Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NS ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2015, 10:23:42
-
ส่งออกขาย ตปท ราคาไม่ได้แพงกว่าบ้านเรานัก ไหนจะมีค่าขนส่ง ค่าดูแล ภาษี ฯลฯ เอาค่าใช้จ่ายเหล่านี้มาแปลงเป็น option เดียวกันกับรถส่งออกแล้วขายในไทยได้ไม๊ครับ เพราะสั่งอะไหล่เหมือนกันน่าจะถูกลงมาเยอะพอควร หรือกำไรมันน้อยเกินไปครับ สงสัย ???
-
จะเพิ่มต้นทุนอีกทำไมละคับ ในเมื่อสเป็คต่ำๆก็ยังขายดีอยู่
-
ส่งออกขาย ตปท ราคาไม่ได้แพงกว่าบ้านเรานัก ไหนจะมีค่าขนส่ง ค่าดูแล ภาษี ฯลฯ เอาค่าใช้จ่ายเหล่านี้มาแปลงเป็น option เดียวกันกับรถส่งออกแล้วขายในไทยได้ไม๊ครับ เพราะสั่งอะไหล่เหมือนกันน่าจะถูกลงมาเยอะพอควร หรือกำไรมันน้อยเกินไปครับ สงสัย ???
กฎหมาย ประเทศนำเข้า เขาบังคับครับ ยกตัวอย่างเช่น รถคุณจะต้อง มี airbag 6 ใบ ขั้นต้ำเพื่อผ่านมาตราฐาน EURO ในรถแต่ละประเภท บางประเภทมีแค่ใบเดี่ยวก็มี แต่บ้าน เอาอะไรอ้างถึงละครับ ว่าจำเป้นต้องมี กฎหมายก็โบราณ
แล้วถามว่าไม่รถแพง ก็ ภาษีเป้น สิบตัวอ่ะครับ ที่ทำให้รถแพง คุณภาพชีวิตเลยต่ำ
-
ไม่ช้าก็เร็ว ถ้าผู้บริโภคเริ่มรู้ว่ายังมีบาง option ที่มันมีได้ และควรมี
กดดันผู้ผลิตไปเรื่อยๆ เลือกซื้อรถที่ option มากกว่าจะพิจารณาประเด็นอื่น
เดี๋ยวก็มีมาเพิ่มให้เองครับ อย่างถ้าคนซื้อแต่ตัวท๊อปไม่เอารุ่นธรรมดา เป็นต้น
ปล. แต่ปัจจุบันยังมีบางคนและก็หลายคนด้วย ที่ซื้อรถรุ่นล่างสุด อข่างของพี่โต
ที่ตัด option แทบทุกอย่างที่รถควรมี แล้วอย่างนี้เมื่อๆหร่พี่เค้าจะใส่มาให้เนี่ย
-
ผมว่ารถ spec นอกบางทีเกินความจำเป็นเราครับ
เช่น ฮิตเตอร์ ถ้าเป็นรถแอร์ไม่ออโต้ (บิด) นี่ การมีฮิตเตอร์นี่มันแทบจะไม่ได้ใช้เลยเพราะไม่ได้ต้องมสผสมอากาศแบบรถแอร์ออโต้
แถมยังทำให้กินระบบแอร์ไปโดยเปล่าประโยชน์
ตัดออกไป ก็ได้
แต่บางอย่างก็จำเป็นจริงๆ เช่น ESP อันนี้อยากให้มีในรถทุกคันเลยครับ ถุงลม 2 ใบได้ เพราะไม่จำเป็นไม่อยากใช้ แต่ ESP เนี่ยมีแล้วได้ใช้ทุกคน
ผมเองยังเคยได้ใช้เลยครับ เวลาออกตัวแล้วลื่น หรือเข้าโค้ง มันช่วงประคองรถได้จริงๆ ครับ ;)
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
แคมรี่กับแอกคอร์ด3.5ยอดขายเดือนละไม่กี่คันเขาถึงได้เลิกขายไงครับ และคนไทยยังฝังหัวกับคำว่า "เครื่องใหญ่กินน้ำมัน" ก็ขายยาก
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
อ่อ เครื่องใหญ่ขนาดนั้น ถ้า มีขายจริง จะเอาตังที่ไหนเติมน้ำมันครับ
ผมว่า การตลาดเค้า ทำงานมาแล้วละครับ
อีกอย่าาง บ้านเราออกกฏหมาย ภาษี ควบคุมเรื่องไอเสีย
เครื่อง 3.5 4.0 นี่ คงไม่เกิดนะครับ
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
ใหญ่ไปใครจะซื้อครับ แรงจริง แต่ กินน้ำมัน
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
แคมรี่กับแอกคอร์ด3.5ยอดขายเดือนละไม่กี่คันเขาถึงได้เลิกขายไงครับ และคนไทยยังฝังหัวกับคำว่า "เครื่องใหญ่กินน้ำมัน" ก็ขายยาก
จริงๆ มันก็กินไม่ใช่เหรอครับ เบนซิน 2.0 3.0 พอว่าครับ แต่ 3.5 4.0 นี่ให้ฟรีก็ไม่เอาครับ รถบ้าน ตปท เค้าเติมเบนซิน ใช่ปะครับ ไม่ใช่ดีเซล
ทุกวันนี้ กินน้ำมันต่างกัน นิดเดียวพี่ไทยยังเอามาเป็นประเด็นเลยครับ
ไม่ได้เชื่อ ฝังหัวครับ มันกินกว่าจริงๆ
ใช้รถ เอาแค่ แรงม้า เหมาะสมกับการใช้งานพอไหม ไม่ได้เอาบ้าพลัง
ฝรั่งเงินมันเยอะครับ เติมน้ำมันไม่ได้เดือดร้อน
มันมีไม่กี่ประเทศหรอกครับ ที่มีขาย เบนซิน 3.0 4.0 เพราะ sport car บ้านเค้ามันก็ไม่กี่ตัง
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
แคมรี่กับแอกคอร์ด3.5ยอดขายเดือนละไม่กี่คันเขาถึงได้เลิกขายไงครับ และคนไทยยังฝังหัวกับคำว่า "เครื่องใหญ่กินน้ำมัน" ก็ขายยาก
จริงๆ มันก็กินไม่ใช่เหรอครับ เบนซิน 2.0 3.0 พอว่าครับ แต่ 3.5 4.0 นี่ให้ฟรีก็ไม่เอาครับ รถบ้าน ตปท เค้าเติมเบนซิน ใช่ปะครับ ไม่ใช่ดีเซล
ทุกวันนี้ กินน้ำมันต่างกัน นิดเดียวพี่ไทยยังเอามาเป็นประเด็นเลยครับ
ไม่ได้เชื่อ ฝังหัวครับ มันกินกว่าจริงๆ
ใช้รถ เอาแค่ แรงม้า เหมาะสมกับการใช้งานพอไหม ไม่ได้เอาบ้าพลัง
ฝรั่งเงินมันเยอะครับ เติมน้ำมันไม่ได้เดือดร้อน
มันมีไม่กี่ประเทศหรอกครับ ที่มีขาย เบนซิน 3.0 4.0 เพราะ sport car บ้านเค้ามันก็ไม่กี่ตัง
คือ คนยังฝังหัวว่าเครื่องโตกินน้ำมันกว่าทุกความเร็ว และทุกสไตล์การขับ ถ้าคนขับหวานเย็นเครื่องโตกินเยอะกว่าแนะนอนทุกความเร็วครับ แต่ถ้าเป็นคนขับเร็วเครื่องโตจะกินน้อยกว่า เพราะเค้นน้อยกว่า
แต่คนไทยหลายคนก็ยังฝังหัวว่าเครื่องเล็กๆ 1300 มันไม่มีแรง เอาไปขึ้นดอยอ่างขางไม่ไหว ทั้งๆที่เครื่อง1300ปัจจุบันมันต่างจากเครื่องเมื่อ40ปีก่อนแบบฟ้ากับเหว
-
รบกวนไปนับยอดขาย camry3.5 กะ accord 3.5 ด้วยครับ
ของมันขายไม่ค่อยออกจะตัดออกมาขายทำไม
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
แคมรี่กับแอกคอร์ด3.5ยอดขายเดือนละไม่กี่คันเขาถึงได้เลิกขายไงครับ และคนไทยยังฝังหัวกับคำว่า "เครื่องใหญ่กินน้ำมัน" ก็ขายยาก
จริงๆ มันก็กินไม่ใช่เหรอครับ เบนซิน 2.0 3.0 พอว่าครับ แต่ 3.5 4.0 นี่ให้ฟรีก็ไม่เอาครับ รถบ้าน ตปท เค้าเติมเบนซิน ใช่ปะครับ ไม่ใช่ดีเซล
ทุกวันนี้ กินน้ำมันต่างกัน นิดเดียวพี่ไทยยังเอามาเป็นประเด็นเลยครับ
ไม่ได้เชื่อ ฝังหัวครับ มันกินกว่าจริงๆ
ใช้รถ เอาแค่ แรงม้า เหมาะสมกับการใช้งานพอไหม ไม่ได้เอาบ้าพลัง
ฝรั่งเงินมันเยอะครับ เติมน้ำมันไม่ได้เดือดร้อน
มันมีไม่กี่ประเทศหรอกครับ ที่มีขาย เบนซิน 3.0 4.0 เพราะ sport car บ้านเค้ามันก็ไม่กี่ตัง
ยกตัวอย่าง Fortuner 4.0 ดู
http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695 (http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695)
เบนซิน 2.7 ยังกินกว่า
ค่านิยมโบราณกาลแบบ เครื่องโตกินกว่านี้ หืม....
-
อืม คาใจที่ BMW Series 4 F32 ไม่ให้ Sunroof มาเหมือนตปท. ก็เข้าใจว่าเมืองร้อนบ้านเรามันไม่จำเป็น
แต่ที E Coupe ยังให้เลย มันช่วยเสริมภาพลักษณ์ของรถสปอร์ตขึ้นมาก
-
ผมว่ารถ spec นอกบางทีเกินความจำเป็นเราครับ
เช่น ฮิตเตอร์ ถ้าเป็นรถแอร์ไม่ออโต้ (บิด) นี่ การมีฮิตเตอร์นี่มันแทบจะไม่ได้ใช้เลยเพราะไม่ได้ต้องมสผสมอากาศแบบรถแอร์ออโต้
แถมยังทำให้กินระบบแอร์ไปโดยเปล่าประโยชน์
ตัดออกไป ก็ได้
แต่บางอย่างก็จำเป็นจริงๆ เช่น ESP อันนี้อยากให้มีในรถทุกคันเลยครับ ถุงลม 2 ใบได้ เพราะไม่จำเป็นไม่อยากใช้ แต่ ESP เนี่ยมีแล้วได้ใช้ทุกคน
ผมเองยังเคยได้ใช้เลยครับ เวลาออกตัวแล้วลื่น หรือเข้าโค้ง มันช่วงประคองรถได้จริงๆ ครับ ;)
แอร์ออโต้ได้ใช้บ่อยเลยละครับ เหนือ อีสาน หน้าหนาวใครมีใช้ละแห่ไปด้วยเลย ความจริงหลาย option ในรถนอกที่ไม่ค่อยจำเป็นตัดออกไปก็ได้ แต่เรื่องคือ ตัดออกเยอะจัดนั่นเอง
-
เครื่องใหญ่ๆมีแรงม้าแรงบิดมาก จึงสามารถทำให้เครื่องทำงานรอบต่ำๆได้ โดยให้พละกำลังมากกว่า
การกระแทกคันเร่งหรือ kick down มีน้อย เพราะแตะนิดเดียวก็แซงได้ชิลๆ ไม่ต้องเค้นรอบเครื่องมากเหมือนพวกเครื่อง 1300 ที่วิ่งบนถนน 2 เลนรถสวน
รอบการทำงานของรถเครื่องใหญ่ๆก็เลยต่ำๆและค่อนข้างคงที่ ทำให้ไม่กินน้ำมันเท่าไหร่
รถเครื่องใหญ่ๆที่มีอัตราการกินน้ำมันพอๆกับรถเก๋ง 2.5 หรือกระบะ 3.0 เช่น (อ้างอิงจากการทดสอบโดยุณจิมมี่)
Lexus LS460 11.7 กม/ลิตร
Camry 3.5Q 10.83 กม/ลิตร
Accord 3.5 10.59 กม/ลิตร
พวก CC สูงๆ แต่กินเยอะมักจะเป็นพวก SUV เช่น Range Rover V8, Jeep
-
อยากได้ของดีราคาถูกอีกแล้ว
จำคำนี้ไว้นะครับ "เราเป็นประเทศด้อยพัฒนา"
เป็นแค่ฐานการผลิต ไม่ได้แปลว่าจะได้ทุกอย่างนะคร้าบ
กำแพงภาษี กฎหมาย ความต้องการของผู้บริโภค มีความแตกต่างในแต่ละประเทศ
บางประเทศรถยนต์ราคาถูก ออฟชั่นเพียบ แต่น้ำมันลิตรละ60บาท ค่าทางด่วน ค่าจอดรถริมทาง แพงบรรลัย
บางประเทศ แม้ว่าเจริญแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าต้องได้ออฟชั่นครบที่รถนั้นมีครับ
เช่น แจสที่อเมริกาตัวเดียวกับบ้านเรา มีกล้องส่องเลนถนน มีซันรูฟ แต่ไม่มีแอร์ดิจิตอล ให้เบาะอุ่นมาแทน
เมืองจีน รถมีซันรูฟเกือบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ แต่แอร์อาจจะต้องซื้อเพิ่มแทนหรือมีแต่ในรุ่นท๊อป เพราะบ้านเค้านิยมเปิดกระจกขับรถกัน
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับกลไลตลาด ความต้องการของลูกค้า สภาพแวดล้อม และเงื่อนไขอีกมากมาย
ถ้าออฟชั่นยัดมาครบ แต่ราคาแพงขึ้นไปอีกแสนนึง คงมีเจ๊งกันบ้างแหละน้อ
-
ฮีตเตอกระทู้ข้างล่างยังมีคนบ่นที่โตโยต้าตัดออกไปเลยครับ มันไม่มีการตัดต่ออุณภูมิที่เหมาะสมอะไรเลย ระดับอุณภูมิที่ออกมาจะมีแต่ความเย็นอย่างเดียวจนภายในรถเย็นเกินทนไหวต้องหรี่แรงลมให้ต่ำสุดแทน ครั้งนะปรับเพิ่มจาก20เป็น24หรือมากกว่านั้นก็ไม่เป็นผลเพราะระบบปรับอากาศมันจะปล่อยแต่ความเย็นออกมาอย่างเดียวไม่มีความร้อนมาเจือปนให้อุณภูมิสูงขึ้นเลย ฮีตเตอร์ไม่ได้มีหน้าที่ในการทำความร้อนอยืางเดียวเวลาเราไปภาคเหนือหน้าหนาวเท่านั้น ในเวลาปกติมันจะทำงานเพื่อรักษาอุณหภูมิในรถให้คงที่ตามที่ตั้งไว้ด้วย แม้จะไม่ได้กดปุ่มออโต้ก็ตาม ระบบแอร์จะมีลิ้นคอยทำหน้าที่ตัดต่อรับความร้อนและความเย็นมาผสมกันก่อนปล่อยออกมาจากช่องแอร์ ถ้าหากว่ายืนยันฮีตเตอร์ไม่จำเป็นจริงๆก็ควรที่จะขายในราคาที่ต่ำกว่ายี่ห้ออื่นที่มีฮีตเตอร์ครับ ไม่ใช่ตัดออกแต่ขายราคาเท่าเค้าเอากำไรแบบนี้
-
เหมือนมือถือนะครับ ซื้อมาเต็มสเปคราคาแพง แต่มีสักกี่คนที่ใช้หมดครบทุกออปชั่น
สเปคจัดเต็มรุ่นท็อป ไม่ได้ขายดีทุกรุ่นครับ เอาขายจริงๆ ก็ไปซื้อรุ่น กลางๆ กันเยอะ
ผู้ผลิตก็อยากจะจัดใส่ให้หมดใจจะขาด ครับ ติดอยู่แค่ราคา ทำออกนี้สิ ทำให้คิดหนัก
ทำออกมาแพง ก็บ่นกัน ขายแทบไม่ออก จัดมาน้อยไป ก็บ่นว่ากั้กออปชั่น ความต้องการมันมีไม่สิ้นสุดหรอกครับ อยากได้นั้นอยากได้นี้เพิ่ม แต่ขอราคาถูกๆ
สเปคตัวที่ส่งออกนอก หรือ ขายในไทย ต่างกันไม่เยอะมากมายนัก ของบางตัวไม่จำเป็นต้องมี
ถ้าจะเอาจริงๆคงต้องทำแบบ ออปชั่นพิเศษเลือกติดตั้ง ใครมีปัญญามีเงินจ่ายไหว ก็สั่งเพิ่มเข้าไป แต่ก็ยุ่งยากในสายการผลิตอีก
ค้าขายก็ต้องกำไรให้มากที่สุด ไม่ใช่ใจดี ให้เค้าไปหมด จนตัวเองเอาตัวไม่รอด
-
อยากได้ออพชั่นครบๆก็สั่งจากเกรย์เอาครับ เอาแบบไหนเค้าก็จัดให้ได้หมดอะ
-
จะเพิ่มต้นทุนอีกทำไมละคับ ในเมื่อสเป็คต่ำๆก็ยังขายดีอยู่
จริงครับ ตัวล่างสุดของยี่ห้อ T เครื่องเกียร์ โบราณ ไม่มีออฟชั่นอะไร สักอย่างยังขายได้ แถมยอดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มแล้วจะลดกำไรตัวเองทำไมละครับ
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
แคมรี่กับแอกคอร์ด3.5ยอดขายเดือนละไม่กี่คันเขาถึงได้เลิกขายไงครับ และคนไทยยังฝังหัวกับคำว่า "เครื่องใหญ่กินน้ำมัน" ก็ขายยาก
จริงๆ มันก็กินไม่ใช่เหรอครับ เบนซิน 2.0 3.0 พอว่าครับ แต่ 3.5 4.0 นี่ให้ฟรีก็ไม่เอาครับ รถบ้าน ตปท เค้าเติมเบนซิน ใช่ปะครับ ไม่ใช่ดีเซล
ทุกวันนี้ กินน้ำมันต่างกัน นิดเดียวพี่ไทยยังเอามาเป็นประเด็นเลยครับ
ไม่ได้เชื่อ ฝังหัวครับ มันกินกว่าจริงๆ
ใช้รถ เอาแค่ แรงม้า เหมาะสมกับการใช้งานพอไหม ไม่ได้เอาบ้าพลัง
ฝรั่งเงินมันเยอะครับ เติมน้ำมันไม่ได้เดือดร้อน
มันมีไม่กี่ประเทศหรอกครับ ที่มีขาย เบนซิน 3.0 4.0 เพราะ sport car บ้านเค้ามันก็ไม่กี่ตัง
ยกตัวอย่าง Fortuner 4.0 ดู
http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695 (http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695)
เบนซิน 2.7 ยังกินกว่า
ค่านิยมโบราณกาลแบบ เครื่องโตกินกว่านี้ หืม....
เอิ่ม ผมดูยังไง 2.7 ก็กินน้อยกว่านะครับ
ดูดีๆ เค้าบอก L / 100 km นะครับ 11.9 <12.6< 13.2
ถ้าปรับเป็น km / l จะได้ 8.4 < 7.9 < 7.5
เครื่องโตกว่าก็กินกว่าอยู่ดี เพียงแต่มันกินกว่าไม่เยอะ
ตำว่ามากกว่าก็คือมากกว่า จะมากจะน้อย
บอกว่ามันไม่ใช่ค่านิยม แต่มันคือความจริง
ผมบอกแล้ว ว่ากฏหมาย เค้าดูภาษี ที่ การปล่อยไอเสีย
ใครมี ค่าการปล่อยไอเสีย ให้ดูระหว่างเครื่องใหญ่เครื่องเล็กบ้างครับ
ถ้าบอกกขับเร็ว เครื่องใหญ่กินน้อยกว่า ใช่ครับ แต่ ลองดูสภาพการจราจรบ้านเราก่อนไหม ไอ้เครื่อง 4.0 ที่บอก มันจะได้ตามนั้นไหน แถม กฎจราเค้าให้ขับ ไม่เกิน 120 km/hr
แหม เล่นเอาเว็บ UAE มาให้ดู แถบนั้น มัน เศรษฐีน้ำมันนะครับโผมๆๆ
-
ฮีตเตอกระทู้ข้างล่างยังมีคนบ่นที่โตโยต้าตัดออกไปเลยครับ มันไม่มีการตัดต่ออุณภูมิที่เหมาะสมอะไรเลย ระดับอุณภูมิที่ออกมาจะมีแต่ความเย็นอย่างเดียวจนภายในรถเย็นเกินทนไหวต้องหรี่แรงลมให้ต่ำสุดแทน ครั้งนะปรับเพิ่มจาก20เป็น24หรือมากกว่านั้นก็ไม่เป็นผลเพราะระบบปรับอากาศมันจะปล่อยแต่ความเย็นออกมาอย่างเดียวไม่มีความร้อนมาเจือปนให้อุณภูมิสูงขึ้นเลย ฮีตเตอร์ไม่ได้มีหน้าที่ในการทำความร้อนอยืางเดียวเวลาเราไปภาคเหนือหน้าหนาวเท่านั้น ในเวลาปกติมันจะทำงานเพื่อรักษาอุณหภูมิในรถให้คงที่ตามที่ตั้งไว้ด้วย แม้จะไม่ได้กดปุ่มออโต้ก็ตาม ระบบแอร์จะมีลิ้นคอยทำหน้าที่ตัดต่อรับความร้อนและความเย็นมาผสมกันก่อนปล่อยออกมาจากช่องแอร์ ถ้าหากว่ายืนยันฮีตเตอร์ไม่จำเป็นจริงๆก็ควรที่จะขายในราคาที่ต่ำกว่ายี่ห้ออื่นที่มีฮีตเตอร์ครับ ไม่ใช่ตัดออกแต่ขายราคาเท่าเค้าเอากำไรแบบนี้
ใช่ครับ รถผม เปิดแอร์เหมือนปรับอุณภูมิไม่ได้เลย เย็นจัดตลอด
-
ฮีตเตอกระทู้ข้างล่างยังมีคนบ่นที่โตโยต้าตัดออกไปเลยครับ มันไม่มีการตัดต่ออุณภูมิที่เหมาะสมอะไรเลย ระดับอุณภูมิที่ออกมาจะมีแต่ความเย็นอย่างเดียวจนภายในรถเย็นเกินทนไหวต้องหรี่แรงลมให้ต่ำสุดแทน ครั้งนะปรับเพิ่มจาก20เป็น24หรือมากกว่านั้นก็ไม่เป็นผลเพราะระบบปรับอากาศมันจะปล่อยแต่ความเย็นออกมาอย่างเดียวไม่มีความร้อนมาเจือปนให้อุณภูมิสูงขึ้นเลย ฮีตเตอร์ไม่ได้มีหน้าที่ในการทำความร้อนอยืางเดียวเวลาเราไปภาคเหนือหน้าหนาวเท่านั้น ในเวลาปกติมันจะทำงานเพื่อรักษาอุณหภูมิในรถให้คงที่ตามที่ตั้งไว้ด้วย แม้จะไม่ได้กดปุ่มออโต้ก็ตาม ระบบแอร์จะมีลิ้นคอยทำหน้าที่ตัดต่อรับความร้อนและความเย็นมาผสมกันก่อนปล่อยออกมาจากช่องแอร์ ถ้าหากว่ายืนยันฮีตเตอร์ไม่จำเป็นจริงๆก็ควรที่จะขายในราคาที่ต่ำกว่ายี่ห้ออื่นที่มีฮีตเตอร์ครับ ไม่ใช่ตัดออกแต่ขายราคาเท่าเค้าเอากำไรแบบนี้
ใช่ครับ รถผม เปิดแอร์เหมือนปรับอุณภูมิไม่ได้เลย เย็นจัดตลอด
ขอบคุณครับสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ผมอธิบายขนาดนี้ไม่เป็น
ปัจจุบันยังมีคนไทยอีกจำนวนมากไม่เข้าใจว่ารถเดี๋ยวนี้ทำไมต้องมี Heater และมีไปเพื่ออะไร อ้างอย่างเดียวเมืองไทยร้อน ไม่จำเป็นต้องมีหรอก Heater
อ้าว..... แล้วมันไม่คิดถึงคนอีกจำนวนที่เขาต้องการความเซนซิทีฟมากกว่านี้ล่ะ ผมต้องวิ่งขับรถไปหลายแห่งยกเว้นภาคใต้ เจออากาศหนาวในหน้าหนาวแล้วจะให้ผมทำไงครับ นอกจากนี้สภาพอากาศที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ว่าร้อน แต่ผมขับรถเข้าเที่ยวไปในป่าที่เมืองไทยหลายแห่ง มันหนาวเกินจะทนเพราะอากาศตอนนี้วิปริตไปคนล่ะแบบแล้ว ข้างนอกร้อนมากแต่ในป่าข้างในหนาวเหน็บมาก คนไม่เคยไปไม่รู้หรอก อยู่ในเมืองอย่างเดียวบางทีก็พูดได้ว่าไม่จำเป็นต้องเอา Heater
-
บริษัทผมก็ทำรถส่งออกนะครับ เหตุผลลึก ๆ ไม่รู้รู้แต่ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับกฎหมายและความนิยมในตลาดนั้น ๆ ด้วย
อย่างเช่นรถที่ทำส่งไปเมืองนอก ประเทศนึง ทุกรุ่นต้องมี ABS อาจจะป็นกฎหมายเขาก็ได้ มีถุงลมคู่หน้าห้ามมีข้างเดียวด้วย มีตั้งแต่รุ่นถูกที่สุดไปเลย ยังไงก็มีคู่หน้า ส่วนแอร์เป็น Heater นั้นขนาดประเทศเค้าร้อนจะตายห่ะ มากกว่าบ้านเราทุกรุ่นมี Heater หมดครับ ไม่เห็นมันจะตัดออกเลย มีตั้งแต่รุ่นถูกที่สุดไปเลยแอร์มือหมุน ยังเป็น Heater
ส่วน Option อื่น ๆ ก็ปะมาณข้าบนว่า คือสมมุติซันรูฟผมเห็นเมืองจีนมีแทบทุกคัน แต่บ้านเราไม่มีหรือมีน้อยมาก คนไทยส่วนใหญ่ก็บอกไม่จำเป็น
-
ผมว่ารถ spec นอกบางทีเกินความจำเป็นเราครับ
เช่น ฮิตเตอร์ ถ้าเป็นรถแอร์ไม่ออโต้ (บิด) นี่ การมีฮิตเตอร์นี่มันแทบจะไม่ได้ใช้เลยเพราะไม่ได้ต้องมสผสมอากาศแบบรถแอร์ออโต้
แถมยังทำให้กินระบบแอร์ไปโดยเปล่าประโยชน์
ตัดออกไป ก็ได้
แต่บางอย่างก็จำเป็นจริงๆ เช่น ESP อันนี้อยากให้มีในรถทุกคันเลยครับ ถุงลม 2 ใบได้ เพราะไม่จำเป็นไม่อยากใช้ แต่ ESP เนี่ยมีแล้วได้ใช้ทุกคน
ผมเองยังเคยได้ใช้เลยครับ เวลาออกตัวแล้วลื่น หรือเข้าโค้ง มันช่วงประคองรถได้จริงๆ ครับ ;)
แอร์ออโต้ได้ใช้บ่อยเลยละครับ เหนือ อีสาน หน้าหนาวใครมีใช้ละแห่ไปด้วยเลย ความจริงหลาย option ในรถนอกที่ไม่ค่อยจำเป็นตัดออกไปก็ได้ แต่เรื่องคือ ตัดออกเยอะจัดนั่นเอง
บ้านแฟนผมนครพนม หน้าหนาวเลขอุณหภูมิตัวเดียวนะครับ หนาวสุดสุดแห่งนึงเลยล่ะ ตอนร้อนก็ร้อนสุด ๆ เหมือนกัน
แอร์ที่มีในรถควรปรับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ เพราะอากาศชวง 6เดือนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ
อย่างที่บอกบางคนอยู่แต่ใน กทม ไม่เคยเจออากาศแบบนี้ก็จะบอกไม่จำเป็น
-
Pulsar Turbo ไงครับ
ตัวอย่างรถที่ยกสเป็กส่งออกมาชายทั้งดุ้น
แล้วก็เจ๊ง.....
-
Pulsar Turbo ไงครับ
ตัวอย่างรถที่ยกสเป็กส่งออกมาชายทั้งดุ้น
แล้วก็เจ๊ง.....
รถที่หนึ่งในใจผมเชียวนะคันนี้ :-* แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในช่วงจะซื้อรถนี่สิฮือๆๆๆๆเสียดายจริงจัง :'(
รถที่ต้องมีabsแอร์แบกเป็นความปลอดภัยต่ำสุดน่าจะเป็นมาเลเซียนะครับ อยากให้กฏหมายไทยใส่ใจคนไทยมากกว่านี้จัง ต่อให้ค่ายรถไหนๆจะเอาเปรียบราคาแต่ถ้ากำหนดออกมาเป็นกฏหมายยังไงก็ต้องทำตาม คนไทยเองก็ต้องออกตัวปกป้องตัวเองเช่นกันแต่ก็ไม่รู้เหมื่อไหร่จะได้เฮ้อๆๆๆ :P
-
จะเพิ่มต้นทุนอีกทำไมละคับ ในเมื่อสเป็คต่ำๆก็ยังขายดีอยู่
จริงครับ ตัวล่างสุดของยี่ห้อ T เครื่องเกียร์ โบราณ ไม่มีออฟชั่นอะไร สักอย่างยังขายได้ แถมยอดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มแล้วจะลดกำไรตัวเองทำไมละครับ
Tata สินะครับ ;D
Pulsar Turbo ไงครับ
ตัวอย่างรถที่ยกสเป็กส่งออกมาชายทั้งดุ้น
แล้วก็เจ๊ง.....
ว่าจะพูดถึงอยู่พอดีเชียว
-
ฮีตเตอร์ช่วยผสมอากาศร้อนเข้ากับอากาศเย็นของแอร์ให้ได้ตามที่เราตั้งอุณหภูมิ
รถที่มีแอร์ออโต้แต่ไม่มีฮีตเตอร์อุณหภูมิมันก็ไม่ได้ดั่งใจเราครับ
ผมนี่อยากให้มีจริงๆ เพราะเป็นคนขี้หนาว
ถ้าอุณหภูมิในรถเย็นกว่าที่เราตั้งปรับไปมันก็ทำไรไม่ได้เพราะไม่มีฮีตเตอร์ช่วย :'( :'(
-
ฮีตเตอกระทู้ข้างล่างยังมีคนบ่นที่โตโยต้าตัดออกไปเลยครับ มันไม่มีการตัดต่ออุณภูมิที่เหมาะสมอะไรเลย ระดับอุณภูมิที่ออกมาจะมีแต่ความเย็นอย่างเดียวจนภายในรถเย็นเกินทนไหวต้องหรี่แรงลมให้ต่ำสุดแทน ครั้งนะปรับเพิ่มจาก20เป็น24หรือมากกว่านั้นก็ไม่เป็นผลเพราะระบบปรับอากาศมันจะปล่อยแต่ความเย็นออกมาอย่างเดียวไม่มีความร้อนมาเจือปนให้อุณภูมิสูงขึ้นเลย ฮีตเตอร์ไม่ได้มีหน้าที่ในการทำความร้อนอยืางเดียวเวลาเราไปภาคเหนือหน้าหนาวเท่านั้น ในเวลาปกติมันจะทำงานเพื่อรักษาอุณหภูมิในรถให้คงที่ตามที่ตั้งไว้ด้วย แม้จะไม่ได้กดปุ่มออโต้ก็ตาม ระบบแอร์จะมีลิ้นคอยทำหน้าที่ตัดต่อรับความร้อนและความเย็นมาผสมกันก่อนปล่อยออกมาจากช่องแอร์ ถ้าหากว่ายืนยันฮีตเตอร์ไม่จำเป็นจริงๆก็ควรที่จะขายในราคาที่ต่ำกว่ายี่ห้ออื่นที่มีฮีตเตอร์ครับ ไม่ใช่ตัดออกแต่ขายราคาเท่าเค้าเอากำไรแบบนี้
ใช่ครับ รถผม เปิดแอร์เหมือนปรับอุณภูมิไม่ได้เลย เย็นจัดตลอด
ขอบคุณครับสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ผมอธิบายขนาดนี้ไม่เป็น
ปัจจุบันยังมีคนไทยอีกจำนวนมากไม่เข้าใจว่ารถเดี๋ยวนี้ทำไมต้องมี Heater และมีไปเพื่ออะไร อ้างอย่างเดียวเมืองไทยร้อน ไม่จำเป็นต้องมีหรอก Heater
อ้าว..... แล้วมันไม่คิดถึงคนอีกจำนวนที่เขาต้องการความเซนซิทีฟมากกว่านี้ล่ะ ผมต้องวิ่งขับรถไปหลายแห่งยกเว้นภาคใต้ เจออากาศหนาวในหน้าหนาวแล้วจะให้ผมทำไงครับ นอกจากนี้สภาพอากาศที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ว่าร้อน แต่ผมขับรถเข้าเที่ยวไปในป่าที่เมืองไทยหลายแห่ง มันหนาวเกินจะทนเพราะอากาศตอนนี้วิปริตไปคนล่ะแบบแล้ว ข้างนอกร้อนมากแต่ในป่าข้างในหนาวเหน็บมาก คนไม่เคยไปไม่รู้หรอก อยู่ในเมืองอย่างเดียวบางทีก็พูดได้ว่าไม่จำเป็นต้องเอา Heater
+1เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ไอพวกที่บ่นว่าไม่จำเป็นต้องมีheaterพวกนี้เป็นพวกที่ใช้รถแต่ในกรุงไม่เคยออกต่างจังหวัด ลองไปแถวภาคเหนือตอนฤดูหนาวดูสิครับ เดี๋ยวรู้เลยยยย
-
เป็นประเทศด้อยพัฒนาจะเอาต้วเองไปเทียบกับประเทศโลกที่1ได้ไงครับ
เค้าไม่ได้มาคำนึงถึงความปลอดภัยอะไรหรอๆ เงินๆ มี2ฝ่ายที่ win
ปล. ฮีตเตอร์ผมก็ชอบนะ เวลาหนาวๆ เปิด 28 ก็ฟินแล้ว
ไม่มีฮีตเตอร์เหมือนนั่งแท็กซี่ สักแต่ว่าเย็น แต่ไม่สบาย
-
ผมว่ามันเป็นเรื่องของทั้งต้นทุนต่างๆที่บริษัทรถพยายามจะลดนะครับ สังเกตุยี่ห้อเจ้าตลาดสิครับ อะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เล็งเห็นตัดทิ้งหมดโดยเฉพาะToyotaเพราะมองแล้วว่าขายได้เช่นแอร์ออโต้แต่ดันไม่มีระบบฮีตเตอร์คนส่วนใหญ่มักไม่สนใจด้วยซ้ำไปครับ ถามว่าจำเป็นมั้ยคนเมืองอาจจะไม่ปีๆนึงจะหนาวสักกี่วันแต่อยู่นอกเมืองก็อีกเรื่อง คนที่บ่นว่าบ้านเราสเปคห่วยตัวส่งนอกดีกว่าอันนี้ก็จริงแต่ไม่ทั้งหมดนะครับ ถ้าเปรียบกับสเปคยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นบ้านเราก็น้อยกว่าจริง แต่ถ้าเปรียบกับรอบๆอาเซียนหรือพวกตะวันออกกลาง แอฟริกา อะไรพวกนี้บ้านเราจัดว่าดีกว่ามากแล้วนะครับ
-
Pulsar Turbo ไงครับ
ตัวอย่างรถที่ยกสเป็กส่งออกมาชายทั้งดุ้น
แล้วก็เจ๊ง.....
เจ๊งเพราะให้มาเกินเมืองนอกรึป่าวครับ (สติ๊กเกอร์ข้างรถน่ะ)
-
คือผมว่าที่ spec รถเมืองไทยถูกตัดหลาย ๆ อย่างออกไป คงเป็นเพราะมีการสำรวจตลาดมาแล้วอะครับ
ประกอบกับการลดต้นทุน ลดการบำรุงรักษาของผู้ผลิตรถยนต์
ผมอยู่ภาคเหนือ ตอนนี้ขับรถจากเชียงใหม่ มาเชียงรายตอนตี 5 นี่ อุณหภูมิภายนอก 9-10 องศาเซลเซียสเลยนะครับ
รู้สึกโชคดีที่ ขับ mazda2 รุ่นเก่า เพราะมี heater อุ่นๆ ให้ แม้ไม่ใช่ air auto
เมื่อก่อนใช้ honda jazz, honda city ก็ต้องทนหนาวเอา ขับแบบแง้มกระจก หรือเปิดแอร์ให้เย็นสุดๆ ไม่งั้นฝ้าขึ้น
ถ้าเลือกรถคันต่อไป heater จะเป็นหนึ่งใน option ที่ผมอยากได้เลยครับ
ส่วนเรื่องความปลอดภัย airbag vsc trc vsa dsc ต่าง ๆ นา ๆ ผมก็อยากได้ครับ แต่ต้องมากับรถที่พื้นฐานช่วงล่างดี ๆ ด้วยครับ
ถ้าขับแบบระวัง ๆ ไม่เร็วเกินไป ผมว่าโอกาสได้ใช้ก็มีน้อย แต่ก็ มี ดีกว่าไม่มีครับ เมืองนอกอาจจะถนนลื่นกว่าที่ไทย เหอะๆ
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
แคมรี่กับแอกคอร์ด3.5ยอดขายเดือนละไม่กี่คันเขาถึงได้เลิกขายไงครับ และคนไทยยังฝังหัวกับคำว่า "เครื่องใหญ่กินน้ำมัน" ก็ขายยาก
จริงๆ มันก็กินไม่ใช่เหรอครับ เบนซิน 2.0 3.0 พอว่าครับ แต่ 3.5 4.0 นี่ให้ฟรีก็ไม่เอาครับ รถบ้าน ตปท เค้าเติมเบนซิน ใช่ปะครับ ไม่ใช่ดีเซล
ทุกวันนี้ กินน้ำมันต่างกัน นิดเดียวพี่ไทยยังเอามาเป็นประเด็นเลยครับ
ไม่ได้เชื่อ ฝังหัวครับ มันกินกว่าจริงๆ
ใช้รถ เอาแค่ แรงม้า เหมาะสมกับการใช้งานพอไหม ไม่ได้เอาบ้าพลัง
ฝรั่งเงินมันเยอะครับ เติมน้ำมันไม่ได้เดือดร้อน
มันมีไม่กี่ประเทศหรอกครับ ที่มีขาย เบนซิน 3.0 4.0 เพราะ sport car บ้านเค้ามันก็ไม่กี่ตัง
ยกตัวอย่าง Fortuner 4.0 ดู
http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695 (http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695)
เบนซิน 2.7 ยังกินกว่า
ค่านิยมโบราณกาลแบบ เครื่องโตกินกว่านี้ หืม....
เอิ่ม ผมดูยังไง 2.7 ก็กินน้อยกว่านะครับ
ดูดีๆ เค้าบอก L / 100 km นะครับ 11.9 <12.6< 13.2
ถ้าปรับเป็น km / l จะได้ 8.4 < 7.9 < 7.5
เครื่องโตกว่าก็กินกว่าอยู่ดี เพียงแต่มันกินกว่าไม่เยอะ
ตำว่ามากกว่าก็คือมากกว่า จะมากจะน้อย
บอกว่ามันไม่ใช่ค่านิยม แต่มันคือความจริง
ผมบอกแล้ว ว่ากฏหมาย เค้าดูภาษี ที่ การปล่อยไอเสีย
ใครมี ค่าการปล่อยไอเสีย ให้ดูระหว่างเครื่องใหญ่เครื่องเล็กบ้างครับ
ถ้าบอกกขับเร็ว เครื่องใหญ่กินน้อยกว่า ใช่ครับ แต่ ลองดูสภาพการจราจรบ้านเราก่อนไหม ไอ้เครื่อง 4.0 ที่บอก มันจะได้ตามนั้นไหน แถม กฎจราเค้าให้ขับ ไม่เกิน 120 km/hr
แหม เล่นเอาเว็บ UAE มาให้ดู แถบนั้น มัน เศรษฐีน้ำมันนะครับโผมๆๆ
http://www.autodealer.co.za/new-cars/Toyota/Fortuner/Prices-Specs (http://www.autodealer.co.za/new-cars/Toyota/Fortuner/Prices-Specs)
Not much different in fuel consumption. I don't care much about CO2 emission. Performance wise, I prefer top-of-the-line model (and non-diesel) for any ride.
As a person who spent years in the developed world, I have developed relatively similar preference to lads there.
-
Pulsar Turbo ไงครับ
ตัวอย่างรถที่ยกสเป็กส่งออกมาชายทั้งดุ้น
แล้วก็เจ๊ง.....
เจ๊งเพราะให้มาเกินเมืองนอกรึป่าวครับ (สติ๊กเกอร์ข้างรถน่ะ)
เจ๊งเพราะ ไม่โฆษณา ครับ บวกกับ กินน้ำมัน สุดๆ แต่ก็แรงสุด เหมือนกัน
-
ถ้าชุดแต่งตัวนี้มีขายคงมาจอดอยู่ที่โรงรถผมแล้วครับ เฮ้อ...
(http://www.thaismartcar.com/wp-content/uploads/2014/06/Nissan-Pulsar-6.jpg)
-
Pulsar Turbo ไงครับ
ตัวอย่างรถที่ยกสเป็กส่งออกมาชายทั้งดุ้น
แล้วก็เจ๊ง.....
แปลข้อความพี่จิมมี่
พี่จิมมี่ บอกว่า
จ่าถามหากันทำไมกับไอ้ ที่ไม่มี
ไอ้ที่ พอมีแล้วทำไมไม่....ซื้อ ตัวอย่างมีให้เห็น ว่า เจ๊ง..
จบข่าว
-
ถ้าชุดแต่งตัวนี้มีขายคงมาจอดอยู่ที่โรงรถผมแล้วครับ เฮ้อ...
(http://www.thaismartcar.com/wp-content/uploads/2014/06/Nissan-Pulsar-6.jpg)
ใต้กระโปรงเป็น VR38DETT อีกรึเปล่าคันนี้ ;D
-
ถ้าชุดแต่งตัวนี้มีขายคงมาจอดอยู่ที่โรงรถผมแล้วครับ เฮ้อ...
(http://www.thaismartcar.com/wp-content/uploads/2014/06/Nissan-Pulsar-6.jpg)
กระโปรงชวนให้นุึกถึง Pulsar GTi-R มากๆ ล้อ R35 ด้วย
-
นอกจาก Pulsar turbo แล้ว ยังมีอีกรุ่นหนึ่งครับที่เห็นว่าเป็นเสป็คส่งออก คือ Ford Ranger 3.2 Wildtrak มันเป็นเวอร์ชันส่งนอกที่ถูกตัดยอดการผลิตมาขายในไทยครับ ดูจากออพชั่นที่ล้นซะขนาดนั้น ไม่อาจหาได้จากกระบะรุ่นท็อปตัวไหน และที่ชัดๆ เลยก็คือ ก้านไฟเลี้ยว กับก้านที่ปัดน้ำฝน อยู่สลับกันเหมือนตัวส่งนอกเลยครับ ตอนแรกดูเหมือนว่า Ford ไม่อยากทำรุ่นเครื่อง 3.2 ขายในไทยครับ สังเกตว่า มีเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ทำออกมา 2 ความแรง คือ 125 แรงม้าสำหรับรุ่นล่างๆ และ 150 แรงม้าสำหรับรุ่นสูงๆ แต่ปรากฏว่า รุ่น 3.2 Wildtrak ขายดีเกินคาด จนถึงขั้นต้องรอรับรถข้ามปีกันเลยทีเดียว ก็แหงล่ะครับ เพราะมันเป็นการตัดเอายอดผลิตตัวส่งนอกมาส่งมอบ
ผมไปเห็นที่มาเลเซีย Ford Ranger ที่นั่น มีรุ่น 3.2 XLT เกียร์ธรรมดา 4x4 ทั้งรุ่น 4 ประตูและแค็บ มีโรลบาร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย แล้วยังมีรุ่น 3.2 Wildtrak 4x4 เกียร์ออโต้ ตัวถัง Open Cab ด้วย แต่ในไทยผมยังไม่เห็นมีรุ่น Open Cab 4x4 เลยนะ
-
ผมเชื่อว่าถ้าเป็นรถผลิตในประเทศควรขายได้ดี ถ้าจัดเต็ม อย่าง hrv ที่จัดมา ได้ข่าวว่าตัว topขายดี ทั้งที่ราคาแอบสูงสักหน่อย
ส่วนนึงเพราะเป็น honda เลยขายดี
ฉะนั้นค่ายที่เป็นค่ายรองควรให้อะไรที่เกินมาด้วยซ้ำ แต่เราพบว่าค่ายรองไม่ได้ทำแบบนั้น มาแบบขายๆเกินๆแต่ราคาแรงเท่าค่ายใหญ่หรือแรงกว่า คนมันก็ตัดสินใจยาก
อีกอย่างค่ายรองก็ทำกับลูกเค้าไว้แสบเหมือนกับ nissan mazda ford บางครั้งมันแทบไม่อยู่ในตัวเลือกของบางคนเลยด้วยซ้ำ รถบางรุ่นก็ดีแต่ดีไม่จบ บอกจริงๆปัจจัยเยอะ อยากรู้ว่าทำไมไม่ซื้อ คงต้องทำการวิจัยแบบจริงจัง ว่าทำไมไม่ซื้อ อาจจะดีกว่าถามคนซื้อว่าทำไมซื้ออีกด้วยซ้ำ
เชื่อว่าขายได้ครับ ถ้าเค้ากล้าทำจริงๆ
อย่าเอาเพียงรถรุ่นเดียวมาสรุปอะไรง่ายๆ เพราะบางคนถูกใจ แต่ก็ยังไม่ใช่เวลาซื้อ หรือซื้อคันอื่นไปก่อนไม่นาน มันต้องใช้เวลาพอตัว
รถที่ถูกใจแล้วเน่ากลับไป เช่น wish. vios turbo. ถือว่าน่าเสียดายมาก ถ้าขายยาวๆ ผมว่าคงได้ลูกค้าอีกพอตัวเลย ;D
-
เอาแบบกำปั้นทุบดินเลยนะครับว่าเป็นเพราะตลาดในไทยคือของตายยังไงหละครับ ส่วนตลาดต่างประเทศต้องแข่งขันกันเยอะ
ผมทำงานอยู่โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ราคาที่ส่งในไทยกับส่งต่างประเทศเท่ากันเลยทั้งที่ค่าขนส่งในไทยถูกกว่ากันมาก (ราคารวมขนส่ง) ทั้งๆที่ส่งต่างประเทศค่าใช้จ่ายสูงมากๆยังขายราคาเท่ากันเลยถามหัวหน้าญี่ปุ่นเค้าบอกว่าตลาดต่างประเทศแข่งขันกันสูงจึงขายแพงไม่ได้ซึ่งเราจำเป็นต้องขายเพื่อหางานมาป้อนเครื่องจักรอนาคตถ้ายอดขายในประเทศเพยงพอต่อกำลังการผลิตเราก็จะตัดส่วน Export นี้ออกไป
-
ผมเชื่อว่าถ้าเป็นรถผลิตในประเทศควรขายได้ดี ถ้าจัดเต็ม อย่าง hrv ที่จัดมา ได้ข่าวว่าตัว topขายดี ทั้งที่ราคาแอบสูงสักหน่อย
ส่วนนึงเพราะเป็น honda เลยขายดี
ฉะนั้นค่ายที่เป็นค่ายรองควรให้อะไรที่เกินมาด้วยซ้ำ แต่เราพบว่าค่ายรองไม่ได้ทำแบบนั้น มาแบบขายๆเกินๆแต่ราคาแรงเท่าค่ายใหญ่หรือแรงกว่า คนมันก็ตัดสินใจยาก
อีกอย่างค่ายรองก็ทำกับลูกเค้าไว้แสบเหมือนกับ nissan mazda ford บางครั้งมันแทบไม่อยู่ในตัวเลือกของบางคนเลยด้วยซ้ำ รถบางรุ่นก็ดีแต่ดีไม่จบ บอกจริงๆปัจจัยเยอะ อยากรู้ว่าทำไมไม่ซื้อ คงต้องทำการวิจัยแบบจริงจัง ว่าทำไมไม่ซื้อ อาจจะดีกว่าถามคนซื้อว่าทำไมซื้ออีกด้วยซ้ำ
เชื่อว่าขายได้ครับ ถ้าเค้ากล้าทำจริงๆ
อย่าเอาเพียงรถรุ่นเดียวมาสรุปอะไรง่ายๆ เพราะบางคนถูกใจ แต่ก็ยังไม่ใช่เวลาซื้อ หรือซื้อคันอื่นไปก่อนไม่นาน มันต้องใช้เวลาพอตัว
รถที่ถูกใจแล้วเน่ากลับไป เช่น wish. vios turbo. ถือว่าน่าเสียดายมาก ถ้าขายยาวๆ ผมว่าคงได้ลูกค้าอีกพอตัวเลย ;D
+1 ครับ
ผมเองก็ไม่ได้อยากเลือก TOYOTA แต่ว่าค่ายอื่นอย่าง Ford Checv Mazda ก็ทำลูกค้าไว้แสบจริง ๆนั่นแหละ ทำให้ไม่กล้าเลือกจำเป็นต้องเลือก TOYOTA แต่ได้ Option ที่น้อยกว่าเขา แถมราคาขายแพงอีกต่างหาก
-
จำได้ว่าตอนนั้นน้ำท่วมhonda เอา jazz เวอชั่นญี่ปุ่นมาออพชั่นเต็มสุดๆ แต่ก็ไม่เห็นจะขายดีเลย เค้าคงเจ็บกันออพชั่นเต็มๆตัวท็อปๆมาเยอะ สู้ลดราคาลดออพชั่นเน้นภายนอกสวยๆเอาใจคนส่วนใหญ่ดีกว่า
กำไรดีกว่าเห็นๆ
-
ก็ให้คนไทยทำตัวพร้อมจ่ายในราคาที่มันสูงขึนสิครับ
-
จำได้ว่าตอนนั้นน้ำท่วมhonda เอา jazz เวอชั่นญี่ปุ่นมาออพชั่นเต็มสุดๆ แต่ก็ไม่เห็นจะขายดีเลย เค้าคงเจ็บกันออพชั่นเต็มๆตัวท็อปๆมาเยอะ สู้ลดราคาลดออพชั่นเน้นภายนอกสวยๆเอาใจคนส่วนใหญ่ดีกว่า
กำไรดีกว่าเห็นๆ
ผมคนนึงถอย Jazz ตัวนอก มาใช้เป็นรถใช้งานประจำวันทั่วไป คุ้มค่าดี คุณภาพตัวนอก เหนือกว่าของประกอบในขายในประเทศอย่างเห็นได้ชัด
-
นอกจาก Pulsar turbo แล้ว ยังมีอีกรุ่นหนึ่งครับที่เห็นว่าเป็นเสป็คส่งออก คือ Ford Ranger 3.2 Wildtrak มันเป็นเวอร์ชันส่งนอกที่ถูกตัดยอดการผลิตมาขายในไทยครับ ดูจากออพชั่นที่ล้นซะขนาดนั้น ไม่อาจหาได้จากกระบะรุ่นท็อปตัวไหน และที่ชัดๆ เลยก็คือ ก้านไฟเลี้ยว กับก้านที่ปัดน้ำฝน อยู่สลับกันเหมือนตัวส่งนอกเลยครับ ตอนแรกดูเหมือนว่า Ford ไม่อยากทำรุ่นเครื่อง 3.2 ขายในไทยครับ สังเกตว่า มีเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ทำออกมา 2 ความแรง คือ 125 แรงม้าสำหรับรุ่นล่างๆ และ 150 แรงม้าสำหรับรุ่นสูงๆ แต่ปรากฏว่า รุ่น 3.2 Wildtrak ขายดีเกินคาด จนถึงขั้นต้องรอรับรถข้ามปีกันเลยทีเดียว ก็แหงล่ะครับ เพราะมันเป็นการตัดเอายอดผลิตตัวส่งนอกมาส่งมอบ
ผมไปเห็นที่มาเลเซีย Ford Ranger ที่นั่น มีรุ่น 3.2 XLT เกียร์ธรรมดา 4x4 ทั้งรุ่น 4 ประตูและแค็บ มีโรลบาร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย แล้วยังมีรุ่น 3.2 Wildtrak 4x4 เกียร์ออโต้ ตัวถัง Open Cab ด้วย แต่ในไทยผมยังไม่เห็นมีรุ่น Open Cab 4x4 เลยนะ
มันไม่ใช่ตัดกำลังการผลิตจากตัวนอกหรอกครับ ใครจองก่อนก็ได้ก่อน
Ranger มันขายดีเกินคาดต่างหาก
อย่าลืมไม่ว่ารุ่นไหนๆ ไลน์มันก็ไลน์ผลิตเดียวกัน
ลองดูยอดขายในไทยสิครับ มันก็ไม่ได้ขายดีเท่าไหร่นะ
-
Pulsar Turbo ไงครับ
ตัวอย่างรถที่ยกสเป็กส่งออกมาชายทั้งดุ้น
แล้วก็เจ๊ง.....
บางทีผมก็สงสารค่ายรถเค้าน่ะ เห็นกระแสในอินเตอร์เน็ตแรงจริงๆ แต่ล่ะคน ถ้ามาซื้อแน่นอน ราคาไม่เกินนี้ ซื้อแน่นอน นับดูคอมเม้นก็เกิน 100 แล้วมั้งที่บอกจะซื้อ
พอเค้าเอามา ก็หาข้ออ้างสารพัดมาติ สุดท้ายขายไม่ออก สต๊อกบานเบอะ ต้องมาราคา 1-2 แสนกว่าจะขายออก
ผมจะรอดู Mazda 2 Diesel อีกคัน เมื่อก่อนนี่ แต่ล่ะคนบ่น อยากให้ประเทศเรามีรถเล็กดีเซล ถ้ามาซื้อชัวๆ
ถ้ามันยังขายไม่ดีอีก ทีหลังก็ใช้รถธรรมดาๆ เครื่องธรรมดาๆ ไปเถอะครับ ลำบากบริษัทเค้าเปล่าๆ
-
เมืองนอกได้ขับของส่งออก คุณภาพดี
Accord 3.5
Camry 3.5
Vigo 4.0
Fortuner 4.0
ส่วนไทยแลนด์ต้องทนใช้ของสเปคต่ำกว่าต่อไป
แคมรี่กับแอกคอร์ด3.5ยอดขายเดือนละไม่กี่คันเขาถึงได้เลิกขายไงครับ และคนไทยยังฝังหัวกับคำว่า "เครื่องใหญ่กินน้ำมัน" ก็ขายยาก
จริงๆ มันก็กินไม่ใช่เหรอครับ เบนซิน 2.0 3.0 พอว่าครับ แต่ 3.5 4.0 นี่ให้ฟรีก็ไม่เอาครับ รถบ้าน ตปท เค้าเติมเบนซิน ใช่ปะครับ ไม่ใช่ดีเซล
ทุกวันนี้ กินน้ำมันต่างกัน นิดเดียวพี่ไทยยังเอามาเป็นประเด็นเลยครับ
ไม่ได้เชื่อ ฝังหัวครับ มันกินกว่าจริงๆ
ใช้รถ เอาแค่ แรงม้า เหมาะสมกับการใช้งานพอไหม ไม่ได้เอาบ้าพลัง
ฝรั่งเงินมันเยอะครับ เติมน้ำมันไม่ได้เดือดร้อน
มันมีไม่กี่ประเทศหรอกครับ ที่มีขาย เบนซิน 3.0 4.0 เพราะ sport car บ้านเค้ามันก็ไม่กี่ตัง
ยกตัวอย่าง Fortuner 4.0 ดู
http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695 (http://www.drivearabia.com/ultimatecarbuyerguide/uae/carpage.php/Toyota-Fortuner/2012-2013-/695)
เบนซิน 2.7 ยังกินกว่า
ค่านิยมโบราณกาลแบบ เครื่องโตกินกว่านี้ หืม....
เอิ่ม ผมดูยังไง 2.7 ก็กินน้อยกว่านะครับ
ดูดีๆ เค้าบอก L / 100 km นะครับ 11.9 <12.6< 13.2
ถ้าปรับเป็น km / l จะได้ 8.4 < 7.9 < 7.5
เครื่องโตกว่าก็กินกว่าอยู่ดี เพียงแต่มันกินกว่าไม่เยอะ
ตำว่ามากกว่าก็คือมากกว่า จะมากจะน้อย
บอกว่ามันไม่ใช่ค่านิยม แต่มันคือความจริง
ผมบอกแล้ว ว่ากฏหมาย เค้าดูภาษี ที่ การปล่อยไอเสีย
ใครมี ค่าการปล่อยไอเสีย ให้ดูระหว่างเครื่องใหญ่เครื่องเล็กบ้างครับ
ถ้าบอกกขับเร็ว เครื่องใหญ่กินน้อยกว่า ใช่ครับ แต่ ลองดูสภาพการจราจรบ้านเราก่อนไหม ไอ้เครื่อง 4.0 ที่บอก มันจะได้ตามนั้นไหน แถม กฎจราเค้าให้ขับ ไม่เกิน 120 km/hr
แหม เล่นเอาเว็บ UAE มาให้ดู แถบนั้น มัน เศรษฐีน้ำมันนะครับโผมๆๆ
http://www.autodealer.co.za/new-cars/Toyota/Fortuner/Prices-Specs (http://www.autodealer.co.za/new-cars/Toyota/Fortuner/Prices-Specs)
Not much different in fuel consumption. I don't care much about CO2 emission. Performance wise, I prefer top-of-the-line model (and non-diesel) for any ride.
As a person who spent years in the developed world, I have developed relatively similar preference to lads there.
คุณไม่เอาดีเซล แต่คนทั่วประเทศไทยเค้า ไม่มีปัญญาไปเติม เบนซิน เครื่อง 4.0 แบบคุณนี่ครับ
อย่าลืมนนะครับ เค้าผลิต รถเพื่อขาย คนทั้งประเทศ ไม่ใช่ แค่เศรษฐี มีเงินถุงเงินถังเติมเบนซินเครื่อง
Not much different in fuel consumption. = ผิดครับ มัน ต่างกันมาก ระหว่าง เบนซิน 4.0 ดีเซล 3.0 turbo.
Toyota Fortuner 4.0 V6 4x4 = 13 (l/100km) = 7.6 km/l ( เบนซิน ลิตรละ 27.18 ) = 3.57 บาท ต่อ ต่อ กิโลเมตร
Toyota Fortuner 3.0D-4D 4x4 Epic auto = 9.8 (l/100km) = 10.20 km/L ( ดีเซล ลิตรละ 2ุ6.19 ) = 2.56 บาท ต่อ กิโลเมตร
ไม่ต้องถามต่อนะครับ ทำไมบ้านเรา มีแต่ ดีเซล 3.0 ไม่มี เบนซิน 4.0
I don't care much about CO2 emission. = คุณ ไม่สน แต่ รัฐบาลเค้าสนครับ C02 ต่ากันขนาดนั้น ราคารถจะถูกบวกภาษีเพิ่มอีกเป็นแสน แล้วใครจะซื้อครับ ถ้าไม่ใช่เศรษฐี
I prefer top-of-the-line model = ครับ ผมก็ชอบเช่นกันครับ ใครก็ชอบ
ดังนั้น บ้านเรา ที่ขาดหายไปคือ แค่เครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่แค่นั้น เหตุผล ตามที่บอกไป
เรายังเห็น Option เทียบเท่ารถส่งออกต่างประเทศทั้งขนาด เครื่อง ยนต์และ สมรรถนะ ในรุ่น Top ของแต่ละโมเดลอยู่ครับ แต่เฉพาะ ดีเซลนะ
แต่ผมไม่มีปัญญา ซื้อ รุ่น Top ครับ
-
ผมว่าคุณเลือกมองด้านเดียวเองมากกว่า
คุณเลือกหาออพชันที่มีในรถส่งออกเมืองนอก แต่ไม่มีในรถเมืองไทย แล้วก็เอามาติว่าทำไมไทยไม่มี
แต่ออพชันบางอย่างที่มีในรถไทยตั้งแต่รุ่นล่างๆ แต่เมืองนอกต้องไปหาซื้อกันในรุ่นท้อปสุดกู่ คุณมองข้ามมันไป
รถในอเมริกาที่ผมเคยขับมาหลายรุ่น กว่าจะได้แอร์ออโต้กับเบาะหนังคู่กันนี่ มันต้องขยับไปเล่นรุ่นสูงมากแล้ว
ไม่งั้นถึงจะเลือกรุ่นเครื่องแรงเทพยังไง แต่ข้างในยังเป็นเบาะผ้า ปรับมือ แอร์ลูกบิด ฝาครอบล้ออยู่เลยครับ
แล้วอันที่จริงถ้าคุณมองภาพรวมตลาดรถยนต์ในเมืองไทยให้กว้างจากตัวคุณเองเสียหน่อย
คุณก็จะเห็นว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการออพชันมากเท่าขนาดและภาพลักษณ์
เอาง่ายง่าย รถ B-Segment รุ่นไหนเปิดตัวมาราคาละแวก 8 แสน ต่อให้ออพชันดีงาม เครื่องเทพขนาดไหน
กระแสส่วนใหญ่ตีกลับทันทีว่าเอาเงินไปซื้อ C-Segment ดีกว่า ตัวอย่างมีให้เห็นเต็มไปหมด ที่ HLM นี่ก็เยอะ
เหตุการณ์เดียวกันก็เกิดกับ C-Segment ที่ราคาไหลไปแถว 1.2 ล้าน ก็หนีไปซื้อ D-Segment 2.0 ตัวล่างดีกว่า
ดูเอาสิครับ รถสเปคเทพล้ำยุคแบบที่ในเน็ตเย้วเย้วกันว่าต้องมา ต้องมา ทำไมไม่มา แต่ละคันพอมาจริงแล้วเป็นไงครับ
Vios 1.5 Turbo
Fiesta 1.0 Ecoboost
Mazda 2 Diesel
Nissan Pulsar Turbo
Toyota Prius
Camry 3.5
Accord 3.5
...
-
ผมว่าคุณเลือกมองด้านเดียวเองมากกว่า
คุณเลือกหาออพชันที่มีในรถส่งออกเมืองนอก แต่ไม่มีในรถเมืองไทย แล้วก็เอามาติว่าทำไมไทยไม่มี
แต่ออพชันบางอย่างที่มีในรถไทยตั้งแต่รุ่นล่างๆ แต่เมืองนอกต้องไปหาซื้อกันในรุ่นท้อปสุดกู่ คุณมองข้ามมันไป
รถในอเมริกาที่ผมเคยขับมาหลายรุ่น กว่าจะได้แอร์ออโต้กับเบาะหนังคู่กันนี่ มันต้องขยับไปเล่นรุ่นสูงมากแล้ว
ไม่งั้นถึงจะเลือกรุ่นเครื่องแรงเทพยังไง แต่ข้างในยังเป็นเบาะผ้า ปรับมือ แอร์ลูกบิด ฝาครอบล้ออยู่เลยครับ
แล้วอันที่จริงถ้าคุณมองภาพรวมตลาดรถยนต์ในเมืองไทยให้กว้างจากตัวคุณเองเสียหน่อย
คุณก็จะเห็นว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการออพชันมากเท่าขนาดและภาพลักษณ์
เอาง่ายง่าย รถ B-Segment รุ่นไหนเปิดตัวมาราคาละแวก 8 แสน ต่อให้ออพชันดีงาม เครื่องเทพขนาดไหน
กระแสส่วนใหญ่ตีกลับทันทีว่าเอาเงินไปซื้อ C-Segment ดีกว่า ตัวอย่างมีให้เห็นเต็มไปหมด ที่ HLM นี่ก็เยอะ
เหตุการณ์เดียวกันก็เกิดกับ C-Segment ที่ราคาไหลไปแถว 1.2 ล้าน ก็หนีไปซื้อ D-Segment 2.0 ตัวล่างดีกว่า
ดูเอาสิครับ รถสเปคเทพล้ำยุคแบบที่ในเน็ตเย้วเย้วกันว่าต้องมา ต้องมา ทำไมไม่มา แต่ละคันพอมาจริงแล้วเป็นไงครับ
Vios 1.5 Turbo
Fiesta 1.0 Ecoboost
Mazda 2 Diesel
Nissan Pulsar Turbo
Toyota Prius
Camry 3.5
Accord 3.5
...
ล้านไลท์ครับ
พอมีรถ SUV ดีเซล 3.0 Turbo ที่ สมรรถนสูง ประหยัดน้ำมัน ก็ไปถามหาเบนซิน NA เครื่อง 4.0 ซะงั้น ......
พอมีเก๋งเบนซิน ก็ถามหาทำไม ไม่มีดีเซล เดี๋ยวจะลอง ดู mazda 2 ดีเซล สิ จะรอดไหม ..... 5555
-
สงสัยเรื่องแอร์ออโต้ครับ ถ้ามันเย็นอย่างเดียวจะเรียกว่าออโต้ได้ไงครับ งงๆ ความคิดผมคือเหมือนแอร์บ้านเช่นตั้งไว้ 25 พอ 25 ก็ตัดเหลือแต่พัดลมใช่รึเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่จะต่างจากแอร์ธรรมดาตรงไหน
-
สงสัยเรื่องแอร์ออโต้ครับ ถ้ามันเย็นอย่างเดียวจะเรียกว่าออโต้ได้ไงครับ งงๆ ความคิดผมคือเหมือนแอร์บ้านเช่นตั้งไว้ 25 พอ 25 ก็ตัดเหลือแต่พัดลมใช่รึเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่จะต่างจากแอร์ธรรมดาตรงไหน
พูดในแง่ แอร์รถ
แอร์ Auto คือ เราตั้ง อุณหภูมิได้ไงครับ ว่าจะเอา 25 26 27 หรือ 28 เหมือนแอร์บ้านเลือหมุน หรือ กด ไปตรงที่ อุณหภูมิ ที่ต้องการ มันก็จะทำงาน จนอุณหภูมิในรถได้ตามที่เราตั้งไว
มันก็ ตัด ต่อ ๆๆ ๆ ตาม อุณหภูมิที่เราตั้งใช่ไหมครับ นั่นละ Auto คือมันจะรักษา อุณภูมิตามที่เราตั้ง
มันไม่ได้ ตัดแล้วไม่ต่อนี่ครับ ผมไม่แน่ใจว่า ในรถ ใช้ระบบ inverter หรือเปล่า ก็เหมือนแอร์บ้าน มีทั้งแบบ ตัด ต่อ และ Inverter
ต่างจาก manual คือ ปรับมือมหุนตามความรู้สึก หนาวก็ลด ร้อนก็เพิ่ม โดยที่เราไม่รู้ว่าที่เราตั้งนะมันเท่าไหร่
ทีนี้ สมมุติว่า แอร์ Auto เราตั้งไว้ 25 จะขับรถเวลาไหน มันก็จะตัดต่อ แอร์ ให้ได้ 25 ตลอดเวลา
แต่ แอร์ Auto ที่ไม่มี Heater แล้วเราตั้ง 25 แล้ว ขับเวลาอุณภูมิ หน้าหนาว ข้างในรถมัน 19 องศา นี่ ผมอยากรู้ว่า มันเป็นยังไง เพราะรถที่บ้านมันมี Heater มันก็ปรับได้
ผมอยากรู้ว่ามันหนาวอย่างเดียวไหม เพราะ Vigo ที่บ้านแอร์แมนนวลนี่ เปิดเลขเดียวแค่ 5 % มันหนาวสุดขั้วนรกครับ ต้องปิดแอร์ทนหนาวขับรถเอา เข้าใจว่า Auto ไม่มี heater นี่ก็คงไม่ต่างกัน
-
สงสัยเรื่องแอร์ออโต้ครับ ถ้ามันเย็นอย่างเดียวจะเรียกว่าออโต้ได้ไงครับ งงๆ ความคิดผมคือเหมือนแอร์บ้านเช่นตั้งไว้ 25 พอ 25 ก็ตัดเหลือแต่พัดลมใช่รึเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่จะต่างจากแอร์ธรรมดาตรงไหน
ข้อแตกต่างแรกเลยคือ แอร์ออโต้ตั้งอุณหภูมิ แอร์ลูกบิดตั้งเทอร์โมสตัท
วิธีการควบคุมความเย็นต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ แอร์ออโต้คุมที่อุณหภูมิ มีเทอร์โมมิเตอร์วัดว่าอากาศในรถเย็นเท่าไหร่
แล้วสั่งให้แอร์ทำงานให้ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ถ้าพูดถึงรถยุโรปแพงแพง หนึ่งคันนี่เซ็นเซอร์ 7-8 จุดก็มี เพื่อจะให้แน่ใจว่ารถเย็นทั่วถึง
ส่วนแอร์ลูกบิด ใช้เทอร์โมสตัทเป็นตัวตัดต่อแอร์ หมุนไว้มาก คอมเพรสเซอร์ก็ทำงานนาน
ต่อให้เป็นหน้าหนาว อากาศในรถเย็นฉ่ำตั้งแต่ก่อนเปิดแอร์แล้ว แต่ถ้าตั้งเทอร์โมสตัทไว้เท่าเดิม คอมก็เดินยาวเท่าเดิม หนาวจนสั่นสิครับ
ข้อแตกต่างต่อมา คือการปรับทิศทางลม และอากาศหมุนเวียนภายในรถ
แอร์ออโต้คิดให้เองครับ ว่าควรจะเป่าลมออกมาทางช่องไหนจึงเหมาะสมที่สุด หรือจังหวะไหนควรเอาอากาศภายนอกเข้ามา
รถแอร์ออโต้ส่วนใหญ่ถึงเย็นสบายกว่าแอร์ปกติ แต่แอร์ออโต้ที่ไม่มีฮีทเตอร์ในตัวนี่ไม่เคยใช้เหมือนกันครับ
ได้ข่าวแค่ว่าเพื่อนที่ใช้อัลติสกัน ต้องไปต่อตัวต้านทานเพิ่มในวงจรควบคุมแอร์ ไม่งั้นตั้ง 28 ก็ยังหนาวได้เลย อันนี้ล่ะมั้งที่ไม่รู้ว่าออโต้ไปทำไมกัน
-
สงสัยเรื่องแอร์ออโต้ครับ ถ้ามันเย็นอย่างเดียวจะเรียกว่าออโต้ได้ไงครับ งงๆ ความคิดผมคือเหมือนแอร์บ้านเช่นตั้งไว้ 25 พอ 25 ก็ตัดเหลือแต่พัดลมใช่รึเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่จะต่างจากแอร์ธรรมดาตรงไหน
ข้อแตกต่างแรกเลยคือ แอร์ออโต้ตั้งอุณหภูมิ แอร์ลูกบิดตั้งเทอร์โมสตัท
วิธีการควบคุมความเย็นต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ แอร์ออโต้คุมที่อุณหภูมิ มีเทอร์โมมิเตอร์วัดว่าอากาศในรถเย็นเท่าไหร่
แล้วสั่งให้แอร์ทำงานให้ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ถ้าพูดถึงรถยุโรปแพงแพง หนึ่งคันนี่เซ็นเซอร์ 7-8 จุดก็มี เพื่อจะให้แน่ใจว่ารถเย็นทั่วถึง
ส่วนแอร์ลูกบิด ใช้เทอร์โมสตัทเป็นตัวตัดต่อแอร์ หมุนไว้มาก คอมเพรสเซอร์ก็ทำงานนาน
ต่อให้เป็นหน้าหนาว อากาศในรถเย็นฉ่ำตั้งแต่ก่อนเปิดแอร์แล้ว แต่ถ้าตั้งเทอร์โมสตัทไว้เท่าเดิม คอมก็เดินยาวเท่าเดิม หนาวจนสั่นสิครับ
ข้อแตกต่างต่อมา คือการปรับทิศทางลม และอากาศหมุนเวียนภายในรถ
แอร์ออโต้คิดให้เองครับ ว่าควรจะเป่าลมออกมาทางช่องไหนจึงเหมาะสมที่สุด หรือจังหวะไหนควรเอาอากาศภายนอกเข้ามา
รถแอร์ออโต้ส่วนใหญ่ถึงเย็นสบายกว่าแอร์ปกติ แต่แอร์ออโต้ที่ไม่มีฮีทเตอร์ในตัวนี่ไม่เคยใช้เหมือนกันครับ
ได้ข่าวแค่ว่าเพื่อนที่ใช้อัลติสกัน ต้องไปต่อตัวต้านทานเพิ่มในวงจรควบคุมแอร์ ไม่งั้นตั้ง 28 ก็ยังหนาวได้เลย อันนี้ล่ะมั้งที่ไม่รู้ว่าออโต้ไปทำไมกัน
อ๋อ เข้าใจแล้ว
ดราม่า heater จึงบังเกิด เพราะ แอร์ มันเย็นอย่างเดียวร้อนไม่ได้ แล้วจะ auto เพื่อ ??????? แพงเพื่อ ?????
ผมว่า แอร์ auto ควรตะมี heater งั้นมันก็ ไม่สมราคารถนะ ดราม่าจะมาอีกไหมเนี่ย
จะบอกให้ผม ทนหนาวใส่เสื้อหนาวขับรถป่าวเนี่ย
ดีนะ รถผมอีกคนมี heater จึงได้รับรู้ว่า ขับรถหน้าหนาว ตอน ตีหนึ่ง ถึง เช้า นี่ ถ้าไม่มี heater มันทรมานแค่ไหน
เหมือน 4X4 ตอนที่ำเป็นต้องใช้มันนั่นละ