Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: natarmy ที่ พฤษภาคม 14, 2014, 20:50:06
-
ผมเคยลองนั่งอ่านตัวที่ BOI ออกกฏมาสำหรับรถที่เข้าข่าย Eco car ก็เข้าใจว่า Eco car คือรถที่เน้นลดมลพิษ เพราะฉะนั้น Eco จึงมาจากคำว่า Ecology แต่เท่าๆที่ผมสังเกตุจากที่ต่างๆ คนไทย (บางครั้งผมเองก็ด้วย) มักจะมีความคิดแว่บแรกเลยว่า Eco car คือรถขนาดเล็กๆ ราคาย่อมเยา ซึ่งจริงๆแล้วส่วนนึงก็เพราะ Eco car ที่ออกมาแรกๆมันทำให้คนไทยคิดแบบนั้นไปแล้วว่ารถ Eco car ต้องมีลักษณะแบบนี้ ทั้งๆที่จริงๆแล้ว BOI เค้าส่งเสริมรถอะไรก็ได้ที่สามารถลดมลพิษ และประหยัดน้ำมันได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีราคาย่อมเยา (คุ้นๆว่ามีกำหนดราคา แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาทรึเปล่าจำไม่ได้)
ทีนี้ก็เลยลองมาคิดดูอย่าง Eco car phase 2 ที่ Volkswagen จะเข้าร่วมด้วย และหลายๆคนก็เดาๆกันว่าจะเอา Polo 1.2 Turbo มาทำตลาด แต่ก็อาจจะทำราคาสู้รถไร้ระบบอัดอากาศไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่ามันจะแป็กหรือเปล่า เพราะคนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่ามันแพง (หรือไม่ก็ต้องเนียนๆไม่โฆษณาว่าเป็น Eco car แล้วก็ขายแข่งกับ B segment ไป)
แต่จริงๆผมอยากให้ Volkswagen เข้ามาทำเครื่อง Turbo แล้วจับพลัดจับผลูขายได้ดีนะ เราจะได้มีโอกาสใช้ C segment เครื่อง Turbo ที่ได้ส่วนลดภาษีจาก Eco car บ้าง
-
มีข้อจำกัดเรื่องขนาดเครื่องยนต์ และแหล่งที่มาของชิ้นส่วนด้วยครับ
-
ครับ แต่เรื่องขนาดเครื่อง อย่าง 1.2 turbo ก็น่าจะสบายๆสำหรับ C segment อยู่แล้ว
-
ตอนแรกๆ ผมนึกว่ามาจาก Economy ด้วยนะคระบ :-[ :-[ :-[
-
บอร์ด BOI ชุดใหม่ตั้งแล้วอ่อครับ
ถ้ายังก็ยังอนุมัติอะไรไม่ได้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ทางหอการค้าบ่นว่ามีบริษัทยืนเรื่องรอส่งเสริมการลงทุนค้างอยู่กว่า 400 บริษัท
ส่วนเรื่อง Eco car จริงๆ มันมีข้อจำกัดเยอะพอสมควร มันถึงกลับกลายเป็นรถต้นทุนต่ำไป แต่ผมคิดว่าความตั้งใจจริงๆ ขอนโยบายก็คือ อยากให้ประชาชนเข้าถึงรถยนต์ได้ง่ายขึ้น เพราะทางนึงมันก็เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเวลานั้นๆ เช่นกัน แต่ก็ต้องมีการประหยัดพลังงานตามเทรนโลกด้วยนะ
ถ้าผมจำไม่ผิดข่าวเมื่อปีที่แล้ว เฟส 1 กับ เฟส 2 เขายังตกลงกันไม่ลงตัว ในนโยบายใหม่ เพราะเฟส 1 เขาลงทุนไปมากแล้ว จะให้ลงทุนเพิ่มอีกไม่ไหว ไม่ทราบว่าปัจจุบันตกลงกันไปถึงไหนแล้ว
-
อย่าลืมว่า น้ำหนักก็มีผลต่ออัตราการกินน้ำมันนะครับ
เงื่อนไข 20 km/l ถ้ามากับ C-Seg เกรงว่าจะไม่ผ่านเกณฑ์ซิครับ ด้วยน้ำหนักตัวรถอย่างน้อยๆมี 100 kg ขึ้นไปของที่มากกว่า ฺB-Seg ยังไม่รวมเรื่องราคา เลือกขายรุ่นที่ทำราคาได้ต่ำกว่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ใจคอจะให้ VW เอา Golf 1.2 TFSI มาเลยเหรอครับ ส่วนตัวผมมองว่าถ้าเลือกรุ่นที่สามารถทำราคาได้ไม่แพงนักน่าจะเหมาะสมกับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทยหรือเปล่า
ถ้าไปได้ ยอดขายเป็นไปตามเป้า ต่อไปค่อยขยีบขยายรุ่นอื่นๆตามมาก็ได้ครับ Golf , B-SUV , Amarok , PPV
Polo นี่แหละผมคิดว่าจะเป็นรุ่นที่ VW เลือกที่จะลงสนาม Eco car ครับ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเปิดตัวแบรนด์ VW ในไทยอย่างเป็นทางการที่ดีที่สุดครับ
ถ้าผู้บริหารกล้าตัดสินใจครั้งนี้ว่า Yes งานนี้ผมคนนึงที่จะขอเป็นลูกค้า VW ซักหน่อย รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมีรถเครื่องอัดอากาศราคาไม่แพงซะที ที่สำคัญอาจสมหวังได้รุ่นเกียร์ธรรมดาอีกด้วย
สุดท้ายเรื่องนี้แต่ละค่ายผู้ผลิตก็ยังต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐหล่ะครับ ชัดเจนเมื่อไหร่ก็ค่อยหันมาพิจารณาจริงๆจังๆอีกที
-
ไม่รู้ว่าโครงการนี้ตอบโจทย์อะไรกันแน่ครับ เพราะเมื่อราคารถถูกลงก็ทำให้ขายได้มากขึ้น เพราะคนซื้อได้ง่ายขึ้น แต่พอรถเยอะ ก็ใช้พลังงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน LPG และ CNG ปัญหาการจราจรจะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ;D ในขณะที่ทั่วโลกรณรงค์ใช้พลังงานให้น้อยลงเนื่องจากปัญหาหลายอย่าง :-\
-
ตอนผมซื้อรถ ผมอยากได้รถเล็ก ประหยัดน้ำมันมาแทนแออคคอร์ท ไฟท้ายสองก้อนที่เสื่อมสภาพลงตามการเวลา ค่าซ้อมบานเลยครับ กินน้ำมันยังกับอูฐ ตอนจะซื้อรถพวกอีโคคาร์ไม่ได้สนใจพวกลดมลภาวะอะไรนั้นหรอกครับ ขอรถเล็กๆใช้ในเมือง ประหยัดน้ำมันพอละครับ เลยซื้อสวิฟท์มาใช้ ซึ่งก็ตอบโจทย์ทุกอย่าง บำรุงรักษาน้อยลง กินน้ำมันน้อยลง 1-2 เท่าครับ แม้ตอนซื้อมาใหม่ต้องปรับตัวกับการขับรถเล็กพอสมควรครับ
จากตัวอย่างที่ผมยกไป ผมคนนึงที่ไม่คำนึงถึงประเด็นนี้ครับ
-
ผมว่าที่สำคัญตอนนี้คือกฎเกณฑ์ของเฟส 2 จะเป็นอย่างไรมากกว่าครับ
็
ถ้าให้ผมเดาใจ VW น่าจะเอาเจ้า Polo 1.2 เครื่องธรรมดาเพื่อมาเปิดตลาดอย่างเป็นทางการมากกว่า และอาศัยช่วงเวลาตรงนั้นในการขยายศูนย์บริการเพื่อไปรองรับจำนวนรถและรองรับรถรุ่นอื่นๆด้วยไปพร้อมกันครับ
-
ไม่รู้ว่าโครงการนี้ตอบโจทย์อะไรกันแน่ครับ เพราะเมื่อราคารถถูกลงก็ทำให้ขายได้มากขึ้น เพราะคนซื้อได้ง่ายขึ้น แต่พอรถเยอะ ก็ใช้พลังงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน LPG และ CNG ปัญหาการจราจรจะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ;D ในขณะที่ทั่วโลกรณรงค์ใช้พลังงานให้น้อยลงเนื่องจากปัญหาหลายอย่าง :-\
อย่างว่าแหละครับ ปล่อยแก๊สเรือนกระจกมากกว่าเดิมอีก
-
ผมว่าส่วนเข้าใจถูกนะครับ eco car คือรถประหยัด ประหยัดทุกอย่างทั้งราคาซื้อและการกินน้ำมัน มลภาวะน้อยด้วย
การจะเอารถราคา แพงมาขาย ราคาใกล้ล้าน มันคงขายยากนะครับคนซื้อน้อย ราคาเท่ากันคนคงซื้อคันที่ใหญ่กว่าครับ แม้มันจะกินน้ำมันกว่าก็จับยัดแก๊ชซะ
รถเทอร์โบ มันราคาแพงว่านะครับ ราคามันจะกะโดดไปมาก เพราะชิ้นส่วนเครื่องยนต์ต้องแพงขึ้น ช่วงล่างต้องทำใหม่ จากรถที่ไม่ใส่เทอร์โบ
-
ถ้าวางเครื่องดีเซลได้ในราคาไม่แพง ได้ลดภาษีมากๆ
ผมว่า 20-22 โลลิตร ในตัวถัง C-Segment ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ลองคิดเล่นๆว่า อัลเมร่า รวมน้ำหนักบรรทุกแล้วหนักเกือบ 1.2 ตัน
วางเครื่องเบนซิน 1.2 ลิตร ทำ 16-17 โลลิตรได้
ถ้าเปลี่ยนเป็นดีเซล 1.3-1.4 ลิตร คงทะลุ 20 โลลิตรได้สบายๆ
ถามว่า C-Segment วางเครื่องดีเซลจิ๋ว ทำ 20 โลลิตรได้มั้ย
สบายมากครับ C-Segment หนักกว่าอัลเมร่าไม่เกิน 200 กิโล
แค่นี้ไม่ลำบากเครื่องดีเซลหรอก แต่เสียดายที่บ้านเรายังไม่เปิดรับเครื่องดีเซลกัน
ทั้งภาครัฐ และเอกชนเองก็กล้าๆกลัวๆ
-
ไม่รู้ว่าโครงการนี้ตอบโจทย์อะไรกันแน่ครับ เพราะเมื่อราคารถถูกลงก็ทำให้ขายได้มากขึ้น เพราะคนซื้อได้ง่ายขึ้น แต่พอรถเยอะ ก็ใช้พลังงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน LPG และ CNG ปัญหาการจราจรจะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ;D ในขณะที่ทั่วโลกรณรงค์ใช้พลังงานให้น้อยลงเนื่องจากปัญหาหลายอย่าง :-\
โดน ;)
-
น่าจะพัฒนารถไฟฟ้าล้วนและไฮโดรเจ้นแบบ จริงๆจังๆได้แล้วนะครับ คงจะดีกว่าน้ำมันไม่น้อย ถ้าวางแผนระยะยาวได้
-
มาดูเครื่องยนต์ของ Polo ในตอนนี้
ถ้าเลือกที่เข้าเงื่อนไข eco car
เบนซิน ไม่เกิน 1300 ซีซี
ดีเซล ไม่เกิน 1500 ซีซี
เบนซิน
1. 1200 cc 3 สูบ na 70 ps 112 nm / 3800 rpm
2. 1200 cc 4 สูบ tsi 90 ps 160 nm /1500 - 3500 rpm
เกรงว่าถ้าเอา 1.2 na มา กลัวว่าจะเสียจุดขายเรื่องอัตราเร่งออกไป เปิดตัวทั้งที อย่างน้อยเป็น eco car รุ่นแรกที่ได้เครื่องอัดอากาศคงเท่ห์ไม่หยอก
แต่สุดท้ายถ้าจะเอา 1.2 na มาก็ได้ ขอให้มาแล้วกัน ขาซิ่งค่อยเอาหัวตัด polo 1.4 gti มาจากญี่ปุ่นก็ได้ หมดห่วงเรื่องตัวแรงแน่นอน
-
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2512002)
Eco car ในอนาคตจะถูกลงนะครับ
ลองดูครับ :D
-
น่าจะพัฒนารถไฟฟ้าล้วนและไฮโดรเจ้นแบบ จริงๆจังๆได้แล้วนะครับ คงจะดีกว่าน้ำมันไม่น้อย ถ้าวางแผนระยะยาวได้
อันนี้ผมเห็นด้วย +1000000 เลยครับ สนับสนุน พัฒนา ส่งเสริม ลงทุน ทำวิจัย ให้เกิดในประเทศไทยให้ได้ครับ ผมจะช่วยซื้อครับผม
-
น่าจะพัฒนารถไฟฟ้าล้วนและไฮโดรเจ้นแบบ จริงๆจังๆได้แล้วนะครับ คงจะดีกว่าน้ำมันไม่น้อย ถ้าวางแผนระยะยาวได้
อันนี้ผมเห็นด้วย +1000000 เลยครับ สนับสนุน พัฒนา ส่งเสริม ลงทุน ทำวิจัย ให้เกิดในประเทศไทยให้ได้ครับ ผมจะช่วยซื้อครับผม
ด้วยอีกคน ผมขอแบบ
- รถ 2-4ที่นั่ง คันประมาณ civic 3d หรืออย่างมากก็แนว cube พอละ
- ขับเคลื่อนเป็นไฟฟ้าล้วน (ยอมให้มีเครื่องเล็กๆไว้ปั่นไฟเพื่อชาร์ทเข้าแบตได้ยามจำเป็น)
- top speed 110-120 พอละให้พอขึ้นทางด่วนได้
- หลังคา solar ช่วยเสริมด้วยอีกนิดหน่อย
- เสียบไฟฟ้าบ้านชาร์ทได้ 2-3ชม เต็ม
- ไฟเต็มวิ่งได้อย่างน้อยๆ 100กม หรือรถติดสามารถเปิดแอร์กะเครื่องเสียงได้ซัก 8ชั่วโมง
- ผลิตในไทย และมีราคาไม่เกิน 5แสน (ออกมาฆ่าeco car ให้ตายอนาท)
ได้ตามนี้ มีเสียตังค์อีกละกรู 555555
-
จะโทษคนซื้อก็ไม่ถูกนะครับ
(http://s3.amazonaws.com/data.tumblr.com/tumblr_l27wvxHuC21qzez7qo1_1280.png?AWSAccessKeyId=AKIAI6WLSGT7Y3ET7ADQ&Expires=1400252325&Signature=HkxZBvJ7d%2FIV5CsJpb38iFi7Dio%3D#_=_)
-
นึกว่ามาจาก
คำว่า
Econology
ฮี่ ฮี่
-
ไม่จบจริงๆครับเรื่องนี้