศูนย์บริการ honda เลยครับ คือมีคนรับรถ ประสานงาน เสร็จเร็ว ต่างกับที่ผมเคยเจอมาตามร้านทั่วไป เวลาจะเอารถไปเช็คที เฮ้ยต้องติดต่อใครเนี่ย คนนั้นก็ยุ่ง คนนี้ก็ไม่ว่าง แถมเวลาเข้าไปเคอะๆเขินๆเอ๋อๆ ทำไรไม่ถูกแลดูงงๆ ผมเลยเกิดความรู้สึกไม่ค่อยอยากเอารถไปเช็คแก๊ส เพราะร้านส่วนใหญ่เน้นติดตั้งใหม่ ไม่ค่อยสนใจลูกค้าเก่าๆ(ไม่ได้บอกว่าไม่สนใจเลย)เพียงแต่การทำงานที่ไม่เป็นระบบมันเลยเกิดความยุ่งยาก และไม่ราบลื่น ผมไม่ได้โฆษณาให้นะครับ เพียงแต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ
การที่จะติดตั้งแก๊สกับร้านไหน ผมอยากให้ใส่ใจกับบริการหลังการขายมากๆ ว่าเป็นอย่างไร เพราะว่าคำว่า "แก๊ส" มันคงไม่สนิทใจแบบน้ำมัน 100% เห็นข่าวระเบิดทีก็ผวาที ผมไม่อยากให้ยึกกับอุปกรณ์สักเท่าไร อะไรก็ได้สุดท้ายก็ขับได้ ขับดี ประหยัดเหมือนกันหมด จุดต่างมันอยู่ที่
- ความชำนาญของชั่ง
- การบริการหลังการขาย
ส่วนยี่ห้อและรุ่น ดูที่งบดีกว่าครับ รุ่นดีและแพง ช่างก็เหนื่อยน้อย รุ่นที่ประหยัดช่างก็ต้องชำนาญหน่อย(ถึงจะดี) เห็นเลยครับว่าไม่ค่อยมีผลกับคนใช้เท่าไรเลย ถ้าให้ผมฟันธงว่ารุ่นไหนดีสุด ณ ตอนนี้ผมตอบว่า Prins ครับ แต่ถามว่าผมทำไมไม่ติด เพราะผมถูกกำจัดงบ เอ้ย! จำกัดงบ ครับ ;D ;D
ปล.บ้านผมดมสารระเหยทุกคัน ยกเว้น....ดีเซล หึหึ
ปล.ตอบใน iPad ที่มันทรมานจริงๆ หัวคิดไปไวกว่านิ้ว พิมพ์ไม่ทัน วนไปวนมา ขออภัยนะครับ แค่อยากให้กำลังใจ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกลัวกังวล แก๊สไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมอยากเอา slk ไม่ก็ z4 ไปติดบ้าง ถ้ามีโอกาศ น่าจะได้ติดฟรี เพราะแอบเป็นพรีเซนเตอร์ 555
จัดมาเต็มจริงๆ
เคยเห็นคุณเกม เป็นหนึ่งในสมาชิก Jazzlover ตอบกระทู้อยู่บ่อยๆ ผมว่าคุณเกมไม่ใช่คนที่มีความรู้ไม่มากแล้วนะ ฮ่าๆ
ยังไงก็ขอบคุณคุณเกมและทุกท่าน ที่แชร์ประสบการณ์ครับ
ที่กังวลใจและตัดสินใจอยู่นาน เพราะย้อนไปสัก 4-5 ปี ช่วงราคาน้ำมันดีดตัวสูงพรวดๆ ตอนนั้นใช้ Camry ไฟท้ายย้อย แล้วไปติดแก็สกับร้านทั่วๆไป เนื่องจากไม่ได้ทำการบ้านเยอะแบบนี้ รุ้แค่เป็นของ อิตาลี โอเค จบ ปัญหาที่ตามมาคือ สะดุดเอย ดับกลางอากาศเอย สั่นเป็นเจ้าเข้า เครื่องไม่นิ่งยังกะเฮลิคอปเตอร์ กลับไปอู่ก็โทษโน่นโทษนี่ เปลี่ยนคอยล์ กรอง หัวเทียน เยอะแยะ ก็ไม่จบ รู้สึกมันลามไปเรื่อยๆ ขนาดใช้น้ำมันยังเป็น เสียดายรถมาก ประกอบกับอายุรถเยอะแล้ว เลยจำใจต้องขายครับ
ครั้งนี้ ถือว่าทำการบ้านมาระดับนึง ภาวนาว่างานนี้คงจะจบอย่างสวยงามครับ
-
ระบบ OBD คืออะไรอ่าครับ?? ขอความรู้หน่อยครับ :)
ระบบ OBD (ON BOARD DIAGNOSIS) ปัจจุบันรถเกือบทั่วโลกเป็นรถที่มี OBD ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 1996 แล้ว และถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ จาก OBD I เป็น OBD II ส่วนใหญ่รถในบ้านเราที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เป็น OBD II และรถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะแบ่งย่อยออกไปอีกว่าเป็นตัวไหน เช่น ISO 9141,J1850 PMW,CAN STANDARD 500 Kbps เป็นต้น
OBD ก็คือแผงวงจรคอมพิวเตอร์ที่จะแสดงอาการผิดปกติของเครื่องยนต์ทุก ๆ อย่างไว้อย่างละเอียดแม่นยำ และจะทำหน้าที่เป็นตัวรวบรวมเซ็นเซอร์ทุกจุดไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์ของการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ซึ่งอาจจะหนาไปหรือบางไป จะมีการปรับชดเชยเชื้อเพลิงได้อัตโนมัติระยะสั้นและยาว (Short Trim/Long Trim) เมื่อมีการเชื่อมต่อกับระบบแก๊สที่สามารถนำค่า OBD มาคำนวนปรับจ่ายเชื้อเพลิงแก๊สได้ ก็จะทำให้เครื่องยนต์ได้ประสิทธภาพสูงสุดและช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อีกด้วยครับ
ดีกว่าระบบอื่นอย่างไร
กล่อง ECU Advanced-OBD เป็นกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ระบบหัวฉีดแก๊สอัจฉริยะที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะกับยานยนต์รุ่นใหม่ กล่อง ECU Advanced-OBD จะเชื่อมต่อเข้ากับปลั๊ก OBD II และ CAN-BUS ของเครื่องยนต์และใช้การสื่อสาร (Protocol) ระหว่างกล่อง ECU ของรถยนต์ และกล่อง ECU แก๊ส อย่างต่อเนื่องตามมาตรฐาน ISO 9141 และ ISO 15765 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการจ่ายแก๊สที่แม่นยำตลอดเวลา รองรับ Protocol ในระบบ OBD ได้หลายชนิด (เช่น OBD II ISO 9141, OBD CAN : STD 500, EXT 500 เป็นต้น)
เมื่อใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง กล่อง ECU Advanced-OBD จะปรับเปลี่ยนการจ่ายเชื้อเพลิงแก๊สเข้าสู่ระบบการเผาไหม้ที่ถูกต้องแม่นยำสอดคล้องกับความต้องการเชื้อเพลิงเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติตลอดเวลา จึงทำให้การจ่ายแก๊สมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยช่างไม่จำเป็นต้องปรับจูนแก๊สบ่อยๆ เหมือนระบบธรรมดาทั่วไป
เหนือกว่าด้วยการตอบสนองต่อคำสั่งจาก ECU ได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองทุกอัตราเร่ง และทุกรอบความเร็ว วาล์วหัวฉีด เปิด-ปิด ฉับไว (เพียง 1.4 Millisecond) ให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยมทัดเทียมระบบน้ำมันและประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด รางหัวฉีดมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิของแก๊ส (Temperature Sensor) และเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงดันแก๊ส (Pressure Sensor) จึงสามารถควบคุมการทำงาน และคำนวณการจ่ายเชื้อเพลิงแก๊สได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วย ตรวจสอบความผิดปกติในการทำงานของระบบแก๊สได้อีกด้วย หัวฉีดมีความทนทานสูง ผ่านการทดสอบ (Endurance Test) และมีอายุการใช้งานในการฉีดแก๊สนานถึง 400,000 กิโลเมตร หัวฉีดรับประกันการรั่วซึม 5 ปี และหัวฉีดไม่อุดตันตลอดอายุการใช้งาน
เครดิต www.energy-reform.com (http://www.energy-reform.com)
-
ตอบในฐานะผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้มาก แต่ประสบการณ์จริงเยอะนะครับ
รถที่ผมใช้มา
1. Jazz GE 2008 ติดแก๊ส EUROPEGAS (ไม่ใช่รุ่น OBD) ถังโดนัท 42 ลิตร ติดที่ประมาณ 70,000 กม. ใช้ไปจนถึง 125,000 กม. แล้วขาย
ตอนใช้งาน ขับโหดครับ ความเร็วปกติใช้อยู่ที่ 130-180 (ถึงท็อปสปีด) บางครั้งก็ขับชิลๆ 100-120 ความเร็วปลายไม่มีปัญหาอะไรครับ แรงดีไม่มีตก อัตราเร่งดีปกติเหมือนใช้น้ำมันทุกอย่าง แรกๆที่ติดตั้งมาเจอปัญหานิดหน่อย เวลาความเร็วต่ำ ช่วงเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส จะมึอาการกระตุกเล็กน้อย แต่เปลี่ยนจากน้ำมันไปเป็นแก๊สไม่กระตุก เลยเอาไปให้ช่างปรับจูนใหม่ก็หายปกิดีครับ ช่วงที่ผมใช้ไม่เคยเปลี่ยนกรองแก๊ส ไม่เคยเปลี่ยนอะไรเลยครับ แต่ดูแลเข้าศูนย์ถ่าย นมค. ตามปกติ รถไม่เคยมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเครื่องเลยครับ จนตอนขายแอบเสียดายมาก มันประหยัดสุดๆเลยครับ เติม 450-500 วิ่งได้ 300-400 กม.ตลอด ยิ่งถ้าขับชิลๆ 100-120 มี 1 บาท/กม. ให้เห็นได้เลยครับ
2. Toyota Wish MC ติดแก๊ส ENERGY OBD ท็อปสุด ถังโดนัท 52 ลิตร ติดตอนประมาณ 50,000 กม. จนตอนนี้ 120,000 กม. แล้วครับ
ความเร็วที่ใช้อยู่ช่วง 140-170 คันนี้จูนทีเดียวจบ ไม่เคยเจอปัญหาอะไรเหมือนกันครับ เร่งดีไม่สะดุด เปลี่ยนแก๊สไปน้ำมัน น้ำมันไปแก๊ส ไม่มีสะดุด ช่างร้านนี้คนละร้านกับที่ติดตั้ง Jazz จูนดีและจบครับ แต่ wish กินแก๊สโหดครับ ตก1.6-2.0/กม เลยทีเดียว (น้ำมันยิ่งโหดกว่า)
3.CRV 2.0 4WD ติดของ ENERGY OBD ติดตั้งแต่พันโลแรกเลยครับ เอาไปติดที่ ENERGY THAILND เลยครับ เป็นคันแรกของไทย ให้เขายืมไปโฆษณาทำคลิป 1 อาทิตย์เต็มๆ ได้ราคาติดตั้งพิเศษ จ่ายไปแค่ 14,000 ครับ คันนี้ก็ปกติกีครับ เติมทีนึง 800-900 ถังโดนัทใหญ่สุด วิ่งได้แค่ 500-600 กม. กินเหมือนกันครับเพราะเป็นขับสี่
4. Camry 2.5G 2013 ติด ENERGY OBD เหมือนกันครับ ร้านเดียวกับ Wish คันนี้ขับโหดๆเลยครับ กดไปถึงท็อปสปีดบ่อยๆ 215 ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่หลังๆมา ตอนคิ๊กดาวน์จากเกียร์ 6 ลงมาเกียร์ 3-4 จะมีอาการกระตุกเบาๆ เอาไปจูนใหม่ก็หายปกติครับ คันนี้เติม 500-530 วิ่งได้ 320-350 โล
5. Accord G9 2.4 ติดของ AC Stage4 Eco ราง Hana หมัอตัม Tomasetto คันนี้ล่าสุดเลยครับ แถมไม่ใช่ OBD อีกต่างหาก แต่อัพฮาร์ดแวร์เป็นเกรดดีหน่อย ยอมรับเลยว่าที่อยากลอง Ac เพราะสวิทช์แก๊สมันสวยครับ ฮ่าๆๆๆๆ ทีแรกร้านเชียร์ของ Prins ตอนนั้นนึกว่าเป็นสวิทช์รุ่นเก่า เลยไม่สนใจ (พอมาเจอรูปสวิทช์รุ่นใหม่เซ็งเลยครับ สวยมาก แถมปรับสีได้หลายสีอีก) แต่ก็ไม่เสียดายเท่าไร เพราะราคามันสูงมาก 46,xxx เลย
ตอนนี้ก็ใช้มาประมาณ 40,000 โลแล้วครับ แต่พึ่งใช้แก๊สมาประมาณ 4000 โล ปัญหาที่เจอ ตอนแก๊สหมดแล้วไปใช้น้ำมันอัตโนมัติ มีอาการกระตุกค่อนข้างแรง(ไม่แรงมาก) แค่คิกว่าจูนใหม่น่าจะหาย และตอนที่กดสุดคันเร่งจาก 0 ไปจนถึงประมาณ 180 มันจะตัดไปใช้น้ำมันเองเฉยเลย ไม่รู้ว่าร้านตั้งไว้หรือเปล่า(รอบแตะเรดไลน์มาก) จูนใหม่น่าจะปกติ แต่ถ้ากดไปใกล้ๆ 180 แล้วยกนิดนึง แล้วกดคันเร่งลงไปสักประมาณ 70% (ไม่กดสุด) ก็ไต่ไปถึง 210 ได้ปกติ ที่น่าประทับใจที่สุด คันนี้ประหยัดมากกกกกกครับ ไม่รู้ว่าเป็นกับอุปกรณ์ หรือรถ หรือการจูน (แต่เดาว่ารวมๆกัน) เติม 510-530 พอๆกับ Camry แต่ระยะทางที่ได้ จะอยู่ราวๆ 400-430 กม. ตลอดเลยครับ ความเร็วที่ใช้ก็ 140-170 โดยเฉลี่ย แต่ถ้าถังไหนชิลๆ วิ่งไม่เกิน 120 140 ถังนั้นจะได้ทะลุ 470 โลเลยครับ อึ้งมากๆ เคยมีอยู่ทริปนึงไปกาญ หารค่าแก๊สออกมา ตก กม.ละ 0.98 บาท ประหยัดกว่า Jazz เฉยเลย กับเครื่อง 2.4 น่าทึ่งมากๆ คันนี้ผมไปติดกับหงษ์ทองออโต้แกสครับ (พี่น่าจะรู้จัก) เห็นเค้าโฆษณาเยอะเลยไปลองดูสักหน่อย ขับรถไปติดตั้ง 500 กว่าโล จากพิษณุโลก ;D และก็น่าประทับใจดีครับ เขาทำงานกันเป็นระบบดี เวลาเอารถไปเช็คระยะ อารมณ์เดียวกับเอารถเข้าศูนย์บริการ honda เลยครับ คือมีคนรับรถ ประสานงาน เสร็จเร็ว ต่างกับที่ผมเคยเจอมาตามร้านทั่วไป เวลาจะเอารถไปเช็คที เฮ้ยต้องติดต่อใครเนี่ย คนนั้นก็ยุ่ง คนนี้ก็ไม่ว่าง แถมเวลาเข้าไปเคอะๆเขินๆเอ๋อๆ ทำไรไม่ถูกแลดูงงๆ ผมเลยเกิดความรู้สึกไม่ค่อยอยากเอารถไปเช็คแก๊ส เพราะร้านส่วนใหญ่เน้นติดตั้งใหม่ ไม่ค่อยสนใจลูกค้าเก่าๆ(ไม่ได้บอกว่าไม่สนใจเลย)เพียงแต่การทำงานที่ไม่เป็นระบบมันเลยเกิดความยุ่งยาก และไม่ราบลื่น ผมไม่ได้โฆษณาให้นะครับ เพียงแต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ
การที่จะติดตั้งแก๊สกับร้านไหน ผมอยากให้ใส่ใจกับบริการหลังการขายมากๆ ว่าเป็นอย่างไร เพราะว่าคำว่า "แก๊ส" มันคงไม่สนิทใจแบบน้ำมัน 100% เห็นข่าวระเบิดทีก็ผวาที ผมไม่อยากให้ยึกกับอุปกรณ์สักเท่าไร อะไรก็ได้สุดท้ายก็ขับได้ ขับดี ประหยัดเหมือนกันหมด จุดต่างมันอยู่ที่
- ความชำนาญของชั่ง
- การบริการหลังการขาย
ส่วนยี่ห้อและรุ่น ดูที่งบดีกว่าครับ รุ่นดีและแพง ช่างก็เหนื่อยน้อย รุ่นที่ประหยัดช่างก็ต้องชำนาญหน่อย(ถึงจะดี) เห็นเลยครับว่าไม่ค่อยมีผลกับคนใช้เท่าไรเลย ถ้าให้ผมฟันธงว่ารุ่นไหนดีสุด ณ ตอนนี้ผมตอบว่า Prins ครับ แต่ถามว่าผมทำไมไม่ติด เพราะผมถูกกำจัดงบ เอ้ย! จำกัดงบ ครับ ;D ;D
ปล.บ้านผมดมสารระเหยทุกคัน ยกเว้น....ดีเซล หึหึ
ปล.ตอบใน iPad ที่มันทรมานจริงๆ หัวคิดไปไวกว่านิ้ว พิมพ์ไม่ทัน วนไปวนมา ขออภัยนะครับ แค่อยากให้กำลังใจ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกลัวกังวล แก๊สไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมอยากเอา slk ไม่ก็ z4 ไปติดบ้าง ถ้ามีโอกาศ น่าจะได้ติดฟรี เพราะแอบเป็นพรีเซนเตอร์ 555
จัดมาเต็มจริงๆ
เคยเห็นคุณเกม เป็นหนึ่งในสมาชิก Jazzlover ตอบกระทู้อยู่บ่อยๆ ผมว่าคุณเกมไม่ใช่คนที่มีความรู้ไม่มากแล้วนะ ฮ่าๆ
ยังไงก็ขอบคุณคุณเกมและทุกท่าน ที่แชร์ประสบการณ์ครับ
ที่กังวลใจและตัดสินใจอยู่นาน เพราะย้อนไปสัก 4-5 ปี ช่วงราคาน้ำมันดีดตัวสูงพรวดๆ ตอนนั้นใช้ Camry ไฟท้ายย้อย แล้วไปติดแก็สกับร้านทั่วๆไป เนื่องจากไม่ได้ทำการบ้านเยอะแบบนี้ รุ้แค่เป็นของ อิตาลี โอเค จบ ปัญหาที่ตามมาคือ สะดุดเอย ดับกลางอากาศเอย สั่นเป็นเจ้าเข้า เครื่องไม่นิ่งยังกะเฮลิคอปเตอร์ กลับไปอู่ก็โทษโน่นโทษนี่ เปลี่ยนคอยล์ กรอง หัวเทียน เยอะแยะ ก็ไม่จบ รู้สึกมันลามไปเรื่อยๆ ขนาดใช้น้ำมันยังเป็น เสียดายรถมาก ประกอบกับอายุรถเยอะแล้ว เลยจำใจต้องขายครับ
ครั้งนี้ ถือว่าทำการบ้านมาระดับนึง ภาวนาว่างานนี้คงจะจบอย่างสวยงามครับ
ถ้าเคยมีประสบการณ์แล้ว คิดว่าไม่ซ้ำรอยแน่นอนครับ ^^
คันแรกที่ผมเอาไปติดก็ FD ตอนนั้นปี 2009-2010 เป็นระบบหัวฉีดเหมือนกันครับ แต่รุ่นแรกแย้มเลย รู้แค่ว่าของอิตาลีเหมือนกัน ยี่ห้อผมยังไม่รู้เลยครับ 555
ตอนนี้รถมันจะมีอาการ "เด้า" ดึ๊ก ดึ๊ก เวลาเร่งเบาๆ จาก 0-40 แต่ถ้ากดเต็มคันเร่งจะไม่เป็น เพื่อนผมมันชอบล้อ ทำไมรถคันนี้เด้าดีจัง 555 แก้จนขี้เกียดแก้แล้วเหมือนกันครับ ก็เลยใช้ๆมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ 3 แสนกว่าโลแล้วครับ ก็ยังใช้ได้อยู่
พอมาเป็น accord g9 ผมเลยตั้งใจเลยว่า จะบำรุงอย่างดีเข้าเช็คบ่อยๆ เปลี่ยนกรองแก๊สตามระยะเวลา จะไม่ละเลยเหมือนคันที่ผ่านๆมา เพราะร้านที่ให้บริการ ถือว่า สะดวกมากๆแล้ว ติดแค่ระยะทาง เช็คทีนึง ไปกลับก็พันโล แต่ก็ถือสะว่าเที่ยวไปในตัว ^^"