Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tsingtho ที่ มกราคม 10, 2015, 10:17:29
-
สมมติว่า เดือนนี้ Mazda เปิดตัว Mazda 2 ทั้ง 2 เครื่องยนต์ คือในแบบ
ดีเซล SKYACTIVE-D 1.5 และ เบนซิน SKYACTIVE-G 1.3
โดยที่อัตราการบริโภคน้ำมันจากข้อมูลการทดสอบจากเว็บ Mazda เป็น 26.4 กม/ลิตร และ 24.6 กม/ลิตร ตามลำดับ
(ในการใช้งานจริงๆ อาจต่างกันนิดเดียว)
ในขณะที่ราคาน้ำมันในปัจจุบัน แก๊สโซฮอลล์ E20 มีราคาถูกกว่า ดีเซล ซะอีก
แต่...ถ้าราคาของตัวเครื่องดีเซล สูงกว่าตัวเบนซินซัก 4-5 หมื่น ในแต่ละรุ่น
ผมว่า คนที่อยากลองรถเล็กเครื่องดีเซลก็คงคิดหนักเหมือนกันนะครับ :D
(http://image.ohozaa.com/i/142/ieec6A.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/y5qspCmSlmlZxrOk)
-
สิ่งที่ต่างชัดเจนคือ แรงบิดครับ นั่นหมายถึงความสนุกด้วย
-
ถ้าไม่ชอบเรื่องเสียงก้เบนซินดีกว่าแต่ชอบแบบแตะๆแล้วดึงต้องดีเซลเท่านั้น
-
D เท่านั้น เน้นขับสนุก
-
ดีเซลจะขับสนุก ต้อง เมนวลเท่านั้น
ไม่รู้มาสด้า SKYACTIVE-D 1.5 จะใส่เกียร์แบบไหนมา
-
NO FOR DIESEL!
-
D เท่านั้นครับ ผมขับขึ้นเขาบ่อย G ไม่น่าตอบโจทย์
-
ต้องคิดให้ไกลด้วยว่า ราคาน้ำมันจะเป็นแบบนี้นานแค่ไหน
-
ต้องคิดให้ไกลด้วยว่า ราคาน้ำมันจะเป็นแบบนี้นานแค่ไหน
เห็นด้วยคับ สถานการณ์ตอนนี้ คาดเดาอีก ปีสองปีไม่ได้เลย ว่า E10 E20 E85 Diesel NGV LPG ราคาตะไปอยู่แถวไหน
ได่รถใหม่มา คิดจะติดแก้ส เลยต้องหหยุดไว้ก่อนดูท่าที
-
ถ้าเอาราคาน้ำมันเป็นหลัก
ราคาน้ำมัน ตอนนี้ มันชั่วคราวครับ
อย่าพึ่งฟันธง เพราะจะทุกข์ใจไปหลายปี
-
ผมไม่คาดหวังว่า 1.3 มันจะมาเร็วๆ นี้อะครับ ขนาด Mazda 3 1.8 ที่บอกจะมา ป่านนี้ยังไม่มาเลย
-
1 ดูจากอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ต่างกันมากครับ แล้วรคาเบนซินจะกลับมาแพงหรือป่าว ?
2 d 1.5 กับ g 1.3 น่าจะแรงพอกันครับ ผมว่าประมาณเท่า m2 1.5 ตัวปัจจบันนี้แหลัครับ เพราะเพราะว่าเครื่องดีเซลต้องใหญ่กว่าเครื่องเบนซินถึงได้แรงออกมาเท่ากัน ส่วนที่น่าจะแรงเท่ารุ่นปัจจุบันหรือแรงกว่านิดหน่อย เพราะเป็นเครื่องแบบ skyactive
3 ผมมั่นใจว่ายาวๆ นำ้มันดีเซลไม่น่าแพงกว่าเบนซินนะ ส่วนต่างที่ว่ามาก็น่าสนใจ
4 ดีเซลสำหรับรถเก๋งเล็ก เป็นอะไที่น่าสนใจ อะไรที่ใหม่ๆ ทำให้ทั้งรถ+ คนขับ น่าสนใจยิ่งขึ้น เป็นผมจะเลือก d 1.5 อย่างไม่ต้องสืบเลยละ
-
ผมชอบแรงบิดเครื่องดีเซลมากกว่าครับ ขับสนุกกว่า
ยิ่งสำหรับรถเล็ก น้ำหนักเบาแบบนี้ด้วยแล้ว...ผมว่าแรงบิดพาไปได้ไกลกว่า รถกระบะดีเซลทั่วไปเสียอีก
รถเครื่องเบนซินที่ผมขับแล้วสนุก คือ เครื่อง 1.8-2.0 ขึ้นไป ไม่ก็ต้องมีติด Turbo มา ....ถ้าต่ำกว่านี้ ผมเลือก Diesel นะ ถ้ามีทางเลือกให้
-
ขับในเมืองรถติด ออกตัวบ่อย 1.5D ประหยัดกว่าครับ
-
Diesel
-
1 ดูจากอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ต่างกันมากครับ แล้วรคาเบนซินจะกลับมาแพงหรือป่าว ?
2 d 1.5 กับ g 1.3 น่าจะแรงพอกันครับ ผมว่าประมาณเท่า m2 1.5 ตัวปัจจบันนี้แหลัครับ เพราะเพราะว่าเครื่องดีเซลต้องใหญ่กว่าเครื่องเบนซินถึงได้แรงออกมาเท่ากัน ส่วนที่น่าจะแรงเท่ารุ่นปัจจุบันหรือแรงกว่านิดหน่อย เพราะเป็นเครื่องแบบ skyactive
3 ผมมั่นใจว่ายาวๆ นำ้มันดีเซลไม่น่าแพงกว่าเบนซินนะ ส่วนต่างที่ว่ามาก็น่าสนใจ
4 ดีเซลสำหรับรถเก๋งเล็ก เป็นอะไที่น่าสนใจ อะไรที่ใหม่ๆ ทำให้ทั้งรถ+ คนขับ น่าสนใจยิ่งขึ้น เป็นผมจะเลือก d 1.5 อย่างไม่ต้องสืบเลยละ
ตัว1.5ดีเซล แรงกว่าตัว 1.5เบนซินปัจจุบันมากๆครับ ดูจากคลิปได้ครับ
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,42232.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,42232.0.html)
-
ผมไม่เชื่อว่า เบนซิน1300 จะประหยัดกว่าอีโค่คาร์ในปัจจุบัน เพราะผมขับอีโค่ ทำได้ 18-19 เอง ขับทั่วไปในชีวิตประจำวัน
-
ถ้าราคาเท่ากัน ขอเทสไดรฟ์ก่อน
-
ต้องขอลองเทสก่อนครับ แต่ถ้าให้เลือกเลย ชอบดีเซลมากกว่า
-
ถ้าต่างกัน 4-5 หมื่นยอมกัดฟันไปดีเซลครับ
-
1 ดูจากอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ต่างกันมากครับ แล้วรคาเบนซินจะกลับมาแพงหรือป่าว ?
2 d 1.5 กับ g 1.3 น่าจะแรงพอกันครับ ผมว่าประมาณเท่า m2 1.5 ตัวปัจจบันนี้แหลัครับ เพราะเพราะว่าเครื่องดีเซลต้องใหญ่กว่าเครื่องเบนซินถึงได้แรงออกมาเท่ากัน ส่วนที่น่าจะแรงเท่ารุ่นปัจจุบันหรือแรงกว่านิดหน่อย เพราะเป็นเครื่องแบบ skyactive
3 ผมมั่นใจว่ายาวๆ นำ้มันดีเซลไม่น่าแพงกว่าเบนซินนะ ส่วนต่างที่ว่ามาก็น่าสนใจ
4 ดีเซลสำหรับรถเก๋งเล็ก เป็นอะไที่น่าสนใจ อะไรที่ใหม่ๆ ทำให้ทั้งรถ+ คนขับ น่าสนใจยิ่งขึ้น เป็นผมจะเลือก d 1.5 อย่างไม่ต้องสืบเลยละ
ทำไมถึงคิดว่าเครื่อง diesel turbo ต้องใหญ่กว่าถึงจะสู้เบนซินได้หรอครับ
ถ้าดูแต่แรงม้า ม้าเบนซินเฉยๆมันสู้ ม้าดีเซลเทอโบที่มีโคตรแรงบิด หรือม้าเบนซินมี turbo ไม่ได้นะ
(ความเห็นส่วนตัว ผิดถูกขออภัย)
-
DIESEL ONLY
-
ระยะยาวต่อไปราคาน้ำมันจะไม่ใช่แบบนี้..
และการดูแลรักษาดีเซลก็ยังดูแลง่ายครับ..
เลือก Diesel ครับ..
-
ขอเลือก diesel ครับ เทียบจาก BT-50 2.2 hi-racer 4 ประตูกับ City 1.5 SV ของผมแล้วภาพรวม City ประหยัดกว่าแค่นิดๆเองครับ ขนาด + น้ำหนักแทบไม่มีผลอะไรเลย
ยิ่งถ้าเครื่อง 2 ตัวนี้มาอยู่ในตัวถังเดียวกันแล้วน่าจะยิ่งเห็นผลชัดเจน เพราะคงไม่มีขับรถทางโล่งๆแบบที่ทาง Mazda เคลมได้ตลอดหรอกครับ
-
ขอเลือกดีเซลละกันครับ ในทฤษฏีอัตราสิ้นเปลืองอาจจะต่างไม่มากแต่เชื่อว่าขับจริงดีเซลจะดีกว่าชัดเจนเพราะไม่ต้องกดคันเร่งจมลากรอบแตะนิดเดียวก็พุ่งแล้ว แถมความทนทานยังไงก็ดีกว่า แม้ว่าตอนซื้อจะแพงกว่าพอสมควรแต่ตอนขายยังไงราคาก็ดีกว่าแน่ๆครับ
-
ขอเลือกเบนซินครับ
ตอนขับ cx5 2.2 ผมรู้สึกเฉยๆ เป็นเครื่องดีเซลที่ดี แต่ไม่ได้ว้าว
พอขับ 2.5 (แล้วที่บ้านก็เสียตัง) รู้สึกว่าเออมันต้องแบบนี้สิ
ก็เลยคิดว่า 1.3g อาจจะมีอะไรให้อึ้งได้ครับ
-
ต้องอย่าลืมดูราคาที่ต่างกัน กับ ระยะทางที่ใช้ด้วยนะครับ
-
ยังไงก็ Diesel
-
ถ้าราคาต่างกันเป็นหลักแสนอย่างบีเอ็มผมจะไปเบนซิน
-
จากการคำนวน สมมุติจำนวนกิโลวิ่งได้เท่ากัน
เครื่องดีเซล น้ำมันดีเซล ราคา 26.39 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 26.4 Km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 0.999 บาทต่อกิโลเมตร
น้ำมันดีเซลพรีเมียม ราคา 29.39 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 26.4 km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 1.111 บาทต่อกิโลเมตร
เครื่องดีเซล แรงบิดดีกว่า ทนทานกว่า แต่เสีย อะไหล่แพงกว่า ซ่อมเครื่องหัวฉีดปั้มต่างๆราคา สุงกว่า
เครื่องเบนซิน น้ำมันE10 95 ราคา 28.90 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 24.6 Km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 1.17 บาทต่อกิโลเมตร
น้ำมันเบนซินพรีเมียม 95 ราคา 35.96 ต่อ 1 ลิตร วิ่งได้ 24.6 km ต่อลิตร นำมาหารกัน ผลจะได้ รถวิ่งหนึ่งกิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่าย 1.46 บาทต่อกิโลเมตร
เครื่องเบนซิน ซ่อมง่ายอะไหล่ถูก ทนทานเหมือนกันแต่ทนสุ้ ดีเซลไม่ได้ แรงบิดต้่ำกว่าแต่ก็ไม่ด้อยกว่า ลองพิจารณาดูนะครับ
แต่ผมว่า เครื่องกิโลเมตรต่อลิตร คงไม่ตรงซะที่เดี่ยว นะแต่ตั้งอยู่ ความสมมุติ ขึ่นมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่มี
-
วิ่งน้อย -> เบนซิน
วิ่งเยอะ -> ดีเซล
-
ถ้ารถเล็กๆ ผมชอบเครื่องเบนซินมากกว่า ตอบสนองไวลากรอบจี๊ดจ๊าด น้ำหนักเบาอยู่แล้วแรงบิดที่มีน่าจะพอ ออกตัวไม่อืด
แต่ถ้ารถใหญ่ขับทางไกลดีเซลน่าจะดีกว่า รอบต่ำ แรงบิดเยอะ เร่งแซงสบาย ประหยัดน้ำมันแบบต่างกันชัดๆ
สรุปถ้าเป็นกรณีนี้เลือก Skyactiv G
-
เกรงว่าราคาจะต่างกันหลักแสน
เพราะ เบนซิลต้องทำราคามาพอๆกับคู่แข่ง ไม่งั้นจะขายยาก
ส่วนดีเซล เน้นความต่างเหมือน ecoboot
รอราคาอย่างเป็นทางการดีกว่าครับ อีก 5 วัน
-
ยังไงก็ดีเซลครับ เบนซินรถsize นี้ ยี้ห้ออื่นๆก็มีเยอะมาก สวยกว่า 2ใหม่ด้วย
-
ก็แหม
ดีเซลมีเทอร์โบพ่วงมาด้วย เบนซินมันเครื่องแตนๆ เอามาวัดแบบนี้ดีเซลก็ชนะสิครับ
ถ้าเบนซินมีเทอร์โบกับเค้าบ้าง ดีเซลก็หงอครับ
แต่ในเคสนี้ ไม่รู้เบนซินจะเอาอะไรไปชนะดีเซล นอกจากราคาค่าตัวที่ไม่รู้จะถูกกว่าขนาดไหน
ถ้าราคาไม่โดดไปมาก ดีเซลน่าสนใจกว่าแน่ๆ
-
ผมไม่ชอบเสียงดังๆของ diesel มันดูไม่พรีเมี่ยม ผมเลือกเบนซิน ครับ
-
จากการคาดการณ์
ดีเซล 1.5 at
ล่าง 650000
กลาง 720000
บน 780000
เบนซิน 1.3 at (ชนกับ yaris ecocar ไม่งั้นขายไม่ออก)
ล่าง 520000
กลาง 570000
บน 620000
สรุป ราคาระหว่าง ดีเซล กับ เบนซิน อาจต่างกัน 130000-160000 บาท
เป็นคุณ จะเลือกอะไร ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจ
เงินแสนกว่า เติมน้ำมันได้ หลายปีนะครับ คำนวณเอา
แต่ถ้าเงินเหลือ ดีเซลโลดครับ ;D
ปล.ทำไมราคาเบนซินเป็นแบบนี้ อย่าลืมว่า ในตลาดโลก มันก็เทียบได้กับ สวิฟ ยาริส ตีตั๋วเด็กนะครับ
ถึงเทคโนโลยีจะสูง แต่คุณก็ต้องแข่งขันกับเจ้าตลาด จริงไหม
ตอนนี้ เทรนราคารถสมัยใหม่ จะลดขนาดเครื่องและใช้ภาษีช่วยลดราคา เพราะในอดีต รถเล็กถูกปั่นราคา
แพงมากครับ ถ้าเทียบกับต่างประเทศ ถึงจะอ้างภาษีแพงก็เถอะ
-
ระยะยาว ผมเลือก ดีเซลครับ
-
ดีเซลครับ ตอนไปน้ำมันเบนซินขึ้นแน่ๆ ดีเซลถึงจะไม่ตรึ่งราคาที่ 30 กองทุนก็จะดูเงินน้อยกว่าอยู่ดี