Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mazeraty ที่ สิงหาคม 25, 2014, 20:35:24
-
พอดีวันนี้ไปเปลื่ยนถ่าย นมค. มาครับ สังเกตมาตรวัดเห็นเจ้าอุณภูมิขณะวิ่งปกติ ลดลงไปมากสุดถึง 2 องศา ปกติจะอยู่ที่ 88-90 แต่พอหลังเปลื่ยนต่ำสุดมาอยู่ที่ 86 องศา รถผมใช้แก๊สนะครับ
เลยเอามาแชร์ให้ฟัง เผื่อใครจะยังไม่ทราบเหมือนผม หากใครมีข้อมูลทางทฤษฎีโปรดชี้แนะด้วยครับ ;D ;D ;D ;D
(http://www.uppic.org/image-96E5_53FB3B06.jpg) (http://www.uppic.org/share-96E5_53FB3B06.html)
-
มีผลครับ แต่คนใช่รถสมันยนี้มักไม่รู้เพราะ ไม่มีวัดTemp
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xap1/v/t1.0-9/10524589_708804972522713_7838715754214201000_n.jpg?oh=d445acc6610d30bfd3d6186962b70ab6&oe=546DC939&__gda__=1415305445_a1953d8e86863e2138f56422363a5d8a)
แต่ผมไปเจอที่ Forza ครับ เพราะใช่ นมคศูนย์ เทียบกับ Mobil1 Syn ผลคือ ความร้อนลดลงพอควรครับ
-
ดูที่อุณหภูมิน้ำ ไม่น่ามีผลครับ
อุณหภูมิน้ำ มันกำหนดโดยวาล์วน้ำ และ พัดลมระบายครับ
ถ้าไม่หวดหนักจริงๆ แทบไม่แตกต่าง
รถติดหนักๆ หรือรถวิ่ง ก็อุณหภูมิก็ขยับได้ครับ 85 - 92 ถ้าเปิดแอร์
ถ้าต่างจริงๆ ต้องดูทึ่ Oil Temp มากกว่าครับ
-
พอดีวันนี้ไปเปลื่ยนถ่าย นมค. มาครับ สังเกตมาตรวัดเห็นเจ้าอุณภูมิขณะวิ่งปกติ ลดลงไปมากสุดถึง 2 องศา ปกติจะอยู่ที่ 88-90 แต่พอหลังเปลื่ยนต่ำสุดมาอยู่ที่ 86 องศา รถผมใช้แก๊สนะครับ
เลยเอามาแชร์ให้ฟัง เผื่อใครจะยังไม่ทราบเหมือนผม หากใครมีข้อมูลทางทฤษฎีโปรดชี้แนะด้วยครับ ;D ;D ;D ;D
(http://www.uppic.org/image-96E5_53FB3B06.jpg) (http://www.uppic.org/share-96E5_53FB3B06.html)
เจ้าเครื่องในรูปนี่ ราคาโหดมั้ยครับ เมืองไทยมีขายมั้ย ;D ;D ;D
-
พอดีวันนี้ไปเปลื่ยนถ่าย นมค. มาครับ สังเกตมาตรวัดเห็นเจ้าอุณภูมิขณะวิ่งปกติ ลดลงไปมากสุดถึง 2 องศา ปกติจะอยู่ที่ 88-90 แต่พอหลังเปลื่ยนต่ำสุดมาอยู่ที่ 86 องศา รถผมใช้แก๊สนะครับ
เลยเอามาแชร์ให้ฟัง เผื่อใครจะยังไม่ทราบเหมือนผม หากใครมีข้อมูลทางทฤษฎีโปรดชี้แนะด้วยครับ ;D ;D ;D ;D
(http://www.uppic.org/image-96E5_53FB3B06.jpg) (http://www.uppic.org/share-96E5_53FB3B06.html)
น้ำมันเครื่อง ทำหน้าที่หลัก ๆ คือ
1. ล้าง ทำความสะอาด
2. หล่อลื่นป้องกันโลหะกับโลหะขัดสีกัน
3. หล่อเย็นเครื่องยนต์ในส่วนที่น้ำเข้าไปไม่ได้
อุณหภูมิน้ำที่เห็น คงบอกอะไรไม่ได้ครับ เพราะมันขึ้นกับอุณหภูมิภายนอกเป็นหลัก ทั้งนี้ตำแหน่งการติดตั้งเซนเซอร์ของรถก็ไม่เหมือนกัน แต่ละจุดจะความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกับอากาศภายนอกไม่เท่ากัน เช่น ติดไว้หน้าท่อเข้าหม้อน้ำ จุดนี้เป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก หรือ ติดไว้ในตัวหม้อน้ำ ก็เปลี่ยนแปลงตามพัดลม อากาศยิ่งเย็นน้ำก็เย็นลงง่ายครับ
ระหว่าง Ambient temp 30 องศา กับ 35 องศา เอาไปแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำ 100 องศา ไม่ได้แปลว่าน้ำจะเย็นกว่า 5 องศา แต่กลายเป็นว่าน้ำจะเย็นกว่าแค่ราว ๆ 2 องศา คราวนี้ ambient temp ของรถที่วิ่งผ่านพื้นถนนร้อน กับ พื้นถนนเย็น ก็ไม่เท่ากัน เพราะถึงอากาศทั่วไปจะอุณหภูมิเท่ากัน แต่อากาศจากพื้นถนนอาจจะร้อนหรือเย็นกว่าก็ได้
เรื่องของอุณหภูมิน้ำระดับ 2 องศา ถึงอธิบายอะไรไม่ได้เลยว่าเครื่องร้อนหรือเย็นลงจากการถ่ายน้ำมันเครื่อง
เอาทฤษฎีการหล่อลื่น เทียบกับ Thermodynamic ในส่วน Heat Exchanger ก็จะได้ว่า
สภาพน้ำมันเครื่องที่หมดสภาพ ซึ่งมักจะ เย็นเหนียว ร้อนเหลวลื่นมาก ๆ ความหนืดน้อยมาก ๆ จะทำให้เครื่องมีอุณหภูมิสูงกว่า น้ำมันเครื่องที่มีสภาพดี เบอร์เดียวกัน พวกนี้ความหนืดขณะเครื่องร้อนอาจจะเหลือแค่ 1 cSt เท่านั้นซึ่งไม่ได้หล่อลื่นอะไรเลย
รถยนต์ในไทย อุณหภูมิน้ำมันเครื่องในอ่าง อยู่ราวๆ 100 องศา (ไม่นับ BMW, BENZ, Porsche etc ที่ออกแบบกับเมืองหนาว) จะมีViscosity ต่ำมากแถว ๆ 10-20cSt เท่านั้น เป็นค่าที่น้อยมาก แยกโดยมนุษย์ และเครื่องจักรทั่วไปไม่ออก เมื่อไหลผ่านผนังสูบผ่านปั๊มน้ำมัน ความร้อนน้ำมันเครื่องจะเพ่ิมเป็น 150-300 องศา แล้วแต่ความเร็วของกระบอกสูบ และจะเหลือความหนืดราว ๆ 2-5 cSt ยิ่งเหลือความหนาของฟิลม์น้ำมันน้อย ก็สร้างแรงเสียดทานบนลูกสูบมากกว่า มีโอกาสทำให้เกิดความร้อนสุงกว่า เพราะฟิลม์น้ำมันไม่หนาพอจะปกป้องผิวโลหะ SAE XW- 20 ตามมาตรฐาน API ต้องการ ค่า HTHS (วัดที่ 150องศา) ต่ำสุด 2.6cSt เป็นค่าปลอดภัยต่อเครื่องยนต์
กรณีรถแข่ง จึงนิยมใช้ SAE 50 ขึ้นไปเพราะความร้อนสูงกว่ารถทั่ว ๆไปมาก ๆ เว้นแต่จะมีการเติมสารเคมี หรือ น้ำมันสังเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลสั้น ๆ ลงไปมาก ๆ ก็อาจจะใช้เบอร์ 40 ได้อยู่ แต่ก็ต้องถ่ายทิ้งหลังแข่งอยู่ดี
ใช้น้ำมันเครื่อง ต้องใช้ให้เหมาะกับเครื่องยนต์และการใช้งาน การใช้น้ำมัน หนา บาง สังเคราะห์ ไม่สังเคราะห์ ก็เป็นการแลกเปลี่ยน(trade off) ระหว่าง มูลค่าของน้ำมันเครื่องก็ดี ระยะการถ่ายน้ำมัน การสึกหรอของเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน อุณหภูมิการใช้งาน
ผมว่าเราโชคดีจริง ๆที่เราอยู่ในเมืองร้อนตลอดเวลา การใช้น้ำมันเบอร์หนา ๆ จึงแทบไม่ส่งผลกับเราตอนสตาร์ทรถเช้า ๆ และยังเป็นหลักประกันการป้องการเครื่องยนต์ให้เราได้ดีด้วย ไม่เหมือนพวกฝรั่งที่เดี๋ยวร้อนจัด หนาวจัด น้ำมันเครื่องไม่ไหล อะไรแบบนี้
ได้โปรด ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติม หามาอ่านครับ
Lubrication Fundamentals, Second Edition
โดย D.M. Pirro,A.A. Wessol
เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มนึงสำหรับคนที่อยากรู้จริง อ่านง่าย แทบไม่ต้องใช้ความรู้ทางวิศกรรมซับซ้อนมากมายอะไรเลย
หรือ ดูอันนี้ Lubricant Fundamentals Part 1.flv (http://www.youtube.com/watch?v=SSW9ZETFz2s#ws) ให้ครบทุกตอนครับ พอได้
-
พอดีวันนี้ไปเปลื่ยนถ่าย นมค. มาครับ สังเกตมาตรวัดเห็นเจ้าอุณภูมิขณะวิ่งปกติ ลดลงไปมากสุดถึง 2 องศา ปกติจะอยู่ที่ 88-90 แต่พอหลังเปลื่ยนต่ำสุดมาอยู่ที่ 86 องศา รถผมใช้แก๊สนะครับ
เลยเอามาแชร์ให้ฟัง เผื่อใครจะยังไม่ทราบเหมือนผม หากใครมีข้อมูลทางทฤษฎีโปรดชี้แนะด้วยครับ ;D ;D ;D ;D
(http://www.uppic.org/image-96E5_53FB3B06.jpg) (http://www.uppic.org/share-96E5_53FB3B06.html)
น้ำมันเครื่อง ทำหน้าที่หลัก ๆ คือ
1. ล้าง ทำความสะอาด
2. หล่อลื่นป้องกันโลหะกับโลหะขัดสีกัน
3. หล่อเย็นเครื่องยนต์ในส่วนที่น้ำเข้าไปไม่ได้
อุณหภูมิน้ำที่เห็น คงบอกอะไรไม่ได้ครับ เพราะมันขึ้นกับอุณหภูมิภายนอกเป็นหลัก ทั้งนี้ตำแหน่งการติดตั้งเซนเซอร์ของรถก็ไม่เหมือนกัน แต่ละจุดจะความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกับอากาศภายนอกไม่เท่ากัน เช่น ติดไว้หน้าท่อเข้าหม้อน้ำ จุดนี้เป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก หรือ ติดไว้ในตัวหม้อน้ำ ก็เปลี่ยนแปลงตามพัดลม อากาศยิ่งเย็นน้ำก็เย็นลงง่ายครับ
ระหว่าง Ambient temp 30 องศา กับ 35 องศา เอาไปแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำ 100 องศา ไม่ได้แปลว่าน้ำจะเย็นกว่า 5 องศา แต่กลายเป็นว่าน้ำจะเย็นกว่าแค่ราว ๆ 2 องศา คราวนี้ ambient temp ของรถที่วิ่งผ่านพื้นถนนร้อน กับ พื้นถนนเย็น ก็ไม่เท่ากัน เพราะถึงอากาศทั่วไปจะอุณหภูมิเท่ากัน แต่อากาศจากพื้นถนนอาจจะร้อนหรือเย็นกว่าก็ได้
เรื่องของอุณหภูมิน้ำระดับ 2 องศา ถึงอธิบายอะไรไม่ได้เลยว่าเครื่องร้อนหรือเย็นลงจากการถ่ายน้ำมันเครื่อง
เอาทฤษฎีการหล่อลื่น เทียบกับ Thermodynamic ในส่วน Heat Exchanger ก็จะได้ว่า
สภาพน้ำมันเครื่องที่หมดสภาพ ซึ่งมักจะ เย็นเหนียว ร้อนเหลวลื่นมาก ๆ ความหนืดน้อยมาก ๆ จะทำให้เครื่องมีอุณหภูมิสูงกว่า น้ำมันเครื่องที่มีสภาพดี เบอร์เดียวกัน พวกนี้ความหนืดขณะเครื่องร้อนอาจจะเหลือแค่ 1 cSt เท่านั้นซึ่งไม่ได้หล่อลื่นอะไรเลย
รถยนต์ในไทย อุณหภูมิน้ำมันเครื่องในอ่าง อยู่ราวๆ 100 องศา (ไม่นับ BMW, BENZ, Porsche etc ที่ออกแบบกับเมืองหนาว) จะมีViscosity ต่ำมากแถว ๆ 10-20cSt เท่านั้น เป็นค่าที่น้อยมาก แยกโดยมนุษย์ และเครื่องจักรทั่วไปไม่ออก เมื่อไหลผ่านผนังสูบผ่านปั๊มน้ำมัน ความร้อนน้ำมันเครื่องจะเพ่ิมเป็น 150-300 องศา แล้วแต่ความเร็วของกระบอกสูบ และจะเหลือความหนืดราว ๆ 2-5 cSt ยิ่งเหลือความหนาของฟิลม์น้ำมันน้อย ก็สร้างแรงเสียดทานบนลูกสูบมากกว่า มีโอกาสทำให้เกิดความร้อนสุงกว่า เพราะฟิลม์น้ำมันไม่หนาพอจะปกป้องผิวโลหะ SAE XW- 20 ตามมาตรฐาน API ต้องการ ค่า HTHS (วัดที่ 150องศา) ต่ำสุด 2.6cSt เป็นค่าปลอดภัยต่อเครื่องยนต์
กรณีรถแข่ง จึงนิยมใช้ SAE 50 ขึ้นไปเพราะความร้อนสูงกว่ารถทั่ว ๆไปมาก ๆ เว้นแต่จะมีการเติมสารเคมี หรือ น้ำมันสังเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลสั้น ๆ ลงไปมาก ๆ ก็อาจจะใช้เบอร์ 40 ได้อยู่ แต่ก็ต้องถ่ายทิ้งหลังแข่งอยู่ดี
ใช้น้ำมันเครื่อง ต้องใช้ให้เหมาะกับเครื่องยนต์และการใช้งาน การใช้น้ำมัน หนา บาง สังเคราะห์ ไม่สังเคราะห์ ก็เป็นการแลกเปลี่ยน(trade off) ระหว่าง มูลค่าของน้ำมันเครื่องก็ดี ระยะการถ่ายน้ำมัน การสึกหรอของเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน อุณหภูมิการใช้งาน
ผมว่าเราโชคดีจริง ๆที่เราอยู่ในเมืองร้อนตลอดเวลา การใช้น้ำมันเบอร์หนา ๆ จึงแทบไม่ส่งผลกับเราตอนสตาร์ทรถเช้า ๆ และยังเป็นหลักประกันการป้องการเครื่องยนต์ให้เราได้ดีด้วย ไม่เหมือนพวกฝรั่งที่เดี๋ยวร้อนจัด หนาวจัด น้ำมันเครื่องไม่ไหล อะไรแบบนี้
ได้โปรด ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติม หามาอ่านครับ
Lubrication Fundamentals, Second Edition
โดย D.M. Pirro,A.A. Wessol
เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มนึงสำหรับคนที่อยากรู้จริง อ่านง่าย แทบไม่ต้องใช้ความรู้ทางวิศกรรมซับซ้อนมากมายอะไรเลย
หรือ ดูอันนี้ Lubricant Fundamentals Part 1.flv (http://www.youtube.com/watch?v=SSW9ZETFz2s#ws) ให้ครบทุกตอนครับ พอได้
ด้วยความเคารพ แม้ผมจะไม่เข้าใจที่อธิบาย แต่ผมชอบพี่คับที่ช่วยกันแบ่งปันข้อมูลดีๆให้คนที่ติดตามเว็ปนี้ได้รับรู้กันด้วยหลักการ
-
พอดีวันนี้ไปเปลื่ยนถ่าย นมค. มาครับ สังเกตมาตรวัดเห็นเจ้าอุณภูมิขณะวิ่งปกติ ลดลงไปมากสุดถึง 2 องศา ปกติจะอยู่ที่ 88-90 แต่พอหลังเปลื่ยนต่ำสุดมาอยู่ที่ 86 องศา รถผมใช้แก๊สนะครับ
เลยเอามาแชร์ให้ฟัง เผื่อใครจะยังไม่ทราบเหมือนผม หากใครมีข้อมูลทางทฤษฎีโปรดชี้แนะด้วยครับ ;D ;D ;D ;D
(http://www.uppic.org/image-96E5_53FB3B06.jpg) (http://www.uppic.org/share-96E5_53FB3B06.html)
น้ำมันเครื่อง ทำหน้าที่หลัก ๆ คือ
1. ล้าง ทำความสะอาด
2. หล่อลื่นป้องกันโลหะกับโลหะขัดสีกัน
3. หล่อเย็นเครื่องยนต์ในส่วนที่น้ำเข้าไปไม่ได้
อุณหภูมิน้ำที่เห็น คงบอกอะไรไม่ได้ครับ เพราะมันขึ้นกับอุณหภูมิภายนอกเป็นหลัก ทั้งนี้ตำแหน่งการติดตั้งเซนเซอร์ของรถก็ไม่เหมือนกัน แต่ละจุดจะความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกับอากาศภายนอกไม่เท่ากัน เช่น ติดไว้หน้าท่อเข้าหม้อน้ำ จุดนี้เป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก หรือ ติดไว้ในตัวหม้อน้ำ ก็เปลี่ยนแปลงตามพัดลม อากาศยิ่งเย็นน้ำก็เย็นลงง่ายครับ
ระหว่าง Ambient temp 30 องศา กับ 35 องศา เอาไปแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำ 100 องศา ไม่ได้แปลว่าน้ำจะเย็นกว่า 5 องศา แต่กลายเป็นว่าน้ำจะเย็นกว่าแค่ราว ๆ 2 องศา คราวนี้ ambient temp ของรถที่วิ่งผ่านพื้นถนนร้อน กับ พื้นถนนเย็น ก็ไม่เท่ากัน เพราะถึงอากาศทั่วไปจะอุณหภูมิเท่ากัน แต่อากาศจากพื้นถนนอาจจะร้อนหรือเย็นกว่าก็ได้
เรื่องของอุณหภูมิน้ำระดับ 2 องศา ถึงอธิบายอะไรไม่ได้เลยว่าเครื่องร้อนหรือเย็นลงจากการถ่ายน้ำมันเครื่อง
เอาทฤษฎีการหล่อลื่น เทียบกับ Thermodynamic ในส่วน Heat Exchanger ก็จะได้ว่า
สภาพน้ำมันเครื่องที่หมดสภาพ ซึ่งมักจะ เย็นเหนียว ร้อนเหลวลื่นมาก ๆ ความหนืดน้อยมาก ๆ จะทำให้เครื่องมีอุณหภูมิสูงกว่า น้ำมันเครื่องที่มีสภาพดี เบอร์เดียวกัน พวกนี้ความหนืดขณะเครื่องร้อนอาจจะเหลือแค่ 1 cSt เท่านั้นซึ่งไม่ได้หล่อลื่นอะไรเลย
รถยนต์ในไทย อุณหภูมิน้ำมันเครื่องในอ่าง อยู่ราวๆ 100 องศา (ไม่นับ BMW, BENZ, Porsche etc ที่ออกแบบกับเมืองหนาว) จะมีViscosity ต่ำมากแถว ๆ 10-20cSt เท่านั้น เป็นค่าที่น้อยมาก แยกโดยมนุษย์ และเครื่องจักรทั่วไปไม่ออก เมื่อไหลผ่านผนังสูบผ่านปั๊มน้ำมัน ความร้อนน้ำมันเครื่องจะเพ่ิมเป็น 150-300 องศา แล้วแต่ความเร็วของกระบอกสูบ และจะเหลือความหนืดราว ๆ 2-5 cSt ยิ่งเหลือความหนาของฟิลม์น้ำมันน้อย ก็สร้างแรงเสียดทานบนลูกสูบมากกว่า มีโอกาสทำให้เกิดความร้อนสุงกว่า เพราะฟิลม์น้ำมันไม่หนาพอจะปกป้องผิวโลหะ SAE XW- 20 ตามมาตรฐาน API ต้องการ ค่า HTHS (วัดที่ 150องศา) ต่ำสุด 2.6cSt เป็นค่าปลอดภัยต่อเครื่องยนต์
กรณีรถแข่ง จึงนิยมใช้ SAE 50 ขึ้นไปเพราะความร้อนสูงกว่ารถทั่ว ๆไปมาก ๆ เว้นแต่จะมีการเติมสารเคมี หรือ น้ำมันสังเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลสั้น ๆ ลงไปมาก ๆ ก็อาจจะใช้เบอร์ 40 ได้อยู่ แต่ก็ต้องถ่ายทิ้งหลังแข่งอยู่ดี
ใช้น้ำมันเครื่อง ต้องใช้ให้เหมาะกับเครื่องยนต์และการใช้งาน การใช้น้ำมัน หนา บาง สังเคราะห์ ไม่สังเคราะห์ ก็เป็นการแลกเปลี่ยน(trade off) ระหว่าง มูลค่าของน้ำมันเครื่องก็ดี ระยะการถ่ายน้ำมัน การสึกหรอของเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน อุณหภูมิการใช้งาน
ผมว่าเราโชคดีจริง ๆที่เราอยู่ในเมืองร้อนตลอดเวลา การใช้น้ำมันเบอร์หนา ๆ จึงแทบไม่ส่งผลกับเราตอนสตาร์ทรถเช้า ๆ และยังเป็นหลักประกันการป้องการเครื่องยนต์ให้เราได้ดีด้วย ไม่เหมือนพวกฝรั่งที่เดี๋ยวร้อนจัด หนาวจัด น้ำมันเครื่องไม่ไหล อะไรแบบนี้
ได้โปรด ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติม หามาอ่านครับ
Lubrication Fundamentals, Second Edition
โดย D.M. Pirro,A.A. Wessol
เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มนึงสำหรับคนที่อยากรู้จริง อ่านง่าย แทบไม่ต้องใช้ความรู้ทางวิศกรรมซับซ้อนมากมายอะไรเลย
หรือ ดูอันนี้ Lubricant Fundamentals Part 1.flv (http://www.youtube.com/watch?v=SSW9ZETFz2s#ws) ให้ครบทุกตอนครับ พอได้
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลความรู้ดีๆ ผมก็มั่วอยู่นานเลยเข้าใจว่ามันเป็นอุณภูมิเครื่องด้วย...
-
(http://www.uppic.org/image-96E5_53FB3B06.jpg) (http://www.uppic.org/share-96E5_53FB3B06.html)
เจ้าเครื่องในรูปนี่ ราคาโหดมั้ยครับ เมืองไทยมีขายมั้ย ;D ;D ;D
[/quote]
ผมจำไม่ได้แล้วครับว่าซื้อที่ไหน แต่ตอนซื้อราคา 3500 บาท ต่อได้เหลือ 3000 ยี่ห้อ Autogate ครับตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็น scangauge แล้ว http://www.scangauge.com/ (http://www.scangauge.com/)
-
มีผลอย่างมากครับ
น้ำมันเครื่องช่วยป้องกันไม่ให้ผิวของชิ้นส่วนโลหะในเครื่องยนต์เสียดสีและสึกหรอ
น้ำมันเครื่องยังช่วยระบายความร้อน ลดการสึกหรอ และให้การปกป้องเครื่องยนต์
น้ำมันเครื่องจึงมีส่วนในการนำพาความร้อน จากส่วนที่ร้อนจัด เช่นกระบอกสูบ จากลูกสูบ และแหวนสูบครับ
-
ดูที่อุณหภูมิน้ำ ไม่น่ามีผลครับ
อุณหภูมิน้ำ มันกำหนดโดยวาล์วน้ำ และ พัดลมระบายครับ
ถ้าไม่หวดหนักจริงๆ แทบไม่แตกต่าง
รถติดหนักๆ หรือรถวิ่ง ก็อุณหภูมิก็ขยับได้ครับ 85 - 92 ถ้าเปิดแอร์
ถ้าต่างจริงๆ ต้องดูทึ่ Oil Temp มากกว่าครับ
เห็นด้วยครับ