Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: H3T ที่ ตุลาคม 13, 2014, 09:48:53
-
ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ B100 ในบ้านเรา กรณีโรงงานที่มีอยู่ผลิตเต็มกำลัง จะอยู่ที่ 5 ล้านลิตร/วัน แต่ตอนนี้ต้องผลิตไว้แค่ 2 ล้านลิตร/วัน
แบ่งใหญ่ได้ 4 ส่วน
1. บริโภค 1 ล้านลิตร
2. ทำไบโอดีเซล ( B5 ) 5 แสนลิตร
3. ส่งออก 3 แสนลิตร
4. อื่นๆ 2 แสนลิตร
มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยที่นึง ( ผมจำไม่ได้แล้ว ) ทดสอบน้ำมัน B100 กับ ดีเซล 100%
B100 มีอัตราสิ้นเปลืองสูงกว่า 9%
B100 มี Co2 ต่ำกว่า , Nox ต่ำกว่า
B100 โดยเฉลี่ยจะมีค่า ซีเทน ที่ 55 - 60 มากกว่าดีเซลที่บ้านเราที่ 48
ราคาหน้าโรงงานของ B100 ณ เดือนนี้ 30 บาท/ลิตร ซึ่งเฉลี่ยรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 29 - 32 บาท/ลิตร
หมายเหตุ : ยังไม่มีการเก็บภาษีใดๆ ไม่รวมต้นทุนต่างๆก่อนจะถึงหน้าปั๊ม
ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในบ้านเราปัจจุบัน 55 - 60 ล้านลิตร/วัน
ถ้าโรงงาน B100 ผลิตเต็มกำลัง ในวันนี้จะเพียงพอให้สามารถทำไบโอดีเซลได้ที่ B20 ได้ทันที โดยไม่ยุ่งเกี่ยวโควต้าส่วนของการบริโภค แต่เอามาจากส่วนของการส่งออกมาใช้ในประเทศ
ลองออกความเห็นกันดูนะครับ ท่านนายกออกมาแสดงท่าทีเรื่องการเพิ่มอัตราส่วนไบโอดีเซล ซึ่งมีเหตุผลเกี่ยวกับการเพิ่มพื้นที่การปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนพื้นที่ปลูกยางพารา
ปล. ขอร้องไม่เอาการเมืองนะครับ พูดคุยในเชิงวิเคราะห์สร้างสรรค์กันดีกว่า
-
เห็นด้วยครับ อยากใช้ ไบโอดีเซลเหมือนกัน :D
-
แค่ บี 5 คนยังจะไม่ใช้ แล้วจะ ผสม b20 ขายใคร
ความเข้าใจของคนมันไม่เหมือนกัน
ต้องให้เค้าผสมโดย ไม่บอก ใช้ซัก 10 ปี แล้วค่อยบอก คนถึงยอมรับ
-
เล่าให้ฟังว่า สมัยลิตรละ45 เพื่อนผมเอาน้ำมันปาล์ม(ขโมยแม่ แม่ซื้อมาทำขนม 2 ปี๊บ) ใส่รถบิีกเอ็มเครื่อง TD27
แหม ควันหอม ขับได้ปกตินะ กรองไม่ตันด้วย
อยากลองเหมือนกัน
-
ถ้าเป็นb20 พวกรถคอมมอนเรลจะทนได้หรือครับ เคยรู้มาว่ากระบะคอมมอนเรลรับได้ถึงแค่b10เองนะครับ ยิ่งพวกเบนซ์ บีเอมดีเซลคงไม่เหลือ แถมตอนb5มาใหม่ๆรถเป็นอะไรช่างรีบโทษb5ก่อนละทั้งๆที่อาจไม่ใช่ก็ได้ ถ้าb20คงไว้ให้พวกเครื่อง2l,4ja1ก็น่าจะได้อยู่ ผมว่ามีมันก็ดีเป็นทางเลือก แต่ส่วนตัวผมอยากให้แบ่งดีเซล3เกรด คือดีเซลเพียวๆ100%ไว้ให้พวกรถยุโรปเครื่องดีเซลกับพวกไม่สนความประหยัด เน้นสมรรถนะอย่างเดียว อีกเกรดb5-b10 ไว้เผื่อพวกประหยัดแต่ใช้รถคอมมอนเรล อีกเกรดb20ไปเลยให้รถเครื่องดีเซลรุ่นเก่า กับ พวกเครื่องดีเซลที่ใช้ในการเกษตรรับได้ แล้วก็น้ำมันทุกอย่างขอให้ตามกลไกตลาดโลกแพงตามแพงถูกตามถูกไม่ใช่อุดหนุนอย่างนึง แต่อีกอย่างก็เก็บค่านู่นนี่นั่นจนแพงเวอร์
-
ยิ่ง biodiesel มากเท่าไหร่ ก็มีผลแย่ต่อเครื่องยนต์เท่านั้น ศึกษาดูได้
ผมว่า เลิกมายุ่งกับเรื่องพวกนี้ดีกว่า รคาตามกลไกตลาดเถอะ มาแทรกแทรงเพื่ออุ้มคนบางคน บางกลุ่ม
ปกติ ราคา b100 สูงกว่าดีเซลอีก ทำไปทำไม รัฐก็เสียผลประโยชน์
-
เครื่องเผาหัวทั้งหลาย 90 แรงม้า และคูโบต้าเกษตร1สูบ ใช้ บี100 ก็สบายๆๆ
แต่รถไถเดี๋ยวนี้เครื่องไดเรคนะ ใช้ไบโอไม่ค่อยเหมาะ
-
รถดีเซลคอมมอนเรล ส่วนใหญ่ไมได้ออกแบบไว้ใช้สำหรับน้ำมันดีเซลผสม ยิ่งที่มีเทคโนโลยีเยอะ ๆ ด้วยดีเซลพวกนี้จะมีผลมากกว่ากับน้ำมัน ลูกค้าพาลจะไปโทษบริษัทรถอีกถ้าเกิดปัยหา ถ้าจะททำ B5 B10 ก็ต้องวางแผนระยะยาวบอกกล่าวกันล่วงหน้าให้ค่ายรถปรับตัวเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วน อีกทั้งต้องเข้าใจว่ารถต้องด้อยลงและราคาแพงขึ้นไปอีก
-
ตอนนี้เราก็ใช้ b7 กันอยู่นะครับ โดยประสบการณ์ตรงที่ใช้ ผมไม่ชอบเลยครับ
เครื่องอืดลงเห็นได้ชัด ต้องเหยียบลึกขึ้น
-
http://www.caltex.com/uploads/cmsnet/th/docs/PowerDieselLeaflet.pdf (http://www.caltex.com/uploads/cmsnet/th/docs/PowerDieselLeaflet.pdf)
ตามเข้าไปดูน้ำมันพรีเมียมตัวใหม่ของเจ้านี้ แจ้งว่าเป็น B6 - B7 ตามข้อบังคับของกรมธุรกิจพลังงาน ไม่ทราบว่าดีเซลทั่วไปหรือเจ้าอิ่นๆเป็นแบบเดียวกันไหม
ก่อนหน้านี้ก็เข้าใจว่าจะถูกจะแพงก็ถูกเหมาใช้ B5 กันอยู่ หรือตอนนี้กลายเป็น B6 - B7 กันหมดแล้ว
-
ขอเป็นอีกเสียงสนับสนุนสำหรับไบโอดีเซลครับ
การส่งเสริมและสนับสนุนของรัฐบาลจะนำไปสู่นวัตกรรม และ แรงผลักดันต่อภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ไม่ต่างจากแรงผลักดันเอทานอล E100 ของบราซิลที่เห็นเป็นผล สิ่งที่อยากให้ทราบ หรือ กล่าวซ้ำในเรื่องไบโอดีเซล คือ
- ทุกวันนี้น้ำมันดีเซลปกติที่เราเติมอยู่เป็นน้ำมันไบโอดีเซล สัดส่วนผสม ไม่เกิน 7% น่ะครับ ผสมมาตั้งแต่ปี 2557 แล้วครับ เพราะฉะนั้นเกิดใครสะดุดว่าแต่ก่อนมี B5 เติมแล้วมีปัญหา ขอบอกว่าวันนี้รถที่วิ่งอยู่ทั้งหมดเติม B7 โดยปริยายไปนานแสนนานแล้วครับ
- อุตสาหกรรมไบโอดีเซล ไม่ได้เพียงแต่เป็นแค่ไบโอดีเซล เท่านั้น ในเชิงดีเซล หรือ น้ำมันปิโตรเลียม นั้นจะมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ต่อพ่วงเสมอ เฉกเช่นเดียวกันครับ เรากำลังจะก้าวสู่อุตสาหกรรมโอลีโอเคมีคอล ซึ่งอุตสาหกรรมนี้เป็นคู่ขนานกับปิโตรเคมีคอล ครับ ข้อดีคืออะไร คือ ความไม่เป็นพิษในอีกร้อยอีกพันผลิตภัณฑ์ในอนาคตข้างหน้า หรือที่เราชอบหยิบและซื้อสินค้าแพงแสนแพงด้วยคำว่า Biodegrable grade ครับ ทั้งที่จริงหากเราพัฒนาต่อยอด ทุกท่านจะทราบว่าทำไมมันถูกแบะดีอย่างนี้
- ในเชิงอุตสาหกรรมเกษตรและภาคขนส่งปัจจุบันและในอดีตมีการปรับตัวมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลกันมานานแล้วครับ จะใช้ Blend 50% หรือเต็ม 100% ก็ทำได้ครับ อย่างที่คุณ Johnlee ว่าใช่เลยครับ
- ปาล์มเป็นพืชที่ให้ผลผลิตถึง 30 ปี จึงมีการ replantation กันน่ะครับ ให้ผลเมื่อเริ่ม 3 ปีเป็นต้นไปครับ การกำหนดยุทธศาสตร์จะเป็นการพัฒนาคุณภาพชิวิตของประชาชนและลดปัญหาการใช้แรงงานเฉกเช่นกับกรณียางพารา ที่ต้องตื่นกรีดยามดึก ปาล์มตัดเป็นรอบ การบริหารจัดการทำง่ายกว่าการใช้คนดูแลต่อพื้นที่มีประสทิธิภาพมากกว่า
- ไบโอดีเซลของเรา ในกลุ่มโรงงานที่ผลิตถือว่าได้มาตรฐานสากลน่ะครับ เป็นไปตามระเบียบของ Europe น่ะครับ ที่สำคัญเรายังสามารถกระจายตลาด เข้าสุ่ประเทศเพื่อนบ้านเราได้อีกมากครับ
- ประเทศไทยเรา ถ้าพูดถึง Economy of scale ยังเป็นรองมาเลเซียและอินโดเซีย การสนับสนุนจะทำให้เราลดช่องว่างด้านต้นทุนการผลิตได้คีมากขึ้น
- การสนับสนุนผลักดันจากคนใช้ภายในประเทศเพื่อให้บริษัท รถยนต์ คิดค้นและออกแบบรถให้รองรับไบโอดีเซล ควรจะมีมากขึ้นไปกว่ายอมน้อมรับว่าบริษัทรถไม่เห็นด้วยครับ ในเมื่อบราซิลเป็นคนผลักดันสำเร็จ จนเราได้มีโอกาสใช้ e85 ก็เพราะแรงผลักดันเล็กๆ จากภายในและความตั้งใจจริงในระดับนโยบาย ในเมื่อเรากำหนดโครงการให้บริษัทรถสามารถลงทุนได้เป็นหมื่นล้านในการผลิตและออกแบบรถ Eco car กับการสนับสนุนและลงทุนเพื่อการพัฒนาระบบเชื้อเพลิงให้เป็นไบโอดีเซล ผมว่าไม่น่าจะลงทุนกันดั่งกรณี Eco car ครับ
- การที่เราสามารถผลิตไบโอดีเซลได้มาก จะเป็นการ Balance of power ต่อราคาน้ำมันดิบครับ ณ วันนี้หากไม่มีพลังงานทดแทนมากดดันและคอยสอดแทรก ราคาน้ำมันดิบคงอยู่สูงกว่านี้ครับ ถือว่าสร้างตัวถ่วงให้กับตลาดครับ
- การติติงไบโอดีเซลในอดีตเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่หากยึดติดอดีต จนไม่รับรู้ว่าการพัฒนาของอุตสาหกรรม ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร กลับทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสมากกว่า อยากให้ปรับทัศนคติและผลักดันไปที่บริษัท รถยนต์มากกว่า
คิดได้เท่านี้ก่อนครับ ไว้มาฝากเพิ่มเติม
ผมอยากให้ความเห็นว่าการพัฒนาไบโอดีเซลจะเป็นจุดตั้งต้นของสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต ด้วยผลิตภัณฑ์เคมีจากพืชที่ไม่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้างทั้งในมนุษย์และธรรมชาติ ว่าแต่ว่า บริษัทน้ำมัน จะแฮปปี้เหรอครับ ถ้าประเทศนึงมี E100 และ B100 เพียงพอโดยไม่พึ่งพา เมื่อถึงวันนั้น
ปล.ตอนนี้เอทานอลบ้านเรามีศํกยภาพผลิต E100 ได้เท่ากับปริมาณการใช้เบนซินของประเทศ 1 ปี ครับ แต่ทำอะไรได้ไม่มากครับ ติดกฎหมายพอสมควร
-
เห็นตอนที่ปตท-เชฟรอนออกมาตอบเรื่องพลังงาน ฝั่งปตท.พูดว่าดีเซลไฮฟรอสตอนนี้ผสมไบโอดีเซล20%แล้วนะครับ ซึ่งเขาบอกว่าความจริงอยากจะผสมให้เยอะกว่านี้แต่ผู้ผลิตรถไม่ยอมอะไรนี้แหละ
ส่วนผมใช้กระบะดีเซลอยู่สนับสนุนนะครับถ้าจะทำให้น้ำมันถูกลงแต่ๆๆถ้าผสมไปแล้วทำให้น้ำมันแพงขึ้นแล้วนู้นเอานี้มาอุดอย่าดีกว่าครับ
-
ส่วนตัวผมเองมั่นใจว่า ถ้าภาครัฐมีนโยบายที่ชัดเจนและจริงจังในระยะยาว อาจจะตั้งเป็นวาระแห่งชาติ บริษัทผู้ผลิตสามารถปรับแต่งให้สามารถรองรับได้อย่างไม่มีปัญหา โดยภาครัฐเองอาจจะนำส่วนลดด้านภาษีมาช่วยต้นทุนของผู้ผลิตในการปรับแต่งก็สามารถทำได้
ให้เอาบทเรียนที่ผ่านๆมาพิจารณา นโยบายที่ๆไม่ชัดเจน จะสนับสนุนด้านไหนจะ Hybrid หรือ E85
-
ยืนยันว่า ตอนนี้ ดีเซลที่ขายในประเทศไทยเป็น B7 ทุกยี้ห้อ และทุกเกรด ไม่ว่า premium หรือ ธรรมดา 29.99 ตามกำหนดของทางการ
บริษัทน้ำมันจำเป็นต้องปรับส่วนผสม additives พอควร โดยเฉพาะตัวพรีเมียม ให้คงไว้ซึ่งคุณสมบัติที่เครื่องดีเซลชั้นสูง common rail จะรับได้
น้ำมันดีเซล B สูงๆ B20 - B30 อาจใช้ได้กับพวกเครื่องรอบต่ำๆ และรอบตงที่ เช่น เครื่องเรือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องปั่นไฟ เครื่องยนต์ทำงานที่รอบประมาณ 1,200 -
1,500 rpm
-
ผมว่าจัด B100 ไปเลยครับเงินทองไม่รั่วไหล แต่จัดเฉพาะเครื่องยนต์การเกษตรก่อนพวกเครื่องตัดหญ้า รถไถนา รถเกี่ยวข้าว รถอีแต๋น แล้วเอาเงินมาอุดหนุนตรงนี้ดีกว่าแจกไร่ละพันอะไรนั่นอีก ทั้งช่วยเรื่องลดภาษีและราคาน้ำมัน ส่วนภาคการขนส่งก็ค่อยเป็นค่อยไปเริ่มที่หัวจักรรถไฟก่อนจากนั้นก็เครื่องปั่นไฟ
-
ผมอยากใช้บี100เหมือนกันนะครับ อยากทำเอง
คนรู้จักที่บ้านเค้าทำสวนปลาม ทำไบโอดีเซลใช้เอง เค้าใช้เติมบีที50รุ่นก่อน
ตั้งแต่ออกรถไม่มีปัญหาอะไรเลย เดินทางไกลเห็นทำใส่ถังน้ำมันติดท้ายรถไปด้วย
ผมอยากทำใช้เองจริงๆนะ กำลังคิดอยู่ว่า จะลงทุนซื้อเครื่องทำไบโอดีเซลมาทำใช้เองดีไหม ;D
ทำแก้เซ็งวันละ10ลิตรใช้เอง