Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Kanui ที่ มิถุนายน 28, 2014, 23:22:37
-
ผมอยากขอคำแนะนำ หรือความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ว่า จะเลือกซื้อรถแบบไหนดี ระหว่าง "รถที่เราเฉยๆ แต่ผ่อนสบาย" หรือ "รถที่อยากได้แต่ผ่อนเหนื่อย"
กรณีนี้คือ รีบใช้รถนะครับ ไม่เอาคำแนะนำแบบที่ว่า ให้เก็บเงินดาวน์เพิ่ม ซัก 6 เดือน อะไรแบบนี้นะ...
1. กรณี "ผ่อนสบาย" ได้แก่พวก B-Seg หรือ Eco แต่ผมไม่ค่อยอยากได้ เพราะผมมี Swift อยู่แล้ว ไม่อยากได้รถคลาสใกล้กัน
ที่มองๆ ไว้ มี City, Yaris และ Jazz ครับ
2. กรณีที่อยากได้คือ C-segment หรือ SUV เลย เพราะอยากได้รถใหญ่ ไว้เป็นรถครอบครัว
ที่มองๆ ไว้คือ Mazda 3 และ Mazda CX-5 ครับ
ถ้าซื้อกรณีผ่อนสบาย เงินจะเหลือเก็บพอสมควร ใช้เงินไปไหนมาไหน มีกินมีเที่ยว มีเก็บ
ถ้าซื้อกรณี รถที่ชอบ แต่ละเดือนพอผ่อนไหว แต่แทบจะไม่เหลือเงินเก็บเลยครับ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปประมาณ 3 ปี จนกว่า Swift จะผ่อนหมด ก็จะกลับมาผ่อนแค่คันเดียวและหมดภาระคำว่า "ผ่อนเหนื่อย" ไป
ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะเลือกแบบไหนดีครับ ??
-
เป็นผม
ผมเลือกแบบกลางๆ เอา c seg
ผ่อนสบาย มีกิน มีเก็บ มีเที่ยว มีลงทุน
เก็บเงิน อีก 3 ปี ออกรถใหม่ เอา suv
ถือคติ
"ไม่มีสิ่งสุดท้ายเสมอไป"
-
รถจะอยู่กับเราไปนาน พอสมควร เลือกรถที่ชอบ จะได้ขับอย่างมีความสุข
แต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือนร้อน วางแผนอนาคตให้ดีๆ เตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน
-
ผมเลือก C-Seg ครับ กลางๆเพียงพอกับชีวิตประจำวัน และเลือกรุ่นต่ำสุด เพราะออฟชั่นไม่ได้ใช้เท่าไหร่ รถเดินทางประจำเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัง
-
ผมเลือกผ่อนสบายครับ
แต่ทีนี้ก็ต้องดูเรื่องความจำเป็นในการใช้รถด้วยครับ ว่ามันเหมาะกับการใช้งานของเรารึเปล่า
ผมว่า ถ้าจะเอาให้เป็นกลางๆระหว่างตัวเลือกทั้งสองข้อ
C-Segment น่าจะโอเคนะครับ เรื่องรุ่นย่อยก็เอาเท่าที่จำเป็นครับ ;D
-
เหนื่อกายพอไหว แต่เหนื่อใจล่ะสุดๆครับ
เรารักเราชอบอะไร ถึงจะเหนื่อย แต่เราก็มีความสุขที่ได้ทำครับ
ผมเลือกข้อ 2 ทำงานมากขึ้น หารายได้เสริม หรือขยันมากขึ้นครับ
คนเราไม่ต้องมีรถก็ได้ ถ้าใจเป็นสุข!
แสนสบายแต่ไม่สนุก คนเราจึงออกไปท่องเที่ยวครับ ทั้งๆที่อยู่บ้านสบายกว่ากันเห็นๆครับ
;D ;D ;D
และแน่นอน ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนครับ เดือนร้อนใช้เงินขึ้นมาก็ล่ะยุ่ง แต่การหาทางออกอย่างสวยงาม ก็สนุก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ครับ
เขียนไปเขียนมา ชักวนครับ
;D ;D ;D
-
เอาผ่อนสบายครับ
เพราะในระยะผ่อน 4-6 ปีมีเเนวโน้มจะเกิดภาวะ เศรษฐกิจ ตกต่ํา สูงมาก
-
เป็นผมไม่เลือกทั้งสองข้อครับ เพราะมีswifอยู่แล้วนี่ รอผ่อนหมดเปลี่ยน ได้ที่ชอบ และ ผ่อนสบายด้วยครับ
-
ผ่อนเหนื่อยไม่เอาครับ แต่เอาผ่อนแบบพอไหว อันนี้เลือกรถที่ตัวเองชอบ มีความสุขกว่าเยอะ
-
มองในฐานะคนที่ใช้รถยาวครับ
ถ้าคันเดิมไม่มีปัญหาผมเลือกจะใช้คันเดิมไปเรื่อยๆจนมีเงินมากพอที่จะยอมจ่ายก็จะเลือกคันที่ชอบ (ในความหมายของผมคือไม่เหนื่อยด้วย) เพราะถ้าเลือกคันที่รู้ว่าไม่ชอบอยุ่แล้ว เร็วๆนั้น(4-5ปี)ก็อาจจะต้องหาซื้อใหม่จนได้คันที่ชอบอยู่ดี เสียเงิน 2 รอบเสียค่าเสื่อม 2 รอบ หรือไม่ก็ต้องทนอยู่กับนถที่รุ้ว่าไม่ได้ชอบไปเรื่อยๆๆ ชีวืตไม่สนุกหรอก
-
เป็นผมไม่เลือกทั้งสองข้อครับ เพราะมีswifอยู่แล้วนี่ รอผ่อนหมดเปลี่ยน ได้ที่ชอบ และ ผ่อนสบายด้วยครับ
Swift แฟนใช้น่ะครับ แต่ผมต้องการอีกคัน เพราะต้องไปทำงาน ตจว. ครับ
-
ผ่อนสบาย
-
ไม่เอาทั้งสองอย่างแหล่ะครับ เอาผ่อนสบายและได้ใช้จำเป็นจริงๆดีกว่า รถยนต์มันของกิเลสฟุ่มเฟือยล้วนๆ ถ้าใช้คำว่าผ่อนเหนื่อยนี่ผมว่ามันรู้สึกรันทดในตัวเองยังไงไม่รู้ครับ เอาที่เราไหวดีกว่าครับ
-
เคยเลือกแล้วครับ โจทย์ลักษณะแบบนี้เลย
ผมเลือกผ่อนสบายแต่ก็ชอบ "รอง" ลงมาครับ
ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีจากผ่อนสบายกลายเป็นผ่อนเหนื่อยแล้วล่ะครับ
อยากให้คุณลองทบทวนตัวเองอีกครั้ง โดยที่ไม่โทษตัวเองในวันข้างหน้านะครับ
ปล.รถออกใหม่เรื่อยๆเดี๋ยวก็มีที่ "ชอบ" โพล่มาอีกอยู่ดีครับ
-
คำนวนดูดีๆ ค่าใช้จ่ายอะไรต่อเดือน
แล้วค่อยมาเลือกรถ
อีกกรณีนึง ที่ผมว่า น่าสนใจคือ ซื้อรถมือสอง เปลี่ยนสัญญาผ่อนต่อ ได้รถราคาถูก ปีใหม่ ไม่เสียดอก
-
ถามตัวเองเถอะครับว่าถ้าทำข้อ 2 แล้ว คุณจะแฮปปี้รึเปล่า
บางคนทำข้อ2 แล้วถึงจะลำบาก แต่เค้าก็มีความสุข บางคนทำข้อ1 แต่ก็ไม่มีความสุขเพราะใจมันอยากได้รถที่สูงคลาสกว่า
ไอเรื่องเงินเก็บ ตัวเลขในบัญชีธนาคารอันนี้มัน นนจต.ครับ
บางคนมีความสุขที่ได้เก็บเงินเห็นตัวเลขแล้วอุ่นใจ บางคนมีความสุขกับการใข้เงิน บันดาลสิ่งที่ต้องการสักครั้งในชีวิต
-
เลือก ผ่อนสบาย ยึดหลักความพอเพียง รถไม่ใช่ทรัพย์สิน เอาเงินส่วนเหลือไปลงทุน เก็บออมเพื่ออิสรภาพทางการเงินดีกว่าครับ
ความสุข ความชอบ ในการเป็นเจ้าของรถบางคันมันไม่ยั่งยืน เป็นอนิจจัง วันนี้ชอบ อีกไม่กี่ปีก็เบื่อละ
-
ต่างจังหวัด กระบะ 4 ประตูไป เลยครับ
ขนของได้เยอะ (บ้านผมมีBT- 50 PRO 4
ประตู กับ Swift)
-
ผ่อนสบายครับสำหรับผม ความสุขไปลงกับอย่างอื่นได้
-
ผมว่าผ่อนสบายครับ
ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าครับ
-
สำหรับผมเลือกผ่อนสบายครับ ;D
คติผม"มีรถไ้ว้หาเงิน ไม่ใช่หาเงินมาให้รถ"
ผมเองก็ขับ B Sec แต่เงินเดือนผ่อน C-D ได้ ผมเลือกเก็บเงินไว้เผื่อทำการใหญ่ในอนาคตครับ :D
-
เลือกตามกำลังของเราไหวครับ ผมเพิ่งออกรถบีเซ็กเม้นท์ ก็เลือกปกติผ่อนราวๆ 5-6 พันต่อเดือนครับ เพราะมองแล้วถ้าเปนโปรผ่อนสบาย คุ้มค่าอยู่จริงแต่ต้องจ่ายอัดตูดตอนท้ายๆหนักเอาการนะครับ (ผมกะใช้ยาวครับ ไม่ใช่สามปีห้าปีขายจด) สู้ผ่อนยาวๆ โอเคมันต้องมีดอกเบี้ยอะไรบ้างร่วมๆแสนก็ช่างมันครับ
-
ตอนรุ่นๆ ผมเอาแบบที่ชอบ
ตอนนี้ ผมขอเลือกผ่อนสบาย
อนาคต ผมจะกลับมาเอาแบบที่ชอบอีกครั้ง ;D
-
นอกประเด็นรถมือหนึ่งนิดนะครับ ลองหารถที่ชอบที่เป็นมือสอง
ที่เพิ่งออกไม่กี่เดือน วิ่งหลักพัน ซื้อดาวน์ผ่อนต่อ น่าจะประหยัดได้
เกือบ 3 แสนอยู่นะ แต่ต้องใช้ความพยายามหน่อยครับ
-
ผมเชียร์เอาที่ชอบครับ ผมว่ามันมีแรงกระตุ้นดี. มันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ขับรถที่เราชอบ
คนเราต้องโตขึ้นนะ. อีกสองปีจากผ่อนลำบาก คุณอาจจะผ่อนสบายขึ้นเพราะหน้าที่การงานดีขึ้น
แต่ถ้าตกงานขึ้นมามันก็ไม่มีตังผ่อนอยู่ดี ไม่ว่าจะถูกหรือแพง
แต่ถ้าเอาปลอดกังวล มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น มีโปรเจคอื่นที่ตั้งใจเช่นมีลูก หรือ จะลงทุนอะไร เอาที่ประหยัดที่สุดดีกว่าครับ
เพราะเวลาไม่มีนี่มันไม่มีจริงๆนะครับ.
-
ถ้าซื้อเพราะความจำเป็น เอาข้อ 1
เพราะผมทำมาแล้ว มีเงินเหลือเอาไปลงทุน ต่อยอดให้มีเงินซื้อรถที่เราชอบจริง ๆ โดยไม่ต้องกังวล
ตอนแรกจะเอา Altis,Civic ตัดใจไปเอา Almera
คันที่สองอยากได้ MX-5 แต่ตัดใจเพราะความจำเป็นไปเอา Pajero เพื่อเอาไว้ขนของไปขายได้เยอะ ๆ
ถึงตอนนี้ Pajero ก็ทำให้ผมได้ MX-5 รถที่ผมต้องการจริง ๆ โดยไม่ต้องกังวลและเหนื่อยเรื่องผ่อน เพราะซื้อสด
ชอบและอยากได้รุ่นที่แพงกว่าจริง ๆ และตัดใจไม่ได้ ก็ข้อ 2 ครับ
-
ผ่อนสบายครับ
ถ้าเอาผ่อนเหนื่อย วันใดวันนึงเกิดเรื่องไมีคาดฝันจำเป็นต้องใช้ตังจะชักหน้าไม่ถึงหลังนี่สิ
ผ่านไป 5-6 ปี มีเงินแล้วค่อยผ่อนสบายๆกับ c secment ก็ได้
-
ส่วนตัวชอบรถ ผ่อนสบาย แต่ผมชอบมือสองที่เพึ่งออกแล้วเจ้าของเบื่อมากกว่า ;D ;D
ถึงเป็นมือ 1 ผมก็ชอบพวก B-C SAG เพราะตัวคนเดียวใช้คนเดียว รถแค่ B-C SAG ก็เหลือๆครับ
ปอละออ (จะเปลืองก็ที่นั่งเพราะผมตัวใหญ่ม๊วกก)
-
ถ้าแฟนใช้ swift และคุณต้องออกตจว. ผมว่ารถขนาด กลาง ที่ปลอดภัยน่าจะดีกว่า
ถึงแม้จะผ่อนหนักขึ้นแต่ให้คิดถึงคนที่รอด้วยว่าถ้าคุณเป็นอะไรไป รถที่ถูกมันไม่ได้ช่วยเซฟชีวิตคุณเท่าไหา่
ส่วนจะเป็นกระบะหรือเก๋ง ก็ขึ้อยู่กับการใช้งานของคุณ
แต่ผมไม่ค่อยชอบกระบะเท่าไหร่ ขับตจว. ลงข้างทางมันง่ายไป
-
มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา
หน้าที่ การงาน รายได้ ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า มั่นคงไหมครับ มีโอกาสถูกออกจากงาน รายได้ลด รายได้ไม่นิ่งเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงหรือเปล่า สุขภาพคนในครอบครัวเป็นไงบ้าง แข็งแรงดีไหม มีใครเป็นโรคประจำตัว หรือมีแนวโน้มที่จะต้องใช้เงินรักษาพยาบาลในอนาคต 2-3 ปีนี้หรือไม่ ฯลฯ ถ้ายังมีความเสี่ยงผมว่าเอาผ่อนสบายดีกว่า
แต่ถ้าอยากได้รถที่เราชอบจริงๆ ดาวน์ให้มากขึ้น (ถ้าทำได้) ก็จะผ่อนสบายขึ้นด้วยครับ :)
-
รถ มันก็เหมือนลูกเราแหละครับ เราก็อยากให้เค้าเป็นคันที่ใช่สำหรับเรา เวลาตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเดินไปที่รถ เจอรถที่เรารักจอดอยู่ มันรู้สึกดีกว่าเจอรถที่เรารู้สึกเฉยๆจอดอยู่มากนะครับ ;D
-
ถ้ายังไม่พร้อมแต่จำเป็น เลือกรถมือสองตอนนี้ ราคาต่ำมากๆ แต่ต้องเงินสด หรือผ่อนต่อ
เลือกรถที่ราคาตกน้อย (รถกระบะ)
ทนใช้สักพัก ตั้งตัวได้ ขายคันเก่า จัดตามที่ต้องการเลยครับ
-
ถ้าคุณมั่นใจสถานะปัจจุบัน มีรายได้เติบโตดี มีรายได้มากกว่า 1ทาง ซื้อสิ่งที่อยากได้เลยครับ
-
ผมเลือกรถที่ชอบ. หลายคนให้ความเห็นที่ดีครับ แต่ผมเคยผ่านมาแล้ว รถเป็นสิบคัน
ช่วงแรก เราก็มองเรื่องผ่อนสบาย แต่สุดท้าย เอาจริงๆ ใช้เงินไปกับอย่างอื่นเหมือนกัน (อันนี้สำหรับผม)
จนผ่านมา สิบกว่าปี ก็ตัดสินใจละ ไม่เอาละ ผมยอมเหนื่อย เพราะการขับรถที่ชอบ มันมีความสุขมากมาย
เวลาขับรถที่เราไม่ชอบจริง เวลาเห็นรถที่ชอบ มองเหลียวหลังตลอด ก็ไม่ happy นะ
ตอนนี้ ถึงจะยังไม่ได้เป็นรถคันที่ที่สุดจริงๆ แต่อย่างน้อยเวลาผมลงไปนั่ง กดปุ่มสตาร์ท เจ้า f30
ผม happy ทุกครั้งที่ได้ขับมัน เพราะ bmw เป็นรถในฝันมาตั้งแต่เริ่มทำงาน แต่คิดเอง ว่าแพงไป
สุดท้าย ไปซื้อรถญี่ปุ่นไปหลายคัย ซึ่งจริงๆ ผมซื้อได้ตั้งนานแล้ว คิดช้าไปหน่อย จริงๆ
รถ ในชีวิต เราจะซื้อกี่คันกันเชียวครับ และเราทำงานก็เพื่อความสุขในชีวิต ผมมองแค่นี้ ลุยตลอดครับ ;D
-
ควรจะเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับการใช้งานก่อน ถ้าคุณจำเป็นต้อง "ผ่อนเหนื่อย" จริงๆ ก็ต้องดูรายได้ว่าได้แน่ๆ ต่อเนื่องไหม
โดยส่วนตัวผมมองว่า SUV เป็นอะไรที่ค่าใช้จ่ายไม่ใช่แค่ ผ่อนเหนื่อย แต่ยังเหนื่อยค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้นกว่า C-Seg อะไหล่ก็อาจจะเทียบได้บางตัว แต่ยางแพงกว่า เปลืองน้ำมันกว่า ค่าบำรุงรักษารวมๆ สูงกว่า ถ้ามัน "เหนื่อย" กว่าเฉพาะค่างวดคนคงออกพวกล้านต้นๆ กันเยอะนะ
ลองมองรถที่อรรถประโยชน์ใกล้เคียง อย่างพวก B-Segment SUV หรือแม้แต่กระบะ 4 ประตูยกสูงที่ใช้ประโยชน์ได้มาก ราคาพอๆ กะ C-Seg ตัวกลางๆ และค่าบำรุงรักษาถูกไหมครับ
-
เป็นผมเอา City แล้วแต่งนิดๆ แค่นี้ก้เท่ละคับสมรรถนะก้ไม่ได้แย่เลยแถมห้องโดยสารไม่แพ้ 3 เลยคับ
-
ถ้าเป็นผมเอาผ่อนสบาย โดยส่วนตัวไม่ได้มีความสุขอยู่แค่ในรถ ผมเลือกใช้รถพาไปหาความสุขมากกว่า มีรถที่ผ่อนสบายแต่มีเงินเหลือเอาไปทำอย่างอื่นได้ ถ้าคำว่าผ่อนเหนื่อยแต่เงินเหลือเก็บน้อย ในวันข้างหน้า หากคิดจะมีอะไรมากกว่ารถ อาจเป็นบ้านหรืออะไรก็ตาม ด้วยสภาพการณ์ที่คุณบอกว่าถึงกับต้องเหนื่อยเนี่ย ผมว่ามันจะทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
-
จากพวกB Jass Yaris 550,000-700,000
มาC1.8/2.0 Altis Mazda3 830,000-900,000
แล้วกระโดดไปCx-52.5 1,400,000
เป็นผมจะมองCที่ชอบ เพราะราคาไม่หนีจากผ่อนสบาย เพิ่มนิดเดียว ดีกว่าซื้อรถราคา5 6แสนแต่ไม่เหมาะกับเรา และยังไม่ชอบอีกต่างหาก
-
ส่วนตัว คิดว่าแบบแรกดีกว่า รถมันออกใหม่ทุกปี และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นทุกปี การที่เราทุ่มเงินกับมันมากไป โดยที่ไม่ทันได้คิดถึงอนาคต บางครั้ง มันอาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เลือกสิ่งที่ชอบรองลงมาดีกว่า แล้วเอาเงินไปใช้หาความสุขอย่างอื่นหรือใช้ทำอย่างอื่น แต่คนเราไม่เหมือนกัน ดูจากคอมเม้นต่างๆ บางคนมีรถแล้วมีความสุข เพราะเค้าอาจไม่เดือดร้อนเรื่องผ่อนรถหรือเปล่า ซื้อสด หรืออะไรต่างๆ บางคนมีเงินเก็บแล้วมีความสุข บางคนได้ใช้ได้เที่ยวมีความสุข ต่างคนต่างเหตุผล ถามใจเราดีกว่า เบื่อง่ายไหม จะใช้กี่ปี
-
ถ้าเที่ยว ครอบตัวไม่เกิน 5 คน Ecocar ก็ไปได้ทั่วไทยครับ ยืนยันว่าไปได้แน่นอนครับผม
สำหรับเอาแบบไม่เดือนร้อนดีกว่า เพราะพอรายได้ขยับขึันไปหน่อยค่อยซื้อก็ยังไม่สายครับ
เพราะรถบางที มันต้องทำอะไรมากกว่าผ่อนอีกนะครับผม
:)
-
ผมเลือกผ่อนสบายครับ เงินที่เหลือก็เอาไว้หาความสุขใส่ตัวดีกว่า
น้องที่ทำงานซี้อ FB 1.8 ผ่อนเดือนล่ะหมื่นห้า แต่เงินเดือนสองหมื่นสาม ตอนนี้แทบไม่เหลือกินครับ เพราะไหนจะค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ต่อภาษี
โชคดีที่อยู่บ้านตัวเอง ข้าวไม่ต้องซี้อ ไม่งั้นเหนื่อยกว่านี้อีก
ก่อนซี้อก็บอกแล้วว่าหารถเล็กๆซักคันก็ได้ ไม่เอา อยากได้ C-Seg แล้วเป็นไง ตอนนี้คิดไปจะเทื่ยวเมืองนอกยังทำไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนอยากไปไหนก็ไป (น้องมันอยู่สายการบิน ขอตั๋วฟรีได้ยังไม่ไปเลย เพราะไม่มีตังค์)
---------------------------------------------------------------
และอย่าลืม .......... ต้องเผื่อเงินในกรณีฉุกเฉินด้วยนะครับ
-
ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับผมมีความสุขที่ได้ขับรถที่ชอบ ผมก็ทุ่มมาทางนี้ครับ เรื่องอื่นไม่จำเป็นก็ลดๆลงแทน
-
.
.
.
สำหรับผมเลือกรถที่ชอบแน่นอนครับ
แต่ผมจะไม่ยอมผ่อนเหนื่อยด้วย
นั่นคือเมื่อไหร่ที่คิดจะซื้อรถใหม่ที่ชอบ
ผมจะจัดการหารายได้ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาทันทีก่อนซื้อ
เพราะขับรถที่ชอบมันมีความสุขกว่าเยอะจริงๆ
แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้ชีวิตเราอยู่ในรถเยอะขึ้นทุกวัน
เอารถที่ปลอดภัย เร่งแซงได้ ขับมันส์ๆดีกว่าครับ
เสียเงินแล้วยังได้ของที่ไม่ชอบ สู้ไม่ซื้อดีกว่าครับ ;D
-
เอาผ่อนสบาย ไม่สิ ไม่ผ่อนเลยครับ เอารถที่ไม่แพง ไม่เกิน 5 แสนมือหนึ่ง ถ้าเป็นมือสอง วิ่งไม่มาก ราคาไม่เกิน 3 แสน ก็ยิ่งดีครับ
-
งั้นเอา mazda 3 ตัวล่างสิคับไม่แพงมาก
-
.
.
.
สำหรับผมเลือกรถที่ชอบแน่นอนครับ
แต่ผมจะไม่ยอมผ่อนเหนื่อยด้วย
นั่นคือเมื่อไหร่ที่คิดจะซื้อรถใหม่ที่ชอบ
ผมจะจัดการหารายได้ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาทันทีก่อนซื้อ
เพราะขับรถที่ชอบมันมีความสุขกว่าเยอะจริงๆ
แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้ชีวิตเราอยู่ในรถเยอะขึ้นทุกวัน
เอารถที่ปลอดภัย เร่งแซงได้ ขับมันส์ๆดีกว่าครับ
เสียเงินแล้วยังได้ของที่ไม่ชอบ สู้ไม่ซื้อดีกว่าครับ ;D
ชอบบรรทัดสุดท้าย เห็นด้วยครับ ;D
ส่วนคำตอบก่อนหน้า ว่า เงินเดือน 23000 ผ่อน 15000 อันนั้นไม่ใช่เหนื่อยละคับ เรียก ไม่คิดมากกว่า รถ ผ่อน เกิน 30% ของเงินเดือนก็บ้าแล้วครับ ชีวิตมีไรต้องใช้อีกมากมาย งงกับน้องเขาแทนจริงๆ สงสาร ไม่มีใครให้คำปรึกษาเหรอครับ
-
จากประสบการ์ณ ผมแนะนำผ่อนสบาย สมัยก่อนฝืนซื้อ e46 ใช้แบบฝืนนิดๆ ใช้ไปซักพักไม่มีเงินเก็บเลย ดีใจแค่ตอนซื้อ ตอนได้ขับ และตอนขายได้ สุดท้ายขายเพราะเก็บเงินแต่งงาน ทุกวันนี้ฝืนใช้น้องมีนามาสองปีเหลือเงินเก็บเป็นล้าน ทนอีกสามปีหมดโครงการรถคันแรก คงได้จัดหนักยุโรปอีกรอบแบบสบายๆ ใช้ปันผลจากเงินเก็บผ่อนยังได้ อดทนครับอดทนปีๆนึงแป๊ปเดียวอดเปรี้ยวไว้กินหวานครับ ;D
-
ก่อนจะออกรถผมก็ลังเลเหมือนกันเลยครับระหว่าง City 1.5SV กับ Altis 1.8S ผมผ่อนไหวทั้งคู่นะครับ แต่สุดท้ายเลือก City 1.5SV เพราะคำนวณรายจ่ายรวมๆทั้งหมดออกมาแล้วถ้าออก Altis แล้วต้องจำกัดรายจ่ายนู่นนี่ผมขอเลือกรถที่ผ่อนสบายๆ มีเงินเหลือไว้ใช้ + เก็บมากขึ้นดีกว่า เพราะอนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนครับ
-
ง่ายๆ ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ซื้อรถตามอารมณ์ และกิเลส แต่ถ้ายังคิดมากเรื่องค่าใช้จ่าย ต้องซื้อตามเหตุและผลถ้าซื้อแล้วเหนือย ต้องกินน้อยลง เที่ยวน้อยลงก็อย่าไปซื้อมันเลย รถแค่พาหนะพาเราไปทำงาน ครับ (ส่วนคนมีตังค์เหลือ รถไม่ใช่แค่พาหนะครับ)
-
เอาที่อยากได้ และ ผ่อนสบายด้วยครับ
ผมจะไม่ซื้อรถที่ต้องกัดฟันผ่อน ต้องเป็นรถที่ชอบ และ ผ่อนสบาย
เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับคนรอบข้างผม2ครั้ง
แฟนผมเมื่อปีที่แล้ว อยากได้Cruze LTZ / Focus2.0 คันละเกือบล้าน ผ่อนไหว ตกเดือนละเกือบ2หมื่น แต่ฟิตมาก แทบทำอย่างอื่นไม่ได้ เลยตัดสินใจลดSeg.มาอยู่ที่B-Seg.พอ ไปดูJazz Vios Fiesta สุดท้ายไปจบที่JazzตัวTop ผ่อนสบายเดือนละหมื่นหน่อยๆ ทุกวันนี้Happyครับ แถมยังมามองย้อนกลับไปว่าถ้าวันนั้นถอบCruze LTZมาตอนนี้จะเป็นยังไง คงไม่ได้ไปเกาหลี คงไม่ได้ซ่อมบ้าน เงินเหลือเพิ่ม6-7พันต่อเดือนนี่ทำไรได้อีกเยอะเลยครับ
อีกกรณีคือแม่ผม บ้านผมทำธุรกิจ เมื่อ5ปีก่อนเศรษฐกิจดี ขายดี เงินเป็นกอบเป็นกำ แม่ผมมีโครงการจะถอยE200 W211 ราคาตอนนั้ถ้าจำไม่ผิด2ล้านกลางๆ เดินเข้าโชว์รูมแล้ว ดูอัตราส่งต่อเดือนแล้วส่งได้แน่ๆ แต่ผม่ผมมาฉุกคิดอีกทีว่าเกิดวันนึงค้าขายไม่เหมือนเดิม ยอดขายตก เก็บสต็อคมากขึ้น กำไรลดลง บลๆๆๆ คิดเยอะมาก สุดท้ายไปจบที่Camry2.4 ทุกวันนี้คุณแม่Happy เพราะ2ปีต่อมาน้ำท่วมใหญ่ โรงงานผมโดนด้วยเสียหายไปไม่น้อย แต่ก็ซ่อมแซมได้ไม่มีปัญหาไม่ต้องไปกู้สินเชื่ออะไรเพิ่ม แม่ผมก็ไม่เคยไปสนใจE200อีก
เจ้าของเงินจะตัดสินใจยังไง อันนี้ก็แล้วแต่ครับ ;D
-
เคยมีประสบการณ์จากรถคันแรกครับ ระหว่าง civic กับ city สุดท้ายตอนนั้นเอาที่ชอบ ซื้อ civic สุดท้ายเหนื่อยเกินจน มาตอนนี้ คือ กรณีเดิมซ้ำรอย คันที่ 2 ระหว่าง city top กับ altis esport ก็ยังคงต้องตัดสินใจอีก ปต่คราวนี้ผมมีเวลาคิดนาน อีก 6 เดือน ปละตอนนี้กำลังหารายได้เพิ่มถ้าไปได้ดีคงไปเอา altis แต่ถ้าไม่ดีมากหรือต้องลงทุน คงต้องไปเอา city แต่สำหรับคุณผมว่าถ้ารายได้ ไม่ได้หาเพิ่มเร็วๆนี้ ผมว่าเอา b segment เถอะ เชื่อผมการผ่อนรถเหนื่อยมันทำให้คุณขาดอะไรในชีวิตไปอีกเยอะ
-
เลือกตัวที่ชอบในงบที่ผ่อนสบายครับ ผ่อนสบายคือ ค่างวดไม่กระทบชีวิตก่อนซื้อรถ
-
ผ่อนสบาย ครับ
เผื่อฉุกเฉิกจะได้ไม่เดือดร้อนมาก
ไว้การเงินมั่นคง แล้วค่อยว่ากันใหม่
อย่าลืมว่ารถ 1 คันไม่ได้อยู่กับรถไปตลอดชีวิตนะครับ
อนาคตได้เปลี่ยนแน่นอน
-
ที่เลือกผ่อนสบาย เพราะจะได้สบาย มีรถไปกับครอบครัวอย่างมีีความสุข
รถถูกใจเรา แต่ไม่มีความสุข เพราะต้องเหนื่อยกับการผ่อน
แต่รถไม่ถูกใจร้อยเปอร์เซนต์ แต่ว่าไปกับครอบครัวที่ถูกใจและมีความสุขดีกว่า มีเงินเหลือ มีเงินพาครอบครัวไปหาความสุข ดีกว่าได้สุขแค่รถถูกใจครับ
;D
-
แนะนำว่าเลือกผ่อนสบายครับ
ซื้อมาแล้ว ต้องไม่หนักเราเกินไป ไม่งั้นเราจะเครียดเปล่าๆครับ
ผ่อนสบายมีเงินเหลือ เอาไปทำอย่างอื่นได้เยอะครับ
-
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ เป้นประโยชน์และให้แง่คิดมากๆ
ทีนี้ ก็เหลือแต่ผมที่ต้องตัดสินใจแล้ว
;D
-
เหมือนมันต้องเลือกรถที่อยากได้น๊ะครับ เพราะจุดประสงค์คือ รถครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการใช้งาน
-
ถ้าโจทย์นี้ ผมจะหันไปมองพวก Avanza หรือ Ertiga ครับ
:D :D
-
นอกจากค่าผ่อน
ยังมีค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ ตามมาอีกนะครับ
ลองคำนวณรายรับรายจ่าย และกำลังวังชาดู
-
ช้อยส์เดียวกับผมเลย แต่ผมเลือกแบบนี้นะครับ ผมเลือกรถที่เราชอบมากกว่าครับ ถึงจะผ่อนหนักหน่อยเราก็เก็บเงินดาวน์ให้ได้เยอะๆซิครับ เก็บเงินดาวน์ให้ได้เยอะพอที่จะทำให้เราผ่อนแบบไม่เหนื่อยมากน่ะครับ ได้รถช้าหน่อยแต่ถูกใจผ่อนก็ไม่เหนื่อยมาก ที่บ้านมีรถใช้อยู่แล้วผมว่าทนเก็บเงินดาวน์อีกซักหน่อยดีกว่าครับ ;D
-
สามารถมองไปถึง CX5 ได้
จัดพวก C-segment ตัวล่างๆ น่าจะบาลานซ์เรื่องค่างวดและการใช้งานได้ดี
และถ้าเน้นรถใช้งานแบบครอบครัว ลองมองพวกกลุ่มรถตลาดหน่อยอย่าง
Altis 1.8E , Civic 1.8S แทน MZ3 ก็ดีครับ
-
ถ้ารู้ตัวว่า ผ่อนเหนื่อย ไม่เวิคแน่ๆครับ รายจ่ายมันไม่แน่นอน ไหนจะค่ารักษาพยาบาลอีก
ถ้า B-segment มันเล็กไป แล้ว SUV คันละเป็นล้านมันผ่อนเหนื่อย ก็เลือกทางสายกลางสิครับ รถ C-segment คันละ 8-9 แสน น่าจะพอไหวนะ
-
เป็นผมคงจะเลือกผ่อนสบาย
แต่เท่าที่อ่านเหมือน จขกท. ไม่อยากได้ผ่อนสบายหรอก อยากได้รถ C Seg หรือ SUV ไว้วิ่งทำงาน ตจว.
เป็นผมคงจบที่ มือ 2 ที่เป็น C Seg หรือ SUV ในราคา B หรือขยับไปเล่น D Seg ปีเก่าหน่อย แล้วเก็บเงินส่วนที่เหลือไว้เติมตอนผ่อน swift หมด แล้วเปลี่ยนคันใดคันหนึ่งเป็น SUV ในอนาคต