Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ta-tum ที่ มิถุนายน 16, 2014, 21:06:56
-
มีโอกาสได้เอา CLS250 CDI ไปเที่ยวเขาใหญ่มาครับ เลยอยากจะแชร์เรื่องอัตราการกินน้ำมัน
รูปแรกเป็น จากกทม. ถึง ฟาร์มโชคชัย 175 km On board show 4.5 L/100 km ตกประมาณ 22 km/L
อุ๊ต่ะ ประหยัดมาก พอๆกับ Eco car
Trip นี้นั่งไปกับภรรยา 2 คน กระเป๋าไม่มากครับ เติม V-power Diesel (เห็นจาก review พี่จิมมี่ เติม V-power ช่วยเรื่องอัตราการกินน้ำมันของ Diesel ด้วย)
วิ่งใช้ความเร็ว 100-120 km/h ไม่เน้นกระชากนะครับ แต่โชคดีออกจาก กทม. ไม่เจอรถติดเลย วิ่งไปเรื่อยๆ
สงสัยแต่ว่า ทำไมเทียบกับ E300 Bluetec Hybrid ซึ่งเป็นเครื่องตัวเดียวกัน แถมพ่วงมอเตอร์มาช่วยด้วย
จาก review วิ่ง 110 km/h ของพี่จิมมี่ ได้ 18 km/l เพราะ CLS ก็น่าจะหนักว่า E300 เลยยังงงๆ จุดนี้
-
ถ่ายระหว่าง cruise control ที่ 120 km/h ครับ
จากรูปประมาณ 4 L/100km แต่น่าจะมีลมส่งท้ายเยอะ เพราะขากลับก็วิ่ง 120 km/h
เกจวัดไปที่ 5L/100km
-
ด้วยความสงสัยมาก วิ่งกลับมาถึงกทม. 433 Km. Onboard โชว์ 4.7L/100Km. ตก 21.27 Km/L
รวมวิ่งขึ้นลง ถ.ธนะรัชต์ จอดซื้อของโน่นนี่ ที่สงสัยมากๆๆ คือ Onboard มันโม้หรือเปล่า
โม้ให้เราดีใจกับความประหยัดของน้องดาวแฉก
เลยจัดการเข้าปั้๊ม Shell ซะ เติมจนหัวจ่ายตัดที่ 21.13 L = 20.49 Km/L
จากบิล น้องเด็กปั๊มจัดการกดเพิ่มเป็นเลขสวยๆ 720 เลยกลายเป็น 21.63 L= 20.01 Km/L
จะเพี้ยนอยู่หน่อยๆ
เอามาแลกเปลี่ยนกันครับผม :)
-
การทดสอบของคุณจิมมี่ เป็นการทดสอบระยะสั้นๆครับ
320d ที่คุณจิมมี่ทดสอบได้ 17 18 โลลิตร ผมวิ่งต่างจังหวัด ยาวๆ เชียงใหม่ กทม ก็ได้ 21 โลลิตรครับ
เพราะฉนั้น ถ้าเอา บลูเทค มาวิ่งยาวๆ แบบนี้ ผมว่า น่าจะได้ 25 โลลิตรไม่ยากครับ
-
การทดสอบของคุณจิมมี่ เป็นการทดสอบระยะสั้นๆครับ
320d ที่คุณจิมมี่ทดสอบได้ 17 18 โลลิตร ผมวิ่งต่างจังหวัด ยาวๆ เชียงใหม่ กทม ก็ได้ 21 โลลิตรครับ
เพราะฉนั้น ถ้าเอา บลูเทค มาวิ่งยาวๆ แบบนี้ ผมว่า น่าจะได้ 25 โลลิตรไม่ยากครับ
320d ที่คุณจิมมี่ทดสอบได้ 20.xx กิโลลิตรครับ สูงที่สุดในเว็บครับ
ส่วนตัวเลขที่คุณเข้าของกระทู้ทำได้ถือว่าสุดยอดมากครับ ถ้าเป็น E300 จะขับให้ได้แบบนี้ต้องเลี้ยงความเร็วที่ 80-90 ถึงจะได้ครับ ส่วนด้านล่างเป็นตัวเลขของ E300 ครับ
-
ไว้มีโอกาสเดี๋ยวจะลองเอา E300 Bluetec Hybrid ไปเขาใหญ่ดูครับ ได้ผลยังไงจะมาแจ้ง กรณีนี้เปิด Cruise Control ค้างไว้ที่เท่าไหร่ครับ จะได้ขับแบบเดียวกันดู
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
-
ขอบคุณจขกท.มากครับ
แต่
ผมเลิกขับประหยัดแล้ว
เพราะมันเครียด 5555
ตอนนี้จากจันทบุรี - กทม.
ไปกลับ กินน้ำมัน 1,200
ผม Happy แล้วครับ
E300AMG ครับ
-
ขอบคุณจขกท.มากครับ
แต่
ผมเลิกขับประหยัดแล้ว
เพราะมันเครียด 5555
ตอนนี้จากจันทบุรี - กทม.
ไปกลับ กินน้ำมัน 1,200
ผม Happy แล้วครับ
E300AMG ครับ
ตรงใจมาก
-
Bluetec hybrid ไม่ได้ประหยัดกว่า เครื่องดีเซลธรรมดาคับถ้าไม่ใช่ในเมือง
-
ประหยัดมากครับ
-
ไว้มีโอกาสเดี๋ยวจะลองเอา E300 Bluetec Hybrid ไปเขาใหญ่ดูครับ ได้ผลยังไงจะมาแจ้ง กรณีนี้เปิด Cruise Control ค้างไว้ที่เท่าไหร่ครับ จะได้ขับแบบเดียวกันดู
Lock ไว้ที่ 120 km/h ครับ
แต่ช่วงพหลโยธิน วิ่งได้ประมาณ 100-110 ครับ
มายาวๆตรงมิตรภาพแล้วครับ
-
:-X ;D :D
น่าสนใจครับ หัวข้อนี้
C200 CGI (edit. C) ขับเนียนแค่ไหน ก็ไม่ทะลุ 14 กิโลลิตรอ่ะครับ น้อยหน้ามากๆๆ
ว่าแต่เกย์หน่วยเป็น Mile per Hour เหรอครับ ไม่คุ้นตา ..........
แบบว่าเคยแต่ขับรถ CBU ฝั่ง Continental อ่ะ
ได้อารมณ์เหมือนว่ากำลังขับรถ American ในยุคก่อนๆที่ยังไม่มีรถ ญป ขายในบ้านเราเลยซิครับ อิอิ
-
มีโอกาสได้เอา CLS250 CDI ไปเที่ยวเขาใหญ่มาครับ เลยอยากจะแชร์เรื่องอัตราการกินน้ำมัน
รูปแรกเป็น จากกทม. ถึง ฟาร์มโชคชัย 175 km On board show 4.5 L/100 km ตกประมาณ 22 km/L
อุ๊ต่ะ ประหยัดมาก พอๆกับ Eco car
Trip นี้นั่งไปกับภรรยา 2 คน กระเป๋าไม่มากครับ เติม V-power Diesel (เห็นจาก review พี่จิมมี่ เติม V-power ช่วยเรื่องอัตราการกินน้ำมันของ Diesel ด้วย)
วิ่งใช้ความเร็ว 100-120 km/h ไม่เน้นกระชากนะครับ แต่โชคดีออกจาก กทม. ไม่เจอรถติดเลย วิ่งไปเรื่อยๆ
สงสัยแต่ว่า ทำไมเทียบกับ E300 Bluetec Hybrid ซึ่งเป็นเครื่องตัวเดียวกัน แถมพ่วงมอเตอร์มาช่วยด้วย
จาก review วิ่ง 110 km/h ของพี่จิมมี่ ได้ 18 km/l เพราะ CLS ก็น่าจะหนักว่า E300 เลยยังงงๆ จุดนี้
สุดยอดมากครับ ถ้าคิดเป็นบาทต่อลิตร (ราคา Diesel ปกติ 29.84 บาทต่อลิตร) ก็ออกมาประมาณ 1.356 บาทต่อกิโลเมตร ถือได้ว่าประหยัดมากๆเลยครับ ผมว่าพอๆ กะรถดมแก๊ส เลยนะเนี่ย
-
ผมไม่ชอบตรงเบาะหลังนี่แหล่ะครับ นั่งแล้วมันไม่เห็นให้ความรู้สึกเป็นผู้บริหารเลยครับหลังห่อ เมื่อยเป็นหลุมยวบลงไปเลย การขับขี่ก็คล่องตัวดีครับแต่ระบบอีโค่นี่น่ารำคาณมากครับ ต้องคอยกดออกทุกครั้งที่ start ใช้ยังไงก็ไม่ชินครับ
-
ผมไม่ชอบตรงเบาะหลังนี่แหล่ะครับ นั่งแล้วมันไม่เห็นให้ความรู้สึกเป็นผู้บริหารเลยครับหลังห่อ เมื่อยเป็นหลุมยวบลงไปเลย การขับขี่ก็คล่องตัวดีครับแต่ระบบอีโค่นี่น่ารำคาณมากครับ ต้องคอยกดออกทุกครั้งที่ start ใช้ยังไงก็ไม่ชินครับ
จริงครับ เบาะหลังนั่งไม่ค่อยสบาย head room มีน้อย
เพราะดีไซน์ภายนอก ทำหลังคาโค้งมนลงมา ให้ดูเป็น coupe
ทรงสวย ดูซิ่ง แต่ผู้โดยสารหลังไม่ซิ่งด้วย ยิ่งผมสูง 183
นั่งหลังนี่สุดๆ ในส่วนคนขับ และเบาะหน้าโอเคครับ นั่งสบาย
แต่เคยอ่านมาตอนโฉมก่อน CLS350 ราคา 8-9 ล้าน
ออกมาเพื่อตอบโจทย์ คนพอมีอายุ มีเงินซื้อ S-Class
แต่ยังอยากขับเอง เลยเน้น feeling การขับขี่ และช่วงล่างที่กระชับขึ้น
ถ้าจะนั่งเบาะหลัง ก็ตัองไปเล็งๆ E-class, S-Class รับรองกว้าง นุ่ม เงียบ
-
การทดสอบของคุณจิมมี่ เป็นการทดสอบระยะสั้นๆครับ
320d ที่คุณจิมมี่ทดสอบได้ 17 18 โลลิตร ผมวิ่งต่างจังหวัด ยาวๆ เชียงใหม่ กทม ก็ได้ 21 โลลิตรครับ
เพราะฉนั้น ถ้าเอา บลูเทค มาวิ่งยาวๆ แบบนี้ ผมว่า น่าจะได้ 25 โลลิตรไม่ยากครับ
320d ที่คุณจิมมี่ทดสอบได้ 20.xx กิโลลิตรครับ สูงที่สุดในเว็บครับ
ส่วนตัวเลขที่คุณเข้าของกระทู้ทำได้ถือว่าสุดยอดมากครับ ถ้าเป็น E300 จะขับให้ได้แบบนี้ต้องเลี้ยงความเร็วที่ 80-90 ถึงจะได้ครับ ส่วนด้านล่างเป็นตัวเลขของ E300 ครับ
ลืมบอกไปครับ ว่า 320d E90 ครับ ผมก็จำตัวเลขที่คุณ จิมมี่ ทดสอบแน่นอนไม่ได้
แต่ที่อยากจะบอกก็คือ วิ่งด้วยความเร็วคงที่ ไกลๆ น่าจะประหยัดกว่า ที่คุณจิมมี่ทดสอบครับ
^^
-
ผมไม่ชอบตรงเบาะหลังนี่แหล่ะครับ นั่งแล้วมันไม่เห็นให้ความรู้สึกเป็นผู้บริหารเลยครับหลังห่อ เมื่อยเป็นหลุมยวบลงไปเลย การขับขี่ก็คล่องตัวดีครับแต่ระบบอีโค่นี่น่ารำคาณมากครับ ต้องคอยกดออกทุกครั้งที่ start ใช้ยังไงก็ไม่ชินครับ
จริงครับ เบาะหลังนั่งไม่ค่อยสบาย head room มีน้อย
เพราะดีไซน์ภายนอก ทำหลังคาโค้งมนลงมา ให้ดูเป็น coupe
ทรงสวย ดูซิ่ง แต่ผู้โดยสารหลังไม่ซิ่งด้วย ยิ่งผมสูง 183
นั่งหลังนี่สุดๆ ในส่วนคนขับ และเบาะหน้าโอเคครับ นั่งสบาย
แต่เคยอ่านมาตอนโฉมก่อน CLS350 ราคา 8-9 ล้าน
ออกมาเพื่อตอบโจทย์ คนพอมีอายุ มีเงินซื้อ S-Class
แต่ยังอยากขับเอง เลยเน้น feeling การขับขี่ และช่วงล่างที่กระชับขึ้น
ถ้าจะนั่งเบาะหลัง ก็ตัองไปเล็งๆ E-class, S-Class รับรองกว้าง นุ่ม เงียบ
S-class ไม่เถียงครับ
แต่เบาะ E-Class ไม่นุ่มนะ นั่งไม่สบายครับ
Teana J32 ยังนั่งสบายกว่าอีก
-
ML ผมวิ่งกรุงเทพ-เขาใหญ่ ไปออกรอบประจำ ได้ประมาณ 15-16 Km การจราจรปรกติ ครับเติมแต่ V-power เหมือนกัน
ก็แน่ๆว่าประหยัดกว่า Fortunner และวิ่งความเร็วที่มากกว่าเล็กน้อยด้วย
ส่วนใหญ่ถ้าจอ Eco แสดงรวมได้เกิน 80% วิ่งในเมืองก็เกิน 12-13 โลครับ
-
ระบบไฮบริด จะช่วยตอนคลานในเมือง กับตอนเร่งแซงครับ ถ้าจับวิ่งยาวกดครุยส์คอนโทรล ผมว่าไม่ต่างกัน ต้องดูว่าตัวไหนลู่ลมกว่า เบากว่า
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่มาแบ่งปันกันครับ