Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mazeraty ที่ สิงหาคม 06, 2014, 14:09:57
-
ล้างรถบ่อยๆดีหรือไม่ดีกันแน่ครับ เห็นบางท่านก็ว่าล้างบ่อยสีซีดเร็วแต่จะลดการเกิดสนิม
ส่วนไม่ค่อยจะล้างก็ว่าสีจะเพี้ยนน้อยแต่มันโอกาศเป็นสนิมสูง
ผมล้างรถสัปดาห์ละครั้ง เคลือบสี 1-2 เดือนครั้ง เจ้า FD อายุ 5 ปี สีเทาโพลิช ของผมตอนนี้เมื่อจอดเทียบกับสีเดียวกัน ของผมเงากว่าแต่สีจืดสุดๆ แบบเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารถคนละสีกัน
-
งงๆ ว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร ล้างรถมันเป็นการทำความสะอาดชั้นเคลียโค๊ท (แลคเกอร์)
มันทำให้สีที่อยู่ใต้ชั้นแลคเกอร์ซีดได้ไงหว่า แต่แวกซ์ยางตัวที่เน้นให้ความมันวาวเป็นลูกชุบแบบ 109 ก็อาจทำให้สีดูซีดลงได้ครับ
ผมก็ล้างรถบ่อยเหมือนกัน แต่รถสีเงินมันคงซีดไม่ได้ละมั้งครับ 55
-
อาทิดละครั้ง ถ้ามีแรงมีเวลาไม่น่าเกลียดครับ ดีต่อตัวรถซะอีกครับ ล้างเองดีที่สุดเพราะเราจะเห็นร่องรอย ความชำรุดเสียหายได้โดยตรงครับ แต่ต้องเคลือบสีด้วยนะถึงจะดีที่สุด
-
บ้านผมก็ล้างสัปดาห์ละครั้งปกตินะครับ นอกจากบางโอกาสลุยมาก็ล้างระหว่างสัปดาห์อีกที
เคลือบสีกับแวกซ์เดือนละครั้ง ส่วนเรื่องสีซีดนี่ผมดูไม่ออกจริงๆ บ้านผมรถสีขาวกับสีดำ
ปล.อยากรู้เหมือนกันว่าล้างบ่อย และก็เคลือบอะไรพวกนี้มีผลดีผลเสียอะไรบ้าง
-
ล้างเองอาทิตย์ละหนครับ รถเป็นรอยตรงไหนเห็นหมด
ส่วนเคลือนถ้ามีแรงเคลือบเองได้ก็ดี
เรื่องสีซีดเร็วไม่น่าจะใช่นะครับ สีมันอยู่ใต้ชั้นแลคเกอร์อีกที
-
ผมล้างเอง ตามความสกปรก มากก็บ่อย น้อยก็น้อยตาม แต่หน้าฝน ผมไม่ค่อยล้าง เลื่อนไปเป็นสองสามสัปดาห์ครั้ง (ล้างเสร็จยังไม่หายเหนื่อย เปียกฝนอีกแล้ว)
-
ผมล้างเอง 2 สัปดาห์ ล้างครั้งหนึ่ง
เคลือบสีเองนานที 2 เดือนครั้ง
แต่ยังไม่เคยขัดสี
ตอนนี้รถก็ 3 ปีกว่า ยังเงาๆใสๆอยู่
-
ล้างอาทิตย์ละครั้ง เคลือบ เดือนละ 1-2 ครั้ง ถ้ามีเวลานะ แต่ถ้าช่วงไหนลืมก็....
ส่วนตัวผมกังวลเรื่อง ล้างรถกลางคืนมากกว่าครับ เพราะจะทำให้น้ำขังตามจุดต่างๆ อาจทำให้เกิดสนิม
ก็เลยพยามล้างกลางวัน หรือถ้าล้างกลางคืน ก็จะเอาออกไปวิ่งสักหน่อยครับ
-
เมื่อก่อนล้างเองเดือนละ 2 ครั้ง ถ้าไม่เลอะอะไรมา
และล้างกลางคืน ล้างเสร็จเอารถไปวิ่งไล่น้ำ
แต่ตอนนี้ให้ร้านล้างแล้วครับ แบบว่าสะดวกรวดเร็ว และร้านนี้ก็ล้างดี แต่ก็ยังล้างเดือนละ 2 ครั้ง เหมือนเดิม
ส่วนล้างบ่อยดีไม่ดีไม่รู้ครับ
-
ผมล้างเองครับ
ตั้งแต่ซื้อมา ทั้งปีไม่ถึง10ครั้ง(เพิ่งซื้อมาได้ปีเดียวเอง)สีซีดแล้ว Vigoปี 2005 5555
-
หน้าฝนนั่นแหละครับ ตัวดี ยิ่งต้องล้างรถ เพราะว่าพวกคราบสกปรก มลพิษ มันมาหลากหลายรูปแบบ ทำให้เกาะผิวรถมาก
ถ้าปล่อยไว้นานๆ แล้วล้าง พวกคราบที่แรงๆ มันจะกัดเข้าไปในเนื้อสี นะครับ เพราะ ของผมเจอมาแล้ว ฟอร์จูนเนอร์ที่บ้าน ไม่ได้ล้างรถเดือนกว่า
เพราะฝนตกบ่อย พอล้างออกเท่านั้น พวกคราบน้ำ คราบสกปรก ฝังลึก ล้างไม่ออกเลยครับ ถ้าใช้น้ำยาลบรอย หรือน้ำยากลบรอย บางจุดก็ไม่ออก เหลือขั้นตอนสุดท้ายคือขัด ขนาดว่ารถผมลงแว๊ก เดือนละ 1-2 ครั้งแล้วนะยังไม่ไหว
แนะนำเลยนะครับ สำหรับรถไม่ค่อยเปื้อนมาก ควรล้างรถอย่างน้อย เดือนละ 2 ครึ้ง หรือเฉลี่ย 2 อาทิตย์หนึ่่งครั้ง
ถ้ารถลุยฝน เจอคราบน้ำ ฝุ่น คราบสกปรก เกือบทุกวัน ควรล้างทุกอาทิตย์ครับ
-
ผมล้าง 2 สัปดาห์ครั้งครับ ล้างบ่อยไม่ไหวรถ 2 คัน กว่าจะล้างเสร็จทั้งสองคัน ปาเข้าไป 4 ชั่วโมง
-
หน้าฝนนั่นแหละครับ ตัวดี ยิ่งต้องล้างรถ เพราะว่าพวกคราบสกปรก มลพิษ มันมาหลากหลายรูปแบบ ทำให้เกาะผิวรถมาก
ถ้าปล่อยไว้นานๆ แล้วล้าง พวกคราบที่แรงๆ มันจะกัดเข้าไปในเนื้อสี นะครับ เพราะ ของผมเจอมาแล้ว ฟอร์จูนเนอร์ที่บ้าน ไม่ได้ล้างรถเดือนกว่า
เพราะฝนตกบ่อย พอล้างออกเท่านั้น พวกคราบน้ำ คราบสกปรก ฝังลึก ล้างไม่ออกเลยครับ ถ้าใช้น้ำยาลบรอย หรือน้ำยากลบรอย บางจุดก็ไม่ออก เหลือขั้นตอนสุดท้ายคือขัด ขนาดว่ารถผมลงแว๊ก เดือนละ 1-2 ครั้งแล้วนะยังไม่ไหว
แนะนำเลยนะครับ สำหรับรถไม่ค่อยเปื้อนมาก ควรล้างรถอย่างน้อย เดือนละ 2 ครึ้ง หรือเฉลี่ย 2 อาทิตย์หนึ่่งครั้ง
ถ้ารถลุยฝน เจอคราบน้ำ ฝุ่น คราบสกปรก เกือบทุกวัน ควรล้างทุกอาทิตย์ครับ
ถูกต้องเลยครับ ขนาดผมล้างทุดอาทิตย์ยังมีคราบยางมะตอยตลอดเลย ทั้งๆที่ถนนไม่ได้มีการราดยางใหม่ๆ ไม่รู้มาได้ไง คราบใบหญ้าก็เหมือนกันพอแห้งติดรถแล้วออกยากมาก ควรละวังเลย
ผมล้างเองตลอดเช่นกัน..... แต่ที่สงสัยคือมันทำให้สีซีดหรือไม่อย่างไร....
-
ล้าง 1-2 ต่อครั้งลงแว็กทุกครั้งผ่านไปสามสี่ปีถ้าไปจอดเทียบกับรุ่นเดียวกันสีเดียวกันถ้าดูแลไม่ดีพอจะเห็นความแตกต่างชัดเจนครับ
-
คนเรากระแสมั่วเยอะคับ ล้างบ่อยๆ ดีกว่าเยอะ เอาจิงๆ ไม่ต้องเคลือบอะไรทั้งสิ้น ล้างอาทิดละ 2-3 ครั้ง จะดีกว่าเคลือบนู่นนี่แล้วไม่ล้างด้วยซ้ำ แต่แน่นอนคับเคลือบยิ่งดีด้วยความที่แดดประเทศเราแรงอันนี้ธรรมชาติผมเข้าใจ แต่ถนนที่โสโครกเกินบรรยายเนี่ยทำให้ภาระอยุ่ที่ต้องมาดูแลรถคับ ผมล้างอาทิดละ 2-3 ครั้ง รถผมทำ glass coating คับ แต่ทำใจทิ้งให้เลอะไม่ได้คับ คุณล้างรถบ่อยๆคงรู้ ลองเลอะมากๆแล้วไม่ล้างดูเราจะรู้สึกว่ารถเสียงดังและขับไม่ดี ผมคิดว่าผมคิดไปเองแต่จิงๆไม่ใช่นะคับ คราบที่หนามากๆทำให้ aerodynamic รถเปลี่ยนไปมีผลนะคับแต่น้อยถ้าไม่ sensitive ไม่รู้คับ
-
คำว่าล้างต้องล้างให้ถูกทั้งวิธีการ และอุปกรณ์ โดยเฉพาะถ้าล้างและดูแลทุกขั้นตอนเต็มระบบ Car detailing
ถ้าคำว่าล้างคือที่ผมกล่าวมา ยิ่งล้างยิ่งดี แต่ถ้าล้างไม่เป็นผิดหลักผิดวิธี มีแต่จะทำให้สีรถเสียหาย
และที่สำคัญไม่แพ้การล้างคือการดูแลสีรถหลังล้าง-ก่อนล้าง
พูดง่ายๆ คุณดูแล(สี)รถดีแค่ไหน ตากแดดจัดๆ บ่อยๆ มูลนก ยางไม้โดนรถบ่อยๆ
อยู่ในพื้นที่ใกล้ทะเล (ไอทะเล) เกียว ขูด ขีด กับสิ่งอื่นๆ ฝนกรด-ด่าง
ลุยโคลน ลุยน้ำ หินกระเด็น เหล่านี้น่าสนใจกว่าล้างบ่อยล้างไม่บ่อยเยอะ
-
ล้างมันไม่เกี่ยวกับสีซีดได้ไงครับ ตากแดดยังมีส่วนมากกว่าอีก 555
-
ผมว่าล้างบ่อยๆดีกว่าแน่นอนครับ
ของผมล้างสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เคลือบสี+ดินน้ำมันเดือนละ 2-3 ครั้ง
เคยจอดเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน รถผมสีขาวใสกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ
-
ดีครับ ถ้าล้างเป็น
ไม่เป็นก็เกิดรอยเยอะหน่อย
-
อาทิตย์ละครั้ง หรือ 2อาทิตย์ครั้ง
-
ดีหรือไม่ดีอันนี้ผมไม่ทราบ
แต่บ้านผม แม่จะล้างให้ทุกครั้งที่ว่าง เลอะนิดเลอะหน่อยก้ล้าง แบบว่าแม่บ้านว่างงานจริงๆ
-
ผมล้างรถทุกสัปดาห์ และลงแว๊กซ์ทุกสัปดาห์ด้วยเช่นกัน(แบ่งเป็นลงซีแลนท์แว๊กซ์สัปดาห์ที่1 และลงสเปรย์แว๊กซ์สัปดาห์ที่2-3-4 ลูบดินน้ำมัน+คลีนผิว2เดือนครั้ง)
การล้างบ่อยลงแว๊กซ์บ่อยมีข้อดีตรงที่ถ้ามีคราบแมลง ขี้นกหรืออื่นๆติดอยู่จะล้างออกง่ายมาก แค่ฉีดๆน้ำก็หลุดได้หรืออย่างมากก็ใช้ฟองน้ำถูเบาๆตอนล้าง
เรื่องสีซีดนั้นดูไม่ออกจริงๆครับ อาจจะเป็นที่ชนิดของแว๊กซ์ที่เลือกใช้ก็เป็นได้ แต่ที่เห็นๆคือรถผมจะดูใสกว่า ไม่หมอง
แต่เรื่องที่ด้อยกว่าคือรถผมขนแมวเยอะกว่ารถที่ไม่ค่อยได้ล้าง ทั้งๆที่ระวังอยู่ตลอด(เทียบกับรถของน้าที่ออกมาเกือบปีแต่นานๆล้างที)
แต่ต้องสังเกตแบบจับผิดใกล้ๆถึงจะเห็น
-
ผมล้างรถ อย่างช้าสุดทุกสองสัปดาห์ครับ เคลือบสีทุกครั้ง ใช้มาสองปีแล้วใครๆก็ชมว่ายังใหม่อยู่ ;)
-
การล้างรถเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งครับ เป็นการรักษาสภาพของสีรถ
แต่การล้างนั้น ถ้าคนล้างล้างผิดวิธีก็จะทำให้รถเกิดรอยขนแมวได้เช่นกัน
สำหรับผมจะล้างไปตามสภาพการใช้งานครับ กรณีฝนตก ผมจะล้างรถทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน
บางทีฉีดล้างมันกลางฝนนั่นแร่ะ แล้วก็ถอยเข้าบ้านไปเช็คทำความสะอาดอีกที
แต่หากอากาศดีรถไม่สกปรกอะไรก็ไม่ล้างครับ แล้วการล้างแต่ละครั้งก็จะดูสภาพก่อน หากไม่มีคราบสกปรกอะไรมาก
ผมล้างน้ำเปล่า แต่ถ้าสกปรกมากหน่อย จะลงแชมพูทำเองครับ ผมใช้แชมพูสระผมผสมกับน้ำยาล้างจานซันไลอย่างละครึ่ง
กวน ๆ ให้เข้ากัน แล้วเหยาะลงบนผ้าเปียก จากนั้นก็ถูเบา ๆ แต่รถจะต้องฉีดน้ำทั่วคันก่อนนะครับ แล้วผมจะล้างล้อซุมล้อก่อน
จัดการช่วงล่างเสร็จผมเปลี่ยนผ้าเลยครับ หมดหน้าที่ของผ้าที่ใช้งานช่วงล่างแล้ว
ก็เปลี่ยนผ้าผืนใหม่ที่ใช้จัดการตัวถัง แล้วถึงจะไปไล่ล้างตั้งแต่หลังคาลงมา
สูตรนี้ผมใช้มาร่วมสิบกว่าปีแล้วครับ สภาพสีรถจะเงางาม น้ำยาล้างจานมีคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมันและน้ำมัน
แชมพูสระผมทำให้เกิดฟองซอกซอนจุดซ่อนเร้นและหอม
พอลงแชมพูเสร็จก็ฉีดล้าง มันจะล้างง่ายครับ และไม่ทิ้งคราบน้ำไว้ เพราะน้ำยาล้างจานมีสารลดความตึงผิวของน้ำ
กระจกและผิวรถจะสะอาดไม่มีคราบ ทิ้งรถไว้ซักพักให้สะเด็ดน้ำครับ น้ำจะเกาะน้อยมาก เพราะมันไม่มีแรงตึงผิว
ทีนี้เวลาเราเช็ดแห้งก็ใช้ชามัวร์ซับน้ำออกง่าย ๆ ไม่ต้องไปออกแรงขัดมาก
การเกิดขนแมวก็จะแทบไม่มีครับ ( เวลาเอารถในคาร์แคร์ เด็กมันขัดซะรถโยกไปโยกมา เสียวมาก ๆ ไม่จำเป็นจริง ๆ ผมไม่เข้าคาร์แคร์เลยครับ
แล้วถ้าเข้าคาร์แคร์ผมก็ใช้บริการเจ้าประจำเป็นที่รู้กันว่า ล้างเสร็จผมจะเช็ดรถเอง 555 )
อ่อ ก่อนที่ผมจะลงเคลือบสีรถทุกครั้งก็จะใช้สูตรนี้ล้างรถก่อนครับ มันจะได้ขจัดน้ำยาเคลือบเดิมที่อาจจะมีเกาะผิวรถอยู่บ้างออกไปให้หมดก่อน
แล้วจึงลงน้ำยาเคลือบใหม่ การเคลือบสีผมก็ทำประมาณสามเดือนครั้ง ใช้น้ำยาประเภทขัดมือนะครับ ผมไม่อยากเสี่ยงใช้เครื่องขัดเพราะคุมน้ำหนักมือยาก
ลองใช้สูตรนี้ดูครับ
-
การล้างรถเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งครับ เป็นการรักษาสภาพของสีรถ
แต่การล้างนั้น ถ้าคนล้างล้างผิดวิธีก็จะทำให้รถเกิดรอยขนแมวได้เช่นกัน
สำหรับผมจะล้างไปตามสภาพการใช้งานครับ กรณีฝนตก ผมจะล้างรถทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน
บางทีฉีดล้างมันกลางฝนนั่นแร่ะ แล้วก็ถอยเข้าบ้านไปเช็คทำความสะอาดอีกที
แต่หากอากาศดีรถไม่สกปรกอะไรก็ไม่ล้างครับ แล้วการล้างแต่ละครั้งก็จะดูสภาพก่อน หากไม่มีคราบสกปรกอะไรมาก
ผมล้างน้ำเปล่า แต่ถ้าสกปรกมากหน่อย จะลงแชมพูทำเองครับ ผมใช้แชมพูสระผมผสมกับน้ำยาล้างจานซันไลอย่างละครึ่ง
กวน ๆ ให้เข้ากัน แล้วเหยาะลงบนผ้าเปียก จากนั้นก็ถูเบา ๆ แต่รถจะต้องฉีดน้ำทั่วคันก่อนนะครับ แล้วผมจะล้างล้อซุมล้อก่อน
จัดการช่วงล่างเสร็จผมเปลี่ยนผ้าเลยครับ หมดหน้าที่ของผ้าที่ใช้งานช่วงล่างแล้ว
ก็เปลี่ยนผ้าผืนใหม่ที่ใช้จัดการตัวถัง แล้วถึงจะไปไล่ล้างตั้งแต่หลังคาลงมา
สูตรนี้ผมใช้มาร่วมสิบกว่าปีแล้วครับ สภาพสีรถจะเงางาม น้ำยาล้างจานมีคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมันและน้ำมัน
แชมพูสระผมทำให้เกิดฟองซอกซอนจุดซ่อนเร้นและหอม
พอลงแชมพูเสร็จก็ฉีดล้าง มันจะล้างง่ายครับ และไม่ทิ้งคราบน้ำไว้ เพราะน้ำยาล้างจานมีสารลดความตึงผิวของน้ำ
กระจกและผิวรถจะสะอาดไม่มีคราบ ทิ้งรถไว้ซักพักให้สะเด็ดน้ำครับ น้ำจะเกาะน้อยมาก เพราะมันไม่มีแรงตึงผิว
ทีนี้เวลาเราเช็ดแห้งก็ใช้ชามัวร์ซับน้ำออกง่าย ๆ ไม่ต้องไปออกแรงขัดมาก
การเกิดขนแมวก็จะแทบไม่มีครับ ( เวลาเอารถในคาร์แคร์ เด็กมันขัดซะรถโยกไปโยกมา เสียวมาก ๆ ไม่จำเป็นจริง ๆ ผมไม่เข้าคาร์แคร์เลยครับ
แล้วถ้าเข้าคาร์แคร์ผมก็ใช้บริการเจ้าประจำเป็นที่รู้กันว่า ล้างเสร็จผมจะเช็ดรถเอง 555 )
อ่อ ก่อนที่ผมจะลงเคลือบสีรถทุกครั้งก็จะใช้สูตรนี้ล้างรถก่อนครับ มันจะได้ขจัดน้ำยาเคลือบเดิมที่อาจจะมีเกาะผิวรถอยู่บ้างออกไปให้หมดก่อน
แล้วจึงลงน้ำยาเคลือบใหม่ การเคลือบสีผมก็ทำประมาณสามเดือนครั้ง ใช้น้ำยาประเภทขัดมือนะครับ ผมไม่อยากเสี่ยงใช้เครื่องขัดเพราะคุมน้ำหนักมือยาก
ลองใช้สูตรนี้ดูครับ
[/quote/] ขอบคุณมากครับสำหรับสูตรนี้ ผมไม่เคยใช้ซันไลเลย ต้องลองดูๆ ส่วนเรื่องแยกผ้าระหว่างช่วงล่างกับตัวถัง ทำเหมือนกันครับ ;D
ตอบ จขกท. ล้างไปเถอะครับ รถไม่มีสิ่งสกปรกยังไงก็ดีกว่า โดยเฉพาะขี้นก อันตรายสุดๆ ให้รีบล้างออกทันทีเฉพาะส่วนก็ได้
ของผมสองอาทิตย์ครั้ง ล้างและเคลือสี ใช้บริการร้านประจำ จำกันได้แม้กระทั่งห้ามเลื่อนเบาะคนขับ อิอิ
รถสะอาด ขับแล้วสบายใจไม่หงุดหงิด แถมเมียไม่บ่น !!
-
หน้าฝนทีไรรถต้องล้างทุกครั้งหลังใช้ล่ะครับ คราบโคลนมันสกปรกทุเรศสุดแสนจะทน :-X ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนแห้งคาก็จะกลายเป็นคราบฝังแน่นเอาไม่ออกอีก :-\ หน้าฝนแล้วเหล่าคนใส่โช๊คแต่งที่ไม่มียางหุ้มแกนโช๊คระวังให้ดี คราบโคลนนี่ล่ะตัวการสำคัญเข้าไปเสียดสีให้ซีลรั่วนักแล :-X
-
ถ้าไม่ใช้หน้าฝน ล้างทุกสัปดาห์ ไม่เกี่ยวหรอกที่ทำให้สีซีดครับ
หน้าฝน ดูการเลอะของรถ เลอะมากก็ล้างเลย เลอะน้อยก็2สัปดาห์ครั้งครับ
ยิ่งวิ่งผ่านฝนมาและฝนยังตกอยู่ ถึงบ้านผมจะเอาน้ำฉีดล้างรถเลย เพราะจะได้ล้างคราบที่ติดรถมามันจะออกง่าย และค่อยมาเช็คแห้งอีกทีครับ