Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NS ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2015, 21:37:46
-
คุ้นๆว่าสัก 2ปีที่แล้วห้ามนำรถเข้ามาทั้งคันนี่ เฉพาะรถเก่าใช่ไม๊ครับ (แบบ 32 หรือ สมอ) ถูกต้องไม๊ครับ แต่รถใหม่ยังสามารถนำเข้ามาแบบทั้งคันได้อยู่ใช่ไม๊ครับ
-
ถ้าจำไม่ผิดรถเกิน3ปีห้ามน้ำเข้ามาเป็นคัน ต้องตัดครึ่งมาเท่านั้น ยกเว้นรถทูต
-
แล้วรถที่มากับนักเรียนนอกล่ะครับ ?
-
quality กับ performance รถประกอบใน สู้ของนอกมือสองไม่ได้ กลัว อุตสาหกรรมทารก อายุ 40 กว่าปีจะเจ๊ง เลยหาทางกีดกันสุดๆ แทนที่จะสนับสนุนให้ บริษัทในประเทศยืนยัดได้ด้วยตัวเอง
-
quality กับ performance รถประกอบใน สู้ของนอกมือสองไม่ได้ กลัว อุตสาหกรรมทารก อายุ 40 กว่าปีจะเจ๊ง เลยหาทางกีดกันสุดๆ แทนที่จะสนับสนุนให้ บริษัทในประเทศยืนยัดได้ด้วยตัวเอง
เฒ่าทารก ;D
-
ถ้าเคยใช้เอง(ครอบครอง)ที่ต่างประเทศจะเอาเข้ามา ก็เอาเข้าได้ แต่ได้แค่ 1 คัน (ถ้าจำไม่ผิด)
ถ้ารถใหม่ เอาเข้ามาได้หมด
ถ้ารถมือสอง จะแยกส่วนมาประกอบเป็นคัน (ยกเว้นตัดหัว ตัดท้าย เข้ามาเป็นอะไหล่ได้ แต่ห้ามประกอบเป็นคัน) หรือ นำเข้าทั้งคัน หมดสิทธิ์
-
ภาษีนำเข้า 80% ของราคารถ ไม่รวมภาษีอื่นๆ ครับ
-
quality กับ performance รถประกอบใน สู้ของนอกมือสองไม่ได้ กลัว อุตสาหกรรมทารก อายุ 40 กว่าปีจะเจ๊ง เลยหาทางกีดกันสุดๆ แทนที่จะสนับสนุนให้ บริษัทในประเทศยืนยัดได้ด้วยตัวเอง
เฒ่าทารก ;D
มันเข้าประเด็น infant industry argument ครับ สุดท้าย ไม่ใช่ บริษัท transnational corp ยุ่น ในไทยหรอที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ
ยิ่งช่วงสมัยยุค 70-80s เล่นห้ามนำเข้าของใหม่เลย
-
quality กับ performance รถประกอบใน สู้ของนอกมือสองไม่ได้ กลัว อุตสาหกรรมทารก อายุ 40 กว่าปีจะเจ๊ง เลยหาทางกีดกันสุดๆ แทนที่จะสนับสนุนให้ บริษัทในประเทศยืนยัดได้ด้วยตัวเอง
เฒ่าทารก ;D
มันเข้าประเด็น infant industry argument ครับ สุดท้าย ไม่ใช่ บริษัท transnational corp ยุ่น ในไทยหรอที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ
ยิ่งช่วงสมัยยุค 70-80s เล่นห้ามนำเข้าของใหม่เลย
ถ้าเขาอนุญาตให้นำรถมือ 2 เข้ามาได้ รถราคาถูก ๆ จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนบ้านฝั่งลาว กัมพูชาก็ทะลักเข้ามาเพียบสิครับ ปัญหาหลักเลยคือ
1. อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ในประเทศจะเจ๊ง ไม่ใช่เฉพาะยุ่นหรอก ยุโรป อเมริกันก็เจ๊งหมดครับ ถ้าทำแบบนั้นเขาถอนการลงทุนไปแน่ เพราะมันเป็นข้อตกลงที่มีมานานแล้ว ถ้าบ้านเราไม่คิดจะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเป็นแสน ๆ คน ก็ทำได้เลย
2. ถ้าเป็นรถเก่าไม่มีใครควบคุม เซ็นต์รับรองคุณภาพ ไหนจะหาคนรับรองผ่านสมอ. ผ่านสถาบันยานยนต์ที่มีเครื่องตรวจแค่ไม่กี่เครื่อง ไม่มีใครไปรองรับปัญหาเหล่านี้
ถ้าจะแก้ปัญหาบ้านเรารถยนต์มีราคาแพงต้องแก้โครงสร้างภาษีไล่ไปตั้งแต่ชิ้นส่วนจนถึงออกมาสำเร็จรูป แต่จะให้เห็นรถทีความหลากหลายที่นำมาประกอบบ้านเราคงไม่ได้มาก เพราะมีข้อจำกัดในการประกอบอยู่
-
quality กับ performance รถประกอบใน สู้ของนอกมือสองไม่ได้ กลัว อุตสาหกรรมทารก อายุ 40 กว่าปีจะเจ๊ง เลยหาทางกีดกันสุดๆ แทนที่จะสนับสนุนให้ บริษัทในประเทศยืนยัดได้ด้วยตัวเอง
เฒ่าทารก ;D
มันเข้าประเด็น infant industry argument ครับ สุดท้าย ไม่ใช่ บริษัท transnational corp ยุ่น ในไทยหรอที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ
ยิ่งช่วงสมัยยุค 70-80s เล่นห้ามนำเข้าของใหม่เลย
ถ้าเขาอนุญาตให้นำรถมือ 2 เข้ามาได้ รถราคาถูก ๆ จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนบ้านฝั่งลาว กัมพูชาก็ทะลักเข้ามาเพียบสิครับ ปัญหาหลักเลยคือ
1. อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ในประเทศจะเจ๊ง ไม่ใช่เฉพาะยุ่นหรอก ยุโรป อเมริกันก็เจ๊งหมดครับ ถ้าทำแบบนั้นเขาถอนการลงทุนไปแน่ เพราะมันเป็นข้อตกลงที่มีมานานแล้ว ถ้าบ้านเราไม่คิดจะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเป็นแสน ๆ คน ก็ทำได้เลย
2. ถ้าเป็นรถเก่าไม่มีใครควบคุม เซ็นต์รับรองคุณภาพ ไหนจะหาคนรับรองผ่านสมอ. ผ่านสถาบันยานยนต์ที่มีเครื่องตรวจแค่ไม่กี่เครื่อง ไม่มีใครไปรองรับปัญหาเหล่านี้
ถ้าจะแก้ปัญหาบ้านเรารถยนต์มีราคาแพงต้องแก้โครงสร้างภาษีไล่ไปตั้งแต่ชิ้นส่วนจนถึงออกมาสำเร็จรูป แต่จะให้เห็นรถทีความหลากหลายที่นำมาประกอบบ้านเราคงไม่ได้มาก เพราะมีข้อจำกัดในการประกอบอยู่
อุตสาหกรรม ทารก อายุ 40 ปีนี้ ค่อนข้างจะ complacency เนื่องจากโดน ปกป้องมานาน เาเปรียบผู้บริโภคจนเคยชิน ถ้ารถมือสองของนอก เอาเข้ามาได้ รถในจะแข่งขันไม่ได้เพราะอะไร? เพราะไม่เคยได้ดิ้นรนทำสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมสู้ได้กับของนอกได้ไงล่ะครับ เมื่อมีเสรีในตลาดรถยนต์มากขึ้น ผู้บริโภคมีตัวเลือกมาขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้น อุตสาหรกรรมใน เพื่อจะอยู่รอด competitive wด้ ต้องดิ้นรนปรับตัว พัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นมากๆจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไงละครับ
ส่วนเรื่องภาษีสุดโบราณกาลนี้ เป็นผลพ่วงจาก การปกป้องอุตสาหกรรมทารก 40 ปีด้วยเช่นกัน
-
ผมไม่รู้ว่าคุณ Ivy Modernist อยุ่อุตสาหกรรมรถยนต์หรือผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ด้วยหรือเปล่า จะได้คุยกันให้ไปในทางเดียว เพราะทางความเห็นของคุณต้องการให้มีการแข่งขันผมคิดว่าคนอื่นจะเข้าใจไปในทางเดียวกับคุณ ซึ่งผมยังมองว่าทำไม่ได้ ถ้าได้จริงคงทำกันไปนานแล้ว
คือผมจะบอกว่า ไม่ต้องถึงขนาดรถยนตืหรอก เอาแค่ชิ้นส่วนยานยนต์ผู้ผลิตในไทยเองก็จะแย่แล้วครับ
ยกตัวอย่าง Brg อันนึง ราคาจากญี่ปุ่น 150 บาท แบบเดียวกันยี่ห้อเดียวกันผลิตที่และนำเข้าจากอินโดราคา 80 กว่าบาท ของไทยผลิตรุ่นนี้ไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีภาษีนำเข้าหรือมีน้อยแชร์ชิ้นส่วนในอาเซียนได้มากขึ้น แน่นอนว่าแข่งไม่ได้ต้องไปเอาประเทศที่ถูกกว่า
หรือชิ้นส่วนอีกแบบนึงชุดเบรคหลัง ผลิตในไทยโดยโรงงานคนไทย ราคา 100 กว่าบาท ขณะที่นำเข้าจากอินเดียและเวียดนาม ตอนนี้ราคาไม่เกิน 90 บาทรวมค่าขนส่งแล้ว ไม่ต้องบอกนะว่าโรงงานในไทยจะอยุ่รอดได้ยังไง
อย่างชิ้นส่วนรถอิโคคาร์หลายชิ้นนำเข้าจากจีน เพื่อให้ทำมาเป็นรถราคาถูกใช้ในบ้านเรา คนไม่สนใจคุณภาพสนใจกันแต่เรื่องราคาอิโคคาร์ต้องถูกไม่เกิน 5.5 แสน / คัน ถามว่าจะแข่งต้นทุนยังไง Cost down เต็มที่ก็สู้จากเพื่อนบ้านไม่ได้เลย เพราะลูกค้าเองก็ไม่ได้สนใจคุณภาพอิโคคาร์ขนาดนั้น
ถ้าอุตสาหกรรมในประเทศไม่ได้โดนปกป้องเอาไว้บ้าง เขาคงไม่เสียเวลามาแข่งขันดิ้นรนปรับตัวอะไรแบบที่คุณว่าหรอก ย้ายไปลงทุนเพื่อนบ้าน อินโด มาเลย์ เวียดนามดีกว่า กำไรดีกว่าเห็น ๆ เพราะบริษัทแม่ต่างมีฐานในนี้ทั้งนั้น เปิด เสรีค่ายรถก็ได้ประโยชน์จากการแชร์ชิ้นส่วนผลิตที่ไหนก็ได้ ส่งขายตรงไหนก็ได้ ผู้บริโภคได้ประโยชน์มากขึ้นแต่แรงงานเราอีกหลายแสนคนจะทำไงสุดท้ายเอวังเพราะกำลังซื้อหดเศรษฐกิจซบอยู่ดี
-
quality กับ performance รถประกอบใน สู้ของนอกมือสองไม่ได้ กลัว อุตสาหกรรมทารก อายุ 40 กว่าปีจะเจ๊ง เลยหาทางกีดกันสุดๆ แทนที่จะสนับสนุนให้ บริษัทในประเทศยืนยัดได้ด้วยตัวเอง
เฒ่าทารก ;D
มันเข้าประเด็น infant industry argument ครับ สุดท้าย ไม่ใช่ บริษัท transnational corp ยุ่น ในไทยหรอที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ
ยิ่งช่วงสมัยยุค 70-80s เล่นห้ามนำเข้าของใหม่เลย
ถ้าเขาอนุญาตให้นำรถมือ 2 เข้ามาได้ รถราคาถูก ๆ จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนบ้านฝั่งลาว กัมพูชาก็ทะลักเข้ามาเพียบสิครับ ปัญหาหลักเลยคือ
1. อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ในประเทศจะเจ๊ง ไม่ใช่เฉพาะยุ่นหรอก ยุโรป อเมริกันก็เจ๊งหมดครับ ถ้าทำแบบนั้นเขาถอนการลงทุนไปแน่ เพราะมันเป็นข้อตกลงที่มีมานานแล้ว ถ้าบ้านเราไม่คิดจะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเป็นแสน ๆ คน ก็ทำได้เลย
2. ถ้าเป็นรถเก่าไม่มีใครควบคุม เซ็นต์รับรองคุณภาพ ไหนจะหาคนรับรองผ่านสมอ. ผ่านสถาบันยานยนต์ที่มีเครื่องตรวจแค่ไม่กี่เครื่อง ไม่มีใครไปรองรับปัญหาเหล่านี้
ถ้าจะแก้ปัญหาบ้านเรารถยนต์มีราคาแพงต้องแก้โครงสร้างภาษีไล่ไปตั้งแต่ชิ้นส่วนจนถึงออกมาสำเร็จรูป แต่จะให้เห็นรถทีความหลากหลายที่นำมาประกอบบ้านเราคงไม่ได้มาก เพราะมีข้อจำกัดในการประกอบอยู่
อุตสาหกรรม ทารก อายุ 40 ปีนี้ ค่อนข้างจะ complacency เนื่องจากโดน ปกป้องมานาน เาเปรียบผู้บริโภคจนเคยชิน ถ้ารถมือสองของนอก เอาเข้ามาได้ รถในจะแข่งขันไม่ได้เพราะอะไร? เพราะไม่เคยได้ดิ้นรนทำสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมสู้ได้กับของนอกได้ไงล่ะครับ เมื่อมีเสรีในตลาดรถยนต์มากขึ้น ผู้บริโภคมีตัวเลือกมาขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้น อุตสาหรกรรมใน เพื่อจะอยู่รอด competitive wด้ ต้องดิ้นรนปรับตัว พัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นมากๆจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไงละครับ
ส่วนเรื่องภาษีสุดโบราณกาลนี้ เป็นผลพ่วงจาก การปกป้องอุตสาหกรรมทารก 40 ปีด้วยเช่นกัน
สมัยก่อนรวมถึงสมัยนี้เค้ากลัวว่าถ้าไทยเปิดให้นำเข้ารถแบบเสรี ประเทศเราจะกลายเป็นเหมือนกองขยะเศษเหล็กและศูนย์รวมมลพิษในทันที รถรุ่นเก่ามีค่าการปล่อยไอเสียที่เยอะกว่าสมัยนี้ คิดดูมลพิษทาง
อากาศบ้านเราจะเยอะขนาดไหน รถใหม่มีค่าการปล่อยที่น้อยลงก็ควรจะสนับสนุนไม่ใช่หรือ แต่ถ้าคนไม่เปลี่ยนรถ เครื่องก็จะเก่าลง ยิ่งคนขับไม่รักษาอีก ค่าไอเสียที่ปล่อยก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เค้าก็พยายาม
รณรงค์กันมาตลอดเรื่องควันขาดควันดำ ให้รู้จักหมั่นดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีเสมอๆ หรือว่าจะให้ปรับโครงสร้างภาษีแบบญี่ปุ่นรถยิ่งอายุเยอะ ภาษียิ่งแพง เดี๋ยวคนก็ออกมาโวยอีก เท่าที่เป็นอยู่ก็ถือว่าดี
แค่ไหนแล้วที่ภาษีไม่แพงแบบเมืองนอก อีกอย่างประเทศเราค่อนข้างใหญ่ต่างประเทศก็จะเอาเราเป็นแหล่งกองขยะสำหรับรถใช้แล้ว ในยุโรปถ้าขายรถมืองสองไม่ได้ก็ต้องจ่ายเงินค่าทิ้งค่าทำลายแล้วถ้าเค้า
เลือกจะส่งมาขายบ้านเราแทนที่จะจ่ายเงินค่าทำลายแทนหละ คิดดูบ้านเรารถจะทะลักเข้ามากี่คัน ขยะที่รถไซเคิลไม่ได้ก็จะติดมาด้วยสุดท้ายบ้านเราจะเป็นยังไงคิดกันเอาเอง
-
ผมไม่รู้ว่าคุณ Ivy Modernist อยุ่อุตสาหกรรมรถยนต์หรือผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ด้วยหรือเปล่า จะได้คุยกันให้ไปในทางเดียว เพราะทางความเห็นของคุณต้องการให้มีการแข่งขันผมคิดว่าคนอื่นจะเข้าใจไปในทางเดียวกับคุณ ซึ่งผมยังมองว่าทำไม่ได้ ถ้าได้จริงคงทำกันไปนานแล้ว
คือผมจะบอกว่า ไม่ต้องถึงขนาดรถยนตืหรอก เอาแค่ชิ้นส่วนยานยนต์ผู้ผลิตในไทยเองก็จะแย่แล้วครับ
ยกตัวอย่าง Brg อันนึง ราคาจากญี่ปุ่น 150 บาท แบบเดียวกันยี่ห้อเดียวกันผลิตที่และนำเข้าจากอินโดราคา 80 กว่าบาท ของไทยผลิตรุ่นนี้ไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีภาษีนำเข้าหรือมีน้อยแชร์ชิ้นส่วนในอาเซียนได้มากขึ้น แน่นอนว่าแข่งไม่ได้ต้องไปเอาประเทศที่ถูกกว่า
หรือชิ้นส่วนอีกแบบนึงชุดเบรคหลัง ผลิตในไทยโดยโรงงานคนไทย ราคา 100 กว่าบาท ขณะที่นำเข้าจากอินเดียและเวียดนาม ตอนนี้ราคาไม่เกิน 90 บาทรวมค่าขนส่งแล้ว ไม่ต้องบอกนะว่าโรงงานในไทยจะอยุ่รอดได้ยังไง
อย่างชิ้นส่วนรถอิโคคาร์หลายชิ้นนำเข้าจากจีน เพื่อให้ทำมาเป็นรถราคาถูกใช้ในบ้านเรา คนไม่สนใจคุณภาพสนใจกันแต่เรื่องราคาอิโคคาร์ต้องถูกไม่เกิน 5.5 แสน / คัน ถามว่าจะแข่งต้นทุนยังไง Cost down เต็มที่ก็สู้จากเพื่อนบ้านไม่ได้เลย เพราะลูกค้าเองก็ไม่ได้สนใจคุณภาพอิโคคาร์ขนาดนั้น
ถ้าอุตสาหกรรมในประเทศไม่ได้โดนปกป้องเอาไว้บ้าง เขาคงไม่เสียเวลามาแข่งขันดิ้นรนปรับตัวอะไรแบบที่คุณว่าหรอก ย้ายไปลงทุนเพื่อนบ้าน อินโด มาเลย์ เวียดนามดีกว่า กำไรดีกว่าเห็น ๆ เพราะบริษัทแม่ต่างมีฐานในนี้ทั้งนั้น เปิด เสรีค่ายรถก็ได้ประโยชน์จากการแชร์ชิ้นส่วนผลิตที่ไหนก็ได้ ส่งขายตรงไหนก็ได้ ผู้บริโภคได้ประโยชน์มากขึ้นแต่แรงงานเราอีกหลายแสนคนจะทำไงสุดท้ายเอวังเพราะกำลังซื้อหดเศรษฐกิจซบอยู่ดี
เพราะคิดแต่จะอยู่กับ labour intensive อย่างเดียว ซึ่งทำมาตลอด 40 กว่าปี ช้าหรือเร็ว คุณเสีย competitiveness ให้พวกคู่แข่งแน่ๆ มีการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้ดิ้นรนมากขึ้นเพื่อรักษา ความสามารถในการแข่งขันของตนเองในระยะยาว เพื่อให้ได้จุดนั้นคุณต้องขยับ ขึ้นใน value chain มุ่งสู่ knowledge intensive มากขึ้น แทนที่จะนอนรอสบาย รับแต่การปกป้องกีกกันทางค้าแบบที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้
ผมไม่ได้อยู่ใน วงการรถยนต์นะ แต่อยู่ field ด้าน consultancy, analytics
-
ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในวงการรถยนต์ คุณคงจะไม่เข้าใจธรรมชาติของอุตสาหกรรมยานยนต์
ที่แตกต่างจาก ธุรกิจอื่นๆ พอสมควร
ทุกสิ่งที่มันเป็นมาตลอดนั้น ถือว่า เป็นการวางรากฐานให้อุตสาหกรรมนี้มาแล้ว
และการที่มันเป็นมาในทิศทางนี้ ถือว่า ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆวางรากฐานของมันให้มั่นคงขึ้น
ถ้าคุณมองว่า อุตสาหกรรมนี้คือ เฒ่าทารก ก็ลองย้อนไปดูว่่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สินค้าส่งออกอันดับ 1-5 ของเราตอนนี้ มันคืออะไร ถ้าไม่ใช่การวางแผนมาในลักษณะนี้
มันจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้แน่ๆ
การเปิดให้เกิดการแข่งขันกัน อย่างเสรี ในอดีตที่คุณต้องการ
บอกได้เลยว่า ผู้ประกอบการัพพลายออร์คนไทย ในยุคนั้น จะเจ๊ง
ไม่ใช่เจ๊ง เพราะศักยภาพ แต่เจ๊งเพราะไม่มีเงินทุนมาซัพพอร์ต
สุดท้าย คุณก็จเะมาบ่นอยู่ดีว่า ทำไมผู้ประกอบการไทย ถึงสู้เขาไม่ได้เลย อย่างงู้นอย่างงี้
คุณดู "ยานภัณฑ์" ที่ทำท่อไอเสียส่ง Toyota เป็นตัวอย่าง
นี่คือตัวอย่างของ ซัพพลายเออร์ไทย ที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ได้
ใจเย็นลงหน่อยเถอะ แสดงความเห็นกันด้วยภาษาที่มันถ้อยทีถ้อยอาศัยกันหน่อย
จะเสียงแข็ง ฮาร์ดคอร์ ในนี้กันไปทำไม ให้มันได้อะไรขึ้นมา? เพื่อนฝูงพี่น้องกันทั้งนั้น
อีกอย่างนึง กระทู้นี้ เจ้าของกระทู้เขาถามว่าอะไรครับ
จะออกทะเลกันไปทำไมละเนี่ย?
-
ผมเห็นด้วยกับทุก คห ครับ ^^
แต่เอามารวมๆแล้วหารกันนะ
ส่วนตัวคิดว่า การที่ยังคงกำแพงภาษีเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศควรยังคงมีอยู่
แต่อัตราการจัดเก็บนั้นไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่งครับ
เหมือนเป็นช่องทางไว้ให้คนบางกลุ่มทำมาหากิน
ยิ่งยุคนี้พูดตรงๆว่าศุลกากรยิ่งฉาว
ลดกำแพงภาษีมาให้สมเหตุสมผล ลดช่องทางคอรัปชั่นหากิน
ส่วนคำถาม จขกท ตอนนี้รถเก่าเอาเข้าทั้งคันไม่ได้คับ แบบถูกกฎหมายนะ
แต่ก้อมีพวกใช้ช่องทางหากินของศุลกากร เอาเข้ามาได้ทั้งคันอยู่ดี
สามัญขนอย่างเราๆ ต้อวตัดมาเท่านั้น และหัวท้ายต้องแยกมาคนละเที่ยวด้วย
ไม่งั้นโดนเพ่งเล็ง ซึ่งก้อเอามาทั้งหัวท้ายได้อยู่ดี ยิ่งออกกฎหมายมา ยิ่งเหมือนเปิดไลน์สินค้าใหม่
ให้คนในนั้นทำมาหากิน
คือปัญหาศุลกากรของประเทศไทย เหมือนคนเป็นหวัด
และแต่ละรัฐบาลแค่กินพารา ไม่กินยาแก้อักเสบ ไม่หายสักที แค่แก้อาการไปวันๆ