Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YIM ที่ สิงหาคม 06, 2014, 02:46:59
-
คือสงสัยว่ามันเกี่ยวกับเศรษฐกิจอย่างเดียว หรือปัจจัยอื่นด้วย เพราะก่อนปี 40 นอกจาก Camry, Corona, Cressida, Accord, Cefiro แล้วยังมี 626, Galant, Mondeo แล้วอื่นๆ แต่ทำไมหลังจากนั้น D-Segment พวกนี้ก็หายไป แล้วลักษณะตลาดหลังจากนั้นก็ไม่เอื้ออำนวยกับการขายรถ D-Segment อีกครับ หรือเพราะคนไทยจนลงอย่างถาวรหลังปี 40 ครับ
-
Mitsubishi Galant ประกอบนอกนะครับถ้าจำไม่ผิด ยอดขายคงไม่คุ้มที่จะนำเข้ามาอีก
ส่วนตัวอยู่อเมริกา ทุกวันนี้เห็นรถรุ่นนี้นับคันได้เลยครับ ไม่ใช่รถที่เห็นทุกวัน
Ford Mondeo กับ Mazda 626 คุ้นๆว่าประกอบนอกเหมือนกัน คิดว่าน่าจะเหตุผลเดียวกับ Galant ครับ
Toyota Corona นั้น คิดว่าทางToyota น่าจะมองว่าคล้ายกับ Camry เกินไป แข่งกันเองเปล่าๆ
เลยเอา Camry ไว้ และหันไปพัฒนา Corolla ให้ดีขึ้นแทน
อีกเหตุผลนึง อาจจะเป็นเพราะ ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งค่าน้ำมันนั้น
สูงขึ้นอย่างไม่มีวันหยุดตั้งแต่ปี 2540 ครับ
คนไทยเลยเริ่มหันมาใช้รถเล็กลงกันมากขึ้นเรื่องๆ
ถ้าจำไม่ผิดช่วงนั้น Toyota Corolla (สามห่วง) กับ Honda City / Civic นี้ขายดีมากเลยทีเดียว
อันนี้ไม่คอนเฟิร์มนะครับ ช่วงปี 40 เรายังเพิ่ง สี่-ห้า ขวบอยู่เลย ;D
-
ชอบMondeoมากอะ มองแวบแรกสิ่งที่คิดคือ แอสตั้นกะมัสแตงมีลูกออกมาเป็นคันนี้ใช่ไหม
แต่ถ้าฟอร์ดยังมีปัญหากะเกียร์อยุ่ มาจริงก็ไม่กล้าซื้ออะ
-
รายรุ่น รุ่นย่อยใกล้กันเกิน ไม่คุ้มทุน เมืองไทยมีการยุบ corona (แต่ยังผลิต altis และ camry)
แต่ crown หายไปจากตลาด ตอนนี้โตโยต้าน่าจะผลิต crown มาขายในไทยบ้าง
toyota cressida ก็ไม่ค่อยเจอบนท้องถนนสมัยนั้น เอามาขายไม่คุ้มต้นทุน
Mitsubishi Galant สมัยนั้นเจอบ่อยมาก ขายดี ปัจจุบันหายไป น่าเสียดาย
ส่วน Ford mondeo เนี่ยมันสุด super rare ไอเทม ในตลาดต่างจังหวัดครับ รุ่นหลังเลยกร่อยและไม่นำเข้าอีก
ช่วงปี 40 ผมจบ ป.ตรี แล้วครับ
สมัยนั้นคนขับรถยนต์คือคนรวย
ขับกระบะฐานะกลางๆ แต่ถ้าเป็น ISUZU Rodeo นี่ ขับแล้วสาวๆ ต่างจังหวัดมองตรึม คนเป็นแม่จะยกลูกสาวให้อย่างเดียว
-
626 มาแป๊กตอนเป็นบอดี้ GF
แต่สมัยนั้นก็ถือว่าให้ของมาเยอะ มี side airbags ให้ด้วย
รุ่นแรกในบรรดา D segment ญี่ปุ่นที่ขายในไทยเลยละมั้ง
เดาว่าที่ขายไม่ดี เพราะหน้าตาที่มีเสน่ห์น้อยลงกว่า CRONOS
Galant Ultima มี ทั้ง CKD และ CBU ครับ
CORONA นั้น จุดเปลี่ยนสมัยนั้น
เพราะ ACCORD เลือกที่จะเอาตัว CG งูเห่า มาทำตลาด แทนที่จะเป็นตัว CF, CL แบบในญี่ปุ่น
และ CORONA JDM ตัว Premio นั้น บอดี้ก็ดูเล็กกว่า งูเห่า และ CEFIRO ชัดเจน
ประกอบกับตอนนั้นมีการนำเข้า CAMRY SVX 20 อยู่แล้ว
ซึ่งขนาดใกล้เคียงกัน แต่ชื่อชั้นดู class สูงกว่า (ในความคิดของคนไทยสมัยนั้น)
ก็เลยให้ CAMRY มาประกอบในประเทศ และ รับหน้าที่แทน Corona
ถ้าย้อนกลับไปช่วง 20 กว่าปีก่อน
FORD มี D segment หลายตัวในไทย เช่น GRANADA, TELSTAR (แฝด 626, cronos)
Mondeo Mk II นำเข้ามาประมาณ ปี 98 ช่วงหลังต้มยำกุ้ง
โดยรวม ผมว่ามันไม่ค่อยน่าสนใจครับ
อุปกรณ์ติดรถน้อยกว่าพวก D segment ในประกอบในประเทศ
บ้านเราสั่งเข้ามากระจกหลังยังมือหมุนอยู่เลย
ส่วนยอดขาย ก็คงไม่ต้องสืบ
นอกจากนั้นก็เป็นพวก OPEL OMEGA, VECTRA ยังจำกันได้อะเปล่า ;D
รถยุโรปที่ยังขายได้ในช่วงนั้น จะเป็น 406, PASSAT ซะมากกว่า
-
สมัยนี้ผมมองว่าระบบการจัดการมันเปลี่ยนไป ผู้ผลิตรถยนต์มีบทเรียนหลายบทเรียนทั่วโลก
จึงทำให้มีความระมัดระวังทำตลาดมากขึ้น บวกกับภาษีกีดกันรถนำเข้าอีก ทำให้ราคามันสู้รถผลิตในประเทศไม่ได้เลย
พอจะให้เขามาลงทุนประกอบ เขาก็ไม่เอา เพราะขนาดตลาดใหญ่พวก b-segment แบรนด์รอง
ยังสู้เขาไม่ค่อยจะได้ ถ้าไหนๆ ก็มีรถแปลกๆ ผลิตในไทยเยอะอยู่แล้ว ก็ช่วยตัดแบ่งขายมาให้คนไทย
ใช้บ้างสิ :(
-
เค้กชิ้นนี้มันช่างชิ้นเล็ก เมื่อเทียบกับ C B segment หรือ Eco car ขายกันอยุ่ 3 ยี่ห้อยังไม่เยอะสะใจเท่าไหร่เลยคับ นานๆทีจะรวมกันได้เกิน 2000
คัน ด้วยราคามันด้วยล่ะคับ จิงๆเหมือน Toyota Honda Nissan ทำรถ segment นี้มาโชว์ความหรูกันเฉยๆ อีกอย่างนึงมันมีเรื่องนี้ด้วยคับคือ เท่าที่
ผมเคยศึกษารถ segment นี้ 20-30% เป็นรถ Fleet รถ Lease จากบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ บริษัทที่เป็น supplier กันหรือมี Connection
กันเค้าจะซื้อยี่ห้อเดิมตลอดไม่เปลี่ยนยี่ห้อ แน่นอนคับ Toyota และ Honda มียอดขายที่สูงกว่า Nissan เพราะฉะนั้น Supplier เยอะกว่าแน่นอน
เพราะฉะนั้น Camry Accord จะมีรถผู้บริหารเยอะกว่า แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้เปลี่ยนทุกๆ 3-4 ปีกันทั้งนั้น Mitsubishi Mazda Ford คงไม่อยากร่วมแจม
เพราะทุนจะได้คืนป่าวยังไม่รุ้เลยคับ
-
รอลุ้น Hyundai Sonata ตัวใหม่ล่าสุดให้มาประกอบมาเลย์ แล้วทำราคาขายใกล้เคียงกับแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Elantra
ในอนาคตถ้า MG ทำ D-Segment ผมว่ายังไงก็ต้องประกอบขายในไทยอยู่ดีนะครับ.....
-
มันไม่คุ้มที่จะขายครับเพราะมันแพงขึ้นแล้วเหมือนคนไทยเราก็จนลงหลังปี40ยอดขายเลยน้อยขนาดเจ้าใหญ่อย่างโตโยต้าฮอนด้านิสสันยังได้แค่ไม่กี่ร้อยคันเองอย่างดีก็เกือบพันครับ พวกเจ้ายุโรปเอามาส่วนมากก็ประกอบนอกราคาก็แพงอีกคนก็เลยไปเล่นเบนซ์บีเอมหมดดูอย่างpassat cc หรือskoda superbตัวปัจจุบันก็ได้ราคาจริงๆก็ไม่ได้แพงถ้าไม่นับภาษีนำเข้าแทบจะนับคันบนถนนได้เลย ส่วนตัวผมยังคิดถึงอีกหลายรุ่นทั้ง406 xantia galant 626 แต่ก็เสียดายmazda6เหมือนกันไม่มาแล้วใช่มั้ย
-
รายรุ่น รุ่นย่อยใกล้กันเกิน ไม่คุ้มทุน เมืองไทยมีการยุบ corona (แต่ยังผลิต altis และ camry)
แต่ crown หายไปจากตลาด ตอนนี้โตโยต้าน่าจะผลิต crown มาขายในไทยบ้าง
toyota cressida ก็ไม่ค่อยเจอบนท้องถนนสมัยนั้น เอามาขายไม่คุ้มต้นทุน
Mitsubishi Galant สมัยนั้นเจอบ่อยมาก ขายดี ปัจจุบันหายไป น่าเสียดาย
ส่วน Ford mondeo เนี่ยมันสุด super rare ไอเทม ในตลาดต่างจังหวัดครับ รุ่นหลังเลยกร่อยและไม่นำเข้าอีก
ช่วงปี 40 ผมจบ ป.ตรี แล้วครับ
สมัยนั้นคนขับรถยนต์คือคนรวย
ขับกระบะฐานะกลางๆ แต่ถ้าเป็น ISUZU Rodeo นี่ ขับแล้วสาวๆ ต่างจังหวัดมองตรึม คนเป็นแม่จะยกลูกสาวให้อย่างเดียว
ถ้า crown ประกอบไทยผมซื้อเลยนะนั่น เพราะเกรย์นำเข้ามาก็2ล้านกว่าๆ ประกอบไทยตัว2.5ราคาคงน่าคบกว่าเล็กซัสแน่ๆ
-
C-seg สมัยนี้ ขนาดก็พอๆ กับ D-seg สมัยก่อนแล้ว
ซื้อแค่ C-seg ก็เพียงพอสำหรับครอบครัวสมัยใหญ่ที่สมาชิกไม่ได้มากเหมือนสมัยก่อน
และยังมี Compact SUV มาเป็นตัวเลือกเพิ่มอีก ยอด D-seg จะลดลงก็ไม่แปลก
-
อยากเห็น mazdaspeed 6 ฉีกแนว สร้างจุดเด่นออกมาเลย
-
ผมว่าคนไทยจนลงครับ
และคนกลุ่มที่รุ่งเรืองในยุค 2530 ตอนนี้ ก็แก่แล้ว
ความจำเป็นที่จะต้องขับรถคันใหญ่ๆ ก็เริ่มหมดไป
ที่น่าเป็นห่วงเรื่องยอดขาย นอกจาก D-seg แล้วก็เป็น C-seg
ผมว่าขายเยอะไปครับ อนาคตคงต้องมีใครหายแน่ๆ ;)
-
ถ้าเอาแค่ราคาเปรียบเทียบ 1.5 ล้าน
บางคนไม่ซื้อรถ D แล้ว แต่จะไปซื้อรถแบบฟอร์จูนเนอร์แทน เพราะยังมี C ขับอยู่
สรุปก็คือ ในราคาระดับนี้ สมัยนี้มีตัวเลือกเยอะขึ้นครับ
-
ผมว่า D Segment ในตลาดยังขาดตัว 5 ประตูอยู่
-
พฤติกรรมการซื้อรถของคนไทย จะพูดแค่ D-segment คงไม่ได้ครับ แทบจะต้องพูดถึง รถราคา 1.0-1.7 ล้านทั้งหมด ที่มีใช่รถยุโรป
เพราะหลายๆคน แม้ใช้รถในเมืองเป็นหลัก ไม่มีครอบครัว คนนั่งไม่เยอะ แต่ออกรถ SUV ก็มีเยอะแยะครับ อีกอย่าง รถ D-segment ในความคิดคนไทย
คือเป็นรถหรู แต่สำหรับคนที่ยังไม่อยากซื้อรถยุโรป เพราะกลัวเรื่องค่าบำรุงรักษา หลายๆคนก็ซื้อเพราะสมรรถนะ และ ภาพลักษณ์ มากกว่าที่จะซื้อ
ในแง่การใช้งานครับ
-
ขนาดรถมันใหญ่ขึ้น น่ะครับ เช่นตอนนี้ F30ใหญ่เท่า E39
หรือ Altis 1.6 ใหญ่กว่า Colona 2.0
Almera 1.2 ใหญ่กว่า Sunny 1.5
-
นับตั้งแต่มีวิกฤตการณ์น้ำมันแพง ทำให้มีความต้องการรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น ก็ต้องลดน้ำหนักลง จึงมีผลไปถึงนิยมขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม ไม่ได้เป็นเฉพาะคนไทย แนวโน้มความนิยมขนาดรถยนต์ที่เล็กลงกว่าในอดีตนั้นเป็นทั้งโลกครับ
ในบ้านเราสัดส่วนของคนซื้อรถขนาด D segmentลดลงกว่าอดีต ยิ่งแนวโน้มอนาคตที่คนไทยจะเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น โตขึ้นแยกไปอยู่ต่างหากจากพ่อแม่มากขึ้น ยิ่งไม่ต้องการรถขนาดใหญ่ๆแล้ว แล้วมาผสมกับปัญหาจราจร/ที่จอดรถ จะยิ่งให้ลดความนิยมในรถขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็อาจยังมีบ้างที่ต้องการรถใหญ่เพื่อนั่งสบาย แต่อีกผลเพื่อแสดงสถานะหน้าตาทางสังคมเศรษฐกิจ เช่น เจ้าของกิจการ เซลแมน(ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลส่วนใหญ่มากว่าเหตุผลความสบายก็ได้) แต่ผุ้ผลิตรถก็มาปรับเพิ่มขยายขนาดรถในsegmentล่าง ให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยกว่าเดิมเพื่อความสบายขึ้น
เมื่อความนิยมในขนาด D segmentลดลง ส่วนแบ่งในตลาดแต่ละยี่ห้อก้น้อยลงโดยเฉพาะ รถที่ไม่ใช่กลุ่มเจ้าตลาด ก็คงต้องถอนตัวออกไปเลย ไม่คุ้มค่าในการทำตลาด ไปต่อสู้ในsegmentอื่นดีกว่า
ขณะเดียวกันความนิยมในรถอเนกประสงค์มากขึ้น ทั้ง ปิคอัพ SUV PPY ก้น่าจะแย่งตลาด D segmentไปอีกส่วนหนึ่งในแง่ของผู้นิยมรถใหญ่ๆ
แต่เหตุผลว่าคนไทยจนลงนั้น คงจะไม่ใช่ เปรียบเทียบกับอดีต- ครอบครัวที่มี TV, มีรถจักรยานยนต์ ,มีรถยนต์/ปิกอัพ มีมากกว่าในอดีตมากมาย
อย่างไรก้ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี่ในระยะหลัง(เช่น direct injection,hybrid,turbo) ทำให้สามารถผลิตรถยนต์ให้มีความประหยัดใกล้เคียงกัน ไม่ค่อยแตกต่างกันระหว่างรถต่างsegmentมากนัก ในอนาคตเหตุผลความประหยัดอาจเป็นรองเหตุผลเรื่องปัญหาการจราจร/ที่จอด ต้องรอดูแนวโน้มที่เปลี่ยนไป....
-
อาจารย์ผมบอกว่าสมัยช่วงฟองสบู่ก่อน 40 ช่วงนั้นเงินขาดสมรรถะภาพมากๆ คนได้เงินมาง่ายเกินไป แล้วเอาเงินไปซื้อของไม่จำเป็น
ช่วงนั้นรถเบนซ์จะเยอะมากๆ
ถ้าผมเอามาตีความในภาวะเดียวกันเบนซ์ยังเพียบเลย D-segment ก็น่าจะขายได้แทบทุกค่าย แต่ถ้าก่อนหน้าเกิดฟองสบู่ผมไม่ทราบครับ
-
บ้านผมเลนครับถอย mondeo มา rareitem สุดๆ. เมื่อ20ปีที่แล้วขับไปต่างจังหวัดผ่านแถวๆวังน้อยยังคุยกันเลย ขนาดวังน้อยยังมีศูนย์ford
ผ่านไปใกล้ๆดูอ้าว ford tractor.
แต่รถสมัยนี้ใหญ่ขึ้นเยอะครับ ไม่น่าเชื่อ มาสด้าสามsky. ยาวกว่าmondeo เกือบ10เซยต์. ฐานล้อสั้นกว่า5มิล
รถมันโตขึ้นครับ
-
altis 2014 ใหญ่กว่า accord ตาเพชร ปี 1992
สำหรับบางคนแล้ว เลือกที่ขนาดรถเป็นหลัก ทำไมต้องจ่ายแพงกว่า
-
บ้านผมเลนครับถอย mondeo มา rareitem สุดๆ. เมื่อ20ปีที่แล้วขับไปต่างจังหวัดผ่านแถวๆวังน้อยยังคุยกันเลย ขนาดวังน้อยยังมีศูนย์ford
ผ่านไปใกล้ๆดูอ้าว ford tractor.
แต่รถสมัยนี้ใหญ่ขึ้นเยอะครับ ไม่น่าเชื่อ มาสด้าสามsky. ยาวกว่าmondeo เกือบ10เซยต์. ฐานล้อสั้นกว่า5มิล
รถมันโตขึ้นครับ
ของผมยังอยู่เลยครับ Mondeo 1995 (ผลิต1996) วิ่งหกแสนกว่าโลแล้วครับ ลุยกับช่างนครปฐมไม่กลัวทุกปัญหาแล้ว ยกเว้นหาอะไหล่ไม่ได้ สมัยนั้นถือว่าเยอะแล้วเมื่อเทียบกับกับAcoord/Corona ราคาแปดแสนเจ็ด มี แอร์แบคคนขับ ,ABS ,เข็มขัดมีpretensionerแล้ว
แต่ช่างไม่เก่งทั้งช่างนอกช่างในศูนย์ยำกันเละ ในเว็บแนะนำขายทิ้งกันเลย จริงๆถ้าเข้าใจไม่มีอะไรเท่าไหร่ เว้นแต่สายไฟ/ท่อยาง กรอบ แตก รั่ว ง่าย รวนเรงงๆกันไปหลายระบบ
ตัวนี้ปััจจุบันที่ใช้(ใช้น้อยมากแล้ว) ยังซับแรงสะเทือนได้ดีกว่า all new Focus Gdi เสียอีก
เคยอ่านที่หนึ่ง สมัยนั้นจัด mondeo ไปไว้ในกลุ่ม segment CD กึ่งกลางระหว่าง C-D
-
แสดงว่าแนวโน้มที่รถกลุ่ม C-segment จะเป็นที่นิยมน้อยลง เพราะมีรถกลุ่ม B-segment ขึ้นมาแทนที่ก็เป็นไปได้สินะครับ
-
น่าเป็นห่วงอนาคตของกลุ่ม D จริงๆครับ เป็นรถขนาดที่ผมชอบเลย
-
แสดงว่าแนวโน้มที่รถกลุ่ม C-segment จะเป็นที่นิยมน้อยลง เพราะมีรถกลุ่ม B-segment ขึ้นมาแทนที่ก็เป็นไปได้สินะครับ
ผมก็คิดแบบนั้นครับ
ผมว่าอนาคต เก๋งคงเหลือ
Eco car sedan
B-seg sedan ที่ฐานล้อยาวๆ 2550-2600 กว่าๆ ซึ่งจริงๆ แล้วบางคัน ก็เป็น C-seg แต่ปรับไปเป็นเครื่อง 1.5-1.6 แทน
CD-seg sedan เป็นการรวมระหว่าง D กับ C ฐานล้อ 2700 ขึ้นไป และยุบ C กับ D seg ในไทยไป (แต่ ตปท ก็ยังขายอยู่)
premium compact sedan ลดราคามากๆ จนมาแทน D-seg บางทีอาจจะเป็นรุ่นขับหน้าของ รถหรู BMW Benz ที่ใช้พื้นตัวถัง CD-seg จากญี่ปุ่น
อันนี้คิดเองนะครับ ;)
-
มันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ เพียงแต่ราคากับขนาดมันโตขึ้นเรื่อยๆ