Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: korakodlove ที่ กรกฎาคม 23, 2014, 08:10:20
-
อยากจะรู้ว่ารถมือ2 ที่ใช้งานวิ่งมาแล้ว สมมุติว่า 150,000 กิโลเมตร ถ้าซื้อมาต้องซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ไหมครับ
อยากจะรู้ว่าการสึกหรอของเครื่องยนต์เยอะรึป่าวครับกับระยะทางเท่านี้
หรือว่าขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเก่าว่าบำรุงรักษามาอย่างไรครับ
ขอความรู้นิดนึงครับ เนื่องจากว่าดูๆรถอยู่แต่พอเจอเลขไมล์เยอะๆแล้ว ก็ทำให้ความอยากได้ลดน้อยลงครับ
-
แล้วแต่การบำรุงรักษา กับวิธีการใช้งานของเจ้าของเก่า
ก็ถ้าซื้อมา เปลียนสายพานใหม่หมด เปลี่ยนของเหลวทั้งหมด
ส่วนที่เหลือก็ซ่อมตามอาการ แล้วก็ทำใจเพราะซื้อรถมือ 2
-
อยู่ที่การบำรุงรักษาของเจ้าของเดิมเค้ามากกว่าครับ
จริง ๆ แล้วเลขไมล์น้อย ๆ ก็ใช่ว่าจะดีนะครับ รถที่ใช้งานน้อยเกินไป จอดมากกว่าขับ
ถือว่าเครื่องยนต์ทำงานหนักนะ เพราะน้ำมันยเครื่องมันจะตกลงอ่างมากเกินไป เวลาสตาร์ทก็สึกหรอกง่ายขึ้น
รถที่เจ้าของใช้งานสม่ำเสมอ จะสึกหรอน้อยกว่า อีกอย่างน้ำมันเครื่องที่เจ้าของเดิมใช้ก็มีผลพอสมควรด้วยครับ
เวลาผมเลือกรถมือสอง สิ่งแรกที่ผมจะดูคิอภายในห้องโดยสารนะ
ถ้าสภาพภายในดูดี ไม่ช้ำ ก็แสดงว่าเจ้าของเดิมเค้าเป็นคนรักรถพอสมควรแร่ะ
ประมาณได้ว่าพวกเครื่องยนต์ก็ต้องดูแลดีพอสมควรด้วย
หากภายในช้ำ ผมก็ไม่เอาแระ เจ้าของไม่รักรถอ่ะ
-
อยากจะรู้ว่ารถมือ2 ที่ใช้งานวิ่งมาแล้ว สมมุติว่า 150,000 กิโลเมตร ถ้าซื้อมาต้องซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ไหมครับ
อยากจะรู้ว่าการสึกหรอของเครื่องยนต์เยอะรึป่าวครับกับระยะทางเท่านี้
หรือว่าขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเก่าว่าบำรุงรักษามาอย่างไรครับ
ขอความรู้นิดนึงครับ เนื่องจากว่าดูๆรถอยู่แต่พอเจอเลขไมล์เยอะๆแล้ว ก็ทำให้ความอยากได้ลดน้อยลงครับ
ถ้าเข้าศูนย์รถเช็คระยะปกติ ไม่มีปัญหาครับ แต่ส่วนที่สึกหรอที่ต้องทำใจ คือ ช่วงล่าง โช็ค สปริง ยางแท่น ยางขอบประตู อาจะเสื่อมไปแล้ว เพราะคงจะไม่เปลี่ยนกัน ยางที่ใช้อยู่ดูว่าเปลี่ยนมาก่อนขายนานเท่าไหร่ ถ้ามีให้เราใช้ได้สัก 1-2 ปีจะดีมาก อีกส่วนนึงที่อาจทำให้รำคาญใจอย่างมากคือ เสียงก็อกแก็กภายในห้องโดยสาร ถ้าตีนหนัก ไม่รักษารถละก็ คงจะมีชิ้นส่วนหลวมไปพอตัว ถ้าเป็นไปได้เจ้าของเก่ามีการเก็บใบเสร็จเช็คระยะไว้หรือมีการเซ้นในสมุดประกันจะดีมาก ช่วยได้เยอะ ทางทีดีลองขับดูดีกว่า ถ้ารถไม่ได้ชนหนักมาก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ
-
เลขไมล์อย่าไปดูเลยครับ
ถ้าให้ผมตอบ จะแบ่งคำตอบได้ 2 ประเภทดังนี้
1. ในฐานะที่มีเพื่อนทำเต้นท์รถมือสองกันหลายคนมากๆ ทั้งที่สมัยก่อนเป็นเจ้าดังถนนกาญจนาภิเษกและปัจจุบันแปลงร่างเป็นเกรย์นำเข้ารถหรูยี่ห้อหนึ่ง
ส่วนอีกเต้นท์เป็นเต้นท์ทั่วไป ไม่จำกัดยี่ห้อย่านเลียบด่วนรามอินทรา และอีกเต้นท์แถวถนนกาญจนาภิเษก
ถ้าให้ตอบจะบอกว่า กรอ กันทั้งนั้นละครับ แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าของเต้นท์ว่าจะ กรอ เท่าไหร่ดี ..... บางคันที่ไม่กรอก็มีบ้าง แต่รถต้องไมล์น้อยและสภาพดีจริงๆ ครับ
2. ตอบในฐานะคนขายรถมือสองไปหลายคัน รถผมขายเองไม่เคยกรอครับและผมเปลี่ยนอะไหล่ทุกชิ้นก่อนอายุ
ถ้าเอารถปัจจุบันที่ประกาศขายและขายไม่ออก เพราะคนซื้อบอกราคาสูงไป หรือไมล์เยอะไปบ้าง
รถผม BMW S5 E60 ครับ เป็นตัวเบนซินปี 2006 เครื่อง M54 รถวิ่งไปจนถึงปัจจุบัน 194,000 กว่ากิโลเมตรครับ
คันนี้ก็เช่นเคย ประกาศขายแบบไม่กรอไมล์ อะไหล่เปลี่ยนมาแทบทุกชิ้น เกียร์ แอร์ เปล่ยนเรียบร้อย แค่ 2 รายการนี้ก็ประมาณ 2 แสน แร็คไฟฟ้ายังดี
แต่เวลาคนซื้อโทรมาถาม พอเจอไมล์ก็บอกว่าไมล์เยอะแล้วครับ หายกันหมด เพราะบอกว่า ไมล์เยอะ และแพงไป ถ้าไมล์เหลือสัก 100k จะน่าสนมากๆ
พูดแบบนี้แทบทุกคนครับ ถ้าคนซื้อที่ไม่สนใจไมล์ โดยส่วนใหญ่ที่ขายไปคือ เต้นท์รถมาซื้อครับ เพราะพวกนั้นเค้าเอาไปกรอไมล์กันเอง
อย่างตอนนั้นขายรถไป รถอายุ 2 ปี ครึ่ง วิ่งไป 150,000 ขายแค่ 8 แสนถ้วนๆ (ราคากลางรุ่นนั้นที่คนขายกันเองช่วงนั้น 9 กว่าๆ ครับ แต่ไมล์ผมเยอะกว่าชาวบ้านเค้ามาก ประกอบกับได้รถใหม่ ขี้เกียจเก็บ เลยขายถูกๆ โดยไม่ได้ไปตีเต้นท์ด้วยซ้้ำ)
สุดท้ายเต้นท์เอาไปกรอไมล์เหลือ 8 หมื่นกว่าๆ และประกาศขายที่ 1 ล้านถ้วนๆ (ตีไปว่าราคาจบได้สัก 9 แสน 5 หมื่น) ก็คุ้มแล้วครับ
เพราะเต้นท์ขายต่อไปได้ภายในเวลาแค่ 2 อาทิตย์ ...... จนตอนนี้ผมอยากได้รถสปอร์ตสักคัน ผมไม่กล้าซื้อรถเต้นท์นี้เลยครับ เพราะพี่แกลงว่าไมล์แท้ 40k กิโลเมตรบ้าง 30k กิโลเมตรบ้าง หุหุ
ป.ล ความเห็นส่วนตัวครับ
-
เลขไมล์ในการเลือกซื้อรถมือสองเป็นสิ่งที่มีความสำคัญน้อยมากๆเพราะมันกรอได้ครับ
เอามาใช้เองไม่ได้เอามาขายต่อแบบพ่อค้าดูสภาพเครื่อง เกียร์ และตัวถังเป็นหลักดีกว่าครับ
-
150000 km ของรถแต่ละคันคงไม่เหมือนกัน
บางคน ใช้ในเมือง รถติด 1.5แสนกิโลเมตร แต่มันอาจจะเป็น 3หมื่น ถึง 6หมื่นชั่วโมงที่เครื่องทำงานแบบรอบเครื่องโหลดจัด
แต่รถที่ใช้นอกเมือง แสนห้าหมื่นกิโลเมตร เครื่องยนต์อาจจะทำงานแค่ 1500 -3000 ชั่วโมงที่รอบคงที่
การดูแลบางคนใช้แต่น้ำมันเบอร์บาง ๆ ร้อน ๆ เครื่องเริ่มหลวมนิด ๆแล้ว
กับอีกคน ใช้น้ำมันเบอร์เหมาะสมกับอากาศ เครื่องยังไม่หลวมก็มี
ลองขับ ฟังเสียงเครื่อง น่าจะดีกว่าดูแต่เลขไมล์น่ะครับ
-
งั้นเอาเป็นว่า Jazz 2004 iDSI ตัวที่บ้านผมใช้อยู่นี้ ก็วิ่งมาสองแสนเศษๆ บนเส้นทางต่างจังหวัดเข้ามายังกรุงเทพเป็นหลัก วิ่งไปๆกลับๆ (บ้านอยู่ฉะเชิงเทรา) เข้ามาช๊อปปิ้งบ้าง รับลูกบ้าง (พ่อใช้ครับ) เค้าก็ดูแลตามระยะทาง อาบน้ำล้างเช็ดมันทุกอาทิตย์ เท่าที่อยู่กับบ้านผมมาจนตอนนี้มันก็ยังไม่เคยเจอปัญหาอะไรเลย จำได้ว่าเคยมีแอร์ไม่เย็นไปสองครั้ง ก็เอาเข้าอู่ข้างทางซ่อมหาย แต่เครื่องยนต์นี่ไม่มีปัญหาเลยครับ ก็เร่งอืดลงมานิดนึงบ้างจากสมัยมันใหม่ๆ แต่สภาพโดยรวมของรถก็ยังดูดีอยู่ ส่วนเจ้าเกียร์ CVT ที่ขึ้นชื่อลือชาว่า พอถึงสองแสนโลแล้วมันจะหอน จะพังไรนี้ คันนี้ก็ไม่เจอปัญหาอะไรครับ ก็ยังใช้งานได้ดีเหมือนวันแรกที่ได้มันมา
อีกคันคือ Corolla AE111 ซึ่งขายไปหลายปีแล้ว แต่ตอนที่ขายไปนั้นมันก็วิ่งไปจะสองแสนโลเหมือนกัน เจ้านั่นก็ไม่มีอะไรเสียเลยครับ เคยมีหนักสุดคือ เปลี่ยนหม้อน้ำไปหนนึงเพราะของเดิมผุ เลยเปลี่ยนหม้อใบใหม่ลงไปนิ้งๆ 3,000 บาทถ้วน และมีเปลี่ยนหม้อลมเบรคให้ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยหยุดรถได้ดีขึ้นหลังจากไปติดแก๊ซมาแล้วรู้สึกน้ำหนักรถที่มากขึ้นแล้วทำให้เบรคไม่มั่นใจ ก็เลยอัพขนาดหม้อลมพร้อมเปลี่ยนผ้าเบรคไป แต่ถ้าถามถึงพวกเครื่องยนต์จากประสบการณ์ที่ใช้มาทั้งสองคันก็ยังไม่พบว่ามีปัญหาอะไรครับ
คันสุดท้าย Prius TRD 2011 พ่อใช้อยู่ และใช้งานบ่อยมาก วิ่งเข้าๆออกๆกรุงเทพ ฉะเชิงเทรา เยี่ยมญาติทำธุระทั่วไป ตอนนี้ได้ยินว่าทะลุแสนห้าโลไปแล้วเหมือนกัน เห็นก็ปกติดีเหมือนวันที่มันเป็นป้ายแดงแหละครับ
ทั้งนี้ผมว่า ขึ้นอยู่กับการเอารถเข้าไปตรวจเช็คระยะตามปกติของคนที่ใช้งานมาก่อน และก็การดูแลรักษามันตามปกติครับ พรีอุสของลูกพี่ลูกน้องพ่ออีกคนนึง ซื้อมาพร้อมกัน แต่ใช้แล้วไม่ดูแลรักษา ขับไม่ถนอม ตอนนี้วิ่งไปน้อยกว่าของคุณพ่อผม แต่สภาพโทรมมากๆแบบไม่ไหวเลย แล้วตอนนั่งก็รู้สึกเหมือนเกียร์มันมีสะดุดๆยังไงไม่รู้ด้วย คงจะเกิดจากการขับออกตัวกระชากๆเป็นประจำของลุงเค้าครับ แบบนี้ก็จะส่งผลกับรถคันนี้ได้ แม้มันจะวิ่งมาไม่มากเท่าคันของคุณพ่อผมครับ
ปล. แจ๊ซคันที่พูดถึงตอนนี้คุณพ่อบอกขายอยู่ครับ ถ้าสนใจหลังไมค์มาคุยต่างหากได้ครับ หากผิดกฎรบกวนลบได้เลยครับ
-
ผมว่าเกี่ยวพอควร (ประกอบการฟังเสียง และตามอง) พอประเมินเคร่า ๆ ว่าจะต้องทำเกียร์เมื่อไร? ซ่อมช่วงล่างมีประวัติมาหรือยัง ฯลฯ ถ้าว่าจะมีการกรอไมล์ อาการช่วงล่างจะบอกว่า ไมล์ไม่จริง แบบนั้นผมไม่ซื้อ..
-
ผมว่าเป็นองค๋ประกอบหนึ่งนะครับแต่ต้องดูส่วนอื่นๆด้วยเช่นเครื่องยนต์ ภายใน ช่วงล่าง และก็ดูปีรถประกอบ ถ้า 150,000 โล ก็น่าจะมี 5 ปีขึ้นไป ผมใช้รถปีละ 25000 - 30000 โล
ของผมมือ 1 ถ้า 150,000 โล เนี่ยก็มีซ่อมเป็นระยะแล้วครับ เริ่มจากช่วงล่าง ก่อน แล้วก็ไปเครื่องยนต์ ถ้ารถตลาด หาอู่่นอกไว้ใจได้ก็พอซ่อมใช้ไปได้ครับ แต่ถ้ารถยุโรป ก็อะไหล่แพงหน่อย ส่วนเรื่องกรอไมล์ ถ้ารถเต็นท์ก็ ส่วนใหญ่กรอไมล์ เพื่อการตลาด(ความเห็นส่วนตัวครับ)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบ และความต้องการใช้งานครับ
-
เลขเข็มไมล์ที่โชว์มันก็แค่ตัวเลข ผมว่ามันขึ้นกับการดูแลของเจ้าของมากกว่า
ถ้ารถวิ่งเยอะดูแลถึง สภาพรถก็ยังดี
รถวิ่งน้อยไม่ดูแลบางทีโทรมหนักเลย
รถผม เข็มไมล์ สามแสนกว่าแล้วยังวิ่งดีไม่มีปัญหา คือถึงเวลาอะไรควรเปลี่ยนหรือซ่อมผมทำหมด
-
หลังจากรถมือสองผ่านมือมา8คัน BMW ล้วนๆ
เคยซื้อที่วิ่งมามากสุด 180,000 กับรถปี2004 ซื้อตอน2011 ซ่อมไม่หนักเท่าคันวิ่ง 110,000 คับ ว่าด้วยไมล์แท้ทั้งหมดนะคับ
แต่สภาพภายในและพวกยางที่อยู่ในห้องเครื่อง สภาพแทบแยกกันไม่ออกเลยคับ ไกล้เคียงกันมาก
เครื่องรถสมัยนี้แค่ถ่ายของเหลวตรงระยะ ใช้ของเกรดตามศูนย์แนะนำ ก็ทนกันเกิน3แสนกิโลแล้วนะคับ << นับแค่เรื่องเครื่องนะ
-
รถผมจะ270,000kmsอยู่รอมร่อ แต่สภาพรถทุกอย่างดีกว่ารถเลขไมล์น้อยกว่าเท่าตัว
มันอยู่ที่เจ้าของเก่า อย่างผมเองนี่ถ้าไม่ดีเปลี่ยนหมด จะ2000หรือ50000บาท ผมก็เปลี่ยน
เพราะผมไม่ได้ซื้อรถมาเผื่อขาย เพราะฉะนั้นผมตะบี้ตะบันเปลี่ยนซ่อมแบบไม่คำนึงราคาขายต่อครับ
-
ขึ้นอยู่กับเจ้าของเดิมล้วนๆตามข้างบนๆเลยครับ
ถ้าตีว่าไมล์แท้หมดรถวิ่งมา 150,000 อาจจะดูน่าใช้กว่ารถวิ่งมา 100,000 อีก คงต้องฟังเสียงดูสภาพเครื่องลองขับดูล่ะครับ
-
ดูประวัติการบำรุงรักษาด้วยครับสัมพันธ์กับเลขไมล์มั้ยครับ
-
อยู่ที่การบำรุงรักษาของเจ้าของเดิมเค้ามากกว่าครับ
จริง ๆ แล้วเลขไมล์น้อย ๆ ก็ใช่ว่าจะดีนะครับ รถที่ใช้งานน้อยเกินไป จอดมากกว่าขับ
ถือว่าเครื่องยนต์ทำงานหนักนะ เพราะน้ำมันยเครื่องมันจะตกลงอ่างมากเกินไป เวลาสตาร์ทก็สึกหรอกง่ายขึ้น
รถที่เจ้าของใช้งานสม่ำเสมอ จะสึกหรอน้อยกว่า อีกอย่างน้ำมันเครื่องที่เจ้าของเดิมใช้ก็มีผลพอสมควรด้วยครับ
เวลาผมเลือกรถมือสอง สิ่งแรกที่ผมจะดูคิอภายในห้องโดยสารนะ
ถ้าสภาพภายในดูดี ไม่ช้ำ ก็แสดงว่าเจ้าของเดิมเค้าเป็นคนรักรถพอสมควรแร่ะ
ประมาณได้ว่าพวกเครื่องยนต์ก็ต้องดูแลดีพอสมควรด้วย
หากภายในช้ำ ผมก็ไม่เอาแระ เจ้าของไม่รักรถอ่ะ
+1
-
เอารถผมมั้ยเลขไมล์แค่ 1,400 กม. + ครับ อิอิ
อายุเดือนเศษๆ ขายครับ สนใจ inbox นะครับ
ปล.ส่วนตัวการซื้อรถมือสองจะขอดูเลขไมล์และ
เช็คกับศูนย์บริการว่ารถคันนี้เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
เลขไมล์เท่าไหร่ ทำอะไรไปบ้างครับ เช็คแบบนี้แล้วสบายใจครับ
ซื้อแล้วก็ service ต่อเลย ยกเว้นการซื้อกับเตนท์ที่จะไม่ค่อยรู้อะไรกับรถคันนี้เท่าไหร่
-
ถ้าเครื่องอย่างเดียว แล้วดูแลตามระยะ ไม่เคยฮีท แค่นี้ชิลๆครับ
ขึ้นกับปีรถด้วย ลองคำนวนดูว่า รถคันนี้ ใช้วันละกี่โล เดือนละกี่โล
คำถามที่น่าห่วงกว่าคือ ไมล์จริงรึป่าว
-
อยู่ที่การบำรุงรักษาของเจ้าของเดิมเค้ามากกว่าครับ
จริง ๆ แล้วเลขไมล์น้อย ๆ ก็ใช่ว่าจะดีนะครับ รถที่ใช้งานน้อยเกินไป จอดมากกว่าขับ
ถือว่าเครื่องยนต์ทำงานหนักนะ เพราะน้ำมันยเครื่องมันจะตกลงอ่างมากเกินไป เวลาสตาร์ทก็สึกหรอกง่ายขึ้น
รถที่เจ้าของใช้งานสม่ำเสมอ จะสึกหรอน้อยกว่า อีกอย่างน้ำมันเครื่องที่เจ้าของเดิมใช้ก็มีผลพอสมควรด้วยครับ
เวลาผมเลือกรถมือสอง สิ่งแรกที่ผมจะดูคิอภายในห้องโดยสารนะ
ถ้าสภาพภายในดูดี ไม่ช้ำ ก็แสดงว่าเจ้าของเดิมเค้าเป็นคนรักรถพอสมควรแร่ะ
ประมาณได้ว่าพวกเครื่องยนต์ก็ต้องดูแลดีพอสมควรด้วย
หากภายในช้ำ ผมก็ไม่เอาแระ เจ้าของไม่รักรถอ่ะ
+1
+1 ด้วยอีกคนครับ
-
บางทีดูรถตาม one2car
จะดูว่าคันไหนวิ่งเยอะ วิ่งน้อย ผมก็ดูเบาะคนขับกับพวงมาลัยแหะ
บางคันเบาะย่น เน่า พวงมาลัยมันแผล็บ จะติ๊ต่างว่าใช้งานหนักและไม่ค่อยดูแล
-
ที่บ้านผม Camry ไฟไม้บรรทัด วิ่ง 220000km แล้วครับ ติดแก๊สเมื่อตอน 180000km
ทุกวันนี้ใช้งานดีมากๆ ไม่ต้องคอยซ่อมอะไรเลย ทำช่วงล่างอย่างเดียว 8000บาท ที่เหลือเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามอายุ