Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Smart ที่ ตุลาคม 26, 2014, 20:26:47

หัวข้อ: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Smart ที่ ตุลาคม 26, 2014, 20:26:47
ขอสอบถามเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์ใช้งานรถ Subaru รุ่นเก่าๆ หน่อยครับ...สมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วพอเห็น Subaru Impreza วิ่งอยู่ในถนนมากพอสมควร แต่ตอนนี้หายไปหมดแล้ว และเมื่อเทียบกับรถยุโรปอย่างพวก Benz BMW หรือแม้แต่ Volvo (ที่ว่าหาได้ยากแล้ว) ในยุคเดียวกันก็ยังมีวิ่งกันอยู่บ้าง เลยสงสัยว่ารถ Subaru นั้นพอเก่าๆ ไป มันไม่มีอาหลัยขายหรือเปล่า? เลยซ่อมกันไม่ได้ และหายไปจากท้องถนนในที่สุด...หรือว่าเป็นเหตุผลอื่นครับ???
 :)

หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: wildstocks ที่ ตุลาคม 26, 2014, 20:34:48
ถ้าเก่านี่หมายถึง GC กับ GF ผมจะไม่ห่วงเรื่องซ่อมเครื่องเลยครับ เป็นห่วงเรื่องความเก่าของตัวถังมากกว่า เพราะ GC GF เอาเครื่อง GDA GDB (ตากลม เหยี่ยว หมู) ลงได้หมด พวกอะไหล่ช่วงล่างก็มีเยอะพอสมควร แต่พวก GD จะเยอะกว่า เรื่องอู่นี่ในกรุงเทพและปริมณฑลไม่ต้องห่วงเลยเยอะมากกกกกๆๆๆ แค่เลียบด่วนนี่ก็จะสิบอู่ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Sagittarius Toshi ที่ ตุลาคม 26, 2014, 20:40:42
ผมไม่ได้ขับนะครับ แต่คนรู้จักใช้ GC กันอยู่ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากครับ ซ่อมตามอาการ ทำดีๆ เผลอๆวิ่งดีมากๆเลย ทนมากๆด้วย ส่วนอะไหล่นั้น เซียงกงมีเยอะครับ ถูกบ้างแพงบ้าง แต่ก็ไม่ได้สาหัสอะไร หัวตัดก็มีสั่งได้เยอะแยะครับ แต่ที่ไม่ค่อยทนมักจะเห็นว่ารถแรงมากๆ ก็เหยียบเอาๆ ก็พังตามเท้า รถพวกนี้ต้องดูแลดีครับ เปลี่ยนถ่ายนมเครื่องประจำๆก็ใช้กันยาวแล้ว

ความเห็นส่วนตัวนะครับ เมื่อสมัยก่อน น้ำมันไม่ได้ราคาแพงตับแลบขนาดทุกวันนี้ เติมเต็มถังก็ไม่กี่บาท ส่วนตอนนี้ก็หลายๆท่านเปลี่ยนไปใช้รถที่มีค่าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่า รถก็ค่อยๆลางเลือนไปตามกาลเวลาครับ

รถมันเฉพาะกลุ่มน่ะครับ รอดูท่านที่ใช้จริงมาตอบด้วยละกันครับ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Zephyrs ที่ ตุลาคม 26, 2014, 20:47:54
จะยากก็แค่เรื่องมันเป็นเครื่องสูบนอน ที่ท่อไรงี้มันจะอยู่ด้านล่างด้านบนบ้างเนี่ยแหละครับ คือบางจุดเรามองไม่เห็นแต่เป็นท่อน้ำท่อยางที่สำคัญก็มีปัญหาเอาง่ายๆ

แต่ถ้าจัดการไรจบเรียบร้อย เปลี่ยนไรจบ ใช้ยาวๆเหมือนรถธรรมดาๆนั่นแหละครับ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: CJ. ที่ ตุลาคม 26, 2014, 21:00:18
ผมว่ายากง่ายนั้นแล้วแต่ช่างครับ แต่ละยี่ห้อมีอู่เด็ดๆอยู่แล้ว เรื่องที่ต่างจริงๆน่าเป็นราคาอะไหล่ และความยุ่งยากมากน้อยของระบบไฟฟ้าต่างๆมากกว่า

คือกลุ่มคนใช้รถเฉพาะๆ แบบนี้จะมีเครือข่าย มีที่ซ่อมหรือสั่งของอยู่แล้วครับ ของผมก็มีช่างประจำ รถมีปัญหาก็เอาไปหาเค้า ถ้ารถตายอยู่บ้านก็รบกวนช่างมา

ปล.ผมไม่ได้ใช้ Subaru นะครับ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Smart ที่ ตุลาคม 26, 2014, 21:20:31
ขอบคุณทุกๆ ท่านสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ครับ ...
อืม ถ้างั้น XV ที่กำลังนิยมกันในยุคนี้ก็น่าจะไปได้ดีแฮะ รถเค้าดีจริงๆ (ไม่ได้ใช้เอง แต่ชอบมาก และมีเพื่อนฝูงใช้กันอยู่บ้าง)
 ;)
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: keanetona ที่ ตุลาคม 26, 2014, 21:36:24
ศูนย์บริการตรงพระราม2เปิดใหม่ใกล้ๆรพ.บางกอก9บริการเป็นไงบ้างครับ วันนั้นไปลองขับ forester แล้วชักสนใจ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Highway Star ที่ ตุลาคม 26, 2014, 22:00:24
เท่าที่รู้ก็ไม่ยากนะครับ เพราะซูบารุสูบนอนหลักการก็เหมือนเครื่องสูบVแต่เป็น180องศา และตัวรถมันก็ทนมากๆ แต่ที่นานๆเห็นอิมทีเพราะรถมันน้อย และส่วนมากก็มักเป็นรถซิ่งขับเล่นวันหยุดกันไม่ใช่รถหลักใช้ทุกวัน
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: zapdos191 ที่ ตุลาคม 26, 2014, 22:35:07
Slogan คนขับซูนะครับ

"คนขับไม่เคยได้พูด คนพูดไม่เคยได้ขับ"

ผมยังไม่เคยเป็นเจ้าของ (แต่กำลังจะเป็น) จำเค้ามาอีกทีนะครับ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Adi Autolism ที่ ตุลาคม 26, 2014, 22:56:28
Slogan คนขับซูนะครับ

"คนขับไม่เคยได้พูด คนพูดไม่เคยได้ขับ"

ผมยังไม่เคยเป็นเจ้าของ (แต่กำลังจะเป็น) จำเค้ามาอีกทีนะครับ
ตามนั้นเปะคับ :D
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Teera ที่ ตุลาคม 27, 2014, 00:03:09
รถทั่วไป Service ส่วนใหญ่ ที่ไม่ใช่ช่วงล่าง ทำได้จากด้านบน ส่วน Subaru ส่วนน้อยที่ทำจากด้านบน ส่วนใหญ่ Service จากด้านล่าง
ยากกว่านิดหน่อยครับ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: View ที่ ตุลาคม 27, 2014, 05:59:37
มาเก็บข้อมูลครับเพื่อได้ใช้
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Spec C Wannabe ที่ ตุลาคม 27, 2014, 08:47:32
คนฐานะคนเคยขับ ก็เลยขอพูดว่า การดูแลรักษา ไม่ได้ยากกว่ารถทั่วไปเท่าไหร่ แต่ก็ยังยากว่าอยู่ดี

ตัวอย่างเช่น หัวเทียน จะเปลี่ยน หรือ เช็คไม่ง่ายเหมือนเครื่องสูบตั้งแบบปรกติ ต้องรื้ออุปกรณ์ข้างๆออก เช่นถอดกล่องกรองอากาศ และยกแบ้ตเตอรี่ออก (แต่ตอนหลังทำบ่อยๆ ก็ไม่ต้อง เพราะรู้วิธี) แล้วล้วงมือเข้าไปถอดคอล์ยจุดระเบิด (รุ่นผมเป็นคอล์ยแยก) และหัวเทียนออก ต้องใช้ประแจแบบพิเศษ เพราะที่ทางมันแคบ บล้อคถอดหัวเทียนส่วนใหญ่มันจะยาก ล้วงลงไปไม่ได้ ทำเองครั้งแรกล่อไปสี่ชั่วโมง แต่ทำครั้งที่สองเสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง  แต่หัวเทียนเปลี่ยทุกหนึ่งแสนโล ฉนั้นหากไม่ซน ก็แทบจะไม่ต้องไปยุ่งกับมันเลย

ระบบท่อไอเสียค่อนข้างยุ่งยาก และรั่วง่ายหากใส่ไม่เป็น พอดีรุ่นที่ใช้เป็นรถเทอร์โบ ระบบท่อมันจะยุ่งยาก และหลบตามซอกหลืบ มี เฮดเดอร์ อัพไปป์ ดาวน์ไปป์ ถ้าไม่ไปยุ่งกับมัน ไม่ไปซนเปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่ มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่พอซน ไปเปลี่ยนท่อ เปลี่ยนเทอร์โบ หัวฉีด เปลี่ยนนู่นนี่  คราวนี้เวลาใส่กลับมันมีโอกาศรั่วสูง เพราะมันใส่ยาก ตำแหน่งมันซับซ้อน เอามือเข้าไปลำบาก

นอกจากนี้ก็มีระบบท่อไอดีและระบบรางหัวฉีดที่ซับซ้อนเพราะลูกสูบดันแบ่งเป็นสองฝั่งซ้ายกับขวาแยกกัน และอย่างเดิม....ล้วงมือลงไปลำบาก

สรุปทั้งหมดนี่ หากเป็นคนใช้งานทั่วๆไป และยิ่งหากไม่ใช่รุ่นที่มีเทอร์โบ ก็ไม่ต้องกังวล รถมันทนทานมาก ไม่่พังง่ายๆ แต่มันจะแก้ไขลำบาก หากเราไปซนมัน หรือตัวมันเองเกิดมีปัญหาขึ้นมา เพราะตำแหน่งอุปกรณ์ต่าๆงมันอยู่ในซอกหลืบที่ลึกลับ ล้วงมือลำบาก และไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า

สำหรับช่าง ก็คงต้องเป็นช่างที่คุ้นเคยกับนรถยี่ห้อนี้ เค้าก็จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นช่างที่ทำรถทั่วไป ไม่เคยทำซูบารุมาก่อน รับรองเจองานพวกนี้เข้าไป ปวดหัว ปวดมือ ได้แผลแน่ๆ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ ตุลาคม 27, 2014, 10:17:37
ถ้าเป็นรถที่สภาพดีๆเดิมๆ ไม่เคยชน รื้อประกอบใหม่ก็ทำสายไฟมาดี ผมบอกเลยว่าอะไรที่มันจะพัง มันก็จะพังตามอายุการใช้งานของมันล่ะครับ ส่วนที่จะทำให้อกหักกลางทางก็มีบ้างเหมือนกัน เช่นพวกท่อน้ำเล็กใต้อินเตอร์ มันอยู่ในจุดที่เรามองแทบไม่เห็น แล้วเวลามันรั่วทีนึงแล้วเราเผลออัดไปนี่น้ำจะหายอย่างเร็วครับ ผมโดนกับตัวเองไปสองรอบ

ปั๊มคลัตช์ อันนี้ถ้าจะยกทั้งที หากชอบใช้ยาวๆ แนะนำว่าเบิกของใหม่ไปเลยครับ แต่ถ้าอยากจ่าย2-3 พัน ก็เบิกปั๊มมือสองมา อายุการใช้งานก็แล้วแต่โชคครับ ของผมซื้อมาปั๊มคลัตช์พัง ยกมือสองใส่ อยู่ต่อมาได้อีก 2 เดือน แล้วก็ยกอีกรอบ ใช้ยาวจนขายไป ไปพังกับเจ้าของใหม่ ระยะเวลาน่าจะแค่ปีกว่าๆ

รถ Legacy ผมตอนนั้นมีปัญหาระบบไฟ ไปแก้กับเก่งเซอร์วิสมารอบนึง ก็ทยอยดีขึ้น เคยวิ่งซัดเกียร์ 1-2 แล้วถอน รถช็อตดับ ไล่ไปมาเจอฟิวส์ขาดไปตัวนึง ใส่ใหม่ ขับแล้วไม่เป็นไร สักพักซัด 1-2 แล้วถอน ช็อตดับอีก ผมให้เก่งไปเช็คและบอกว่าเอาไปขับใช้งานดูเลยก็ได้ เมียคุณเก่งก็ช่วยเป็น QC ให้ ขับไปมาอยู่หลายวันก็ไม่เจออาการ พอผมเอาไปขับรอบเดียว เจอเลย ต้องซัดเกียร์ 1 หรือ 2 แล้วถอนคันเร่งหมด ถึงจะเป็น ขับแบบอื่นจะไม่เป็น สรุป..สายไฟมันสึกครับ ตรงใต้คานหม้อน้ำ แล้วพอซัดแล้วยก มันไปแตะตัวถัง หาอยู่เป็นสัปดาห์ๆในที่สุดเก่งก็หาเจอเพราะต้องไล่ดูสายไฟมันรอบคันเลย

ตอนหลังคุณโจ้ ซื้อรถผมต่อไปก็ไปแก้ไขต่อ เจอสายไฟหน้าปัดทำมาอย่างยุ่ง เมดูซ่าบอกเส้นผมกูยังไม่ยุ่งขนาดนี้ พอแก้กลับดีๆ ตอนนี้รถก็ใช้วิ่งได้ โจ้จะขายต่อไปรอบนึงแล้ว แต่พอแก้ไล่ไปทีละจุด รถมันก็วิ่งต่อได้ ทุกวันนี้ใส่ล้อ ใส่ชุดแต่ง ทำสีให้ดูดีขึ้น รถดูดีกว่าสมัยที่ผมขับเสียอีก

ถ้าถามผมว่าใช้ Subaru จุกจิกประมาณไหน ผมลองมองแบบตัดประเด็นที่เกิดจากการซ่อมแบบมั่วๆออก สมมติว่าคุณซื้อรถมาคันนึงแล้วใช้ไปยาวๆ ผมว่าความจุกจิกไม่น่าเท่ารถผม มันอาจจะใช้ทนกว่า Nissan Tiida ของผมเสียด้วยซ้ำ ลองย้อนกลับไปดูคนที่ซื้อหมูหรือแมวปี 2005-2008 สิครับว่ามีปัญหาอะไรกันบ้าง ทีนี้ลองเลือก Corolla ปี 05-08, Nissan ปี 05-08 กับ BMW, Mercedes-Benz ปี 05-08 มาเทียบกันดูก็ได้ครับว่าวิ่งกันกี่กิโล และใช้จ่ายค่าอะไรไปบ้าง

สำหรับผม รถ Subaru ตั้งแต่ BC ปี 93 มาจนหน้าแมว เป็นรถที่ต้องดูแลมากกว่าพวก Corolla บ้าง เพราะคนขับก็มักจะขับกันไม่ธรรมดานี่ครับ แต่ถ้าเทียบกับรถยุโรป ผมว่าจุดอ่อนเรื่องระบบไฟมีน้อยกว่า เรื่องช่วงล่างทนไม่ทนผมคงไม่เทียบเพราะคนขับซูบารุยิ่งที่มีเทอร์โบก็ขับกันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ส่วน Subaru รุ่นใหม่ๆ ผมใช้คำว่า "มีแนวโน้ม" ที่จะไม่จุกจิก แต่ผมคงไม่ใช้คำว่า "ไม่จุกจิกเลย" แน่ๆครับ เพราะรถแต่ละเจนเนอเรชั่นมันเปลี่ยนอะไรบ้าง เราก็ไม่รู้ ผมเห็นมีคุณผู้อ่านท่านหนึ่งเล่าให้ฟังเรื่อง XV ว่ากล่องพัง หรืออะไรพังสักอย่างนึงแล้วไม่มีอะไหล่เปลี่ยนต้องรอ ..ผมจำผิดหรือเปล่า..ของแบบนี้ผมว่ามันก็เกิดขึ้นได้ เราอย่าไปยึดติดว่ารถที่สมัยก่อนโคตรจะไม่จุกจิกพอเปลี่ยนมาเป็นรุ่นใหม่แล้วจะต้องไม่จุกจิกเหมือนกัน..ไม่อย่างนั้น W211,W212 ก็ต้องทนและซ่อมง่ายเหมือน W123, W124 หรือ Volvo S60, XC60 ก็ต้องทนทานเหมือน 244,240,264 (ยกเว้นเครื่องยนต์ของ 264 ไว้ละกัน)

หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Smart ที่ ตุลาคม 27, 2014, 11:28:10
โอ้... คำตอบ clear มากเลยครับ ขอบคุณครับคุณ Commander Cheng ...ผมติดตามดู clip test drive ใน Youtube อยู่หลายรุ่น ชอบข้อ comment ของคุณ Cheng มากๆ เลยครับ โดยเฉพาะตัว Forester และ V40 มันตรงประเด็นและสนุกดีครับ
ขอบคุณมากๆ เลยครับ
 :)
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ ตุลาคม 27, 2014, 15:21:56
SUBARU XV เสีย เจ้าของซื้อที่โคราช สุดท้ายลากมาซ่อมกทม. ศูนย์โคราชไม่เก็บอะไหล่

ซ่อมยากไหม ? ผมว่าไม่ยาก กรณีนี้ ECU เสีย (คันที่สองแล้วที่เจอ) แต่รออะไหล่ 1 เดือน

ซ่อมไม่ยาก แต่รออะไหล่นาน อยู่ต่างจังหวัด มีรถคันเดียว อย่าซื้อเลยครับ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ ตุลาคม 27, 2014, 15:51:17
  ถ้าเทียบในรถญี่ปุ่นด้วยกัน   อาจจะซ่อมยากกว่านิดนึงเพราช่างไม่คุ้นเคยเท่ารถตลาดจ่ายกับข้าว    เป็นตามด้านบนบอกมาคือการซ่อมการเอามือล้วงไปยากกว่านิดนึง  ระบบมีความยุ่งยากมากกว่า  อะไหล่อาจจะแพงกว่ารถตลาดบ้างแต่ไม่เยอะ  อยู่ในราคารถญี่ปุ่น       ในญี่ปุ่นผมเคยถามวิศวกรชาวญี่ปุ่นแน่นอนว่าที่โน่นก็เน้นซูบารุมากเหมือนกัน ทำให้ตลาดมือ 2 มีอะไหล่มือ 2 เยอะ ถ้าซ่อมกับศูนย์ที่ดี หรืออู่ที่ดีก็ไม่มีอะไรน่ากังวลครับ  

ถ้าเทียบกับรถยุโรป รถยุโรปจะมีความจุกจิกและยุ่งยากกว่า ซ่อมแพงกว่า อะไหล่มือ 2 แพงกว่าหรือมือ 1 แพงกว่า

  

Subaru น่าเล่นถ้าเป็นป้ายแดง หรือรถมือ 2 สภาพดีไม่ยำมา   ราคามือ 2 เย้ายวนใจยิ่งนักแต่ก็เห้นตามคุณ Jae ถ้าเป็นรถคันเดียวของบ้านอยุ่ ตจว. ห่างไกลอู่ที่ซ่อม Subaru ก็ไม่น่าซื้อ  เพราะไม่ควรไปหวังกับอู่ทั่วไป ถึงซ่อมได้ไม่มีอะไหล่อยู่ดี

แต่ถ้าเป็นรถยุโรป  ป้ายแดงเลยครับถ้ามีกำลังซื้อ  ส่วนมือ 2 ไม่น่าเล่นแม้จะสภาพดี ก็ไม่น่าซื้อ   เก็บเงินไปซื้อญี่ปุ่นป้ายแดงราคาเดียวกันเสียยังดีกว่า
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: bojung ที่ ตุลาคม 27, 2014, 16:23:43
ผมว่าเรื่องอะไหล่น่าจะยังหาอยู่ได้นะครับ และอีกอย่างรถดูแทบไม่มีปัญหาเลย ทนมาก ที่ผมห่วงก็คืออู่ข้างนอกจะซ่อมเครื่องสูบแนวนอนเป็นหรือเปล่า อาจจะต้องเข้าศูนย์เหมือนเดิมครับ แต่ในอนาคตผมว่าซึบารุก็คงทำเครื่องสูบแนวนอนมาอีกหลายรุ่นครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาอะไหล่ไม่ได้ครับ
หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: Adi Autolism ที่ ตุลาคม 28, 2014, 21:00:36
รถทุกยี่ห้อมี Defect หมดละคับ จะมากน้อย แก้ได้เร็วช้า เป็นข่าวหรือปิดเงียบเท่านั้น
ส่วนซูบารุ ถ้าเทียบกับรถญี่ปุ่นด้วยกันอาจจะยากกว่า แพงกว่าเล็กน้อย
แต่ถ้าเทียบกับรถยุโรป ทั้งค่าซ่อม ความยากยังห่างไกลคับ เสียกว่าก็ตรงมีศูนย์น้อยกว่าและนโยบายผู้บริหารยังครึ่งๆกลางๆเท่านั้น
ส่วนXV ปี 13 มีคนรู้จักติดแก๊สร้านดังแถวนนทบุรีตอนป้ายแดง ตอนนี้วิ่งจะแตะแสนโลแล้วคับ
ก็ไม่เห็นจะพัง เข้าศูนย์เช็คระยะตามปกติ 


หัวข้อ: Re: การซ่อมรถ Subaru ยากง่ายอย่างไรเมื่อเทียบกับรถยุโรป???
เริ่มหัวข้อโดย: jomyoot ที่ ตุลาคม 29, 2014, 01:21:04
เข้ามาฟังเป็นวิทยาทานครับ สงสัยเหมือนกัน เพราะเห็นมันเป้นเครื่อง Boxer ขอบคุณมากครับ