Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bahamu ที่ พฤษภาคม 15, 2014, 10:17:46
-
มีแต่ไฮบริดอยู่รุ่นเดียว ดีเซลล้วนจะมีประกอบไทยไหม
แล้ว220cdi ทำไมถึงเลิกทำ ราคาจะได้ถูกลง
เพราะยางแก้มเตี้ยไม่เหมาะกับถนนบ้านเรา ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
-
มีแต่ไฮบริดอยู่รุ่นเดียว ดีเซลล้วนจะมีประกอบไทยไหม
แล้ว220cdi ทำไมถึงเลิกทำ ราคาจะได้ถูกลง
เพราะยางแก้มเตี้ยไม่เหมาะกับถนนบ้านเรา ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ตัวดีเซลธรรมดาจะไม่ทำแล้วครับ
จะเป็นลูกผสมทั้งหมดครับ
อยากได้ดีเซลล้วนๆต้องเกรย์สถานเดียวครับ
-
ผมเห็นด้วยกับคุณนะ น่าจะมี 220, 250 CDI เป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคบ้าง
ส่วนเรื่องที่มีแต่ Hybrid ผมคิดว่านโยบายรัฐมันเอื้ออำนวยทางภาษี ทางผู้ผลิตเลยเห็นโอกาส ถ้าจะให้เห็นยอดขาย Hybrid ในประเทศอื่นผมว่ายาก เพราะแพงกว่ารุ่นปกติและไม่ได้น่าถวิลหาขนาดนั้น ก็เลยผูกมัดมันซะเลย
และระบบ Hybrid ของ Mercedes ตอนนี้ ผมว่ามันไม่โอเคเท่า Toyota/Lexus ทาง Mercedes ยังต้องพัฒนาอีกพอสมควร
-
ถ้าเลิกประกอบเครื่องดีเซลล้วนจริง ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะผู้บริโภคคงต้องเล่นยี่ห้ออื่น และมีจำนวนไม่น้อย
ถ้ายี่ห้ออื่น แก้ปัญหาเก่าๆ เช่น เลิกบังคับขายอะไหล่ยกชุด แยกชิ้นได้ มีชุดซ่อมเปลี่ยนเป็นจุดๆ คงมีสภาพแบบที่ดีแม็กแพ้วีโก้ไม่ยาก
สมัยw210 ถึง w211 ก่อน avantgarde โฉมสุดท้าย ยังวางนโยบายแบบที่อังกฤษ คือ มีรถรุ่นclassic ของเล่นน้อย เน้นราคาต่ำ
สำหรับคนที่ต้องการซื้อรถที่ไม่จุกจิก แต่เครื่องเกียร์ไม่ต่างกัน ซึ่งเป็นจุดแข็งของเบนซ์มาโดยตลอด ราคาขายต่อดี
พอมาขายแต่รถของเล่นเยอะ รุ่นย่อยน้อย ทำให้ราคามือหนึ่งแพงกว่ายี่ห้ออื่นที่มีรุ่นย่อย
และบรรดาของเล่น ล้อ ยาง ขนาดที่ใหญ่เกินกว่า ค่าตั้งต้นของตัวถังนั้นซึ่งมักมีแต่รุ่นclassic
ทำให้การใช้งานเมือง หรืองานรับจ้าง บริษัท กลับมีค่าการซ่อมบำรุงที่สูงโดยไม่จำเป็น ไม่ประหยัดน้ำมันเท่าที่ควร และวงเลี้ยวกว้าง
เบนซ์ ถือเป็นรถที่นิยมในบ้านเรามากที่สุดในรถระดับนี้ และบริษัทห้างร้าน รับจ้าง ก็นิยมที่สุด เพราะอะไหล่หาง่าย
ซ่อมถูกกว่ายี่ห้ออื่น ราคาขายต่อดี
ต่างจากบางยี่ห้อ หาอะไหล่นอกไม่ได้ ต้องแท้เบิกอย่างเดียว และไม่เคยลดราคาอะไหล่แม้ว่ารถจะตกรุ่นแล้ว มือสองราคาไม่เดินตายสนิท
พลอยให้มือหนึ่งยอดไม่เดินตามไปด้วย ถ้าจะยอมเสียจุดเด่นไปด้วยการบังคับคนซื้อ ก็คงไม่ต่างสมัยบ.แม่ต้องมาทำตลาดเอง
ถ้าเข้าใจแต่ว่าคนซื้อรถยี่ห้อนี้ ยังไงก็ยอมจ่ายคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด และคงไปเล่นยี่ห้ออื่นถ้ามีสิ่งที่ดีกว่า ทนทานไว้ใจได้
แต่ถ้าคิดว่าคนซื้อรถยี่ห้อนี้เพราะข้อดีหลายอย่างที่บ.ทำให้ลูกค้าประทับใจ และพยายามเอาใจคนซื้อๆก็ไม่อยากเปลี่ยนใจไปเสี่ยงกับยี่ห้ออื่น
ที่พยายามทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่า ไม่ฟันหลอกกันอีก ซ่อมจบ ไม่จุกจิก อะไหล่ราคาจับต้องได้ เข้าศูนย์แล้วไม่มีเสียเพิ่ม
-
เดี๋ยว E300 ขายไม่ออกครับ
-
ถ้ามาก็ดีนะครับ ปัจจุบันนี้รู้สึกว่าตัวเลือกสำหรับ E นี่ มีเครื่องให้เลือกน้อย ค่อนข้างบีบ
แต่บางทีตอนตัดสินใจซื้อ เทียบกับคู่แข่งแล้วรับได้เพราะติดยี่ห้อก็มีนะครับ เช่นคุณแม่ผม ;D
-
ถ้าต้องการ w212 diesel ไม่ hybrid มีตัวเลือกเดียวเลย คือ e220 cdi ของเกรย์
ตอนนี้ทาง mbth คงเน้นตลาดเครื่อง hybrid เพราะทำราคาได้ดี จากสิทธิทางภาษี และ grey ก็เลี่ยงไม่อยากทำตลาด hybrid เพราะกังวล รถมีปัญหาจะต้องรับเครม
-
ถ้าต้องการ w212 diesel ไม่ hybrid มีตัวเลือกเดียวเลย คือ e220 cdi ของเกรย์
ตอนนี้ทาง mbth คงเน้นตลาดเครื่อง hybrid เพราะทำราคาได้ดี จากสิทธิทางภาษี และ grey ก็เลี่ยงไม่อยากทำตลาด hybrid เพราะกังวล รถมีปัญหาจะต้องรับเครม
เห็นด้วยครับ เพราะถ้าเอา E220cdi มาขายราคาคงอยู่ราวๆ 3.59 ล้านบาทแต่ได้กำไรน้อยกว่าขาย E300 ที่ 3.69 เลยตัดทิ้งไปเลยดีกว่าจะได้กัน Grey เพิ่มไปด้วย
เดี๋ยว E300 ขายไม่ออกครับ
ยังคงขายออกบ้างแหละครับอย่างน้อยก็บ้านผมเพราะคุณพ่อชื่นชอบรถไฮบริดมากๆ ถึงขนาดไม่ซื้อ E250cdi แต่ไปซื้อ Camry Hybrid มาใช้แก้ขัดไปก่อนเพื่อรอ E300 ตัวนี้ครับ
-
E250 CDI ธรรมดาผมว่าซื้อ E300 HYBIRD แล้วปิดระบบ HYBIRD มันก็เป็น E250 CDI แล้วครับ
แต่ตัวที่น่าจะทำตลาดผมว่าน่าจะเป็น E250 CGI น่ะครับสำหรับคนที่อยากได้เบนซินแรงๆอย่างผมเอามาชนกับ 528i
-
อีกเหตุผลหนึ่งที่ MBTH ไม่เอา e220cdi น่าจะเป็นไม่มีอะไรจะไปแข่งกับ 520d และ 525d ได้ โดยเฉพาะอัตราการบริโภค ลองคิดดูถ้าโรงงานเคลมมา 17km/l แล้วเอามาใช้จริงได้เท่าไหร่น่าจะแค่ 12-13 km/l เท่านั้นเอง
พี่ที่รู้จักใช้ e300 hybrid ยังมาบ่นให้ฟังว่าค่อนข้างผิดหวัง :)