Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: rtong ที่ พฤศจิกายน 01, 2014, 07:57:44
-
ส่วนตัวคิดว่าขนาด1,500ccของmazda2 ดีเซล จะไม่ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าแพงเหมือน fiesta ecoboost 1,000cc
ดูเหมือนเวอร์ชั่นไทยจะตัดออฟชั่นออกไปเยอะ แต่รุ่นท็อปอยากขอให้มาแบบจัดเต็ม เอาแบบไม่เกี่ยงเรื่องราคา
ขอแค่ถุงลมรอบคัน,ไฟหน้าled, ครูสไม่ต้องก็ได้ แต่ก็มีรุ่นออฟชั่นพอประมาณสำหรับทำราคาถูกหน่อยในรุ่นเริ่มต้น
สัก600,000จะเป็นไปได้ไหม เข้าใจว่าเครื่องดีเซลต้นทุนแพงกว่า และmazda3เองก็ยังกั๊กไว้ แต่ราคาและออฟชั่นคู่แข่งอย่างjazz
ก็น่าจะเป็นตัวเปรียบเทียบได้
คิดว่าถ้าจัดเต็มราคาสัก 790,000-810,000 จะพอไหวไหมครับ เพื่อนๆพี่คิดว่าไงครับ
-
รอลุ้นมาหลายทีละครับ อย่างที่ทุกคนรู้กัน
รถเค้าสวยครับ ต่อให้ตัดๆOptionไปบ้าง ก็ยังมีคนซื้ออย่างยอดจองและยอดขายที่เห็น
แต่สำหรับคนที่รอรถตัวTopแบบครบๆ ก็ผิดหวังตามๆกันไปครับ
ผมว่าผมก็เป็นคนชอบMazdaมากนะครับ แต่อารมณ์มันจะแบบนี้ตลอด
Japan เปิดตัว --> โอ้ว ว้าววว สวย เจ๋งอะ
มาถึงThailand --> เฮ้ย อะไรมันหายไปอีกฟระ 555
จะว่าไปแล้วมันคงเป็นความต้องการของตลาดแหละครับ
คนชอบOptionจัดเต็มแบบผมเน้นสวยงาม+Safetyจัดเต็ม
กับคนชอบOptionเท่าที่จำเป็นต่อการใช้งาน
Mazdaวิเคราะห์ตลาดแล้วคงพบคำตอบ และก็จัดรถมาแบบที่เห็นครับ
ก็คิดกันง่ายๆละกันครับ
คนขาย-->มีสิทธิเลือกที่จะขาย -->ก็หากำไรกันไปเพราะมันเป็นธุรกิจ
คนซื้อ-->มีสิทธิเลือกที่จะซื้อ -->ไม่โดนใจ เก็บเงินไว้ครับ สบายใจ
-
มารอลุ้นเหมือนกันครับ
-
ถ้ามาราคานั้นผมคงเลือก Mazda 3 ตัวล่าง เอ๋หรืองบขนาดนั้นได้ Mazda 3 ตัวกลางเลยรึเปล่านะ
ผมซื้อรถให้ความสำคัญตัวรถที่ 1 ศูนย์ที่ 2 ออฟชั่นตื่นหูตื่ตตาที่ 3 เพราะตอนเราอยู่หลังพวงมาลัยเราไม่เห็นแล้วว่ารถเราหน้าตาเป็นไง
-
ที่จริงอยากได้อุปกรณ์ความปลอดภัย เลยคิดแค่ว่า
Mazda2 เป็นเครื่องดีเซลที่ต้นทุนแพงกว่า ถ้าจัดมาเท่ากับjazz ราคาน่าจะประมาณนี้ครับ
-
7แสน9 จบครับ เป็นชีวิตที่ตายแน่นอน
เค้าคงคิดแล้วละว่าจะทำไงไม่ให้เกิน 7.5
ดูว่าเค้าเลือกจะตัดอะไรออกไป หรือ จะคงออฟชั่นไว้เท่าไร
ต่อให้ใส่ไฟ ที่บ่นๆอยากได้กันแต่ตัดครูช คนก็คงด่าเหมือนเดิม
ตอนนี้ผมว่าคนสนใจเรื่องราคามากกว่าละ ถ้าได้ต่ำกว่า 7.5 ผมว่ามาสด้าทำถูกแล้ว
-
ผมว่าราคาที่สมเหตุสมผล สำหรับ Mazda 2 1.5 diesel คือ
ราคาพอๆกะ Jazz ตัวท็อปเท่านั้น เนื่องจากส่วนต่างของภาษีจะไปชดเชยพอๆกะต้นทุนของเครื่องดีเซล
ดังนั้นในส่วนของ option feature ต้องใกล้เคียงหรือ พอๆ กะ Jazz เช่น VSA, Airbag 6 ลูก, กล้องมองหลัง, touch screen, HDMI ต้องมีเป็นพื้นฐานเดียวกันกะ Jazz
ส่วน option อื่นๆ ที่ต่างเล็กน้อย รับได้ครับ
แต่ถ้าแพงกว่า 754 K จะรู้สึกเริ่มค้ากำไร กับคนที่สนใจเครื่องดีเซลแล้ว
ต้องอย่าลืมว่าจุดหลัก คือ เสียภาษี Eco car แต่ให้เป็นเครื่อง ดีเซล ราคาก็ต้องไม่โดดไปจากราคาของ B segment ปกติ
Logic นี้มองในมุมของต้นทุน ออฟชั่น และ ภาษีเป็นหลักครับ
-
สำหรับผม มันคือรถใช้ในเมือง ขับไปทำงาน ขอเเค่ABS ก็พอใจละ
สิ่งสำคัญคือ เราได้ใช้เครื่องที่เหมือนตลาดโลก เรากำลังจะได้รถที่ประหยัดน้ำมันไม่ต้องพึ่งLPG
ปล. ปี10 ผมซื้อJazz ตัวเริ่มต้น ไม่มีถุงลม มันก็พาผมไปทำงาน กลับบ้านได้ดีนะ เสียแต่ตั้งติดLPG นี้ละ
-
Mz3 ยังออฟชั่นไม่ครบเลยครับ ผมว่ามันต้องมาแปลกๆแน่ๆ
-
ออฟชั่นแบบงงๆเหมือนมาสด้า 3 แหละครับ
-
ผมว่าราคาที่สมเหตุสมผล สำหรับ Mazda 2 1.5 diesel คือ
ราคาพอๆกะ Jazz ตัวท็อปเท่านั้น เนื่องจากส่วนต่างของภาษีจะไปชดเชยพอๆกะต้นทุนของเครื่องดีเซล
ดังนั้นในส่วนของ option feature ต้องใกล้เคียงหรือ พอๆ กะ Jazz เช่น VSA, Airbag 6 ลูก, กล้องมองหลัง, touch screen, HDMI ต้องมีเป็นพื้นฐานเดียวกันกะ Jazz
ส่วน option อื่นๆ ที่ต่างเล็กน้อย รับได้ครับ
แต่ถ้าแพงกว่า 754 K จะรู้สึกเริ่มค้ากำไร กับคนที่สนใจเครื่องดีเซลแล้ว
ต้องอย่าลืมว่าจุดหลัก คือ เสียภาษี Eco car แต่ให้เป็นเครื่อง ดีเซล ราคาก็ต้องไม่โดดไปจากราคาของ B segment ปกติ
Logic นี้มองในมุมของต้นทุน ออฟชั่น และ ภาษีเป็นหลักครับ
คิดแบบนี้เหมือนกัน
ถ้ามีที่กัระยะถอยให้ด้วยจะดีมาก
-
ขอให้มี ABS AIRBAG VSC KFC CDMA ใน MT ;D ;D ;D
-
รอดูครับ