Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nikle_pk ที่ ตุลาคม 28, 2014, 12:29:46
-
คือจากประสบการณ์ที่โดนใบสั่งทางไปรษณีย์มานะครับ
มันจะมาตัวเลขประมาณนี้ คือ 122 กม/ชม เหมือนจะเลยที่กฏหมาย
กำหนดมานิดๆ (ถามจริงๆเถอะใครจะไปจำได้ว่าช่วงนั้นวิ่งเท่าไหร่ แต่ในใบสั่ง
ระบุมาเลยว่าความเร็วเท่าไหร่ เคยคิดว่าวิ่งไม่เกิน 120 ตลอดสายนะ แต่อีกอาทิตย์
ใบสั่งตามมาถึงบ้านซะงั้น)
ทีนี้รถที่ผมใช้อยู่สามารถตั้ง Speed limit ได้ เลยลองคิดดูครับว่า
ถ้าผมตั้งที่ 118 ตลอดสาย แล้วดันได้ใบสั่งที่ 122 มาอีกเนี่ย
เราจะทำยังไงได้บ้างครับ เถียงได้ไหม (ส่วนตัวว่าไม่ได้)
แล้วอย่างนี้มันจะยุติธรรมเหรอครับ ใบสั่งส่งมาถึงบ้าน
ระบุว่าเท่าไหร่ก็ต้องจ่าย แล้วกล้องที่ใช้ยิงเนี่ยมันเชื่อถือ
เรื่องความเร็วได้ 100% เลยเหรอครับ ขนาดไมล์รถที่ติดกับล้อ
มันยังเพี้ยนไม่ตรงกัลความเร็วจริงตาม GPS เลย เครื่องยิงแจกใบสั่ง
มันจะแม่นขนาดนั้นเลยเหรอครับ
สรุปเราทำอะไรได้มั่งไหมครับ หรือถ้าใบสั่งมายังไงก็ต้องจ่ายสถานเดียว
แชร์ความเห็นกันนะครับ ขอบคุณครับ
-
คงทำไรไม่ได้ เป็นผมคงต้องตามกล้อง set limit ไว้ 114 แทน
-
คงต้องจ่ายตามระเบียบ แล้วก็ปรับลดลิมิตของตัวเองลงครับ ครั้งต่อไปจะได้ไม่พลาด
-
ค่าการวัด อาจแตกต่างกันบ้าง ตามคุณภาพของเครื่องวัด และการเซตค่าครับ
รถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น เขาก็เซ็ตไมล์มาอ่อน มาแข็ง แตกต่างกัน แต่ความคลาดเคลื่อนบวกลบไม่ควรเกิน 5 นะครับ
อย่าง Fortuner ที่บ้านผม ไมล์ในจอ ขับไป 120 แต่ GPS วัดได้ 114-116 เองครับ
มันก็เหมือนตาชั่ง น้ำหนัก เซเว่น หรืออะไรก็แล้วแต่ ลองเอา 3 เครื่อง มาตั้งใกล้ๆ กัน ผมเชื่อว่า ท่านจะไม่ได้ตัวเลขที่เท่ากันแป๊ะๆ แน่นอน
กรณีแบบนี้ จะหาหลักฐานมา เถียงยากหน่อย ยกเว่นว่าท่านจะมีกล้องหน้าบันทึกเหตุการณ์ที่มี วัดความเร็วรถและ GPS ด้วย
แต่อย่างว่า แหละครับ หลักฐานพวกนี้ หากเราไปแสดงแก้ต่าง ตำรวจก็จะอ้างอีกว่า เขาถือเครื่องวัดของเขาเป็นเกณฑ์
ทางที่ดีที่สุดคือ ตาม คห.1 ว่าละครับ
ถ้า ท่านตั้งไว้ 118 แล้วใบสั่งมาเกิน เป็น 122
ท่านก็ตั้งลดลงมาเหลือ 113-115 ครับ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องใบสั่งอีก
-
กฎหมายให้วิ่ง 90 เค้าอนุโลมให้ 120 (มันผิดตั้งแต่ 91 แล้ว)
ตั้งได้ตั้งซัก 110 อยากถูกกฎก็ตั้ง 90 จบ
หรือวิ่งซัก 250+ เผื่อกล้องจะจับไม่ทัน ;)
-
กฏหมายโบราณปรับไม่เข้ากับยุคสมัยสักทีกฏหมายไทย
-
จำกัดที่ 90 ถ้าวิ่งเกินนี้ เขาจะเขียนมาเท่าไหร่ ก็ต้องยอมรับไปครับว่าผิด ผิดเท่าไหร่ก็คงได้แค่ตัวเลขที่เอาไปเถียง
ไอ้ที่ว่าอนุโลมก็คือ ตามโชคชะตาครับ
-
ก็คงต้องจ่ายไปตามระเบียบแหละครับ เพราะเถียงยังไงประชาชนอย่างเราก็ผิดอยูู่ดี ตำรวจก็ต้องถือเครื่องเค้าเป็นเกณท์อยู่ดีแหละทำใจเถอะครับ เบื่อไอ้กฏหมายโบราณนี่จริงๆเมื่อไหร่จะแก้เซะที คนรู้จักผมหลายคนเค้าโดนก็ยังไม่ไปจ่ายค่าปรับเป็นปีก็ยังต่อทะเบียนได้นะไม่ต้องไปจ่ายก็ได้ผมเชื่อว่าน่าจะยังไม่บันทึกลงระบบหรอก แต่ส่วนตัวผมก็ขับไวอยู่เหมือนกันแต่ชอบวิ่งกลางคืนเลยไม่เคยโดน ผมว่าเอาชัวร์ตั้งตวามเร็วลดเหลือสัก110-113น่าจะดีกว่า
-
ทำไรไม่ได้ ต้องจ่ายสถานเดียวครับ
ผมเคยโดนใบสั่ง แถว ถ.นครอินทร์ ...
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,38898.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,38898.0.html)
speed limit 100 km/h ... โดนใบสั่งที่ 102 km/h ...
-
คนรู้จักผมโดนไป 173 ที่บางพลี-สุขสวัสดิ์ โดนไปเลย 1000 แต่พอไปจ่ายตำรวจจะยัดข้อหาแข่งรถบนทางหลวงเพิ่มอีก
-
ผม4ใบละ ยังนิ่งอยู่ รอต่อทะเบียนไม่ได้ค่อยไปจ่าย ;D
-
.
.
.
ถ้าขับ 90 หมดทุกคัน ก็อย่าเก็บตังค์ค่าทางด่วนเลย
กฏหมายตั้งแต่ปีไหน ควรแก้ได้แล้ว จริงๆควรมีกฏไปเลยว่า
กฏหมายทุกๆกี่ปีควรเอามาพิจารณาใหม่ว่ามันเหมาะสม
กับยุคสมัยรึเปล่า ไม่ใช่ 50 - 60 ปี ก็ใช้มันอยู่อย่างนั้น
จริงๆมันควรแก้จาก 90 เป็น 120 ได้แล้ว ไม่ใช่ใช้คำว่าอนุโลม
-
จะขึ้นศาลก็ได้ กระบวนการยุติธรรมเป็นแบบเชิงกล่าวหา
คุณคิดว่าคุณไม่ผิด คุณก็ไปแก้ข้อกล่าวหาให้ได้ รวบรวมหลักฐานที่น่าเชื่อถือ
จ้างทนาย
แต่ผมว่าจ่ายไปง่ายกว่าเยอะ
-
เคยแต่จอดรถข้างทาง จอดอยู่ข้างป้ายห้ามจอดเวลา16-20น. แต่ตำรวจเอาใบสั่งมาเหน็บที่ปัดน้ำฝน แล้วลงว่าผมจอดผิดเวลา แต่เวลาลงในใบสั่ง15.30น. ผมมาเอารถตอน4โมงเย็นเลยงง 555 (จอดผิดเวลาตอนไหนว่ะจอดข้างป้ายแท้ๆ ) ดีนะไม่ได้ล็อคล้อไว้เลยขับกลับบ้านแบบเนียนๆ555
-
ทำใจครับ ได้แค่นี้จริงๆ
-
ผมมีเป็นสิบใบไม่เคยไปจ่ายครับ รอต่อทะเบียนไม่ได้ค่อยจ่าย ถ้าต่อได้ก็ช่างมันครับ
-
เรื่องจอดในที่ห้ามจอด
ผมเคยโดน ที่ ซ.โรงเรียนกวดวิชา แถวงามวงศ์วานครับ
......
แบบป้าย วันคู่/วันคี่
......
ดูยังไงก็ไม่ผิดฝั่งนะ (วันที่ 27 รถผมจอดในแนวฝั่งป้ายวันคู่ ก็วันคี่ห้ามจอดใช่ไหมล่ะ)
ใบสั่งเรียกมา 400.- ก็ไม่อยากเถึยงกะตร.หรอก
แล้วรีบไปจ่ายที่ สน.รัตนาธิเบศร์ ตรงข้ามศาลากลาง จ.นนท์ วันนั้นเลย
คือไม่อยากเสียประว้ติ เขาลดราคาให้เหลือ 200.-
ทุกวันนี้ก็ งง งง กับมาตรฐานป้าย วันคู่/วันคี่ อยู่เลยครับ
-
เคยเหมือนกันครับ ใน กทม. ตอนแระกะไม่จ่าย มีมารอบสองเป็นหมายศาล ไปจ่ายแถบไม่ทัน
อีกเคสเป็น ตจว. ไม่จ่ายเหมือนกัน แต่เรื่องเงียบต่อทะเบียนได้
น่าจะแล้วแต่เคสครับ
-
กรณี จขกท เป็นผมก็จะตั้งความเร็วแค่ 100-110 พอครับ ไม่ต้องลากให้มันขึ้นไปใกล้ๆ 120 ก็ได้ ต้องเผื่อความคลาดเคลื่อนจากเครื่องมือวัดสักหน่อยครับ ส่วนรอบนี้ก็ถ้าจะไม่จ่ายก็ได้ รอดูว่าต่อทะเบียบได้ไม่ได้ค่อยว่ากันครับ
===========
จะบอกว่า คนที่คิดว่ากฎหมายไทยมันไม่ทันสมัยเพราะคิดว่าเมืองนอกมันให้วิ่งได้ไวกว่านี่ ผมอยากเล่าให้ฟังครับ
ไปขับที่อังกฤษมา (ซึ่งไทยเราก็อิงระบบการจราจรมาจากเขา เท่าที่ผมเข้าใจ) เค้าก็ตั้ง speed limit เอาไว้ที่ความเร็วเท่าๆไทยนี่แหละครับ คือโดยมากจะราวๆ 50mph (80kph) ในบริเวณที่เริ่มเข้าเขตเมือง และจะเหลือ 30 mph (ราวๆ 50kph) ในเขตชุมชนบางเขตที่บ้านเริ่มหนาแน่นหน่อย สำหรับทางหลวงจำพวก M / A จะมีสองความเร็วครับ คือถ้าเป็นช่วงทางตรงปกติ เค้าจะขึ้นป้ายประมาณ 70 mph (ราวๆ 110kph) แต่ถ้าในเขตที่มีทางเชื่อม ทางขนานมาบรรจบ หรือบริเวณที่รถจะวิ่งหนาแน่นหน่อย เขาจะมีป้ายบอกประมาณ 60mph (ราวๆ 96kph) ถ้าหากมีการก่อสร้างซ่อมแซมผิวจราจร ก็จะมีป้ายกำหนดอีกทีว่าจะให้วิ่งเท่าไหร่กันแน่ แต่จะเห็นชัดเจน
ทีนี้ ที่แตกต่างจากไทยคือ ช่วงไหนที่เค้าจะให้วิ่งเร็วได้ ไม่ได้จำกัดความเร็ว เขาจะขึ้นป้ายบอกครับ ว่าสุดเขตกล้องตรวจจับความเร็ว จะวิ่งเร็วก็วิ่งกันไป แต่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรปกติอื่นๆอย่างเคร่งครัด (เช่นไม่แข่งกัน ไม่ขับช้าแล้วแช่ขวากีดขวางคนอื่นเขา อะไรแบบนี้) แต่กลับกัน ที่ไทยจะยิงมันช่วงไหนก็ได้ เปิดช่องให้ตำรวจหาเรื่องปรับให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนกัน มันจะแฟร์กว่ามากครับ ถ้าช่วงไหนให้เร็วได้ก็ปล่อยไป ช่วงไหนรถเยอะต้องให้วิ่งช้าลง ก็ค่อยมาตรวจสอบ
คนไทยมักจะคิดว่า speed limit บ้านเราล้าหลัง ตั้งไว้ช้าเกินไป แต่ผมคิดว่าการบังคับใช้ต่างหาก ที่มันไม่เป็นธรรม และอีกอย่างคือ คนไทย "ส่วนใหญ่" ไม่ค่อยมีวินัยจราจรเท่าที่ควร ทั้งย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับ จอดรถในช่องจอดคนพิการ แถมบางรายแย่ๆหนักหน่อยก็ไปด่าตำรวจ เอาเรื่องเขาทั้งๆที่ตัวเองทำผิดด้วยครับ เพราะงั้นถ้าเราทำผิดผมอยากให้เรายอมรับ และแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัวกันครับ (ไม่ได้มีเจตนาว่า จขกท นะครับ)
-
ผมขับเส้นพระรามสองทุกอาทิตย์ ผมก็ลองขับดูในความเร็วต่างๆเวลาผ่านกล้อง
พบว่า 121km/h โดนจับ ช้ากว่านี้ไม่โดน
150 km/h โดนจับ
170+ km/h ไม่โดนจับ
ถ้าผมรู้ว่าลดความเร็วไม่ทัน ผมจะเร่งให้ถึง 170 ผ่านกล้องปุ๊บ ถอน
แต่ปัจจุบัน 100-110 เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน
-
กรณี จขกท เป็นผมก็จะตั้งความเร็วแค่ 100-110 พอครับ ไม่ต้องลากให้มันขึ้นไปใกล้ๆ 120 ก็ได้ ต้องเผื่อความคลาดเคลื่อนจากเครื่องมือวัดสักหน่อยครับ ส่วนรอบนี้ก็ถ้าจะไม่จ่ายก็ได้ รอดูว่าต่อทะเบียบได้ไม่ได้ค่อยว่ากันครับ
===========
จะบอกว่า คนที่คิดว่ากฎหมายไทยมันไม่ทันสมัยเพราะคิดว่าเมืองนอกมันให้วิ่งได้ไวกว่านี่ ผมอยากเล่าให้ฟังครับ
ไปขับที่อังกฤษมา (ซึ่งไทยเราก็อิงระบบการจราจรมาจากเขา เท่าที่ผมเข้าใจ) เค้าก็ตั้ง speed limit เอาไว้ที่ความเร็วเท่าๆไทยนี่แหละครับ คือโดยมากจะราวๆ 50mph (80kph) ในบริเวณที่เริ่มเข้าเขตเมือง และจะเหลือ 30 mph (ราวๆ 50kph) ในเขตชุมชนบางเขตที่บ้านเริ่มหนาแน่นหน่อย สำหรับทางหลวงจำพวก M / A จะมีสองความเร็วครับ คือถ้าเป็นช่วงทางตรงปกติ เค้าจะขึ้นป้ายประมาณ 70 mph (ราวๆ 110kph) แต่ถ้าในเขตที่มีทางเชื่อม ทางขนานมาบรรจบ หรือบริเวณที่รถจะวิ่งหนาแน่นหน่อย เขาจะมีป้ายบอกประมาณ 60mph (ราวๆ 96kph) ถ้าหากมีการก่อสร้างซ่อมแซมผิวจราจร ก็จะมีป้ายกำหนดอีกทีว่าจะให้วิ่งเท่าไหร่กันแน่ แต่จะเห็นชัดเจน
ทีนี้ ที่แตกต่างจากไทยคือ ช่วงไหนที่เค้าจะให้วิ่งเร็วได้ ไม่ได้จำกัดความเร็ว เขาจะขึ้นป้ายบอกครับ ว่าสุดเขตกล้องตรวจจับความเร็ว จะวิ่งเร็วก็วิ่งกันไป แต่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรปกติอื่นๆอย่างเคร่งครัด (เช่นไม่แข่งกัน ไม่ขับช้าแล้วแช่ขวากีดขวางคนอื่นเขา อะไรแบบนี้) แต่กลับกัน ที่ไทยจะยิงมันช่วงไหนก็ได้ เปิดช่องให้ตำรวจหาเรื่องปรับให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนกัน มันจะแฟร์กว่ามากครับ ถ้าช่วงไหนให้เร็วได้ก็ปล่อยไป ช่วงไหนรถเยอะต้องให้วิ่งช้าลง ก็ค่อยมาตรวจสอบ
คนไทยมักจะคิดว่า speed limit บ้านเราล้าหลัง ตั้งไว้ช้าเกินไป แต่ผมคิดว่าการบังคับใช้ต่างหาก ที่มันไม่เป็นธรรม และอีกอย่างคือ คนไทย "ส่วนใหญ่" ไม่ค่อยมีวินัยจราจรเท่าที่ควร ทั้งย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับ จอดรถในช่องจอดคนพิการ แถมบางรายแย่ๆหนักหน่อยก็ไปด่าตำรวจ เอาเรื่องเขาทั้งๆที่ตัวเองทำผิดด้วยครับ เพราะงั้นถ้าเราทำผิดผมอยากให้เรายอมรับ และแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัวกันครับ (ไม่ได้มีเจตนาว่า จขกท นะครับ)
โดนมากครับ ;D
-
กรณี จขกท เป็นผมก็จะตั้งความเร็วแค่ 100-110 พอครับ ไม่ต้องลากให้มันขึ้นไปใกล้ๆ 120 ก็ได้ ต้องเผื่อความคลาดเคลื่อนจากเครื่องมือวัดสักหน่อยครับ ส่วนรอบนี้ก็ถ้าจะไม่จ่ายก็ได้ รอดูว่าต่อทะเบียบได้ไม่ได้ค่อยว่ากันครับ
===========
จะบอกว่า คนที่คิดว่ากฎหมายไทยมันไม่ทันสมัยเพราะคิดว่าเมืองนอกมันให้วิ่งได้ไวกว่านี่ ผมอยากเล่าให้ฟังครับ
ไปขับที่อังกฤษมา (ซึ่งไทยเราก็อิงระบบการจราจรมาจากเขา เท่าที่ผมเข้าใจ) เค้าก็ตั้ง speed limit เอาไว้ที่ความเร็วเท่าๆไทยนี่แหละครับ คือโดยมากจะราวๆ 50mph (80kph) ในบริเวณที่เริ่มเข้าเขตเมือง และจะเหลือ 30 mph (ราวๆ 50kph) ในเขตชุมชนบางเขตที่บ้านเริ่มหนาแน่นหน่อย สำหรับทางหลวงจำพวก M / A จะมีสองความเร็วครับ คือถ้าเป็นช่วงทางตรงปกติ เค้าจะขึ้นป้ายประมาณ 70 mph (ราวๆ 110kph) แต่ถ้าในเขตที่มีทางเชื่อม ทางขนานมาบรรจบ หรือบริเวณที่รถจะวิ่งหนาแน่นหน่อย เขาจะมีป้ายบอกประมาณ 60mph (ราวๆ 96kph) ถ้าหากมีการก่อสร้างซ่อมแซมผิวจราจร ก็จะมีป้ายกำหนดอีกทีว่าจะให้วิ่งเท่าไหร่กันแน่ แต่จะเห็นชัดเจน
ทีนี้ ที่แตกต่างจากไทยคือ ช่วงไหนที่เค้าจะให้วิ่งเร็วได้ ไม่ได้จำกัดความเร็ว เขาจะขึ้นป้ายบอกครับ ว่าสุดเขตกล้องตรวจจับความเร็ว จะวิ่งเร็วก็วิ่งกันไป แต่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรปกติอื่นๆอย่างเคร่งครัด (เช่นไม่แข่งกัน ไม่ขับช้าแล้วแช่ขวากีดขวางคนอื่นเขา อะไรแบบนี้) แต่กลับกัน ที่ไทยจะยิงมันช่วงไหนก็ได้ เปิดช่องให้ตำรวจหาเรื่องปรับให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนกัน มันจะแฟร์กว่ามากครับ ถ้าช่วงไหนให้เร็วได้ก็ปล่อยไป ช่วงไหนรถเยอะต้องให้วิ่งช้าลง ก็ค่อยมาตรวจสอบ
คนไทยมักจะคิดว่า speed limit บ้านเราล้าหลัง ตั้งไว้ช้าเกินไป แต่ผมคิดว่าการบังคับใช้ต่างหาก ที่มันไม่เป็นธรรม และอีกอย่างคือ คนไทย "ส่วนใหญ่" ไม่ค่อยมีวินัยจราจรเท่าที่ควร ทั้งย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับ จอดรถในช่องจอดคนพิการ แถมบางรายแย่ๆหนักหน่อยก็ไปด่าตำรวจ เอาเรื่องเขาทั้งๆที่ตัวเองทำผิดด้วยครับ เพราะงั้นถ้าเราทำผิดผมอยากให้เรายอมรับ และแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัวกันครับ (ไม่ได้มีเจตนาว่า จขกท นะครับ)
ใช่เลยครับ
เสริมนิดนึง พยามอย่าเอา gps ติดรถ หรือติดเพิ่มตามท้องตลาดทั่วไปไปเทียบเลยครับ บางทีมันอาจจะคลาดเคลื่อนเยอะ ถ้าเป็นพวกใช้งานอบ่างเป็นทางการว่าใช้วัดความเร็วรถยนต์นั่นว่าไปอย่าาง เอาเป็นเครื่องมือที่ใช้ดูคร่าวๆจะดีกว่า ถ้าเอาไปอ้างกับ ตร. มันดูจะใช่ที่ ;)
-
กฎหมายให้วิ่ง 90 เค้าอนุโลมให้ 120 (มันผิดตั้งแต่ 91 แล้ว)
ตั้งได้ตั้งซัก 110 อยากถูกกฎก็ตั้ง 90 จบ
หรือวิ่งซัก 250+ เผื่อกล้องจะจับไม่ทัน ;)
เห็นด้วยจ้าาา
อันนี้ คหสต นะค้าฟ
กฎหมายมันล้าหลังมั้ย??? อาจจะล้าหลังเพราะ เวลาผ่านไป เทคโลยียานยนต์ ไปไกลมาก เมือก่อนผมก็คิดว่ามันทำไมต้องกำหนดความเร็วไว้แค่นั้น ขับแล้วเมื่อไหร่จะถึง น่าหงุดหงิดใจมากๆๆ ตัวเรามันพวกตีนผีซะด้วย เท้าขวายันพื้นตลอด ขับแล้วสนุก เร้าใจ แต่ใบสั่งตามมาเพียบ ช่วงหลังๆมานี่ผมลองปรับพฤติกรรมการขับขี่ซะใหม่ ขับระหว่างจังหวัด (กทม-ชลบุรี , กทม- สระบุรี) ลองจับเวลาคร่าวๆหลายๆครั้ง ออกตัวพร้อมๆกับเพื่อน 4-5คัน ผมขับ 80 -90 ไปเรื่อยๆตลอดทาง ส่วนเพื่อนๆ ขับกันเฉลี่ย 120 - 140 แล้วแต่สภาพการจราจร สุดท้ายก็ไปเจอกันที่ปลายทาง ในเวลาห่างกันไม่เกิน 3 - 5 นาทีเท่านั้น เลยต้องกลับมาคิดใหม่ว่า speed limit ที่้เค้าตั้งไว้ บางทีมันก็เหมาะสมกับสภาพถนนและการจราจรในประเทศเราแล้วละ เร็วไปมากกว่านี้ ก็ถึงไวขึ้นจริง แต่ไม่ได้มากกว่ากันเท่าไหร่ อีกทั้งยังปลอดภัยต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางด้วย ที่สำคัญ ขับช้าๆ การสึกหรอกของรถยนต์ก็ต่ำลงด้วยนะค้าบบ
-
กรณี จขกท เป็นผมก็จะตั้งความเร็วแค่ 100-110 พอครับ ไม่ต้องลากให้มันขึ้นไปใกล้ๆ 120 ก็ได้ ต้องเผื่อความคลาดเคลื่อนจากเครื่องมือวัดสักหน่อยครับ ส่วนรอบนี้ก็ถ้าจะไม่จ่ายก็ได้ รอดูว่าต่อทะเบียบได้ไม่ได้ค่อยว่ากันครับ
===========
จะบอกว่า คนที่คิดว่ากฎหมายไทยมันไม่ทันสมัยเพราะคิดว่าเมืองนอกมันให้วิ่งได้ไวกว่านี่ ผมอยากเล่าให้ฟังครับ
ไปขับที่อังกฤษมา (ซึ่งไทยเราก็อิงระบบการจราจรมาจากเขา เท่าที่ผมเข้าใจ) เค้าก็ตั้ง speed limit เอาไว้ที่ความเร็วเท่าๆไทยนี่แหละครับ คือโดยมากจะราวๆ 50mph (80kph) ในบริเวณที่เริ่มเข้าเขตเมือง และจะเหลือ 30 mph (ราวๆ 50kph) ในเขตชุมชนบางเขตที่บ้านเริ่มหนาแน่นหน่อย สำหรับทางหลวงจำพวก M / A จะมีสองความเร็วครับ คือถ้าเป็นช่วงทางตรงปกติ เค้าจะขึ้นป้ายประมาณ 70 mph (ราวๆ 110kph) แต่ถ้าในเขตที่มีทางเชื่อม ทางขนานมาบรรจบ หรือบริเวณที่รถจะวิ่งหนาแน่นหน่อย เขาจะมีป้ายบอกประมาณ 60mph (ราวๆ 96kph) ถ้าหากมีการก่อสร้างซ่อมแซมผิวจราจร ก็จะมีป้ายกำหนดอีกทีว่าจะให้วิ่งเท่าไหร่กันแน่ แต่จะเห็นชัดเจน
ทีนี้ ที่แตกต่างจากไทยคือ ช่วงไหนที่เค้าจะให้วิ่งเร็วได้ ไม่ได้จำกัดความเร็ว เขาจะขึ้นป้ายบอกครับ ว่าสุดเขตกล้องตรวจจับความเร็ว จะวิ่งเร็วก็วิ่งกันไป แต่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรปกติอื่นๆอย่างเคร่งครัด (เช่นไม่แข่งกัน ไม่ขับช้าแล้วแช่ขวากีดขวางคนอื่นเขา อะไรแบบนี้) แต่กลับกัน ที่ไทยจะยิงมันช่วงไหนก็ได้ เปิดช่องให้ตำรวจหาเรื่องปรับให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนกัน มันจะแฟร์กว่ามากครับ ถ้าช่วงไหนให้เร็วได้ก็ปล่อยไป ช่วงไหนรถเยอะต้องให้วิ่งช้าลง ก็ค่อยมาตรวจสอบ
คนไทยมักจะคิดว่า speed limit บ้านเราล้าหลัง ตั้งไว้ช้าเกินไป แต่ผมคิดว่าการบังคับใช้ต่างหาก ที่มันไม่เป็นธรรม และอีกอย่างคือ คนไทย "ส่วนใหญ่" ไม่ค่อยมีวินัยจราจรเท่าที่ควร ทั้งย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับ จอดรถในช่องจอดคนพิการ แถมบางรายแย่ๆหนักหน่อยก็ไปด่าตำรวจ เอาเรื่องเขาทั้งๆที่ตัวเองทำผิดด้วยครับ เพราะงั้นถ้าเราทำผิดผมอยากให้เรายอมรับ และแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัวกันครับ (ไม่ได้มีเจตนาว่า จขกท นะครับ)
เป๊ะ ตามนี้เลยครับ
เคยโดนนะ แบบเฉียดๆ 121 ก็เคย แบบล้นเยอะๆ 162 ก็เคย โดนไปรอบละพัน
แต่ก็นะ ขับเอง ผิดเอง จะไปโทษใครได้ ก็รับสภาพกันไป
-
กฎหมายให้วิ่ง 90 เค้าอนุโลมให้ 120 (มันผิดตั้งแต่ 91 แล้ว)
ตั้งได้ตั้งซัก 110 อยากถูกกฎก็ตั้ง 90 จบ
หรือวิ่งซัก 250+ เผื่อกล้องจะจับไม่ทัน ;)
เห็นด้วยจ้าาา
อันนี้ คหสต นะค้าฟ
กฎหมายมันล้าหลังมั้ย??? อาจจะล้าหลังเพราะ เวลาผ่านไป เทคโลยียานยนต์ ไปไกลมาก เมือก่อนผมก็คิดว่ามันทำไมต้องกำหนดความเร็วไว้แค่นั้น ขับแล้วเมื่อไหร่จะถึง น่าหงุดหงิดใจมากๆๆ ตัวเรามันพวกตีนผีซะด้วย เท้าขวายันพื้นตลอด ขับแล้วสนุก เร้าใจ แต่ใบสั่งตามมาเพียบ ช่วงหลังๆมานี่ผมลองปรับพฤติกรรมการขับขี่ซะใหม่ ขับระหว่างจังหวัด (กทม-ชลบุรี , กทม- สระบุรี) ลองจับเวลาคร่าวๆหลายๆครั้ง ออกตัวพร้อมๆกับเพื่อน 4-5คัน ผมขับ 80 -90 ไปเรื่อยๆตลอดทาง ส่วนเพื่อนๆ ขับกันเฉลี่ย 120 - 140 แล้วแต่สภาพการจราจร สุดท้ายก็ไปเจอกันที่ปลายทาง ในเวลาห่างกันไม่เกิน 3 - 5 นาทีเท่านั้น เลยต้องกลับมาคิดใหม่ว่า speed limit ที่้เค้าตั้งไว้ บางทีมันก็เหมาะสมกับสภาพถนนและการจราจรในประเทศเราแล้วละ เร็วไปมากกว่านี้ ก็ถึงไวขึ้นจริง แต่ไม่ได้มากกว่ากันเท่าไหร่ อีกทั้งยังปลอดภัยต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางด้วย ที่สำคัญ ขับช้าๆ การสึกหรอกของรถยนต์ก็ต่ำลงด้วยนะค้าบบ
ลองดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ อันที่จริงผมว่าบ้านเราก็อยู่ในเกณฑ์ทั่วไปนั่นแหละครับเรื่องจำกัดความเร็ว แต่เห็นด้วยว่าควรแก้ไขเรื่องที่กฎหมายบอกว่า สูงสุด 90 อนุโลม 120 แต่จากข้อมูลวิกิในลิ้งข้างล่าง จะเห็นว่า เค้ากำหนดว่าทางหลวงระหว่างจังหวัดคือ 90 (ซึ่งก็เหมาะสมครับเพราะมันอาจมีรถมอเตอร์ไซค์หรืออะไรตัดหน้าได้ครับ) กับ 120 บนมอเตอร์เวย์ (ซึ่งผมคิดว่า ควรจะรวมบูรพาวิถี และทางด่วนที่ออกนอกเมืองอื่นๆเข้าไปด้วยครับ เช่นพวกวิภาวดีเป็นต้น)
http://en.wikipedia.org/wiki/Speed_limits_by_country (http://en.wikipedia.org/wiki/Speed_limits_by_country)
-
ทำใจครับ ยอมๆจ่ายไปเขาหิวเงินให้เขาไปเถอะ
-
ตั้ง speedtronic ที่มัน limit ความเร็วไว้
ไว้ไม่แน่ใจว่าช่วงลงเนินชันๆจะมีความเร็วเกินบ้างหรือเปล่านะครับ เคยลองใช้แต่บนถนนเรียบๆ
แต่ถ้าเป็น ตั้งการทำงานเป็นแบบ cruise control ถ้าลงเนินชันๆความเร็วมีไหลเกินบ้างนิดหน่อย
ยิ่งในเส้นมอเตอร์เวย์ที่มีสะพานเยอะๆ ความเร็วไหลเกินนิดหน่อยเวลาลงสะพาน
และมอเตอร์เวย์ขาออกดันมีพลซุ่มยิง ดักอยู่ปลายสะพานอยู่บ่อยๆด้วย ;D
-----------------------------------------------
ในถนนที่กฎหมายกำหนดให้ขับได้ 90 ถ้าใครขับเกิน 110 มาหน่อยเดียวเช่น 112
แล้วโดนปรับ อันนี้ไม่กังขาว่าเครื่องวัดคลาดเลื่อนรึเปล่า เพราะว่าอนุโลมมาอีกตั้ง 20
แต่ถ้าบนเส้นทางมอเตอร์เวย์ ถ้าบอกว่าอนุญาติให้วิ่งได้ 120
แล้วโดนจับที่ 122 อันนั้นก็ตึงไปหน่อยครับ ถ้าเริ่มปรับที่ซัก 130 เลยก็น่าจะดีครับ
จะได้ตั้ง cruise ไว้ที่ 120 ได้จริงๆ เผื่อความคลาดเคลื่อนของมาตรวัด และเผื่อไหลลงสะพานบ้าง
ส่วนตัวผมวิ่งเส้นมอเตอร์เวย์ผมตั้ง cruise ไว้ 114-115 ครับ เผื่อๆไว้หน่อย
-
ทำใจและตามน้ำไปเถอะครับ
คนที่มีอำนาจในระบบราชการ มักมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐทำหน้าที่เพื่อสร้างความสงบให้กับสังคม หากพวกเขาทำอะไรพลาดไปบ้างก็เป็นเรื่องที่ควรให้อภัย พวกเขาให้ความสำคัญกับความมั่นคงของรัฐ และสิทธิในการใช้อำนาจของรัฐมากกว่า สิทธิในชีวิตของประชาชน คำๆ นี้มีความหมายน้อยมากในบ้านเรา ไม่งั้นมันออกกฏหมายบังคัยให้รถติด VSC ABS ถุงลมคู่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถทุกคนที่จะขายให้ประชาชนไทยไปแล้ว
ส่วนตัวไม่เคยเห็นรถตำรวจขับความเร็วตามกฏหมายกำหนดหรอก พ่อเพื่อนเป็น ตร.ทางหลวง เวลานอกราชการแท้ๆดันแช่ขวา 140 ประจำ
-
สำหรับผมนะครับ ถ้าให้วิ่งไม่เกิน 120 ผมวิ่งในหน้าปัด 110
ให้วิ่ง 80 วิ่งบนหน้าปัด 70
ยังไงก็รักษาระยะห่างไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 10 ครับ
-
รู้เขารู้เราดีสุดครับ จำจุดกล้องให้มากที่สุด
รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้ก็แล้วแต่ดวง
เคยนะขับ 100 มายาวๆ ไม่รีบอะไร เลนซ้ายยาวๆไป พอแซงรถพ่วงเท่านั้นแหละ เข้าซ้ายไม่ได้ รถหลังมาเร็ว กดไป 150 เพื่อที่จะรีบแซงแล้วกลับซ้าย เจอกล้องครับ แอบอยู่ในรถตู้ข้างทาง แต่ดวงดีมากๆ เพราะรถผมมันเยื้องๆกับรถพ่วง ทำให้กล้องจับไม่ได้ ทั้งๆที่ความเร็วหน้ากล้องนั้น เกิน 150 แน่ๆ นี่ผ่านมาเป็นปีละ ไม่มีจดหมายใดๆมา
ดังนั้นเรื่องจับความเร็วนี่ ขับๆไปครับ ขอให้ใช้ความเร็วเฉลี่ยบนถนนขณะนั้นดีกว่า เค้าขับ 120 กันทั้งถนน เราก็อย่าช้าไป เร็วไป ต่างกัน 30+- พอละ
-
แสดงว่า ไมล์ความเร็วแข็งไป โดยปกติส่วนมาก จะทำอ่อนกว่าความเร็วจริงไป5-10ครับ
-
กรณี จขกท เป็นผมก็จะตั้งความเร็วแค่ 100-110 พอครับ ไม่ต้องลากให้มันขึ้นไปใกล้ๆ 120 ก็ได้ ต้องเผื่อความคลาดเคลื่อนจากเครื่องมือวัดสักหน่อยครับ ส่วนรอบนี้ก็ถ้าจะไม่จ่ายก็ได้ รอดูว่าต่อทะเบียบได้ไม่ได้ค่อยว่ากันครับ
===========
จะบอกว่า คนที่คิดว่ากฎหมายไทยมันไม่ทันสมัยเพราะคิดว่าเมืองนอกมันให้วิ่งได้ไวกว่านี่ ผมอยากเล่าให้ฟังครับ
ไปขับที่อังกฤษมา (ซึ่งไทยเราก็อิงระบบการจราจรมาจากเขา เท่าที่ผมเข้าใจ) เค้าก็ตั้ง speed limit เอาไว้ที่ความเร็วเท่าๆไทยนี่แหละครับ คือโดยมากจะราวๆ 50mph (80kph) ในบริเวณที่เริ่มเข้าเขตเมือง และจะเหลือ 30 mph (ราวๆ 50kph) ในเขตชุมชนบางเขตที่บ้านเริ่มหนาแน่นหน่อย สำหรับทางหลวงจำพวก M / A จะมีสองความเร็วครับ คือถ้าเป็นช่วงทางตรงปกติ เค้าจะขึ้นป้ายประมาณ 70 mph (ราวๆ 110kph) แต่ถ้าในเขตที่มีทางเชื่อม ทางขนานมาบรรจบ หรือบริเวณที่รถจะวิ่งหนาแน่นหน่อย เขาจะมีป้ายบอกประมาณ 60mph (ราวๆ 96kph) ถ้าหากมีการก่อสร้างซ่อมแซมผิวจราจร ก็จะมีป้ายกำหนดอีกทีว่าจะให้วิ่งเท่าไหร่กันแน่ แต่จะเห็นชัดเจน
ทีนี้ ที่แตกต่างจากไทยคือ ช่วงไหนที่เค้าจะให้วิ่งเร็วได้ ไม่ได้จำกัดความเร็ว เขาจะขึ้นป้ายบอกครับ ว่าสุดเขตกล้องตรวจจับความเร็ว จะวิ่งเร็วก็วิ่งกันไป แต่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรปกติอื่นๆอย่างเคร่งครัด (เช่นไม่แข่งกัน ไม่ขับช้าแล้วแช่ขวากีดขวางคนอื่นเขา อะไรแบบนี้) แต่กลับกัน ที่ไทยจะยิงมันช่วงไหนก็ได้ เปิดช่องให้ตำรวจหาเรื่องปรับให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนกัน มันจะแฟร์กว่ามากครับ ถ้าช่วงไหนให้เร็วได้ก็ปล่อยไป ช่วงไหนรถเยอะต้องให้วิ่งช้าลง ก็ค่อยมาตรวจสอบ
คนไทยมักจะคิดว่า speed limit บ้านเราล้าหลัง ตั้งไว้ช้าเกินไป แต่ผมคิดว่าการบังคับใช้ต่างหาก ที่มันไม่เป็นธรรม และอีกอย่างคือ คนไทย "ส่วนใหญ่" ไม่ค่อยมีวินัยจราจรเท่าที่ควร ทั้งย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับ จอดรถในช่องจอดคนพิการ แถมบางรายแย่ๆหนักหน่อยก็ไปด่าตำรวจ เอาเรื่องเขาทั้งๆที่ตัวเองทำผิดด้วยครับ เพราะงั้นถ้าเราทำผิดผมอยากให้เรายอมรับ และแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัวกันครับ (ไม่ได้มีเจตนาว่า จขกท นะครับ)
เห็นด้วยทุกประการครับ ผมว่ามันควรจะมีการแจ้งที่ชัดเจน ว่าตรงไหนจะจำกัดเท่าไร จะได้ทำตัวถูก
ส่วนการตั้ง Cruise ไปใกล้ๆ 120 นี่มันฟังไม่ขึ้นเลยครับ เพราะไม่มีที่ไหนเขาเอาตรงนี้มาอ้างอิง (ขนาดอัตราการกินน้ำมันที่รถแสดงขึ้นมา เรายังไม่เชื่อว่ามันแม่นเลยครับ แค่พอดูได้เฉยๆ)
เรื่อง Speed Limit กับการปรับ ตอนนี้มันกลายเป็นว่า
- คนขับรถ ก็ขับเฉียดๆ 120 เวลาโดนจับ 120นิดๆ ก็มาหาว่าตึงเกิน (ทั้งที่จริงๆ กฎหมายมัน 90)
- ตำรวจรู้ว่าคนขับ จะขับแถวๆ 110ปลายๆ ก็ไปดักตรงช่วงลงสะพาน แล้วก็อ้างว่า 120 นี่ก็อนุโลมสุดๆแล้ว หากินกันแบบนี้แหละ -.-
ใครที่บอกว่า พวกตำรวจยังขับกัน 140+ แช่ขวากันได้อย่างสบายใจนั่น ถ้าเป็นต่างจังหวัดอาจจะใช่ แต่ถ้าเป็นทางด่วน มอเตอร์เวย์ผมขอค้านครับ ว่าไม่จริงแน่นอน
เพราะลูกค้าผม เป็นตำรวจ วิ่งเส้นบูรพาวิถีเป็นประจำ ยังซื้อ Radar Detector ไปใช้เลยครับ (ซื้อไปให้ลูกของเจ้านายด้วย)
เพราะเวลาโดนกล้องถ่าย กล้องมันไม่รู้หรอกครับว่าคุณเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน โดนถ่ายเข้าระบบไปแล้ว มันต้องเสียเวลาไปเคลียร์อีกครับ
-
กรณีลงเนิน ความเร็วที่ตั้งไว้เกินแน่นอนครับ
-
ครูสคอนโทรล มันจะวิ่งให้ความเร็วตามที่เราตั้ง
สปีดลิมิต มันจะลิมิตเครื่องไว้ตามที่เราตั้ง กดเกิดไม่ได้ (ถ้าไม่เหยียบให้สุด)
แต่ทั้งสองอันนี้ ถ้าลงเนินหรือทางลาดลงนิดหน่อย ความเร็วมันก็เกินจากที่เราตั้งแล้วครับ เพราะตั้งประจำสังเกตุดูเป็นเหมือนกันหลายยี่ห้อเลย (รถที่บ้านลองดูเป็นทุกคัน ลงเนินแล้วความเร็วเพิ่ม)
**ผมตั้ง 110 ลงเนินยาวหน่อยนี่ความเร็วไปถึง 118 ได้เลย คุณตั้ง 118 นี่เกิน 122 ได้ปกติอยู่แล้ว
*** กฏหมายบ้านเราไม่ล้าหลังนะครับ ผมเห็นหลายประเทศเขาก็จำกัดกัน 90/120 ทั้งนั้น หาเกิน 120 นับที่ได้เลย เขาคำนวนมาแล้ววิ่งเท่านี้กับวิ่งเร็วกว่านี้ถึงไม่ต่างกันมากแต่อัตราเกิดอุบัติเหตุต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (ถ้าจำไม่ผิดเกิน 20%)
-
ทำใจครับ ผมโดนมา 6 ใบ ทุกใบ 122 หมด และผมมั่นใจมากว่าไม่เกิน เพราะตั้ง speed limit 115-118 เช่นกัน ไม่เคยเร่งแซง ไม่เคยไม่ใช้ cruise แต่โดนตลอด ตอนนี้ผมแก้ปัญหาเอง เพราะไม่รู้ไปเถียงกับใคร
1. ไม่วิ่งเลนขวา เมื่อขับเกิน 110 เพราะทุกใบที่โดนคือวิ่งขวาสุด
2. ตั้ง cruise ไม่เกิน 110 เพราะคลาดเคลื่อนกัน 10 กิโล ก็ให้มันรู้ไป
3. วิ่งซ้ายเป็นหลัก บางทีไปถึง 140-150 ไม่เคยโดนเลย เส้นเดียวกับที่โดนมา 6 ใบ
การแก้ปัญหาเฉพาะผม ลองมา 1 เดือนแล้ว ยังไม่โดนเพิ่ม (เพราะ กันยา โดนไป 4 ใบ โดนทุกอาทิตย์ งงมาก)
ผมเคยคิดจะไปเถียง แต่เราเองก็ไม่มีทางจำได้ว่าวิ่งเท่าไหร่ แล้ววิ่งไม่เกิน ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี สรุป แก้ที่ตัวเราครับ
-
ทำใจครับ ผมโดนมา 6 ใบ ทุกใบ 122 หมด และผมมั่นใจมากว่าไม่เกิน เพราะตั้ง speed limit 115-118 เช่นกัน ไม่เคยเร่งแซง ไม่เคยไม่ใช้ cruise แต่โดนตลอด ตอนนี้ผมแก้ปัญหาเอง เพราะไม่รู้ไปเถียงกับใคร
1. ไม่วิ่งเลนขวา เมื่อขับเกิน 110 เพราะทุกใบที่โดนคือวิ่งขวาสุด
2. ตั้ง cruise ไม่เกิน 110 เพราะคลาดเคลื่อนกัน 10 กิโล ก็ให้มันรู้ไป
3. วิ่งซ้ายเป็นหลัก บางทีไปถึง 140-150 ไม่เคยโดนเลย เส้นเดียวกับที่โดนมา 6 ใบ
การแก้ปัญหาเฉพาะผม ลองมา 1 เดือนแล้ว ยังไม่โดนเพิ่ม (เพราะ กันยา โดนไป 4 ใบ โดนทุกอาทิตย์ งงมาก)
ผมเคยคิดจะไปเถียง แต่เราเองก็ไม่มีทางจำได้ว่าวิ่งเท่าไหร่ แล้ววิ่งไม่เกิน ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี สรุป แก้ที่ตัวเราครับ
ผมก็งงตรงนี้ล่ะครับ มั่นใจว่าไม่เกินแน่ๆ
ความเร็วที่ใช้ตลอดทาง 105-110 แน่นอน
เพราะคุณแม่นั่งไปด้วย ท่านผ่าตัดหมอนรองกระดูกมา
ขับเร็วไม่ได้มันจะกระแทก เลยใช้ความเร็วได้แค่นี้
แต่ใบสั่งส่งมา 122 หลายครั้งแล้ว เท่ากันทุกใบ เลย
ชักสงสัย ว่ามันแม่นยำและยุติธรรมเหรอน่ะครับ
-
จริงๆเครื่องมือวัดต้องมีการสอบเทียบเป็นประจำ แต่...บ้านเราใครจะทำครับ ยิ่งเจอ ตร. ด้วยแล้วคงยากมากๆครับ แต่ก็อย่างที่หลายท่านว่า ต่อให้เพียนสัก 20 แล้วยังไง มันก็เกิน 90 อยู่ดีครับ ;D
-
ที่ USA ตั้ง Speed limit บน highway ไว้ที่่ 65-70 mph (104-113kmph) ก็ไม่ต่างกับไทยมากครับ
และก็ตำรวจดุมากขับเกินในบริเวณโรงเรียนหรือเขตชุมชนนี้โดนปรับอานเลยครับ
ส่วนเรื่องอุปกรณ์ตรวจจับ เชื่อว่าไม่ได้ Calibrate ทุกปีเป็นแน่แท้ครับ hahahahahahaha
-
ทำใจครับ ผมโดนมา 6 ใบ ทุกใบ 122 หมด และผมมั่นใจมากว่าไม่เกิน เพราะตั้ง speed limit 115-118 เช่นกัน ไม่เคยเร่งแซง ไม่เคยไม่ใช้ cruise แต่โดนตลอด ตอนนี้ผมแก้ปัญหาเอง เพราะไม่รู้ไปเถียงกับใคร
1. ไม่วิ่งเลนขวา เมื่อขับเกิน 110 เพราะทุกใบที่โดนคือวิ่งขวาสุด
2. ตั้ง cruise ไม่เกิน 110 เพราะคลาดเคลื่อนกัน 10 กิโล ก็ให้มันรู้ไป
3. วิ่งซ้ายเป็นหลัก บางทีไปถึง 140-150 ไม่เคยโดนเลย เส้นเดียวกับที่โดนมา 6 ใบ
การแก้ปัญหาเฉพาะผม ลองมา 1 เดือนแล้ว ยังไม่โดนเพิ่ม (เพราะ กันยา โดนไป 4 ใบ โดนทุกอาทิตย์ งงมาก)
ผมเคยคิดจะไปเถียง แต่เราเองก็ไม่มีทางจำได้ว่าวิ่งเท่าไหร่ แล้ววิ่งไม่เกิน ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี สรุป แก้ที่ตัวเราครับ
ผมก็งงตรงนี้ล่ะครับ มั่นใจว่าไม่เกินแน่ๆ
ความเร็วที่ใช้ตลอดทาง 105-110 แน่นอน
เพราะคุณแม่นั่งไปด้วย ท่านผ่าตัดหมอนรองกระดูกมา
ขับเร็วไม่ได้มันจะกระแทก เลยใช้ความเร็วได้แค่นี้
แต่ใบสั่งส่งมา 122 หลายครั้งแล้ว เท่ากันทุกใบ เลย
ชักสงสัย ว่ามันแม่นยำและยุติธรรมเหรอน่ะครับ
ทำใจครับ ใบสองใบแรก ผมก็งี้แหละ หัวเสียมาก โวยไปทั่ว แต่ก็ทำไรไม่ได้
ตอนนี้ได้มา ก็กองไว้ เก็บไว้เป็นที่ระทึก 555
-
เปนผมไม่จ่าย
-
ผมขับเส้นพระรามสองทุกอาทิตย์ ผมก็ลองขับดูในความเร็วต่างๆเวลาผ่านกล้อง
พบว่า 121km/h โดนจับ ช้ากว่านี้ไม่โดน
150 km/h โดนจับ
170+ km/h ไม่โดนจับ
ถ้าผมรู้ว่าลดความเร็วไม่ทัน ผมจะเร่งให้ถึง 170 ผ่านกล้องปุ๊บ ถอน
แต่ปัจจุบัน 100-110 เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน
โอ้โห ทำวิจัยย่อยกันเลยทีเดียว ^_^